NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - ตอนที่ 86
บทที่86 หลี่ต๋าคางให้ของขวัญลู่หลุ่ย
หลี่ฝางหัวเราะเหอะเหอะ พูดอย่างไม่คิดเช่นนั้น: “พ่อผมก็ข่มขวัญผมเฉยๆ เขาจะทำให้พี่ตกใจได้ไงกัน พี่หมิง เป็นถึงลูกพี่ใหญ่ของเขตเมืองตะวันออก!”
“คุณคิดว่าผมกำลังล้อเล่นกับคุณ?” จางกงหมิงส่ายหน้า
“ไม่งั้นล่ะ?”
จางกงหมิงลังเลสักพัก จึงพูด: “ผมจะบอกความลับของผมให้คุณฟัง คุณฟังความลับผมจบ ก็จะรู้ว่าผมล้อเล่นหรือไม่”
“โอเค พี่พูดมา”
“ผมเคยฆ่าคน มีชีวิตคนอยู่ในกำมือ” สีหน้าของจางกงหมิงเยือกเย็นลง
ทันใดนั้น หลี่ฝางก็กลืนน้ำลาย พูดอย่างหวาดกลัวหน่อยๆ : “พี่หมิง พี่ล้อผมเล่นอีกแล้ว”
“ใครล้อคุณเล่นล่ะ!” จางกงหมิงจ้องหลี่ฝางเขม็ง: “หลังจากเกิดเรื่องลุงของผมก็ตามสะสางให้ผม เขาไปหาผู้ป่วยโรคมะเร็งมาให้ผู้ป่วยคนนั้นไปมอบตัว รับผิดแทนผม”
หลี่ฝางคิดในใจ:ไม่น่าล่ะลุงของคุณถึงได้เป็นลูกพี่ใหญ่ วิธีการย้อมแมวแบบนี้ก็ยังคิดได้
ให้ผู้ป่วยมะเร็งไปมอบตัวแทน แล้วก็ให้เงินก้อนหนึ่งจำนวนมากหน่อย คนเป็นมะเร็งหลายคนต่างยอมทั้งนั้น
ต้องบอกว่า ลูกพี่หลินคนนี้โคตรฉลาดเลย
หลี่ฝางเชื่อคำพูดจางกงหมิง เวลานี้ หลี่ฝางก็ตระหนักได้ว่าจางกงหมิงไม่ได้กำลังล้อเล่นอยู่
ยังไงเรื่องที่เขาฆ่าคนก็พูดไปแล้ว จะล้อเล่นอยู่ได้ไงกัน
“พี่หมิง พี่เลอะเลือนหรือเปล่าเนี่ย แม้แต่เรื่องที่พี่ฆ่าคนก็ยังบอกผม ไม่กลัวผมไปแจ้งความที่โรงพักเหรอ” หลี่ฝางพูดเยาะเย้ย
“ผมรู้ว่าคุณไม่ใช่คนแบบนั้น อีกอย่าง เรื่องเก่าๆ ไร้สาระแบบนั้น คุณก็แค่เด็กคนหนึ่ง ใครจะไปเชื่อคุณ” จางกงหมิงพูดอย่างร้อนตัว
“โอเค เข้าประเด็นดีกว่า ตอนนี้คุณรู้แล้วใช่ไหมว่าผมไม่ได้ล้อเล่นน่ะ?”
