NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - บทที่ 1210 ความขัดแย้งครั้งใหญ่ของโลกนักรบ
“อาคาอู ผมเป็นคนที่กล้าพูดและต้องทำให้ได้มาโดยตลอด ขอเพียงคุณและปันปูช่วยอย่างเต็มแรง ผมจะต้องรักษาสัญญาที่ผมให้ไว้อย่างแน่นอน” หลี่ฝางโค้งตัวลงพยุงอาคาอูให้ลุกขึ้นมา เขาพลันรู้สึกว่าพี่ดำตัวโตทั้งสองคนนี้ก็ไม่เลวเหมือนกัน
“โลกใต้พิภพอยู่ที่ปลายแม่น้ำ ถ้าคิดจะเข้าไป จะต้องใช้เลือดสด ๆ ของท่านแม่มดหยดลงบนประตูหินใหญ่บานนั้น เมื่อสักครู่พวกเราได้เลือดของท่านแม่มดมาแล้ว พวกเราออกเดินทางกันตอนนี้ได้เลย”
อาคาอูกล่าวไปพลางหยิบขวดแจกันเล็ก ๆ ออกมาและยื่นให้กับหลี่ฝาง นี่เป็นกุญแจที่ใช้เปิดประตูใหญ่เข้าสู่โลกใต้พิภพเชียวนะ จะต้องเก็บรักษาไว้ให้ดี
หลังจากที่บอกลาแคทเธอริน หลี่ฝาง กู่ยี่เทียน อาคาอูและปันปูทั้งสี่คนก็ได้ออกเดินทางไปยังปลายแม่น้ำ
ส่วนมังกรฟ้าที่อยู่ด้านนอก หลังจากที่ฟังหลี่ฝางพูดจบก็ได้ลงมือปฏิบัติการทันที ถึงแม้การสื่อสารผ่านคลื่นสมองเช่นนี้จะทำให้รู้สึกแปลกประหลาดมาก แต่เขาก็ยินดีที่จะเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง ก็ไม่ยอมเชื่อว่ามันไม่มีอยู่จริง
ไม่นาน เรื่องราวเกี่ยวกับหินคริสทัลลึกลับก็ได้กระจายไปทั่วโลกนักรบอย่างรวดเร็ว เหล่าชายชราของตระกูลใหญ่ที่ปลีกตัวจากยุทธภพต่างก็ได้ออกเคลื่อนไว โลกนักรบได้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ขึ้นในชั่วข้ามคืน
เดิมทีทั่วทั้งโลกมีนักรบแดนเต๋าอยู่เพียงไม่กี่คน หลังจากวันนี้ไปกลับมีเพิ่มมาเป็นเท่าตัว แค่พริบตาเดียวก็มีถึงสามสิบคนแล้ว นอกจากนี้คนที่ถึงขั้นแดนครึ่งเทพแล้ว ยังเพิ่มขึ้นมาอีกสี่คน
แม้แต่หลี่ต๋าคางที่อยู่ดูแลเมี๋ยวชุ่ยที่สถานตากอากาศเองก็เกิดความสนใจขึ้นมา คริสทัลที่สามารถทำให้นักรบแดนเต๋าทะลวงถึงขั้นแดนเทพ แถมยังต้านทานสายฟ้าทั้งเก้าได้เช่นนี้ สำหรับผู้ที่ฝึกฝนการต่อสู้อย่างพวกเขาแล้วนั้นมันเต็มไปด้วยแรงดึงดูดที่ร้ายแรง
“ต๋าคาง คุณไปเถอะ นี่เป็นโอกาสที่หาได้ยาก พวกเราฝึกฝนอย่างยากลำบากมาเป็นเวลาหลายปี ก็ไม่ใช่เพราะหวังว่าสักวันหนึ่งจะกลายเป็นเทพได้หรอกเหรอ? ยิ่งไปกว่านั้นเสี่ยวฝางก็อยู่ที่นั่น จู่ ๆ ก็มียอดฝีมือแดนเต๋าผุดขึ้นมามากมายแบบนี้ ฉันก็จริง ๆ ว่าเสี่ยวฝางจะรับมือไม่ไหว”
เมี๋ยวชุ่ยมองไปที่หลี่ต๋าคางที่นั่งขมวดคิ้วแน่นอยู่ที่หน้าต่าง ก็ได้ถอนหายใจพลางกล่าวโน้มน้าว
เป็นนักรบเหมือนกัน เมี๋ยวชุ่ยจะไม่เข้าใจความคิดของหลี่ต๋าคางในตอนนี้ได้ยังไง เพียงแต่ว่าร่างกายของเธอในตอนนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อน ต่อให้เข้าไปในซากปรักหักพังลึกลับ ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนักรบคนอื่น ๆ ดังนั้นเมี๋ยวชุ่ยจึงได้ทำลายความคิดที่จะแย่งชิงหันคริสทัลนั่นไป
