NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - บทที่ 1206 ฟื้นฟูพลัง
เวลาผ่านไปทีละน้อย หลี่ฝางเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองนั้นได้นั่งพิงกรงเหล็กมานานเพียงใดแล้ว พระอาทิตย์ค่อย ๆ คล้อยต่ำลง แสงอาทิตย์ตกได้สาดส่องเข้ามาในคุก ทำให้ดูไร้ชีวิตชีวามากขึ้น
“เปลี่ยนแล้ว! คิดไม่ถึงว่าจะเปลี่ยนไปแล้วจริง ๆ!” จู่ ๆ น้ำเสียงที่ตื่นเต้นของแคทเธอรินก็ลอยเข้ามาในหูของหลี่ฝาง
“ทำไมเหรอ? เกิดอะไรขึ้น? สัตว์ประหลาดนั่นมาอีกแล้วเหรอ?” กู่ยี่เทียนกำลังงีบหลับ เมื่อได้ยินเสียงของแคทเธอรินเขาก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาทันที เขามองหลี่ฝางด้วยแววตางัวเงีย นึกว่าเจ้าสัตว์ประหลาดปีกยาวเมื่อสักครู่นั่นได้กลับมาอีกครั้ง
“คุณเป็นเทพจริง ๆ ด้วย! ขอบคุณเทพอ้านพวกเราชาวอูข่ารอดแล้ว!” แคทเธอรินในตอนนี้ตกอยู่ในโลกของตัวเองไปโดยสิ้นเชิง ถ้าหากหลี่ฝางและกู่ยี่เทียนสามารถมองเห็นเธอได้ ก็จะพบว่าแคทเธอรินในเวลานี้นั้นมีเลือดไหลออกมาจากหูตาจมูกปาก จนชุดสีขาวของเธอมีรอยเลือดอยู่เป็นจุด ๆ
จากน้ำเสียงของแคทเธอรินหลี่ฝางฟังออกถึงความผิดปกติ จึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามขึ้นมา: “แคทเธอริน คุณเป็นอะไรไป?”
แคทเธอรินยิ้มพลางใช้มือเช็ดมุมปากที่เปื้อนเลือด ดวงตาคู่นั้นเป็นประกาย: “ฉันไม่เป็นอะไร หลี่ฝาง สิ่งที่ฉันจะพูดต่อไปนี้คุณจะต้องตั้งใจฟังให้ดี”
เมื่อพูดประโยคนี้จบ แคทเธอรินก็กระอักเลือดสด ๆ ออกมา ถึงแม้ว่าหลี่ฝางจะมองไม่เห็น แต่เขาก็สามารถรับรู้ได้ว่าสถานการณ์ของแคทเธอรินในตอนนี้นั้นไม่ค่อยปกตินัก: “คุณอย่าพึ่งพูด คุณบาดเจ็บเหรอ?”
แคทเธอรินล้มลงกับพื้นอย่างอ่อนแรง รอยยิ้มที่มุมปากกลับยังไม่จางหาย ที่จริงแล้วอายุขัยของแม่มดประจำชนเผ่าอูข่าแต่ละรุ่นนั้นไม่มากนัก เฉลี่ยแล้วมีอายุเพียงสามสิบปีเท่านั้น
การทำนายอนาคตนั้นจะต้องแลกกับอะไรบางอย่าง ทุกครั้งที่แม่มดใช้พลังเพื่อทำนายอนาคต อายุขัยของเธอก็จะลดลงไปสิบปี แคทเธอรินได้รับบาดเจ็บจากตอนที่ต่อสู้กับอาซาโทสมาก่อนหน้านี้ หลังจากนั้นยังถูกบังคับให้พลังทำนายอนาคตอีก ร่างกายของเธอนั้นเกินกว่าที่จะทนได้แล้ว
ถ้าหากเมื่อสักครู่เธอไม่ได้ทำนายอนาคตอีกครั้ง บางทีอาจจะพอฝืนทนได้อีกสักระยะ แต่ดูจากสภาพในตอนนี้ คาดว่าอายุขัยของแคทเธอรินคงเหลือไม่ถึงห้าปีแล้ว
“แค่ก ๆ ……ฉันไม่เป็นไร หลี่ฝาง คุณ คุณคือความหวังของพวกเราชาวอูข่า คุณ คุณต้องช่วยชนเผ่าของฉันนะ”
พยายามดึงสติขึ้นมา แคทเธอรินแทบจะขอร้องอ้อนวอนหลี่ฝาง
“เหอะ……ตอนนี้พลังของผมถูกผนึกเอาไว้ เป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่ง ช่วยตัวเองยังไม่ได้เลย แล้วจะไปช่วยชนเผ่าของคุณได้ยังไง?”
