NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - บทที่ 1147 ไม่ตายไม่รามือ
สายตาที่เยือกเย็น ทำให้เหล่าบอดี้การ์ดเย็นเยือก เสียความกล้าหาญในการโต้ตอบกับหลี่ฝาง
หัวหน้าบอดี้การ์ดที่หลบซ่อนอยู่ข้างหลังกลับด่ากราด ให้ลูกน้องลุย
ทุกคนที่ไร้หนทาง ได้แต่กลั้นความผวาพุ่งเข้าใส่หลี่ฝาง
ต่อมา บอดี้การ์ดหลายสิบนายล้มลงกองกับพื้นอย่างพร้อมเพรียงกัน หมดสติไป
ทว่าหลี่ฝางกลับยืนอยู่ที่เดิมไม่ไหวติง ในเหตุการณ์นับหลายร้อยคน ไม่มีใครเห็นว่าหลี่ฝางลงมืออย่างไรกันแน่
ภายใต้พลังงานของครึ่งเทพ มนุษย์เปรียบเสมือนกับมด ประโยคนี้เป็นคำอธิบายความสามารถของหลี่ฝางได้ดีที่สุด
ในเวลานี้เอง ชายที่อายุราวห้าสิบเดินออกมาจากฝูงชน ดวงตามีชีวิตชีวา ดูก็รู้ว่าเป็นนักรบระดับสูง
“อาจารย์จ้าวอาจารย์จาง!”
มีคนตะโกนคำรามชื่อของเขา
“ข้าน้อยทำไมถึงได้กำเริบเสิบสานมีเรื่องตรงนี้ หรือว่าจะมีความบาดหมางอะไรกับตระกูลเจิ้ง?” อาจารย์จ้าวที่อยู่ทางด้านซ้ายมือกล่าวถาม
เขามีความหวั่นเกรงในชายหนุ่มตรงหน้าเล็กน้อย เพราะเขาที่อยู่ในแดนสุดกำลังภายนอก เมื่อสักครู่ก็ไม่เห็นว่าหลี่ฝางใช้วิธีไหนจัดการคนพวกนี้กว่าสิบนาย
หลี่ฝางในตอนนี้ไม่มีอารมณ์ที่จะเสียเวลากับคนพวกนี้ เผชิญกับการขัดขวางของทั้งคู่ มีเพียงแค่คำเดียว
“ไสหัวไป!”
เพียงชั่วอึดใจ สถานการณ์ตกอยู่ในความเงียบ
“หนุ่มนี่โอหังเสียจริง คอยดูแล้วกันว่าเขาจะตายอย่างไร”
กลุ่มฝูงชนหัวเราะเยาะ สั่งให้นักรบแดนสุดกำลังภายนอกไสหัวไป ความกล้านี้ สำหรับพวกเขาคือการรนหาที่ตาย
ทั้งคู่ที่ถูกเคารพให้เกียรติมาหลายปี ตอนนี้ก็โมโหจัดเช่นเดียวกัน
“ไอ้หนู แกยอมแพ้ซะ!”
ทันใดนั้น ทั้งสองที่โกรธจัดพุ่งเข้าใส่หลี่ฝางพร้อมกัน
ผู้คนที่ลานเองต่างก็คิดสนุก ต่างรอดูความพ่ายแพ้ของหลี่ฝาง เพื่อเพิ่มความสนุกให้กับงานเลี้ยงในครั้งนี้
ทว่าทุกคนรอบหน้าต้องเปลี่ยนเป็นตระหนกอีกครั้ง
เพราะหลี่ฝางยังคงไม่ขยับดังเดิม อาจารย์จ้าวและอาจารย์จางที่พุ่งเข้าใส่ ก็ถูกมือใหญ่ที่ไร้รูปร่างตกลงจากฟ้าตบเข้าใส่ผืนดิน
บนผืนดิน ทิ้งรอยมือขนาดใหญ่ที่ชัดเจนเอาไว้
ความสามารถที่น่ากลัวราวกับไม่ใช่คน ทำให้ทุกคนในงานเงียบกริบ ก่อนที่ต่างคนต่างถอยห่างไปด้านหลังอยู่ให้ห่างหลี่ฝาง
ไม่นาน ก็หลีกทางจากประตูไปยังตึกเล็กข้างหน้า
เหล่าผู้สูงศักดิ์ ยอมที่จะต่างคนต่างอัดกันแน่น ก็ไม่กล้าเข้าใกล้หลี่ฝางเกินสิบเมตร
ใครจะไปรู้ว่าหากหลี่ฝางเกิดโมโหขึ้นมา ลงมืออีกครั้ง สังหารเหล่าแขกเหรื่อพวกนี้ให้ตาย
หลี่ฝางเองก็ไม่ได้สนใจคนพวกนี้ มุ่งเดินไปข้างหน้า พร้อมกล่าว “เจิ้งเหวินซิง ไสหัวออกมา!”