แต่หลี่ต๋าคางนั้นไม่เหมือนกัน และความสามารถของเขาก็สูงกว่าขั้นแดนเต๋า ต่อให้เขาแย่งชิงเอาหินคริสทัลมาไม่ได้ ก็สามารถเข้าไปช่วยหลี่ฝางอีกแรงได้
“ที่รัก ผมเป็นห่วงคุณ ยิ่งในเวลาแบบนี้ ศัตรูของพวกเราก็ยิ่งจะมีการเคลื่อนไหว ถ้าเกิดผมเข้าไปช่วยเสี่ยวฝาง แล้วคุณจะทำยังไงล่ะ? ผมไม่กล้าที่จะเดิมพันแบบนี้ เมื่อเทียบกับคุณแล้ว การเป็นเทพไม่คู่ควรแก่การพูดถึงเลยสักนิด”
หลี่ต๋าคางดึงเมี๋ยวชุ่ยเข้ามากอดไว้ที่หน้าอกอย่างทะนุถนอม ในใจของหลี่ต๋าคางนั้นพูดได้ว่าเมี๋ยวชุ่ยสำคัญยิ่งกว่าชีวิตเสียอีก ที่เมี๋ยวชุ่ยได้รับบาดเจ็บหนักเมื่อครั้งที่แล้วก็ทำให้เขากลัวมากพอแล้ว เขาไม่อยากไปเสี่ยงอันตรายในครั้งนี้อีก
“โถ่เอ๊ย มีพวกโหวจื่ออยู่ไม่ใช่เหรอ? คุณจะกังวลอะไรอีกล่ะ อีกอย่าง พวกเรายังมีผู้อาวุโสใหญ่คอยคุ้มครอง คนพวกนั้นไม่กล้าทำอะไรโดยพลการหรอก คุณรีบพาเสี่ยวส้วยไปเถอะ ในเมื่อเสี่ยวฝางกล้าปล่อยข่าวที่สำคัญแบบนี้ออกมา งั้นแสดงว่าเขาต้องพบกับปัญหาที่ไม่สามารถแก้ไขได้อยางแน่นอน พวกเราคนเป็นพ่อเป็นแม่ จะต้องไปอยู่ที่ข้างกายของลูกในเวลาแบบนี้ไม่ใช่เหรอ?”
พวกเมี๋ยวชุ่ยรู้จากมังกรฟ้าตั้งแต่แรกแล้วว่าหลี่ฝางเป็นคนปล่อยข่าวนี้ออกมา และนี่ก็เป็นเหตุผลว่าทำไมเมี๋ยวชุ่ยถึงได้ต้องการใช้หลี่ต๋าคางเข้าไปที่ซากปรักหักพังลึกลับ
แม้ว่าหลี่ฝางจะไม่ได้เติบโตขึ้นมาที่ข้างกายของเมี๋ยวชุ่ย แต่ในฐานะแม่ผู้ให้กำเนิด เมี๋ยวชุ่ยนั้นเข้าใจความคิดของหลี่ฝางมากกว่าใครเป็นไหน ๆ หลี่ฝางคิดจะใช้ยอดฝีมือแดนเต๋าพวกนั้นมาต่อกรกับอาซาโทสอย่างแน่นอน
จะต้องรู้ว่าหลี่ฝางและกู่ยี่เทียนต่างก็อยู่ในแดนครึ่งเทพ ถ้าหากพวกเขาสองคนร่วมมือกันยังเอาชนะอาซาโทสไม่ได้ล่ะก็ เช่นนั้นความสามารถของอาซาโทสแข็งแกร่งถึงเพียงใดกันล่ะ
หลี่ต๋าคางเองก็นึกถึงจุดนี้ขึ้นมาได้ ดังนั้นเขาถึงได้ลังเลตัดสินใจไม่ได้เช่นนี้ ด่านหนึ่งคือภรรยา อีกด้านคือลูกชาย เขาไม่รู้จริง ๆ ว่าจะเลือกทางไหนดี
“ที่รัก เอาอย่างนี้ ให้เสี่ยวส้วยอยู่ที่นี่คุ้มครองคุณและเสี่ยวฉง ผมจะไปรวมตัวกับเสี่ยวฝางที่ซากปรักหักพังลึกลับ เพียงคนเดียว ผมเชื่อมั่นในความสามารถของเสี่ยวส้วย ต่อให้คนพวกนั้นถือโอกาสมาแก้แค้นก็ไม่กลัว”
คิดไปคิดมา หลี่ต๋าคางยังคงตัดสินใจให้ส้าวส้วยอยู่ที่นี่ ไม่ใช่เพราะอื่นใด ก็เพื่อป้องกันการเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันขึ้น
ระยะนี้มีนักรบหายตัวไปอยู่บ่อยครั้ง เพราะข่าวคราวของหินคริสทัล ตระกูลเหล่านั้นก็ได้มีการเคลื่อนไหวขึ้นมา
นอกจากนี้จากที่ตาเฒ่าพวกนั้นได้ปรากฏตัวสู่โลก นับวันหน่วยการต่อสู้ยิ่งไม่มีสิทธิ์ที่จะพูดอะไรมากในโลกนักรบ สงครามแย่งชิงหินคริสทัลในครั้งนี้ ท้องฟ้าของโลกนักรบคงต้องเปลี่ยนไปแล้ว
“ต๋าคาง ความสามารถของเสี่ยวส้วย ก็มีหวังที่จะทะลวงเข้าสู่แดนเทพ ฉันจะเห็นแก่ความปลอดภัยของตัวเอง จนทำให้เสี่ยวส้วยต้องเสียโอกาสในครั้งนี้ไปไม่ได้หรอก คุณพาเสี่ยวส้วยไปด้วย!”