หลี่ฝางพยักหน้า
“หลังจากผมฆ่าคนไป ความกล้าของผม ก็ยิ่งมากขึ้น ไม่ว่าจะทำร้ายคนหรือถือปืน ผมก็ไม่ใช่มือใหม่อีกต่อไป ที่มือสั่น”
“นอกจากคนอื่นเอามือมาจ่อหัวผม หรือว่ามีกลุ่มคนเอามีดมาแทงผม ขู่ผมไปในซอยเล็กๆ หรืออื่นๆ ผมจางกงหมิงก็ไม่เคยกลัว”
“แต่เมื่อครู่ ผมกลัว”
“เมื่อกี๊พ่อคุณมา ยืนอยู่ข้างเตียงคุณตั้งนาน เขายืนแค่ตรงนั้น ก็ทำให้คนรู้สึกเสียวสันหลัง ผมกล้ารับรองเลย พ่อคุณตั้งเคยฆ่าคนแน่” จางกงหมิงพูดอย่างมั่นใจ: “ตอนนั้นผมสบตาเขา ผมมองสายตาเขา ก็เหมือนว่าจะมองเห็นกองคนตาย”
“พ่อพี่สิเคยฆ่าคน อย่ามาปรักปรำคนดีสิ พ่อผมแค่ชาวนาธรรมดาๆ” หลี่ฝางพูดอย่างโกรธเล็กน้อย
“ชาวนา ก็มีแค่คุณที่เชื่อ ถ้าเป็นชาวนาหรือคนธรรมดา เห็นลูกตัวเองถูกคนแทง จะไม่พูดอะไรเลย?”
“พ่อคุณดูมีภูมิฐานไม่เกรงกลัวใคร ต่อให้ในใจรู้สึกอย่างไร ใบหน้ากลับนิ่งเฉยไม่แสดงอารมณ์ใดๆ คนแบบนี้ ไม่ว่าอยู่ยุคไหน ก็ทำได้ออกมาดีทั้งนั้น”
“ดังนั้นผมกล้าตัดสินว่า พ่อคุณจะต้องไม่ธรรมดาแน่นอน”
ฟังจางกงหมิงพูดจบ หลี่ฝางคิดในใจ:แน่นอนว่าพ่อผมไม่ธรรมดาขนาดนั้น เขาเป็นถึงอภิมหึมามหาเศรษฐี
“เอาะเหอะ ผมไม่ฟังที่พี่คุยโม้แล้ว ถ้าพี่พูดถึงพ่อผมอย่างอื่น ผมอาจจะเชื่อนะ แต่พี่บอกว่าพ่อผมฆ่าคน ผมไม่เชื่ออ่ะ เมื่อก่อนแค่ฆ่าไก่ยังให้แม่ผมทำเลย” หลี่ฝางพูด
และตอนนี้ หลี่ต๋าคางเดินเข้ามาจากนอกประตู
“พ่อ พ่อมาตั้งแต่เมื่อไหร่?” หลี่ฝางพูดอย่างดีใจ
“เพิ่งมา เสี่ยวฝาง บาดแผลลูกไม่เป็นไรแล้วใช่ไหม” หลี่ต๋าคางเดินเข้ามา ถามด้วยใบหน้าเป็นห่วง: “เมื่อกี๊เห็นตัวลูกเต็มไปด้วยเลือด ทำพ่อกับแม่ตกใจไปหมด”
“ส่วนนี่ แม่ของลูกต้มซุปไก่มาให้ ให้พ่อเอามาให้ลูก บำรุงร่างกายซะ”
หลังจากหลี่ต๋าคางเข้ามา ก็มองจางกงหมิงแวบหนึ่ง: “คุณคือเพื่อนของเสี่ยวฝางสินะ”
“ใช่ครับ ลุง”
จางกงหมิงพยักหน้า สีหน้าตื่นตระหนกหน่อยๆ : “ลุงครับ ที่บ้านผมยังมีเรื่อง ผมไปก่อนนะครับ”
“งั้นเดี๋ยวลุงไปส่ง” หลี่ต๋าคางวางซุปไก่ลง ลุกขึ้นจะไปส่งเขา
จางกงหมิงตกใจจนขาสั่น เหมือนกับหลี่ต๋าคางจะฆ่าคนอย่างนั้น
“ไม่เป็นไรครับ ไม่ต้องหรอก” จางกงหมิงโบกมือไป ก็รีบออกไปจากห้องคนไข้ของหลี่ฝางอย่างรวดเร็ว
“เสี่ยวฝาง ต่อไปก็อย่าไปยุ่งกับคนมีอบายมุขแบบนี้มากนัก” จางกงหมิงออกไป หลี่ต๋าคางก็มีใบหน้าซีเรียสขึ้นมา
“พ่อ พ่อรู้ได้ไงว่าเขาเป็นคนอบายมุข?” หลี่ฝางถามอย่างแปลกใจ
“มองหลังเขา หน้าอกเขา มีแต่รอยสักไปหมด แค่มองก็รู้ว่าเป็นพวกนักเลง” หลี่ต๋าคางเม้มปากบ่น: “ยุ่งด้วยไม่ได้ ไปยุ่งด้วยไม่ได้นะ”
หลี่ต๋าคางตักซุปไก่ให้หลี่ฝาง ป้อนไปถามไป: “ผู้ชายคนนั้นที่ชื่อมู่เสี่ยวไป๋ ทำไมต้องแทงลูก?”