แม้น้ำเสียงของเขาจะเรียบเฉย แต่กลับเสมือนสายฟ้า สะท้อนกึกก้องในแก้วหูของทุกคน น้ำเสียงเต็มไปด้วยความอาฆาต ทำให้ทุกคนตระหนกกลัว และได้รู้ว่าเป้าหมายของหลี่ฝางคือใคร
เจิ้งเหวินซิงชื่อนี้ ในกลุ่มชนชั้นสูงของเมืองตงไม่มีใครไม่รู้จัก ไม่มีใครที่ไม่เคยได้ยิน
ในตอนนี้ ประตูของตึกโบราณเล็กๆ ได้ถูกเปิดออก ผู้สูงวัยที่ดูธรรมดาเดินออกมาจากด้านใน
แม้ชราคนนี้ไม่ได้มีความแตกต่างอะไรจากชราทั่วไป ต่อสายตาของคนหลายร้อยชีวิตต่างจับจ้องเขาด้วยความเคารพ
ไร้สิ่งอื่นใด คนๆ นี้ก็คือนายท่านตระกูลเจิ้ง เจิ้งชิง
ด้านซ้ายของเหวินชิงมีชายวัยกลางคนที่ดูอ่อนวัยยืนอยู่ สวมชุดยาวสีเทา ดูสง่า ไม่ธรรมดา
และคนที่อยู่ข้างกายทั้งคู่ หลุบตาลงไม่กล้าออกเสียงสักแอะก็คือเจิ้งเหวินซิง
“ไม่ทราบว่าข้าน้อยกับเหวินซิงมีความบาดหมางอะไรกันเหรอ?”
แม้เหวินชิงน้ำเสียงราบเรียบ แต่ความโกรธภายใต้ความเฉยชา ทุกคนในที่นี้ต่างสัมผัสได้ทั้งนั้น
หลี่ฝางไม่สนใจว่าเจิ้งชิงจะโมโหอย่างไร กล่าวอย่างตรงไปตรงมา “ในเมื่อแกกล้าจ้างให้คนอื่นมาสังหารผม ก็ต้องเตรียมใจที่จะถูกสังหาร”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น เจิ้งชิงไม่วายถลึงตาใส่เจิ้งเหวินซิง เรื่องนี้ เมื่อสักครู่เจิ้งเหวินซิงไม่ได้เอ่ยถึงแม้สักแอะ
แต่เจิ้งชิงไม่อยากพูดมากในงานเลี้ยงแปดสิบปีของเขา ได้แต่กล่าวเสริม “แต่ตอนนี้ไม่ได้เกิดอะไรขึ้นกับข้าน้อย”
“คนมากมายได้ล้มตายไปแล้ว” หลี่ฝางกล่าวเสียงแผ่ว
น้ำเสียงของเขาราบเรียบขึ้นทุกที ไอพิฆาตในกายเขาก็แผ่ขยายมากขึ้น ถึงขั้นที่ทำให้เหล่าแขกเหรื่อขาอ่อน
“เหวินซิง เรื่องนี้เป็นความจริงหรือไม่?” เจิ้งชิงกล่าวถามอย่างเคร่งขรึม
“เป็นเรื่องจริง……” เจิ้งเหวินชิงน้ำเสียงแผ่วราวแมลงวัน
เจิ้งชิงเกิดโทสะขึ้นมาในทันที
หลานของเขาเป็นอย่างไร เขาเองก็เข้าใจดี แต่ก่อนเขาคิดว่าเขาทำอะไรไม่ถึงกับกินไปนัก จึงปล่อยเขาไป ไม่คิดเลย ว่าถึงจุดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
ไม่เพียงแค่เจิ้งเหวินซิงจะก่อเรื่องที่วุ่นวายแบบนี้ขึ้น และเพราะเจิ้งเหวินซิงกล้าหลอกลวงเขา
“เรื่องนี้เป็นความผิดของเหวินซิง ตระกูลเจิ้งของเรายอมถ่ายโทษอย่างเต็มที่อยู่แล้ว” เขาระงับโทสะของตน เจิ้งชิงคิดที่จะคลี่คลายปัญหาตรงหน้าก่อน แล้วค่อยสั่งสอนเจิ้งเหวินซิง
“ไม่ทราบว่าข้อน้อยมีคำเรียกร้องอย่างไร ตระกูลเจิ้งของเราจะทำตามสุดความสามารถ”
เมื่อได้ยินประโยคของเจิ้งชิง หลี่ฝางหัวเราะเยาะอย่างอดไม่อยู่ หลังจากนั้น น้ำเสียงที่เย็นชากึกก้องไปทั่วลาน
“ไม่ตาย ไม่รามือ!”
ทันใดนั้น ทุกคนต่างก็เกิดหวาดผวาอีกครั้ง
“ไอ้นี่เหมือนว่าอยากตายจริงๆ คิดจะฆ่าหลานชายของเขาต่อหน้านายท่านเจิ้ง?”
“นายท่านเจิ้งน้อยนักที่ยอมให้ใคร ไอ้หมอนี่กลับยังไม่พอใจ?”
“ปรมาจารย์ถังยืนอยู่ข้างนายท่านเจิ้ง หรือว่าไอ้หมอนี่ไม่รู้จักปรมาจารย์ถึง?”