สำหรับส้าวส้วย และพวกโหจื่อแล้ว เมี๋ยวชุ่ยเอ็นดูเหมือนลูกแท้ ๆ มาโดยตลอด โดยเฉพาะส้าวส้วยที่ได้สูญเสียทั้งพ่อและแม่ไป ยิ่งรักและเอ็นดูเป็นพิเศษ เมื่อได้ยินหลี่ต๋าคางบอกว่าให้ส้าวส้วยอยู่ที่นี่ เมี๋ยวชุ่ยก็ปฏิเสธโดยไม่ได้คิดทันที
“ไม่ได้! ผมจะเสี่ยวส้วยจะต้องมีคนใดคนหนึ่งอยู่ที่นี่!” สำหรับเรื่องนี้หลี่ต๋าคางเองก็ไม่ยอมถอย ถ้าหากเขาและส้าวส้วยล้วนจากไป ในสถานตากอากาศแห่งนี้ก็ไม่มีใครที่สามารถต่อสู้ได้ นักรบแดนเต๋าเพียงคนเดียวก็สามารถทำลายล้างพวกเขาทั้งหมดได้แล้ว
“ลุงครับ เลิกเถียงกันได้แล้วครับ ผมจะอยู่ที่นี่ปกป้องสถานตากอากาศ”
ในตอนที่หลี่ต๋าคางและเมี๋ยวชุ่ยกำลังทะเลาะกันอยู่นั่นเอง ทันใดนั้นส้าวส้วยก็ได้เดินเข้าประตูมา และยินดีสละโอกาสในการไปที่ซากปรักหักพังลึกลับ เพื่อแย่งชิงหินคริสทัล
เมื่อได้ยินคำพูดของส้าวส้วย เมี๋ยวชุ่ยก็ลนลานขึ้นมา: “เสี่ยวส้วย! โอกาสในครั้งนี้หายาก นายจะทิ้งไปจริง ๆ เหรอ?”
“ผมคิดดีแล้ว จะเป็นเทพหรือไม่นั้นจริง ๆ แล้วสำหรับผมมันไม่ได้สำคัญอะไร ในใจของผม พวกลุงถึงเป็นสิ่งที่ล้ำค่า นอกจากนี้ผมรู้คุณสมบัติร่างกายของตัวเองดี ผมไม่มีความสามารถนั่น ผมมาถึงขั้นนี้ได้ก็พอใจมากแล้ว ต่อให้ผมแย่งชิงหินคริสทัลได้ ผมก็จะมอบมันให้เสี่ยวฝาง”
ส้าวส้วยยิ้มมองเมี๋ยวชุ่ย นี่เป็นคำพูดจากใจของเขา สามารถทะลวงขั้นเข้าสู่แดนเทพได้มีเพียงคนเดียว เขาไม่เคยคิดเลยว่าคนคนนั้นจะเป็นตัวเอง นอกจากนี้ส้าวส้วยก็ได้สนับสนุนหลี่ฝางอย่างไม่มีเงื่อนไขมาโดยตลอด เขาเชื่อมั่นว่าคนที่เดินไปถึงจุดสูงสุดได้นั้นคือหลี่ฝาง
“เด็กคนนี้นี่! เฮ้อ!” เมี๋ยวชุ่ยซาบซึ้งใจจนไม่รู้จะพูดอะไร มองส้าวส้วยพลางถอนหายใจหนัก ๆ
“เสี่ยวส้วย เด็กดี ที่นี่มอบให้นายแล้วนะ” หลี่ต๋าคางยื่นมือออกมาออกแรงตบที่ไหล่ของส้วงส้วย ในแววตามีความเชื่อใจอันลึกซึ้ง
หลังจากที่จัดการเรื่องพวกนี้เรียบร้อย หลี่ต๋าคางก็ได้ออกเดินทางมุ่งหน้าไปที่ซากปรักหักพัง ส่วนต้าเซี่ยหลงเช่วส่งพวกมังกรฟ้าทั้งสี่คนออกมา หลังจากที่หลี่ต๋าคางมาถึงก็ได้เดินเข้าไปทันที
ถึงแม้ฉินวี่เฟยจะไม่ได้ฝึกการต่อสู้ แต่เธอก็พอได้ยินข่าวมาบ้าง เดิมทีเธอคิดว่าเขาแค่ไปปฏิบัติภารกิจธรรมดาเท่านั้น คิดไม่ถึงว่าครั้งนี้จะอันตรายเช่นนี้
หลายวันมานี้เธอค่อนข้างกระสับกระส่าย ถึงขนาดมีอยู่หลายครั้งที่ฝันว่าหลี่ฝางได้มายืนอยู่ต่อหน้าตัวเองโดยที่ทั้งตัวเต็มไปด้วยเลือด