“เอ่อ……” หลี่ฝางลังเลเล็กน้อย ตัวเองจะไปบอกพ่อไม่ได้ว่าเพราะผู้หญิงคนหนึ่งสินะ?
หลี่ฝางพูดไม่ค่อยออก
“เป็นศัตรูความรักกันเหรอ?” หลี่ต๋าคางเดา
“ไม่ใช่ คนนั้นป่วยจิต” หลี่ฝางพูด
“พ่อได้ยินว่า มู่เสี่ยวไป๋คนนั้น มาจากเมืองเอก ครั้งนี้เขากลับมา รวมลูกด้วยแล้ว แทงไปทั้งหมดแปดคน แปดคนนี้ ต่างเป็นคนที่มีชื่อเสียงในตงไห่”
“แต่เจ็ดคนนั้น ต่างอดกลั้นไว้”
ทันใดนั้น หลี่ต๋าคางก็เงยหน้าขึ้น ถาม: “เสี่ยวฝาง ลูกว่าพวกเราควรทน หรือว่าไม่ทนดี?”
หลี่ต๋าคางเงยหน้าขึ้นตอนนั้น ร่างของหลี่ฝางก็สั่นเล็กน้อย ซุปไก่ในมือยังกระเพื่อม
หลี่ฝางไม่รู้ว่ารู้สึกไปเองหรือไม่ สายตาพ่อเมื่อกี๊ ทำให้คนที่มองรู้สึกว่าคุณจะฆ่าจริงๆ ถึงแม้สายตานั้นแป๊บเดียวก็หายไป แต่ถูกหลี่ฝางจับได้
หลี่ฝางมองหลี่ต๋าคาง วางซุปไก่ในมือ: “พ่อ ความหมายของพ่อคือ?”
“พ่อพูดด้วยเหตุผลนะ ถ้าลูกคิดว่าเป็นลูกเองที่สมเหตุสมผล สมควรได้รับมีดเล่มนี้ไป งั้นเรื่องนี้พ่อก็จะไม่ยุ่ง แต่ตอนนี้อีกฝ่ายรังแกคน นั้นเป็นลูกของหลี่ต๋าคาง ที่ไม่ใช่ว่าจะให้คนมารังแกได้มั่วๆ” หลี่ต๋าคางพูดด้วยใบหน้าโกรธ
หลี่ฝางคิด พูด: “พ่อ ช่างมันเถอะ”
“ทำไมล่ะ เสี่ยวฝาง ลูกไปทำเรื่องไม่ดีใส่มู่เสี่ยวไป๋จริงๆ ?” หลี่ต๋าคางขมวดคิ้วถาม
“เปล่าเลย แค่ผมคิด คนอื่นๆ เจ็ดคนต่างอดกลั้น หมายความว่ามู่เสี่ยวไป๋คนนี้ไม่ธรรมดา ในเมื่อไม่ธรรมดา งั้นพวกเราก็ช่างเถอะครับ” หลี่ฝางมองพ่อตัวเอง ยิ้ม พูด: “ผมไม่อยากสร้างปัญหาให้พ่อ”
“มู่เสี่ยวไป๋คนนั้นกล้าแทงตั้งแปดคน แม้แต่คนของลูกพี่หลินก็ยังถูกแทง ลูกพี่หลินยังไม่กล้าว่าอะไร”
“พ่อ ผมกลัวว่าผู้ชายคนนั้นแม้แต่พ่อก็ยังกล้าแทง”
“ยังไงซะมีดนี้ลูกของพ่อก็ถูกแทงแล้ว ถึงแทงกลับไปก็ไม่มีอะไร สู้เราช่างมันเถอะ” หลี่ฝางไม่อยากเห็นพ่อตัวเองเกิดเรื่อง
