NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - บทที่ 1125 พี่หลี่ ไม่เจอกันนาน
ได้ยินคำพูดของข่งจู ถึงแม้หลี่ฝางจะจนใจเล็กน้อย แต่ว่าเขาก็ไม่ได้ปฏิเสธอีก จึงลุกขึ้นมาและพยักหน้ากล่าวกับลู่เผิงเฟย: “ไม่เจอกันนานเลยนะ”
เมื่อได้ยินหลี่ฝางเอ่ยขึ้นเช่นนี้ ทุกคนต่างชะงักงันไปทันที จากนั้นข่งจูที่รู้ตัวขึ้นมาก็เอ่ยถาม: “พวกคุณ……รู้จักเหรอ?”
“น่าจะเคยเจอสองสามครั้ง” หลี่ฝางยิ้มกล่าว
เขารู้ว่าเมื่อก่อนตัวเองเคยผ่านเรื่องราวอะไรมาบ้าง และรู้ว่าตัวเองเคยรู้จักลู่เผิงเพยมาก่อน แต่ยังไงซะความทรงจำของเขาก็ยังไม่ได้กลับคืนมา ไม่ทราบรายละเอียด จึงได้เพียงกล่าวอย่างคลุมเครือเช่นนี้
ข่งจูพยักหน้า ไม่ได้ถามอะไรอีก เธอคิดว่าคนใหญ่คนโตอย่างลู่เผิงเฟย ทุกวันมีผู้คนมากมายได้เจอเขา มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
ยิ่งไปกว่านั้นในเมื่อหลี่ฝางเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัย เช่นนั้นก็ยิ่งจะได้พบเจอกับผู้คนมากมาย
และหลังจากที่เธอพึ่งคิดแบบนี้เสร็จไป ก็พบว่าลู่เผิงเฟยได้เดินเข้าไปจับมือหลี่ฝางอย่างตื่นเต้นดีใจ และยิ้มกล่าว: “พี่หลี่ ไม่เจอกันมานานมากแล้วจริง ๆ”
คำเรียกของลู่เผิงเฟย ทำให้ทุกคนตะลึงงันไปอีกครั้ง
ทั้ง ๆ ที่อายุของลู่เผิงเฟยเยอะกว่าหลี่ฝาง แต่ทำไมลู่เผิงเฟถึงได้เรียกหลี่ฝางว่าพี่ล่ะ?
อีกทั้งดูท่าทางตื่นเต้นดีใจของลู่เผิงเฟย ราวกับว่าได้พบกับพี่ชายแท้ ๆ อย่างไรอย่างนั้น ไม่มีทางที่จะแค่เสแสร้งออกมา ท่าทางเช่นนี้ ยิ่งทำให้ทุกคนสงสัยเข้าไปใหญ่
เพียงแต่ว่าตอนนี้ทั้งสามคนอย่างจะกล่าวอะไรก็แทรกแซงไม่ได้ เพราะในตอนนี้ลู่เผิงเฟยกำลังพูดคุยกับหลี่ฝางอย่างตื่นเต้นดีใจอยู่ไม่หยุด
“พี่หลี่ครับ ก่อนหน้านี้สักระยะผมได้ข่าวมาว่าพี่อยู่ที่เมืองจินซาน ต่อมาก็ได้สอบถามเบื้องลึกเบื้องหลังมาได้นิดหน่อย ก็เลยอยากมาหาพี่ที่นี่มาโดยตลอด คิดไม่ถึงว่าจะหาเวลาไม่ได้สักที ตอนนี้ในที่สุดก็ได้ถือโอกาสในการอวยพรวันเกิดให้กับคุณย่าตระกูลจาง เดิมทีคิดว่าร่วมงานเลี้ยงวันเกิดเสร็จก็จะหาพี่ที่บ้านตระกูลหยาง คิดไม่ถึงว่าพี่เองก็มาด้วยเหมือนกัน ฮ่า ๆ บังเอิญ มันช่างบังเอิญจริง ๆ !”
ท่าทางกระตือรือร้นจนเกินไปของลู่เผิงเฟย ทำให้หลี่ฝางที่ไม่มีความทรงจำที่เกี่ยวข้องไม่เคยชินเล็กน้อย จึงได้เพียงแต่พูดว่า: “นั่งก่อน นั่งแล้วค่อยพูด”
เมื่อสักครู่เขาได้สั่งให้คนยกเก้าอี้มาแล้ว
ทันทีทันใด ลู่เผิงเฟยและหลี่ฝางต่างก็นั่งลง โดยไม่สนใจสายตาแปลกประหลาดของผู้คนที่อยู่โดยรอบเลยสักนิด และคุยกันต่อไปอย่างเมามัน
ณ เวลานี้พวกฟางหยู่ถงทั้งสามคนได้ตะลึงงันไปโดยสิ้นเชิง ถึงขนาดพูดอะไรไม่ออกเลยด้วยซ้ำ เพียงแค่จ้องมองลู่เผิงเฟยด้วยสีหน้าตกตะลึง สงสัยแม้กระทั่งว่าชายที่อยู่ตรงหน้าคนนี้เป็นคนอื่นปลอมตัวมาหรือเปล่า
คนที่รักษาบุคลิกอย่างลู่เผิงเฟย ถ้าหากมีคนบอกกับพวกเธอว่าเขาได้นั่งพูดคุยกับคนแบบนี้อื่นในสถานการณ์เช่นนี้ ตีให้ตายพวกเธอก็ไม่มีทางเชื่อ
แต่ทว่าตอนนี้ที่ตรงหน้าของพวกเธอ ภาพเหตุการณ์เช่นนั้นได้ประจักษ์อย่างชัดเจน มันตำให้พวกเธอตกตะลึงมากจริง ๆ
ส่วนหลี่ฝางที่ทำให้ลู่เผิงเฟยไม่รักษาบุคลิกคนนั้น จะเป็นแค่พนักงานรักษาความปลอดภัยเล็ก ๆ เองจริง ๆ เหรอ?