เมื่อได้ยินคำพูดของแคทเธอริน หลี่ฝางอดไม่ได้ที่จะกล่าวหัวเราะตัวเองขึ้นมา
แคทเธอรินเอียงศีรษะไปมองพระอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้าไป ฝืนทนต่อความเจ็บปวดรวดร้าวของร่างกาย เธอได้ตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวอยู่ภายในใจ: “อีกสักครู่หลังจากที่พระอาทิตย์ตกดินไปแล้ว ผู้ติดตามของฉันจะมาช่วยฉัน ฉันจะให้เขาช่วยพวกคุณออกไป และฟื้นฟูพลังของพวกคุณ ที่เช่นทำแบบนี้แค่ต้องการขอร้องเพียงข้อเดียวนั้นก็คือ หวังว่าพวกคุณจะเอาชนะอาซาโทสให้ได้ ช่วยชนเผ่าของฉันให้พ้นอันตราย”
เมื่อสักครู่ในตอนที่เธอทำนายอยู่นั้น แคทเธอรินได้มองเห็นอนาคตที่แตกต่างจากครั้งก่อน ในตอนที่ทำนายเมื่อครั้งที่แล้วนั้น อาซาโทสได้เอาชนะพวกหลี่ฝาง และยังสำเร็จเป็นเทพได้ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์
แต่ในครั้งนี้ หลังจากที่แคทเธอรินรู้ว่าหลี่ฝางมีหินเฮยสวนอยู่ในมือ อนาคตก็ได้เปลี่ยนแปลงไป
ถึงแม้หลี่ฝางจะไม่สามารถเอาชีวิตของอาซาโทสได้ แต่ก็ขัดขวางการเป็นเทพของเขาเอาไว้ได้
จุดจบเช่นนี้นั้นดีกว่าที่ได้ทำนายเมื่อครั้งที่แล้วมาก เพื่อความอยู่รอดของชนเผ่า แคทเธอรินยินดีที่จะยืนอยู่ฝั่งหลี่ฝาง
“จริงเหรอ? คุณมีวิธีทำให้พลังของพวกเราฟื้นฟู?” กู่ยี่เทียนฟังอย่างสับสนมึนงง แต่ประโยคสุดท้ายนั้นเขาฟังเข้าใจแล้ว เรื่องอื่นเขาไม่สนใจ ขอเพียงแค่สามารถฟื้นฟูพลังของเขาได้ ทุกอย่างล้วนไม่มีปัญหา
“สิ่งที่ปิดผนึกพลังของพวกคุณเอาไว้นั้น ความจริงแล้วเป็นเคล็ดวิชาลับอย่างหนึ่งของพวกกเราชนเผ่าอูข่า เพียงแค่ดื่มเลือดของฉัน เคล็ดวิชาลับก็จะถูกเปิดผนึกแล้ว”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ แววตาของแคทเธอรินก็ได้หม่นหมองลง ร่องรอยของความเจ็บปวดแวบผ่านไปใต้แววตาของเขา
ถึงแม้เธอจะถูกยกย่องให้เป็นแม่มดของชนเผ่า มีฐานะที่สูงส่ง แต่หลังจากที่การบูชาสำเร็จ แคทเธอรินก็ได้ละทิ้งความเป็นตัวของตัวเอง เธอไม่สามารถควบคุมชีวิตของตัวเองได้ การเป็นตายของเธอเกี่ยวข้องกับชะตากรรมของชนเผ่า
นอกจากนี้คนในเผ่ายังใช้เธอทดลองเคล็ดวิชาลับต่าง ๆ พูดได้ว่าเธอเป็นอาวุธลับของชนเผ่าอูข่าก็ว่าได้ ความจริงแล้วความสามารถของเธอนั้นพอ ๆ กับหลี่ฝาง หากรวมกับเคล็ดวิชาลับของชนเผ่าอูข่าแล้ว ยังร้ายกาจกว่าหลี่ฝางอีก
