NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - บทที่ 1215 ไม่เป็นอะไรมาก
ทันทีที่เมี๋ยวชุ่ยได้รับข่าวว่าเกิดเรื่องขึ้นกับหยางฉงก็ได้รีบมาที่โรงพยาบาล เมื่อเห็นฉินวี่เฟยที่นั่งยองอยู่บนทางเดินยาวของโรงพยาบาลอย่างเหงาหงอย เธอเองก็ลำบากใจขึ้นมา
ถึงแม้หลายวันมานี้เธอจะตั้งใจหลีกเลี่ยงไม่ให้หยางฉงได้พบกับฉินวี่เฟย แต่เมืองตงไห่ก้ใหญ่เพียงแค่นี้ สถานที่ระดับระดับสูงก็มีเพียงสถานที่พวกนั้นไม่กี่ที่ ช้าเร็วพวกเธอทั้งสองคนก็ต้องได้พบกัน
แต่สิ่งที่เมี๋ยวชุ่ยคิดไม่ถึงก็คือ เมื่อทั้งสองคนเจอกันจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ถ้าเกิดเด็กที่อยู่ในท้องของหยางฉงเป็นอะไรขึ้นมาจริง ๆ หลี่ฝางและฉินวี่เฟยคงต้องจบกันจริง ๆ แน่
ในฐานะคุณแม่ของหลี่ฝาง เมี๋ยวชุ่ยเป็นคนที่เข้าใจเขาที่สุดบนโลกใบนี้ ถ้าหากหยางฉงเกิดแท้งขึ้นมา ถึงแม้หลี่ฝางจะรู้สึกผิด สุดท้ายเขาก็ต้องเลือกคบกับหยางฉง
“คุณป้าคะ ขอโทษค่ะ ขอโทษหนูไม่ได้ตั้งใจ หนูไม่ทันระวังจริง ๆ หนูไม่ได้อยากทำร้ายเธอ” วินาทีที่ฉินวี่เฟยเห็นเมี๋ยวชุ่ย เธอก็ห้ามน้ำต่อเอาไว้ไม่ได้ จับมือของเมี๋ยวชุ่ยพลางร้องไห้พลางขอโทษ
“เด็กดี หยุดร้องได้แล้ว ป้ารู้ว่าหนูไม่ใช่คนแบบนั้น ไม่เป็นไร วางใจเถอะ เสี่ยวฉงจะต้องไม่เป็นอะไรแน่”
เดิมทีเมี๋ยวชุ่ยก็ชอบฉินวี่เฟยมากอยู่แล้ว เธอรู้นิสัยของฉินวี่เฟยดี ถึงแม้ตอนนั้นเธอจะไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ แต่เธอก็เชื่อว่าฉินวี่เฟยไม่ได้ตั้งใจผลักฉินวี่เฟยลงไปบนพื้น ดังนั้นเรื่องที่หยางฉงตกเลือดเธอไม่คิดที่จะโทษฉินวี่เฟย
ฉินวี่เฟยร้องไห้อยู่สักพักถึงห้ามน้ำตาของตัวเองเอาไว้ได้ เมื่อสักครู่สมองของเธอนั้นสับสนไปหมด สูญเสียความสามารถในการไตร่ตรองไปโดยสิ้นเชิง ตอนนี้มีสติขึ้นมาบ้างแล้ว พลันไม่รู้ว่าจะเข้าหาเมี๋ยวชุ่ยยังไงดี
ดูจากท่าทางแล้ว เมี๋ยวชุ่ยคงจะรู้การมีตัวตนอยู่ของหยางฉงตั้งแต่แรกแล้ว นอกจากนี้ดูจากท่าทางเธอเองก็ชอบหยางฉงไม่น้อย ทุกคนต่างก็รู้ความเป็นจริงทุกอย่าง มีเพียงตัวเองที่ไม่รู้อะไรเลย ฉินวี่เฟยรับไม่ได้กับความรู้สึกโดนหลอกแบบนี้
“วี่เฟย เรื่องเสี่ยวฉงป้าเองก็พึ่งรู้เมื่อไม่กี่วันมานี้เอง เสี่ยวฝางไม่ได้ติดต่อพวกเรามานานมากแล้ว อีกอย่างเสี่ยวฝางเองก็ไม่รู้ว่าเสี่ยวฉงได้มาที่เมืองตงไห่ เรื่องตั้งครรภ์เขายิ่งไม่รู้ไปใหญ่ เขาไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังหนู”
ดังนั้นถึงได้บอกว่าผุ้ยิงมักเข้าใจผู้หญิงด้วยกัน เมี๋ยวชุ่ยมองดูฉินวี่เฟยที่มีแววตาโกรธเคืองเล็กน้อย เธอรู้ว่าภายในใจของฉินวี่เฟยกำลังคิดอะไรอยู่ ไม่รอให้ฉินวี่เฟยเอ่ยปากถาม เมี๋ยวชุ่ยก็ได้เล่าเรื่องราวความเป็นมาคร่าว ๆ ออกมา
เห็นได้ชัดว่าเมื่อฉินวี่เฟยได้ฟังคำพูดของเมี๋ยวชุ่ยก็ได้ชะงักไปสักพัก แต่ไม่นานเธอก็กลับมาเป็นปกติ มองไปที่เมี๋ยวชุ่ยและยิ้มออกมาบาง ๆ : “คุณป้าคะ หนูกับหลี่ฝางเลิกกันแล้ว คุณป้าไม่ต้องอธิบายเรื่องพวกนี้กับหนูหรอกค่ะ หนูไม่ได้ใส่ใจมันแล้ว”