สามปีแล้ว ไม่ง่ายเลยที่เขารอพ่อแม่กลับมา พร้อมหน้ากันทั้งครอบครัว
เขาไม่อยากให้ใครก็ตามมาทำลายสถานการณ์ตรงนี้
“ไม่ผิด กตัญญูจริงๆ รู้จักคิดแทนพ่อ ยากที่ลูกจะรู้จักให้อภัย งั้นเรื่องนี้ก็ช่างเถอะ” หลี่ต๋าคางหัวเราะเหอะเหอะ
แล้วเวลานี้ จู่ๆ ลู่หลุ่ยก็ปรากฏตัวที่หน้าห้อง
“สวัสดีค่ะลุง” มองหลี่ต๋าคาง ลู่หลุ่ยพูดอย่างมีมารยาท
“เสี่ยวฝาง แฟนลูกเหรอ?” หลี่ต๋าคางมองสำรวจลู่หลุ่ย บนใบหน้ามีรอยยิ้มที่พอใจปรากฏ
“ไม่เลวเลย มองดูแล้วไม่เลว”
“พ่อ อย่าพูดจามั่วซั่วน่า พวกเราเป็นเพื่อนธรรมดา” หลี่ฝางพูดอย่างละอายหน่อยๆ
พอถามชื่อของลู่หลุ่ย หลี่ต๋าคางถาม: “หลุ่ยหลุ่ย หลายวันนี้ลุงต้องยุ่งกับธุรกิจหน่อย คุณดูลูกชายลุงหน่อยได้ไหม?”
“ได้สิคะ ยังไงพ่อฉันก็อยู่ห้องข้างๆ เดี๋ยวฉันไปถามหมอ ว่าให้เขาสองคนอยู่ห้องเดียวกันได้หรือไม่ จะได้ดูแลอย่างสะดวกค่ะ”
หลี่ต๋าคางพูดพึมพำ: “ดีจริง ประหยัดเงินที่ลุงต้องจ้างพยาบาลมาดู”
จากนั้น หลี่ต๋าคางหยิบจี้หยกออกมา ส่งให้ลู่หลุ่ย: “มา สาวน้อย สวมซะ”
“ลุงคะ ฉันไม่เอาหรอก”
“ไม่เอาไม่ได้นะ จะให้คุณมาดูแลเสี่ยวฝางของเราฟรีๆ ได้ไงกัน” หลี่ต๋าคางบังคับแขวนไปที่คอของลู่หลุ่ย จากนั้นจึงพูดด้วยรอยยิ้ม: “เหมาะมากๆ”
“ลุง จี้นี้ราคาเท่าไหร่คะ?”
“ไม่กี่สิบหยวนน่า ลุงซื้อมาจากร้านแผงลอย” หลี่ต๋าคางพูด
“งั้นฉันรับไว้นะคะ” ลู่หลุ่ยมองจี้ ด้วยท่าทางหม่นลง คิดในใจ น่าจะไม่กี่สิบหยวนจริงๆ แหละ
แล้วตอนนี้ หลี่ฝางไม่สนใจว่าแผลจะฉีกขาด ดึงหลี่ต๋าคางมาตรงหน้าตัวเอง: “พ่อ ซื้อมาจากแผงลอยจริงๆ เหรอ?”
“ไม่ใช่ ครั้งที่แล้วที่ไปกินข้าวกับดาราซูเปอร์สตาร์ระดับโลก เขาให้พ่อมา ซูเปอร์สตาร์นั่นชื่อหลี่……อะไรๆ เจ๋เนี่ยแหละ พ่อก็ลืมแล้ว” หลี่ต๋าคางคิดอยู่นานก็คิดไม่ออก