NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - บทที่ 1201 การยอมรับของหลี่ต๋าคาง
มองดูภาพอัลตราซาวด์ที่เมี๋ยวชุ่ยถือในมือแผ่นนั้น หลี่ต๋าคางพูดไม่ออกบอกไม่ถูก ทารกพึ่งจะเป็นรูปร่าง มีขนาดเท่ากำปั้นเอง เธอดูออกได้อย่างไรว่าเหมือนหลี่ฝางมาก?
“เหอะ ๆ สมกับที่ภรรยาฉันจริง ๆ ตาดีไม่เบา เล็กขนาดนี้ยังสามารถดูออกว่าเหมือนใคร” ถึงแม้หลี่ต๋าคางจะแอบแขวะอยู่ในใจ แต่กลับไม่กล้าพูดออกมา แถมยังต้องทำเป็นยิ้มยกยอเมี๋ยวชุ่ยอีก
หยางฉงมองดูท่าทางรักใคร่กันของว่าที่คุณพ่อคุณแม่สามี ในแววตามีความอิจฉาปะปนอยู่
เมี๋ยวชุ่ยรู้ว่าหลี่ต๋าคางกำลังเอาอกเอาใจตัวเอง จึงอดไม่ได้ที่จะถลึงตาใสเข่าด้วยความโมโห: “คุณนี่น่าเบื่อจริง ๆ ฉันไม่คุยกับคุณแล้ว ลูกสะใภ้ ไปกันเถอะ เดี๋ยวฉันพาหนูไปเดินเล่นที่วิลล่าของเสี่ยวฝาง”
กล่าวจบ เมี๋ยวชุ่ยก็ดึงแขนของหยางฉงเตรียมจะออกไปข้างนอก แต่พึ่งจะเดินไปไม่กี่ก้าว จู่ ๆ เมี๋ยวชุ่ยก็เป็นลมล้มหน้ามืด และกำลังจะล้มลงไปบนพื้น ทำเอาหยางฉงตกใจไม่เบา รีบร้อนจะไปพยุงเมี๋ยวชุ่ย
มือของเธอยังไม่ทันจะสัมผัสถึงตัวเมี๋ยวชุ่ย หลี่ต๋าคางที่อยู่ด้านหลังก็ได้พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว และรับเมี๋ยวชุ่ยเอาไว้ด้วยการอุ้มท่าเจ้าหญิง
“คุณลุงคะ คุณป้าเป็นอะไรไปเหรอคะ? พวกเราต้องไปโรงพยาบาลไหมคะ?” มองดูเมี๋ยวชุ่ยที่เป็นลไปอย่างกะทันหัน หยางฉงจึงเอ่ยถามอย่างร้อนรน
เมื่อเทียบกับความกระวนกระวายของเธอแล้ว พวกหลี่ต๋าคางและส้าวส้วยกลับดูสงบมาก ราวกับได้คุ้นชินกับเหตุการณ์ฉุกละหุกแบบนี้ไปแล้ว
หลี่ต๋าคางอุ้มเมี๋ยวชุ่ยขึ้นมาและวางลงไปบนโซฟา ไม่นานส้าวส้วยก็หยิบเอาผ้าห่มออกมาจากในห้องและยื่นใส่มือให้กับหลี่ต๋าคาง
“ไม่เป็นอะไรหรอก เธอแค่นอนหลับไป ให้เธอนอนหลับเงียบ ๆ สักตื่นก็ไม่เป็นไรแล้ว” หลี่ต๋าคางห่มผ้าห่มให้กับเมี๋ยวชุ่ยอย่างอ่อนโยน พลางกล่าวอธิบาย
“เอ่อ……คุณลุงคะ คุณป้าท่านไม่สบายเหรอคะ?” ต่อให้หลี่ต๋าคางบอกว่าเมี๋ยวชุ่ยไม่เป็นอะไร แต่ภายในใจของหยางฉงนั้นก็ยังคงเป็นห่วงอยู่เหมือนเดิม
คุณแม่ของหลี่ฝางคงไม่ได้เป็นโรคนอนเกินหรอกนะ? ถึงแม้โรคแบบนี้จะพบได้น้อย แต่อาการไม่ต่างจากเมี๋ยวชุ่ยนัก ผู้ป่วยจะผล็อยหลับไปอย่างกะทันหัน
“ก็ไม่นับว่าป่วยหรอก เมื่อก่อนมีอยู่ครั้งหนึ่งพวกเราได้ออกไปปฏิบัติภารกิจด้วยกัน เสี่ยวชุ่ยได้รับบาดเจ็บหนัก พึ่งจะพื้นขึ้นมาเมื่อไม่นานนี้เอง นับจากนั้นเป็นต้นมา เธอก็จะหลับไปอย่างไปเป็นเวลา ฉันเคยให้คนตรวจร่างกายให้เธอ แต่ว่าแม้แต่หมอเองก็บอกสามเหตุไม่ได้ นานวันเข้าพวกเราก็ชินไปแล้ว”
