NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - บทที่ 1028 เพิ่มขึ้นร้อยเท่า
“นี่ นี่ก็เป็นข้อมูลที่บันทึกอยู่ในสุสานจูหลงเหรอ?” ฉินป่ายชวนถามเสียงสั่น
“ถูกต้อง” กู่ยี่เทียนพยักหน้ายืนยัน
“จะสร้างประตูเทพได้ยังไง?” หลี่ฝางถามคำถามที่ทุกคนต่างก็อยากจะถามออกมา
“ฉันเองก็ไม่รู้วิธีที่เฉพาะเจาะจงเหมือนกัน แต่ฉันรู้เพียงเล็กน้อยว่า ต้องการที่จะสร้างประตูเทพนั้น ก่อนอื่นจะต้องหาเต๋าของตัวเองให้เจอ!” กู่ยี่เทียนจ้องมองดวงตาทั้งสองข้างของหลี่ฝางและกล่าวทีละคำ
“เต๋า……ของตัวเองงั้นเหรอ?” คนอื่น ๆ ต่างก็งงงัน แต่หลี่ฝางกลับสั่นสะท้านไปทั้งตัว
ก่อนจะมาที่นี่ หลอซ่าได้เคยบอกกับเขาว่า ตัวเองได้หาเต๋าของตัวเองเจอแล้ว ดังนั้นจึงไม่มีความหมายอะไรที่จะมาที่นี่
ส่วนส้าวส้วยเองก็บอกว่า เต๋าของเขานั้นไม่เหมือนกับคนอื่น จะมาหรือไม่มาก็ไม่สำคัญอะไร
ที่แท้เต๋าที่ว่านั้น มีความหมายเช่นนี้นี่เอง!
“ทำยังไงถึงจะหาเต๋าของตัวเองเจอ? แล้วหลังจากที่หาเต๋าของตัวเองเจอล่ะ?” หลี่ฝางถามขึ้นมาอย่างติดต่อกัน
“พวกนี้ฉันเองก็ไม่รู้ เต๋าของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ฉันเองก็เหมือนกับไหน ก็กำลังอยู่ระหว่างการสำรวจ” คำพูดเพียงประโยคเดียวของกู่ยี่เทียน ได้ดับประกายไฟอันร้อนแรงในดวงตาของหลี่ฝางลง
“บางที ความลับอาจจะซ่อนอยู่ด้านหลังของสิบสองคนทอง” กู่ยี่เทียนจ้องมองหลี่ฝางพลางกล่าว: “กล้าไปดูกับฉันสักหน่อยไหม?”
สิบสองคนทอง ยิ่งมีคนมาเยอะ พวกมันก็จะยิ่งเคลื่อนไหวเยอะ พลังก็จะแข็งแกร่งขึ้นเหมือนกัน
คนสิบกว่าคนปรากฏตัวขึ้นมาพร้อมกัน สิบสองคนทอง ก็เคลื่อนไหวทั้งหมดทันที นอกจากนี้แต่ละตัวยังได้ถึงขั้นแดนเทพกึ่งแล้ว! สูงกว่าแดนของทุกคนที่อยู่ตรงนี้!
เพียงพอที่จะกวาดล้างพวกเขาครั้งแล้วครั้งเล่า!
แต่ถ้าหากคนไม่เยอะเช่นนั้น มีเพียงหลี่ฝางและกู่ยี่เทียนแค่สองคนล่ะ?
กู่ยี่เทียนถูกจ้องมองด้วยดวงตาที่ร้อนแรงคู่หนึ่ง จู่ ๆ ภายในใจของหลี่ฝางก็ได้เกิดความกล้าหาญเถอะฮึกเหิมขึ้นมา
“ทำไมจะไม่กล้า!”