ที่พ่ายแพ้ให้กับอาซาโทสในครั้งนี้นั้น หลัก ๆ แล้วก็เพราะเธอไม่เพียงต้องต่อกรกับอาซาโทสและสิบสองอัศวินลูกน้องของเขา ทั้งยังต้องปกป้องชนเผ่าของเธอ
“นั่นมันสุดยอดไปเลย! อาซาโทส ฉันจะต้องเด็ดหัวของแกลงมาเตะเล่นเป็นลูกบอลให้ได้แน่!” หลังจากที่รู้ว่าสามารถฟื้นฟูพลังของตัวเองได้ กู่ยี่เทียนก็ได้กวาดล้างความกลัดกลุ้มเมื่อสักครู่นั้นทิ้งไป เขาเดินไปมาอยู่ในห้องขัง รอเพียงคนของแคทเธอรินมาช่วยตัวเองหลังจากที่ฟ้ามืด
“แคทเธอริน คุณอย่าพึงพูดอีกเลย มีเรื่องอะไรออกไปแล้วค่อยว่ากัน คุณวางใจเถอะ ผมจะต้องเอาชนะอาซาโทสให้ได้อย่างแน่นอน” จากท่าทีของแคทเธอรินหลี่ฝางก็ได้คาดเดาถึงผลของการทำนายได้แล้ว ความหวังได้จุดประกายขึ้นมาในใจของเขาอีกครั้ง
เพียงแค่ออกไปจากที่บ้า ๆ นี่ได้ เช่นนั้นทุกอย่างก็ยังไม่จบ
ไม่นานพระอาทิตย์ก็ได้ลับขอบฟ้าไป เสียงสัตว์ร้องคำรามได้ดังลอยมาจากในป่าอีกครั้ง เมื่อมองลงไปจากหน้าผา ก็จะสามารถมองเห็นแสงไฟระยิบระยับจากกองฟืนของชนเผ่าอูข่าที่ด้านล่าง
เวลาประมาณเที่ยงคืน จู่ ๆ ก็มีไฟลุกกระโหมขึ้นในชนเผ่าอูข่าที่อยู่ใต้หน้าผา เสียงการต่อสู้ได้ดังขึ้น แค่ฟังเสียงก็รู้ว่าสถานการณ์คับขันเหี้ยมโหดมาก
ที่ด้านล่างต่อสู้กันอย่างดุเดือด ทันใดนั้นสัตว์ประหลาดปีกยาวสองคนก็ได้บินขึ้นมา ทั้งสองคนนี้มีปีกอยู่สี่คู่ และรูปร่างใหญ่โตกว่าเมื่อสักครู่อีกเล็กน้อย
เห็นเพียงพวกเขาถือกระบี่ยาวที่แหลมคมเอาไว้ในมือคนละเล่ม ออกแรงฟันซ้ายขวาคนละทาง ก็พบว่ากรงเหล็กที่ขังแคทเธอรินเอาไว้นั้นถูกเปิดออก ทั้งสองคนทำปากขมุบขมิบมีเสียงแปลก ๆ ดังลอยออกมา พูดจบก็เตรียมที่จะพาแคทเธอรินจากไป
“เฮ้! พวก! พาพวกเราไปด้วยสิ!” กกู่ยี่เทียนเห็นสัตว์ประหลาดสองคนนั้นเตรียมจากไป จึงรีบเรียกหยุดพวกเขาอย่างร้อนรน
เมื่อทั้งสองคนนั้นได้ยินเสียงนี้ ก็ตะคอกใส่พวกหลี่ฝางอย่างดุร้ายทันที ถึงขั้นจะลงมือ ยังดีที่แคทเธอรินได้ห้ามพวกเขาเอาไว้
ก็ไม่รู้ว่าแคทเธอรินได้พูดอะไร สุดท้ายสัตว์ประหลาดสองคนนั้นก็ได้ใช้กระบี่เปิดประตูคุกที่ขังพวกหลี่ฝางเอาไว้ออก และแคทเธอรินก็ได้ถูกสัตว์ประหลาดสองคนนั้นพยุงเข้ามา