เดิมทีภารกิจกลับไปที่ซากปรักหักพังลึกลับในครั้งนี้ หลี่ต๋าคางเองก็ต้องไปด้วย แต่ตอนนั้นเมี๋ยวซุ่ยพึ่งจะฟื้นขึ้นมา สภาพร่างกายยังไม่คงที่ ดังนั้นหลี่ต๋าคางถึงได้ปฏิเสธผู้อาวุโสใหญ่ไป และอยู่เป็นเพื่อนเมี๋ยวชุ่ยพักฟื้นร่างกายที่เมืองตงไห่
“พวกคุณลุงเองก็เป็นนักรบเหรอคะ?” หยางฉงมองหลี่ต๋าคางด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย เธอรู้เรื่องของหลี่ฝางน้อยมากจริง ๆ ไม่ว่าจะเป็นสถานะลูกหลานคนรวยของเขา หรือจุดที่ว่าเขาเกิดในตระกูลนักรบ หยางฉงต่างก็ไม่ทราบเลยสักเรื่อง
“ครอบครัวของเราไม่ชอบทำตัวเป็นจุดเด่น เวลาอยู่ข้างนอกก็ไม่ต่างอะไรกับคนธรรมดา เธอไม่รู้ก็ไม่เป็นไรหรอก” หลี่ต๋าคางมองความหดหู่ในดวงตาหยางฉงออก จึงกล่าวปลอบใจอย่างเงียบ ๆ
“คุณลุงคะ ในเมื่อพี่หเหตุการณ์ฝางยังไม่กลับมา งั้นฉันก็ไม่รบกวนคุณลุงคุณป้าแล้วล่ะค่ะ เดี๋ยวฉันไปหาพักที่โรงแรมในตัวเมือง รอพี่หลี่ฝางกลับมา ฉันค่อยมาคุยกับเขา”
ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าหยางฉงคิดมากไปเองหรือว่ายังไง เธอมักรู้สึกว่าเธอเป็นส่วนเกินของที่นี่
เธอรู้สึกแม้กระทั่งว่าเธอตัดสินใจผิดไปที่มาหาหลี่ฝางที่ตงไห่ในครั้งนี้ ที่นี่นอกจากไท่ซางที่รู้จักเธอแล้ว คนอื่น ๆ ไม่รู้แม้แต่การมีตัวตนอยู่ของเธอด้วยซ้ำ
แฟนสาวของหลี่ฝางในสายตาของพวกเขานั้น ตั้งแต่ต้นจนจบล้วนมีเพียงฉินวี่เฟย
“รอก่อน เสี่ยวฉง เธออย่าพึ่งรีบไป ลุงมีอะไรจะคุยกับเธอหน่อย” เมื่อเห็นเธอจะจากไป หลี่ต๋าคางรีบหยุดเธอไว้ทันที
พวกส้าวส้วยได้ถอยออกไปอย่างรู้ตัว แค่พริบตาเดียวในห้องรับแขกก็เหลือเพียงเมี๋ยวชุ่ย หลี่ต๋าคางและหยางฉงเพียงสามคน เดิมทีหวางซีเหยาไม่อยากจะออกไป แต่ถูกไท่ซางลากดึงออกไป
“เสี่ยวฉง ฉันคิดว่าเธอก็น่าจะรู้เรื่องของเสี่ยวฝางและวี่เฟย เสี่ยวฝางและวี่เฟยพวกเขาผ่านเรื่องราวมาด้วยกันมากมาย คิดจะแยกพวกเขาออกจากกันนั้นยากมาก เธอ……”
ความจริงแล้วสิ่งที่หลี่ต๋าคางอยากจะบอกกับหยางฉงนั้นคือ ถ้าหากเธออยากจะอยู่ด้วยกับหลี่ฝาง เกรงว่าค่อนข้างจะลำบาก แต่เขายังไม่ทันจะพูดจบ หยางฉงก็ได้ตัดบทไป แถมยังเข้าใจความหมายของหลี่ต๋าคางผิดไปอีกด้วย
“คุณลุงคะ ฉันไม่ใช่ผู้หญิงแบบนั้น ที่ฉันมาตงไห่ในครั้งนี้ไม่ได้มีความหมายอื่น แล้วก็ไม่คิดจะทำลายความสัมพันธ์ระหว่างพี่หลี่ฝางและฉินวี่เฟย ฉันก็แค่อยากได้คำตอบจากพี่หลี่ฝาง ต่อให้ต้องเลิกรากัน ก็ต้องพูดกับฉันให้ชัดเจน จากไปแบบไม่ชัดเจนแบบนี้ ฉันยอมรับมันไม่ได้จริง ๆ ค่ะ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลี่ต๋าคางก็รู้สึกสงสารหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ขึ้นมา ทั้ง ๆ ที่เธอไม่ได้ทำผิดอะไร แต่โชคชะตากลับเล่นตลก จ้องมองหยางฉงที่น้ำตาคลอเบ้า หลี่ต๋าคางทอดถอนใจแล้วกล่าว