เพียงแต่ว่าเมื่อเป็นแบบนี้ เหล่าปรมาจารย์กำลังภายในทั้งหมดคงต้องหยุดอยู่เพียงเท่านี้แล้ว
“เอาอย่างนี้” กู่ยี่เทียนคิดอยู่สักพักแล้วกล่าว: “พวกคุณทำการสำรวจอยู่บนลานกว้างแห่ง นี้ห้ามไปไหน รอพวกเราออกมาแล้วค่อยมารวมตัวกัน”
กล่าวจบ เขายังได้พูดเสริมขึ้นมาอีก: “มาจนถึงทุกวันนี้บริเวณโดยรอบของลานกว้างเพิ่งได้สำรวจไปไม่ถึงหนึ่งในห้าเท่านั้น ทางที่ดีพวกคุณเกาะกลุ่มกันสำรวจ เพื่อป้องกันการเกิดเรื่องที่ไม่คาดฝันขึ้น ตัวคนเดียวรับมือไม่ได้”
เหล่าปรมาจารย์กำลังภายในมองตากัน ดูเหมือนจะจนใจเล็กน้อย แต่ก็ทำได้เพียงพยักหน้ารับปาก
ด้วยความสามารถของพวกเขา ถ้าไม่ใช่หลี่ฝางและกู่ยี่เทียนพามา พวกเขาก็ไม่มีทางที่จะมาถึงที่นี่ได้
ในตอนนี้หลี่ฝางทั้งสองคนจะจากไป พวกเขาเองก็ไม่อาจที่จะสำรวจไปในที่ที่ลึกกว่านี้ได้
ไม่นานกู่ยี่เทียนและหลี่ฝางก็ได้ส่งทุกคนกลับไปยังจุดเริ่มต้นของลานกว้างอีกครั้ง หลังจากที่ กำชับอยู่หลายประโยคแล้วถึงได้จากไป
ไม่นาน ทั้งสองคนก็ได้กลับมาที่บริเวณหน้าผาอีกครั้ง
“ในเมื่อวิธีที่บันทึกอยู่บนกระถางทองสัมฤทธิ์ขนาดใหญ่นั่นใช้ไม่ได้” หลี่ฝางเอ่ยถามกู่ยี่เทียนขึ้นมาอย่างอดไม่ได้: “แล้วนายสำเร็จถึงขั้นแดนเต๋าได้ยังไง?”
“เหอะ ๆ แล้วนายสำเร็จได้ยังไงล่ะ?” กู่ยี่เทียนไม่ได้ตอบหลี่ฝางโดยตรง แต่กลับถามกลับ
“โชคชะตาแค่นั้นเอง” หลี่ฝางงยิ้มเล็กน้อย: “ได้แหวนวิเศษวงหนึ่งมาจากข้างถนนน่ะ แล้วก็เลยลองทะลวงขั้นดู”
กล่าวไป หลี่ฝางก็นำแหวนที่อยู่บนมือของตัวเองออกมาให้กู่ยี่เทียนดู แล้วกล่าวอย่างเรียบ ๆ : “แหวนวงนี้แหละ”
กู่ยี่เทียนสีหน้าดำคล้ำไปหมด เขาไม่มีอารมณ์ที่จะพูดเรื่องไร้สาระต่อไปอีกแล้ว จึงได้เอ่ยขึ้นมา: “หยกเหอซื่อ”
“อะไรนะ?” ทันใดนั้นหลี่ฝางก็เบิกตาทั้งสองข้างกว้าง: “หยกเหอซื่อเหรอ? นายให้ของสิ่งนั้นมาทะลวงสู่แดนเต๋า?”
“จะเป็นไปได้ยังไง!” กู่ที่เทียนเหลือบตามองบน: “นายรู้จักหวังมังใช่ไหม? ตอนนั้นก็เพราะเขา หยกเหอซื่อถึงได้ถูกกระแทกแตกไปมุมหนึ่ง ต่อมามุมที่แตกออกไปนั้นไม่ได้สูญหายไป แต่ได้ถูกซ่อนเอาไว้อย่างดี”
“หลังจากนั้นล่ะ?” หลี่ฝางดวงตาเบิกโพลง ราวกับคาดเดาคำตอบออกมาได้แล้ว
“นายเลยใช้มุมที่แตกออกไปนั้นมาทะลวงขั้นเหรอ?
“มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?” กู่ยี่เทียนยิ้มกล่าว
ในขณะที่คุยกัน ทั้งสองคนก็ได้เดินมาถึงบริเวณขอบลานกว้างแล้ว มองดูความว่างเปล่าที่ทอดยาวสุดลูกหูลูกตา และสิบสองคนทองที่ยืนตระหง่านอยู่ในความเวิ้งว้าง
“ภาพเช่นนี้ บอกว่าเป็นเทพนิยายก็ไม่มากไปหรอกใช่ไหม?” จู่ ๆ กู่ยี่เทียนก็ได้เอ่ยขึ้นมา: “พวกเราที่อยู่ในขั้นแดนเต๋า เมื่อต้องเผชิญหน้ากับพลังอันยิ่งใหญ่ของฟ้าดินเช่นนี้ มันเล็กราวกับมดตัวน้อย ๆ ไม่มีผิด”
กู่ยี่เทียนก้าวเท้าออกไป คิดไม่ถึงว่าเขาจะยืนนิ่งอยู่บนความว่างเปล่านั้นได้ ราวกับสิบสองคนเมื่อก่อนหน้านี้ ที่ลอยอยู่ในอากาศ
“นี่ นี่มันเทคโนโลยีอะไรกัน?” ดวงตาคู่นั้นของหลี่ฝางเบิกโพลง
“แรงต้านแรงโน้มถ่วง หลักการที่เฉพาะเจาะจงนั้นฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน นายเองก็ขึ้นมาลองดูสิ” กู่ยี่เทียนกวักมือเรียกหลี่ฝาง
หลี่ฝางยกเท้าข้างหนึ่งขึ้นมาแล้วก้าวออกไปอย่างระมัดระวัง เขารู้สึกขึ้นมาทันทีว่ามีแรงดันก้อนหนึ่ง พยุงร่างของเขาเอาไว้ไม่ให้จมลงไป
ความรู้สึกแบบนี้นั้นแปลกประหลาดยิ่งนัก มันทำให้หลี่ฝางได้คลายความกังวลที่อยู่ในใจของเขาออกไปจนหมดทันที เท้าอีกข้างหนึ่งก็ได้ก้าวออกมาอย่างไม่ตั้งใจ
“นี่มัน……น่าเหลือเชื่อจริง ๆ” สัมผัสถึงความรู้สึกอันแปลกประหลาดที่ตัวเองได้ลอยอยู่ในอากาศ โดยที่ไม่มีอะไรอยู่ใต้เท้าทั้งสิ้น หลี่ฝางจึงได้อุทานขึ้นมาด้วยความแปลกใจ
“แดนดั่งเทพ สามารถสร้างฉากที่ใหญ่โตมโหฬารขนาดนี้ได้เชียวเหรอ?”
“พวกเราไม่ใช่แดนดั่งเทพสักหน่อย ใครจะไปรู้ว่าแดนดั่งเทพน่ายำเกรงเช่นนั้นจริง ๆ หรือเปล่า?” กู่ยี่เทียนส่ายหัวกล่าว: “สู้ข้ามไปดูเลยจะไม่ดีกว่าเหรอ แม่แน่ว่าบนยอดเกาะแห่งนั้น อาจจะบันทึกความลับของแดนดั่งเทพเอาไว้ก็ได้!”
“งั้นก็ไปกันเถอะ” ทั้งสองคนตัดสินใจอย่างแน่แน่ว จึงไม่ได้ลังเลใด ๆ อีก และก้าวเท้าเดินออกไปข้างหน้า
เดินในอากาศอันว่างเปล่าแห่งนี้ ราวกับได้เดินอยู่ในอวกาศ และถ้าทั้งสองคนคิดจะเคลื่อนไหว ก็แค่ต้องแรงผลักดันเพียงเล็กน้อยท่านั้นเอง
ยอดฝีมือแดนเต๋าสองคน เป็นธรรมดาที่จะสามารถใช้กำลังภายในเป็นแรงผลักดันได้ แต่ถ้าหากเป็นคนธรรมดาที่ไม่สามารถควบคุมกำลังภายในได้ งั้นก็คงเป็นเหมือนกับอยู่ในอวกาศที่ต้องลอยเวิ้งว้างอย่างควบคุมไม่ได้
และถ้าหากเป็นขั้นที่สามารถใช้กำลังภายในผลักดันให้ตัวเองก้าวไปข้างหน้าได้ อย่างน้อยก็ต้องบำเพ็ญถึงขั้นแดนเต๋า
ที่นี่ เป็นดินแดนที่มีเพียงขั้นแดนเต๋าหรือสูงกว่านั้นถึงจะก้าวเท้าเข้ามาได้