ถึงแม้เวลานี้จะเป็นตอนกลางคืน และในคุกก็ไม่มีแสงไฟ อาศัยแสงจากพระจันทร์ก็พอที่จะมองเห็นรูปร่างของคนได้ชัดเจนอยู่บ้าง
ถึงแม้ก่อนหน้านี้หลี่ฝางจะได้พูดคุยกับแคทเธอรินมาไม่น้อย แต่ตอนนี้ถึงนับว่าได้เจอหน้ากันจริง ๆ รูปร่างหน้าตาของแคทเธอรินไม่เหมือนกับชาวอูข่าคนอื่น ๆ เธอมีผิวที่ขาวมาก ขาวจนสามารถมองเห็นเส้นเลือดที่อยู่ใต้ผิวหนัง
ผมยาวสีม่วงแผ่ปกคลุมแผ่นหลัง ทำให้เธอดูสูงส่งลึกลับมากยิ่งขึ้น ถึงแม้ในตอนนี้เธอจะมีรอยบาดแผลอยู่ทั่วร่างกาย แต่มันก็ไม่ได้ส่งผลกระทบใด ๆ ต่อความสวยงามเหมือนนางฟ้าที่มีมาตั้งแต่เกิดของเธอ
แคทเธอรินมีรูปร่างหน้าตางดงามมาก โครงหน้ามีมิติ ดวงตาสีดำกลมโตราวกับองุ่นคริสทัล รูปร่างผอมบางไปนิด ทำให้ผู้คนอดไม่ได้ที่จะปกป้องเธอ
รูปลักษณ์ของสัตว์ประหลาดสองตัวนั้นความจริงแล้วก็ไม่ได้น่ากลัวอะไรมาก ผิวไม่ดำเท่าสัตว์ประหลาดตัวดำที่เคยเจอมาก่อนหน้านี้ ค่อนข้างคล้ายกลับมนุษย์ผิวดำ
มีรูปร่างสูงใหญ่ น่าจะราว ๆ ร้อยห้าสิบเซนติเมตร ปีกทั้งสี่คู่ในเวลานี้ได้พับเก็บอยู่ บรรจบกันอยู่บนหลัง มีบางอย่างที่เหมือนกับเขาวัวอยู่บนหัว รูปร่างหน้าตาเหมือนกับมนุษย์ต่างดาวกำลังถือกระบี่ยาวเอาไว้ในตอนนี้ จ้องมองหลี่ฝางและกู่ยี่เทียนอย่างหวาดระแวง
“ว้าว คิดไม่ถึงว่าจะเป็นหญิงงามคนหนึ่ง” เมื่อกู่ยี่เทียนเห็นรูปร่างหน้าตาของหลี่ฝาง ก็อดไม่ได้ที่จะอุทานออกมา
ถึงแม้สัตว์ประหลาดทั้งสองตัวนั้นจะฟังไม่รู้เรื่องว่ากู่ยี่เทียนกำลังพูดอะไรอยู่ แต่พวกเขารู้สึกว่าน้ำเสียงของกู่ยี่เทียนค่อนข้างเหลาะแหละ จึงยกกระบี่ขึ้นพลางตะคอกใส่กู่ยี่เทียน
“หลี่ฝาง กู่ยี่เทียน ขอแนะนำให้พวกคุณรู้จัก นี่คือผู้พิทักษ์ซ้ายขวาของฉัน อาคาอูและปันปู” หลังจากที่แคทเธอรินได้ปลอบประโลมอาคาอูและปันปูเสร็จ ก็หันไปแนะนำให้กับพวกหลี่ฝาง
“อาคาอูและปันปูจงรักจงรักภักดีกับฉันมาก เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาที่ฉันเชื่อใจที่สุด การช่วยเหลือในครั้งนี้ก็เป็นพวกเขาที่วางแผน ถึงแม้ว่าพวกเขาหน้าตาไม่หน้าดูนัก แต่พวกเขาฉลาดมากเลยทีเดียว นอกจากนี้ความสามารถของอาคาอูและปันปูนั้นไม่เลวเลยทีเดียว ถ้าพูดตามโลกภายนอกของพวกคุณแล้ว พวกเขาสองคนต่างก็ได้ถึงขั้นแดนเต๋า”