“ลุงไม่ได้หมายความแบบนั้น ลุงแค่อยากจะบอกว่า ความสัมพันธ์ของเสี่ยวฝางและวี่เฟยค่อนข้างลึกซึ้ง เธอต้องเตรียมใจไว้ ลุงดูออกว่าเธอเป็นเด็กดี เรื่องนี้ไม่โทษเธอ เพราะยังไงใคร ๆ ก็นึกไม่ถึงว่าเสี่ยวฝางจะสูญเสียความทรงจำ”
“นอกจากนี้เด็กที่อยู่ในท้องของเธอ ไม่ว่ายังไงเขาก็เป็นสายเลือดของตระกูลหลี่ของเรา ฉันก็หวังว่าเธอจะคลอดเขาออกมาเป็นธรรมดา แต่ถ้าหากเด็กคนนี้จะทำร้ายหรือนำความวุ่นวายมาให้เธอในอนาคต ฉันก็หวังว่าเธอจะปล่อยมือจากเขา เสี่ยวฝางได้ทำร้ายเธอมากพอแล้ว ลุงไม่อยากให้เธอถูกทำร้ายไปมากกว่านี้”
คำพูดเหล่านี้เกินความคาดหมายของหยางฉง เดิมทีเธอคิดว่าที่หลี่ต๋าคางเรียกเธอเอาไว้ เพราะต้องการให้เธอไปจากหลี่ฝาง คิดไม่ถึงว่าหลี่ต๋าคางจะไม่ได้ทำแบบนั้น แล้วยังคิดแทนเธออีก
หยางฉงน้ำตาคลอ จนแทบจะร้องไห้ออกมา ยังดีที่เธอกลั้นเอาไว้ได้
“คุณลุงคะ ขอบคุณที่คุณลุงเข้าใจฉันนะคะ ฉันจะไม่ทิ้งเด็กคนนี้ไปหรอกค่ะ สำหรับฉันแล้วเขาเป็นของขวัญที่สวรรค์มอบให้ ไม่ว่าสุดท้ายแล้วพี่หลี่ฝางจะเลือกฉันหรือไม่ ฉันก็จะคลอดเด็กคนนี้ออกมา และเลี้ยงดูเขาจนเติบใหญ่”
หลี่ต๋าคางได้ถูกหยางฉงทำให้ประทับใจจริง ๆ ถึงแม้เขาจะไม่ใช่ผู้หญิง ไม่เคยท้องมาก่อน แต่ตอนที่เมี๋ยวชุ่ยท้องหลี่ฝางนั้น เขาก็ได้สัมผัสถึงความรักที่หญิงใหญ่ของแม่ได้อย่างแท้จริง
ในเมื่อหยางฉงพูดถึงขนาดนี้แล้ว หลี่ต๋าคางก็ไม่อยากจะพูดเกลี้ยกล่อมว่า “เสี่ยวฉง ถ้าเธอคิดดีแล้ว งั้นลุงก็ไม่เกลี้ยกล่อมอะไรเธออีก ไม่ว่าเสี่ยวฝางจะเลือกใคร ลุงและคุณป้าของเธอก็ไม่มีทางที่จะไม่สนใจเด็กในท้องของเธอ พวกเธอจะเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลหลี่ตลอดไป”
คำสัญญานี้หลี่ต๋าคางไม่ได้กล่าวขึ้นเพียงเพราะเด็กที่อยู่ในท้องของหยางฉงเท่านั้น เขาชื่นชมหยางฉงจริง ๆ ถ้าหากหลี่ฝางไม่ได้เคยคบหากับฉินวี่เฟยมาก่อน เขาจะต้องให้หลี่ฝางแต่งงานกับหยางฉงย่างแน่นอน
“เสี่ยวฉง เธออย่าไปพักข้างนอกเลย เธอผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งแล้วยังท้องอีกมันลำบาก ถึงยังไงที่สถานตากอากาศก็มีห้องตั้งมากมาย เดี๋ยวลุงสั่งให้คนไปทำความสะอาดสักตึกให้เธอและแม่สาวน้อยคนนั้นพัก พอดีกับที่คุณป้าของเธอค่อนข้างถูกชะตากับเธอ ถือว่าเธอช่วยคุณลุงสักเรื่อง อยู่ที่เป็นเพื่อนแก้เหงาให้กับคุณป้าที่นี่ต่อเถอะนะ”