เมี๋ยวชุ่ยเห็นรอยยิ้มนี้ของฉินวี่เฟยไม่น่าดูไปกว่าร้องไห้เสียอีก เป็นที่ประจักษ์ว่าคำพูดนี้ของฉินวี่เฟยไม่ได้ออกมาจากใจจริง เธอถอนหายใจหนัก ๆ และกล่าวด้วยความหมายลึกซึ้ง
“เฮ้อ เด็กคนนี้นี่อยู่ต้องหน้าป้ายังจะเสแสร้งอีกเหรอ? ป้าอาบน้ำร้อนมาก่อน หนูตัดใจได้แล้วหรือยังป้าจะดูไม่ออกเหรอ? วี่เฟย ป้ารู้ว่าเสี่ยวฝางทำแบบนี้ไม่ถูก หนูจะโกรธจะแค้นเขาก็สมควรแล้ว ป้าจะไม่เกลี้ยกล่อมให้หนูยกโทษให้เขาอย่างแน่นอน”
“ป้าเพียงหวังว่าพวกหนูจะรักษาความสัมพันธ์ที่ได้มาไม่ง่ายนี่เอาไว้ ต่อให้ต้องเลิกรากัน ก็ต้องพูดให้มันชัดเจน อย่าจบความสัมพันธ์ครั้งนี้ไปแบบไม่ชัดเจน หนูและเสี่ยวฉงต่างก็เป็นเด็กดี ไม่ว่าในอนาคตใครจะเป็นลูกสะใภ้ของป้าป้าก็ชอบทั้งนั้น ป้าเพียงหวังว่าพวกหนูจะจัดการเรื่องนี้ได้อย่างสันติ”
หลายวันมานี้เมี๋ยวชุ่ยเกือบจะเข้าใจเรื่องราวทุกอย่างจากปากของหยางฉงแล้ว และเธอก็รู้ว่าหลี่ฝางตกหลุมรักหยางฉงในตอนที่สูญเสียความทรงจำไป ในกรณีนี้เธอไม่สามารถบอกได้ว่าใครถูกใครผิด เธอแค่อยากบอกกับพวกเด็ก ๆ ว่า ไม่ว่าจะตัดสินใจยังไง อย่าให้ตัวเองต้องมาเสียใจภายหลังก็พอ
“คุณป้าคะ ขอบคุณมากนะคะ” หลายวันมานี้ฉินวี่เฟยใช้ชีวิตอย่างเก็บกด หลังจากที่บอกเลิกหลี่ฝางในคืนวันนั้น เธอแทบจะไม่ได้พักผ่อนเลย ทันทีที่เธอมีเวลาว่าง เธอก็อดที่จะไปคิดเรื่องของหลี่ฝางไม่ได้
ความกระทบกระเทือนทางจิตใจอย่างต่อเนื่องทำให้ฉินวี่เฟยแทบคลั่ง แต่เธอจะล้มลงเพราะเรื่องนี้ไม่ได้ ตอนนี้เธอเป็นเสาหลักของตระกูลฉิน เพื่อคนในครอบครัว เธอก็จะต้องยิ้มสู้กับชีวิต
เรื่องที่ตัวเองเลิกรากับหลี่ฝางเธอทำได้เพียงแบกรับมันไว้เพียงลำพังอย่างเงียบ ๆ เท่านั้น เธอไม่ได้บอกแม้กระทั่งคนในครอบครัว เพราะถึงยังไงที่ตระกูลฉินมีฐานะอย่างทุกวันนี้ได้ ตกกยกกความดีความชอบให้หลี่ฝาง ถ้าหากพวกคนที่อิจฉาตระกูลฉินรู้เข้าว่าเธอได้เลิกกันกับหลี่ฝาง จะต้องแทบทนไม่ไหวที่จะโค้นล้มเชือดเฉือนตระกูลฉินอย่างแน่นอน
คำพูดเหล่านี้ของเมี๋ยวชุ่ยสำหรับฉินวี่เฟยแล้วเหมือนยาระงับความเจ็บปวด ทำให้หัวใจที่ปวดร้าวจนแทบขาดใจของฉินวี่เฟยมีโอกาสได้หายใจ
มองดูฉินวี่เฟยที่ร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด เมี๋ยวชุ่ยก็ทำได้เพียงปลอบประโลมกอดเธอเอาไว้ในอ้อมแขน เธอเองก็อายุมากแล้ว จะไปยุ่งเรื่องของเด็ก ๆ มากไม่ได้ ในเมื่อตอนนี้ฉินวี่แฟยและหยางฉงได้เจอกันแล้ว เช่นนั้นทุกอย่างก็รอให้หลี่ฝางจัดการเรื่องราวที่ซากปรักหักพังลึกลับ เสร็จกลับมาค่อยว่ากัน
หยางฉงเองก็อยู่ในห้องฉุกเฉินไม่นานสักเท่าไหร่ อยู่ในห้องฉุกเฉินประมาณชั่วโมงกว่า ๆ ก็ออกมาแล้ว หวางซีเหยาพุ่งข้าไปหาเป็นคนแรก นิสัยใจร้อนโผงผางของเธอ ดึงแขนของหมอและระเบิดออกมาอย่างบ้าคลั่ง
“คุณหมอ เสี่ยวฉงเป็นยังไงบ้าง? รักษาเด็กเอาไว้ได้หรือเปล่า? เธออาการหนักไหม? มีผลกระทบอะไรกับเด็กหรือเปล่า?”