เพราะพลังถูกดผนึกเอาไว้ ดังนั้นหลี่ฝางและกู่ยี่เทียนจึงไม่สามารถรับรู้ถึงความสามารถของอาคาอูและปันปูได้ หลังจากที่ได้ยินคำพูดของแคทเธอรินก็ตกใจเป็นอย่างมาก
เดิมทีหลี่ฝางคิดว่าเจ้าตัวใหญ่ทั้งสองนี้สมองไม่สลับซับซ้อน รู้จักแค่ใช้กำลัง คิดมุถึงว่าจะแข็งแกร่งเช่นนี้
“อย่าพูดมากอีกเลย พวกคุณสองคนรีบดื่มเลือดของฉัน เพื่อปลดผนึกในร่างกายซะ” หลังจากที่แนะนำอย่างเรียบง่ายแล้ว แคทเธอรินก็คว้าเอากระบี่อันแหลมคมจากมือของอาคาอูมา และกรีดลงบนนิ้วมือของตัวเอง แล้วยื่นไปด้านหน้าของหลี่ฝางและกู่ยี่เทียน
มองดูเลือดสด ๆ ที่ไหลออกมาจากนิ้วมือสีขาวสะอาด หลี่ฝางอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลาย นี่มันชักจะน่าหวาดเสียวเกินไปแล้ว เดิมทีแคทเธอรินก็มีหน้าตาที่งดงามอยู่แล้ว สวยกว่าฉินวี่เฟยและหยางฉงด้วยซ้ำ
ภาพที่กำลังอมนิ้วมือของเธออยู่นั้น คิดยังไงมันก็คลุมเครือไม่ชัดเจน
ถึงแม้แคทเธอรินจะสามารถอ่านความคิดของคนได้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะสามารถอ่านความคิดของหลี่ฝางได้ตลอดเวลา
แคทเธอรินที่ไม่เข้าใจเรื่องระหว่างชายหญิงก็ต้องไม่เข้าใจเป็นธรรมดาว่าในใจของหลี่ฝางในตอนนี้นั้นกำลังคิดอะไรอยู่ เมื่อเห็นหลี่ฝางมีสีหน้าลังเล เธอก็ยัดนิ้วมือของตัวเองเข้าไปในปากของหลี่ฝางทันที
ตามหลักแล้วเลือดจะต้องทั้งคาวและเค็ม แต่ไม่รู้ว่าทำไมเลือดของแคทเธอรินถึงมีรสหวาน และยังมีกลิ่นหอมบางอย่างที่บอกไม่ถูกอีกด้วย หลี่ฝางเสพติดขึ้นมาเล็กน้อยอย่างไม่รู้ตัว
“หลี่ฝาง!” เสียงอ่อนหวานเสียงหนึ่งดังขึ้นมาในหัวของหลี่ฝาง เขาถึงได้รู้สึกตัวขึ้นมา เขาที่เดิมทีเพียงแค่ดูดนิ้วมือของแคทเธอริน ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้กัดเข้าที่คอของแคทเธอริน หลี่ฝางที่รู้สึกตัวขึ้นมารีบผงะออกทันที เขาก้าวถอยหลังไปสองก้าว เว้นระยะห่างระหว่างตัวเองกับแคทเธอริน
กลิ่นหอมหวานที่อยู่ในปากนั้นเข้มข้นมาก หลี่ฝางรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างจะหลุดออกมาจากหัวใจของเขา เขาที่ฟื้นฟูพลังขึ้นมาได้รีบเคลื่อนย้ายพลังสกัดกดทับความรู้สึกชั่วร้ายที่อยู่ในใจเอาไว้
