NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - บทที่ 1048 ทำให้แตกตื่นตกใจ
เมื่อรวบรวมสติกลับคืนมาได้แล้ว หลี่ฝางก็มองดูหญิงสาวทั้งสองคนที่อยู่ตรงหน้า
สำหรับข้อเรียกร้องของหวางซีเหยานั้น สุดท้ายแล้วหยางฉงก็ได้แต่ตอบตกลง
ตอนนี้บริษัทของเธอทางนั้นมีเรื่องที่ต้องจัดการมากมาย จึงไม่มีเวลาว่างเหมือนเมื่อสองสามวันก่อน หลังจากรับประทานอาหารเสร็จแล้วเธอจึงรีบกลับไป
หวางซีเหยาก็เอากุญแจรถของตัวเองยื่นให้หลี่ฝาง ยิ้มแล้วพูดว่า “พวกเราออกเดินทางกันเถอะ!”
หลี่ฝางก็หัวเราะขึ้นมา สตาร์ทรถแล้วไปตามทางที่หวางซีเหยาบอก ไม่นานนักก็มาถึงถนนสำหรับช็อปปิ้งที่ครึกครื้นสายหนึ่ง
เมื่อมาถึงที่นี่หวางซีเหยาก็เหมือนปลดปล่อยธรรมชาติของเธอออกมา หลี่ฝางที่ถูกลากให้เดินตามไปทั่วนั้น ได้แต่ทำหน้าเจื่อนๆเดินตามหลังไป
ระหว่างทางนั้นก็ได้พบเจอกับหนุ่มสาวหลายคู่ หลี่ฝางสังเกตเห็นท่าทางของผู้ชายแต่ละคนก็แทบจะเหมือนกับตัวเองทั้งนั้น หนำซ้ำยังมีสองคนเมื่อเดินสวนทางกับตัวเองยังพยักหน้าทักทายเล็กน้อย แสดงออกถึงรอยยิ้มที่ร่วมชะตากรรมเดียวกัน
พละกำลังฮึกเหิมในขณะที่ผู้หญิงกำลังช็อปปิ้งนั้น ทำให้หลี่ฝางรู้สึกสั่นสะท้าน!
ในขณะนี้ ทั้งสองคนก็มาถึงร้านขายของแบรนด์เนมมีชื่อแห่งหนึ่ง หลี่ฝางมองดูหวางซีเหยาที่ซื้อเสื้อผ้าชุดละแปดพันกว่าชุดหนึ่งอย่างไม่แยแส ในใจก็อดไม่ได้ที่จะแอบปาดเหงื่อ
เขาไม่มีเงินมากมายขนาดนั้น อีกประเดี๋ยวถ้าถึงเวลาที่จะชำระเงิน ถ้าจะให้หวางซีเหยาเป็นคนจ่ายเอง มันจะไม่รู้สึกตะขิดตะขวงใจเลยเหรอ?
เมื่อคิดถึงตรงนี้ หลี่ฝางก็แอบส่งข้อความถึงหยางฉงเพื่อขอยืมเงินจากเธอ มันน่าละอายจริงๆเลย!
ในขณะที่ทั้งสองคนยืนเข้าแถวเตรียมตัวจะชำระเงินอยู่นั้น ทันใดนั้นก็มีเสียงตะโกนมาจากข้างหลัง
“เหยาเหยา!”
ทั้งสองคนหันไปมอง ก็เห็นเด็กสาวที่หน้าตาสะสวยคนหนึ่ง วิ่งเข้ามาหาด้วยความดีใจ
“ไม่คิดว่าจะมาเจอแกที่นี่!”
หวางซีเหยาสีหน้าก็แสดงความดีใจ จับมือของหญิงสาวอย่างสนิทสนม แล้วตะโกนพูดว่า “หยุนหยุน คิดไม่ถึงจริงๆเลยว่าจะมาเจอแกที่นี่!”
“ใช่แล้ว ใช่แล้ว คุณคนนี้คือ…….”
“เพื่อนฉันเอง หลี่ฝาง!” หวางซีเหยาก็แนะนำอย่างเป็นกันเอง
หลังจากนั้น เธอก็หันไปพูดกับหลี่ฝางว่า “นี่คือเพื่อนร่วมห้องตอนอยู่มหาวิทยาลัย หยุนหยุน!”