คำถามชุดนี้ถามจนหมอมึนงงไปหมด ไม่รู้ว่าจะตอบคำถามไหนก่อนดี เขาได้เอาแขนของตัวเองออกมาจากมือของหวางซีเหยาอยางประหม่า และเดินเข้าไปหาเมี๋ยวชุ่ยด้วยท่าทางเคารพนอบน้อม
“ผู้อำนวยการหวาง เสี่ยวฉงเป็นยังไงบ้าง? อาการหนักหรือเปล่า?” ความจริงแล้วเมี๋ยวชุ่ยเองก็กังวลไม่น้อย แต่เธออายุถึงขนาดนี้แล้ว และในฐานะผู้อาวุโสเพียงหนึ่งเดียวที่อยู่ตรงนี้ เป็นธรรมดาที่จะแสดงอาการมากไม่ได้
“คุณนายหลี่ วางใจเถอะค่ะ คุณหนูหยางและเด็กในท้องไม่เป็นอะไรมาก เพียงแค่ไม่ระวังทำให้กระทบกระเทือนครรภ์เล็กน้อย ไม่ได้ส่งผลกระทบกับทารกในครรภ์ เพียงแต่ว่าต่อไปนี้คุณหนูหยางจะต้องพักฟื้นร่างกายสักระยะ อีกอย่างร่างกายของเธอค่อนข้างจะอ่อนแอ จะต้องบำรุงร่างกายถึงจะได้”
เป็นธรรมดาที่ผู้อำนวยการหวางจะรู้ฐานะของเมี๋ยวชุ่ย ดังนั้นถึงได้มีท่าทางเคารพนบน้อมแบบนี้ เมื่อสักครู่เธอกำลังประชุมอยู่ แต่จู่ ๆ เมี๋ยวชุ่ยก็ได้โทรเข้ามา บอกว่ามีคนไข้คนหนึ่งกำลังถูกส่งตัวมาที่โรงพยาบาล บอกเธอว่ายังไงก็ต้องให้คนไข้ปลอดภัย
จะต้องรู้ว่าผู้อำนวยการหวางเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสูตินรีแพทย์ที่มีชื่อเสียงที่สุดของประเทศ คิดจะให้เธอออกหน้ามันไม่ง่ายเลย แต่เมี๋ยวชุ่ยแค่โทรศัพท์สายเดียวก็จัดการได้แล้ว นี่ก็เพียงพอที่จะพิสูจน์ได้แล้วว่าตระกูลหลี่มีฐานะที่สูงส่งในประเทศจีน หรือแม้แต่ในโลก
“ไม่เป็นอะไรก็ดี ไม่เป็นอะไรก็ดี ขอบคุณผู้อำนวยการหวางมาก เพื่อแสดงการขอบคุณ ครั้งนี้ฉันจะลงทุนสองร้อยล้านหยวนเพื่อปรับปรุงระดับการรักษาและทรัพยากรทางการแพทย์ของโรงพยาบาล”
“คุณนายหลี่เกรงใจเกินไปแล้ว เรื่องเล็กน้อยเท่านั้นเอง โรงพยาบาลของพวกเราได้รับเงินช่วยเหลือจากคุณนายหลี่ ก็นับว่าเป็นเกียรติมากแล้ว”
หลังจากที่ผู้อำนวยการหวางได้ยินคำพูดของเมี๋ยวชุ่ยก็ดีใจจนแทบกระโดดขึ้นมา จับมือของเมี๋ยวชุ่ยและกล่าวขอบคุณอย่างจริงจัง นี่มันเงินสองร้อยล้านเชียวนะ! ครั้งนี้โรงพยาบาลของพวกเขาไม่เพียงสามารถเปลี่ยนอุปกรณ์ทางการแพทย์ใหม่ทั้งหมด เงินทุนในการออกไปเรียนรู้เพิ่มเติมในต่างประเทศก็มีแล้ว หรือแม้แต่จะขยายขนาดของโรงพยาบาลอีกก็ยังได้