เห็นเพียงแคทเธอรินมีสีหน้าขาวซีดลงกว่าเดิม ในดวงตาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด
เมื่อสักครู่เขาควบคุมตัวเองไม่ได้ ต้องการที่จะดูดเลือดของแคทเธอริน ถ้าไม่ใช่เพราะแคทเธอรินใช้คลื่นสมองปลุกเขาล่ะก็ เกรงว่าเขาที่ฟื้นฟูพลังขึ้นมาจะต้องก่อปัญหาใหญ่แน่
“แคทเธอริน คุณไม่เป็นอะไรนะ?” หลี่ฝางที่ได้สติคืนมาอย่างสิ้นเชิงนั้นรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก เขามองแคทเธอรินและถามด้วยความเป็นห่วง
“เชรด หลี่ฝางนายเป็นผีดูดเลือดหรือไงวะ? ดูกัดแคทเธอรินเข้าให้สิ!” กู่ยี่เทียนเองกถูกท่าทางเมื่อสักครู่ของหลี่ฝางทำให้ตกใจ ยังดีที่หลี่ฝางได้สติขึ้นมาทันเวลา ไม่เช่นนั้นคงต้องแย่แน่เลย
“ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น ฉันรู้สึกว่าเลือดของแคทเธอรินมีความยั่วยวนที่ไม่อาจห้ามใจได้ รอจนฉันได้สติขึ้นมา ฉันก็ได้กัดเข้าที่ขอของแคทเธอรินแล้ว”
หลี่ฝางยิ่งพูดยิ่งรู้สึกผิดต่อแคทเธอริน ไม่กล้าแม้แต่จะมองตาของแคทเธอริน
บนใบหน้าของแคทเธอรินที่ดีขึ้นมาบ้างแล้วกลับไม่ได้มีความประหลาดใจใด ๆ มากนัก ราวกับรู้แต่แรกแล้วว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น เพียงแค่เห็นเธอใช้เสือเช็ดรอยเลือดที่อยู่บนคอ และยื่นมือไปที่ดด้านหน้าของกู่ยี่เทียน
“คุณหยดเลือดลงบนฝาขาดดีกว่า อีกเดี๋ยวผมไม่อยากจะดูดเลือดของคุณจนหมดตัวหรอกนะ” มีหลี่ฝางเป็นบทเรียนก่อนหน้านี้แล้ว จะว่ายังไงกู่ยี่เทียนก็ไม่กล้าที่จะดูดเลือดของแคทเธอรินโดยตรง นอกจากนี้ยังได้หยิบเอาขวดน้ำออกมาจากในห่อผ้าสีดำนั่นเพื่อเอาผาขวด ให้แคทเธอรินหยดเลือดลงบนฝาขวดให้ตัวเองดื่ม
“คุณวางใจเถอะ คุณกับเขาไม่เหมือนกัน” เมื่อเห็นท่าทางหวาดผวาของกู่ยี่เทียน แคทเธอรินยิ้มพลางยื่นมือที่มีเลือดของตัวเองวางลงไปบนริมฝีปากของกู่ยี่เทียน
คำพูดนี้ของเธอทำให้หลี่ฝางงุนงงเป็นอย่างมาก ทำไมแคทเธอรินถึงบอกว่าเขาและกู่ยี่เทียนไม่เหมือนกัน? ตามหลักแล้ว เขาและกู่ยี่เทียนไม่ว่าจะเป็นพลังความแข็งแกร่งหรือโครงสร้างของร่างกาย ล้วนไม่ต่างอะไรกันมาก