“สวัสดีค่ะ หยุนหยุนกวาดสายตามองดูหลี่ฝางและหวางซีเหยาอย่างละเอียด ดูเหมือนกำลังคิดเดาความสัมพันธ์ของทั้งสองคนอยู่
“เออใช่แล้ว แนะนำให้ทุกคนรู้จักหน่อย!” หยุนหยุนก็กวักมือไปที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก ในไม่ช้าก็มีผู้ชายคนหนึ่งก็เดินเข้ามาหา หยุนหยุนแนะนำว่า “นี่คือเพื่อนชายของของฉัน จางเฉิง!”
หน้าตาของจางเฉิงคนนี้ก็ดูไม่เลวทีเดียว เสื้อผ้าที่ใส่นั้นมองดูก็รู้ว่าราคาไม่ใช่ย่อมเยาเลย สายตาของเขากวาดมองไปตรงใบหน้าจรดเท้าของหวางซีเหยา ยื่นมือให้หวางซีเหยาด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส
“สวัสดีครับ เห็นหยุนหยุนเคยพูดถึงคุณหลายครั้งแล้ว คนจริงสวยกว่าที่เธอพูดเสียอีกยินดีที่ได้พบคุณครับ”
เขาทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางที่ยืนอยู่ข้างๆ อีกทั้งยังใจกล้าที่จะจ้องหน้าหวางซีเหยาอย่างไม่ละสายตา
“สวัสดีค่ะ” หวางซีเหยาก็ทักทายด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา มือทั้งสองก็เกาะแขนของหลี่ฝางไว้ ทำเป็นแกล้งมองไม่เห็นมือที่ยื่นออกมาของจางเฉิง
จางเฉิงก็ดึงมือกลับมา แล้วพูดต่อไปว่า “ในเมื่อทุกคนต่างเป็นเพื่อนกัน งั้นเราไปเดินด้วยกันดีกว่ามั๊ย?”
ตั้งแต่ต้นจนจบ สายตาของเขายังไม่เคยละออกจากตัวของหวางซีเหยาเลย สายตาที่ไม่มีความเกรงใจนั้นจ้องมองหวางซีเหยาจนรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ จึงรีบบอกว่า “พวกเรากำลังจะกลับแล้ว คงไม่ไปเดินกับพวกคุณหรอก”
พอดีในขณะนั้นคนที่ยืนอยู่ข้างหน้าได้ชำระเงินเสร็จแล้วก็เดินจากไป หวางซีเหยาจึงรีบเอาเสื้อผ้าวางลงบนเคาน์เตอร์
“ทั้งหมดเก้าหมื่นสองค่ะ กรุณาแสดงบัตรสมาชิกของท่านด้วยได้ไหมคะ?” แคชเชียร์สาวพูดกับหลี่ฝางพี่ฟางด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม
หลี่ฝางพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า “ไม่มี”
“ได้ค่ะ…….” แคชเชียร์สาวกำลังจะพูดต่อ จางเฉิงก็รีบเข้ามาใกล้ แล้วยื่นบัตรใบหนึ่งด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “ใช้บัตรไดมอนด์ของฉันก็แล้วกัน”
“สวัสดีค่ะ เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ท่านมาเยือนร้านเรา” เมื่อแคชเชียร์สาวมองเห็นบัตรใบนั้นแล้ว น้ำเสียงก็เปลี่ยนเป็นอ่อนหวานขึ้นมาทันที
จางเฉิงแกล้งทำเป็นพยักหน้าอย่างเรียบเฉย มองไปยังหลี่ฝางด้วยสายตาที่ดูถูก ขณะเดียวกันก็มองไปยังหวางซีเหยาอีกครั้ง เพื่อดูว่าตอนนี้เธอมีท่าทีที่จะชื่นชอบเขาบ้างแล้วยัง
ถ้าทำให้ใจเธอโอนเอนมาได้ละก็ อาจไม่แน่ก็จะได้…….
ในสมองของจางเฉิงที่ยังไม่ทันปรากฏความคิดที่สกปรกขึ้นมา ก็เห็นหวางซีเหยาหยิบบัตรที่เหมือนกันทุกอย่างออกมาใบหนึ่งแล้วยื่นให้กับแคชเชียร์สาว พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่ต้องหรอกค่ะ พวกเราก็มีเหมือนกัน”
จางเฉิงถึงกับอึ้งไปสักครู่หนึ่ง มองดูหลี่ฝางทั้งสองคนชำระเงินแล้ว กำลังพูดร่ำลากับหยุนหยุน
จางเฉินที่มองดูหลี่ฝางสองคนกำลังจะเดินจากไปด้วยความรู้สึกผิดหวังและอารมณ์ที่ขุ่นหมอง อดไม่ได้ที่ด่าทอออกมาว่า “พวกเกาะผู้หญิงกิน มีอะไรน่าภูมิใจวะ!”