ในระหว่างชั่วครู่นั้น แววตาแห่งความสงสัยของทั้งสามคนก็ได้ตกกระทบที่หลี่ฝางอีกครั้ง
หลี่ฝางในเวลานี้ก้กำลังพูดคุยกับลู่เผิงเฟยอยู่ไม่หยุด
“ระยะนี้ร่างกายคุณพ่อของคุณเป็นยังไงบ้าง?” ก็หลี่ฝางไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องราวเมื่อก่อนของทั้งสองคนนี่นา จึงได้เพียงเอ่ยถามอย่างคลุมเครือเช่นนี้
“คุณพ่อของผมแข็งแรงมากเลยล่ะ ระยะนี้เขามักจะพูดถึงเรื่องที่พี่ไปญี่ปุ่นข้างหูผมอยู่ตลอดเวลา พี่หลี่ ไม่พูดไม่ได้ว่า พี่สุดยอดไปเลยจริง ๆ ! อัดจนคนญี่ปุ่นพวกนั้นเงยหน้าไม่ขึ้น!”
เมื่อพูดถึงเรื่องที่หลี่ฝางอยู่ญี่ปุ่นเมื่อก่อนหน้านี้ ดวงตาคู่นั้นของลู่เผิงเฟยก็เปล่งประกายขึ้นมาทันที ในสายตาที่มองหลี่ฝางนั้นยิ่งเต็มไปด้วยความเคารพนับถือ ราวกับแฟนคลับตัวยงอย่างไรอย่างนั้น
ตามภูมิหลังครอบครัว และความสามารถของลู่เผิงเฟย เงื่อนไขทั้งหมด เมื่อนำมารวมกันแล้วสามารถฆ่าคนทั้งโลกได้เก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์ทันที แต่หลังจากที่ได้พบกับหลี่ฝาง เขาก็ยิ่งเคารพนับถือชายหนุ่มที่อายุน้อยกว่าเขาสองสามปีคนนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ
แต่ทว่าเรื่องนี้ก็ไม่ได้ทำให้ลู่เผิงเฟยอิจฉาริษยา หรือหลงออกจากเส้นทางของตัวเอง
เขารู้ว่า ฝีมือที่สามารถเดินกร่างไปทั่วโลกที่อยู่บนตัวของหลี่ฝางนั้น ตัวเองไม่มีทางที่จะมีได้ แต่พรสวรรค์ของเขาเอง หลี่ฝางเองก็ไม่มีเหมือนกัน
“ใช่แล้ว พี่หลี่ ก่อนหน้านี้คุณปู่ของผมยังบอกอยู่เลยว่าอยากจะพบพี่ ถ้าหากพี่พอจะมีเวลา ไปบ้านตระกูลลู่หน่อยดีไหม?”
ผู้ยึดครองอำนาจของตระกูลลู่? นายท่านลู่ที่มีชื่อเสียงโด่งดังคนนั้น?
หลี่ฝางลังเลเล็กน้อย คิดอยู่สักพัก แล้วชี้ไปที่หัวของตัวเอง พลางกล่าว: “อีกสักระยะค่อยว่ากันเถอะ”
ความหมายของหลี่ฝางคือ ความทรงจำของเขายังไม่ทันฟื้นฟู ไม่รู้ว่าจะไปเผชิญหน้ากับผู้คนในอดีตยังไง แม้แต่ส้าวส้วยเอง ตอนที่อยู่ญี่ปุ่นทั้งสองคนก็ยังไม่ทันได้พบกัน ก็กับประเทศมาซะแล้ว
ลู่เผิงเฟยเข้าใจขึ้นมาทันที และรีบพยักหน้ากล่าว: “ตามเหตุแล้วก็ควรเป็นแบบนั้น!”
ฟังเนื้อหาที่ทั้งสองคนสนทนากัน พวกฟางหยู่ถงทั้งสามคนถูกจู่โจมครั้งแล้วครั้งเล่า รู้สึกว่าทั่วทั้งโลกใบนี้ล้วนไม่จริง
นายท่านแห่งตระกูลลู่เชิญหลี่ฝางไปพบ? แล้วยังถูกหลี่ฝางปฏิเสธ? และลู่เผิงเฟยยังไม่มีความโมโหใด ๆ เลย!
นายท่านลู่เป็นบุคคลระดับไหนกัน? ต่อให้เป็นคนพ่อของตัวเองอยากจะพบ ยังต้องนัดล่วงหน้าก่อน ยังต้องดูอีกว่านายท่านลู่อารมณ์ดีหรือเปล่า หรือแม้แต่มีความเป็นไปได้สูงว่าจะไม่ได้พบ
ตอนนี้ถ้ามีใครกล้าพูดกับพวกเธอว่าหลี่ฝางเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยเล็ก ๆ อีก พวกเธอทั้งสามคนสามารถเด็ดหัวของมันออกได้ และชี้จมูกด่าพวกเขา: เบิกตาหมา ๆ ของแกดูให้ดี ๆ พนักงานรักษาความปลอดภัยเล็ก ๆ สามารถมีรัศมีเจิดจรัสแบบนี้ได้เหรอ?
และในขณะที่ทั้งสามคนกำลังมีความคิดเช่นนี้นั่นเอง ก็ได้ใช้สายตารวบรวมความคิดเห็นของกันและกันอย่างเงียบ ๆ ไม่นานก็มีคนเดินเข้ามาอย่างไม่ลืมหูลืมตา