“มีเรื่องบางอย่างที่ฉันจำเป็นต้องบอกกับพวกคุณ หลี่ฝาง คิดว่าคุณคงได้ทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องราวของเทพหมิง และเทพอ้านจากหินเฮยสวนแล้ว และน่าจะได้รู้เรื่องราวเกี่ยวสงครามเมื่อหลายพันปีก่อน ข้อมูลที่บันทึกอยู่ในหินเฮยสวน บอกว่าคนที่นับถือเทพอ้านนั้นได้ถูกทำลายล้างไปหมดสิ้น มีเพียงกลุ่มเล็ก ๆ ที่สามารถหนีรอดไปได้ ไม่รู้ร่องรอย”
“ความจริงแล้วสิ่งที่บันทึกอยู่ในหินเฮยสวนนั้นไม่ถูกต้อง ทายาทของเทพอ้านไม่ได้หลบหนีไป แต่ได้หลบเข้าไปในโลกใต้พิภพที่อยู่ใต้อูนัส โลกใต้พิภพแห่งนี้เป็นเทพอ้านและสิบสองอัศวินของเขาสร้างขึ้น ข้างในซ่อนความลับอันยิ่งใหญ่ของเทพอ้านเอาไว้ บรรพบุรุษของฉันหลบหนีเข้าไปในโลกใต้พิภพในตอนนั้น ก็ได้พบเข้ากับความลับนี้”
“เพื่อไม่ให้ผู้คนบนโลกภายนอกรู้ความลับนี้เข้า พวกเราชนเผ่าอูข่าจึงได้แบกรับภาระหน้าที่ผู้ดูแลปกป้องโลกใต้พิภพแห่งนี้เอาไว้ และให้โลกใต้พิภพแห่งนี้เป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของชนเผ่าเรา หลายพันปีที่ผ่านมา พวกเราใช้ชีวิตกันอย่างสงบสุข แต่ความสงบสุขของอูนัสกลับถูกอาซาโทสทำลายลงไปเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว”
“ฉันไม่รู้ว่าอาซาโทสได้รับรู้เรื่องราวของโลกใต้พิภพแห่งนี้เป็นมาจากที่ไหน นอกจากนี้ยังบอกว่าตัวเองเป็นเทพอ้านกลับชาติมาเกิด แถมยังสร้างสิบสองอัศวินของตัวเองขึ้นมา ไม่เพียงทำร้ายชนเผ่าของฉัน แล้วยังบีบบังคับให้ฉันมอบกุญแจเปิดเข้าสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ออกมา แต่ฉันสามารถมั่นใจได้ว่า พลังในร่างกายของอาซาโทส ไม่ได้มาจากเทพอ้านอย่างแน่นอน”
กู่ยี่เทียนที่ฟังอยู่ด้านข้างนั้นถึงกับตะลึงงัน เทพหมิง เทพอ้านนั่นคืออะไรกัน? แล้วทำไมถึงยังมีโลกใต้พิภพเพิ่มขึ้นมาอีกล่ะ?
แคทเธอรินยังอยากจะพูดต่อไป แต่กลับไอขึ้นมาอย่างหนัก สีหน้าท่าทางเจ็บปวดอย่างผิดปกติ นอกจากนี้ที่มุมปากของเธอยังมีเลือดไหลออกมา ถึงแม้แคทเธอรินจะเช็ดเลือดที่อยู่มุมปากนั่นออกไปอย่างรวดเร็ว แต่ก็ไม่อาจรอดพ้นสายตาของหลี่ฝางไปได้
หลี่ฝางเดินเข้าไปและจับเข้าที่ข้อมือของแคทเธอริน หลังจากที่สัมผัสได้ถึงชีพจรที่สับสนวุ่นวายของแคทเธอริน หัวใจของหลี่ฝางก็เต้นตึกตักขึ้นมา