หลี่ฝางหยุดเดินทันที มองหน้าเขาด้วยสายตาที่เยือกเย็น
ชั่วพริบตาเดียว จางเฉิงก็รู้สึกว่าตัวเองเหมือนตกลงไปในนรก รอบๆบริเวณเต็มไปด้วยภาพที่น่ากลัวมากมายนับไม่ถ้วน ส่วนตัวเองกำลังถูกผีร้ายสองตนขนาบจับไว้ เตรียมจะโยนลงไปในกระทะทองแดง………
จางเฉิงตะโกนร้องเสียงดังลั่น พยายามเรียกสติกลับคืนมา จากนั้นก็คุกเข่าลงไปกับพื้น ถึงกับเหงื่อไหลท่วมศีรษะ
หยุนหยุนตกใจเมื่อเห็นท่าทางของเพื่อนชาย รีบยื่นมือไปพยุงเขาไว้ แล้วตะโกนถามว่า “คุณเป็นอะไรหรือเปล่าคะ?”
แต่หลี่ฝางก็ไม่ได้หันหลังกลับไปมองอีกเลย ได้แต่พาหวางซีเหยาจากไป
จางเฉิงค่อยๆคลานขึ้นมาจากพื้นอย่างทุลักทุเล รู้สึกแต่ว่ามือไม้อ่อนแรงไปหมด ยิ่งรู้สึกว่าคนที่อยู่รอบๆบริเวณนั้นมองเขาด้วยสายตาที่ผิดปกติ ในใจก็ยิ่งโกรธแค้นและอับอายมากยิ่งขึ้น หันหลังกลับแล้วรีบเดินจากไปอย่างไม่รีรอ
ในช่วงเวลาเดียวกันนั่นเอง ณ สถานที่ลึกลับแห่งหนึ่ง กำลังเปิดการสนทนาแผนปฏิบัติการลับขึ้น
“การลอบสังหารคราวนี้ก็ล้มเหลวอีกตามเคย”
“พละกำลังของเป้าหมายรู้สึกจะแข็งแกร่งมากขึ้นกว่าคราวที่แล้วเสียอีก ถ้าหากยังไม่รีบจัดการสังหารให้เด็ดขาดละก็ เกรงว่าพวกเราจะไม่มีโอกาสที่จะฆ่าเขาได้อีกแล้ว!”
“ฝ่าบาทมีพระราชโองการอะไรหรือเปล่า? ถ้าหากฝ่าบาททรงอนุญาตละก็ ส่งสิบสองอัศวิน……..”
“สิบสองอัศวินจะมาแตะต้องง่ายๆได้ยังไงกัน! แต่ว่า ฝ่าบาทก็ได้มีราชโองการใหม่ลงมาแล้ว”
“คืออะไรเหรอ?”
“มียอดฝีมือใหม่คนหนึ่งกำลังจะมาถึงภายในสองวันนี้ ฝ่าบาทมีรับสั่งว่าให้พวกเราฟังคำสั่งจากยอดฝีมือคนนั้นด้วย”
“อะไรนะ? ยอดฝีมือมาจากไหนกัน ถึงขนาดต้องให้พวกเราฟังคำสั่งจากเขาด้วย!”
“ได้ข่าวมาว่า เคยเป็นคู่ปรับเก่าของเป้าหมายเรา และคุ้นเคยกับเป้าหมายเป็นอย่างดีด้วย”
เสียงทั้งหมดท่ากลางความมืดนั้นก็เงียบสงบลงไป ผ่านไปสักครู่หนึ่ง จึงมีเสียงหัวเราะที่เย็นชาดังขึ้นมา
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นก็ต้องดูว่าเขามีความสามารถอะไรบ้างแล้ว……”
เมื่อสิ้นเสียงพูดนี้แล้ว เสียงทั้งหมดก็เงียบหายไปจนหมดสิ้น ท่ากลางความมืดมิดก็ตกอยู่ในสภาพที่เงียบสงบ