NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - บทที่ 1222 ยีนที่เปลี่ยนไป
กู่ยี่เทียนชี้ไปที่โทชิโอะ คามิยะที่อยู่ในหลุมก่อนจะกลอกตา ถ้าเกิดเขารู้ว่าฮอว์กินส์นั้นแปลงกายไปแล้ว แถมเลือดก็ยังมีพิษ ให้ตายอย่างไรเขาก็ไม่มีทางใช้มือไปควักหัวใจของเขา
หลี่ฝางมองของเหลวสีเขียวที่ไหลออกมาจากบริเวณคิ้วของโทชิโอะ คามิยะ ก่อนจะมีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมา นี่มันปีศาจประหลาดโบราณงูยักษ์กลืนฟ้างั้นเหรอ?บันทึกในประวัติศาสตร์ไม่ได้บอกว่าปีศาจประหลาดนี้มันสาบสูญไปในสงครามตั้งแต่หลายพันปีก่อนแล้วเหรอ?อาซาโทสไปหาเนื้อของปีศาจประหลาดนี้มาได้อย่างไรกัน?
จู่ๆ ในหัวของหลี่ฝางที่คุยกับผู้อาวุโสในวันนั้นก็คิดขึ้นมา
“ยีนเปลี่ยน” !
เมื่อคิดได้แบบนี้ นอกจากหลี่ฝางจะรู้สึกตกใจเป็นอย่างมากแล้วก็ตกใจเข้าไปใหญ่ ผู้อาวุโสพูดกับเขาเล็กน้อยเพียงเท่านั้น บอกว่าบางประเทศกำลังวิจัยการเปลี่ยนแปลงของยีนของร่างกายมนุษย์เพื่อมาเปลี่ยนร่างกายของมนุษย์เอง มันทำให้คนธรรมดากลายเป็นนักรบได้ แถมยังสามารถทำให้นักรบระดับธรรมดาเพิ่มอิทธิพลของตัวเองได้ด้วย
ตอนแรกหลี่ฝางไม่เชื่อ ถึงอย่างไรการจะเปลี่ยนตัวตนที่ติดตัวมาตั้งแต่แรกนั้นมันยากกว่าอะไรเป็นไหนๆ แต่ตอนนี้เรื่องของโทชิโอะ คามิยะกับฮอว์กินส์ก็มาอยู่ตรงหน้าแล้ว หลี่ฝางเลยไม่เชื่อไม่ได้แล้ว หรือบางทีอาจจะมีบางประเทศที่วิจัยวิธีการเปลี่ยนยีนของคนออกมาได้แล้ว
“หลี่ฝาง คุณคิดอะไรออกหรือเปล่า?” กู่ยี่เทียนเห็นว่าสีหน้าของหลี่ฝางเปลี่ยนไป ก็อดไม่ได้ที่จะถาม
“ฉันคิดว่าบางทีฉันอาจจะเดาเหตุผลที่ฮอว์กินส์กับโทชิโอะ คามิยะมีความสามารถเพิ่มขึ้นมากกะทันหันออกแล้ว” หลี่ฝางพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่เบา สีหน้าของกู่ยี่เทียนเองก็จริงจังขึ้นมาด้วย พลางมองหลี่ฝางที่รอให้เขาพูดต่อไป
“ก่อนหน้านี้ผู้อาวุโสบอกกับฉัน ว่ามีบางประเทศกำลังทดลองยีนของมนุษย์ ฉันว่าพวกเขาจะต้องรู้แล้วว่าเนื้อของงูยักษ์กลืนฟ้าทำให้คนเปลี่ยนเนื้อหนังมังสาของคนได้ ดังนั้นเลยทำการวิจัยกับการเรียนรู้ จากนั้นก็วิจัยการเปลี่ยนยีนมนุษย์ได้ เพียงแค่วิธีนี้มันยังไม่สมบูรณ์ ยังมีปัญหาอยู่บ้าง ดังนั้นเลยทำให้ฮอว์กินส์กับโทชิโอะ คามิยะเปลี่ยนเป็นประหลาดไป”
คำพูดของหลี่ฝางทำให้กู่ยี่เทียนตะลึงจนอ้าปากค้าง เรื่องเหล่านี้เขาคิดว่าจะได้เห็นเพียงในหนังไซไฟเท่านั้น คิดไม่ถึงเลยว่าตอนนี้จะมาเกิดขึ้นกับตัวเองจริงๆ
“ขนาดปีศาจประหลาดโบราณยังทำออกมาได้เลยเหรอ?นี่มันฝืนธรรมชาติเกินไปแล้วนะ?” กู่ยี่เทียนอึ้งอยู่นานก่อนจะพูดคำพูดแบบนี้ออกมา
พูดตรงๆ ถึงแม้เทคนิคการโคลนจะไม่ใช่สิ่งที่หายากอะไร แต่เทคนิคการทำให้ปีศาจประหลาดโบราณกลับมามีชีวิตอีกครั้งนั้น มันเป็นเหมือนเป็นที่สุดของโลกเลยล่ะ ไม่รู้จริงๆ ว่าพวกที่ทำวิจัยนั้นคิดอะไรอยู่ กินอิ่มนอนหลับแล้วไม่มีอะไรทำเลยทำสิ่งที่ไร้ประโยชน์ขึ้นมา สุดท้ายยังต้องให้นักรบมาเก็บกวาดอีก
“แต่นี่เป็นเพียงการคาดเดาของฉัน ยังไม่กล้ามั่นใจ ตอนนี้สิ่งที่รีบร้อนที่สุดคือการหาอาซาโทสให้เจอ และหยุดไม่ให้เขาได้หินคริสทัลไป เรื่องการเปลี่ยนยีนนี้เราค่อยๆ คุยกันไปก็แล้วกัน”
หลี่ฝางเห็นว่ากู่ยี่เทียนพักฟื้นพอตัวแล้ว เลยเดินเข้าไปด้านหน้าประตูหิน ก่อนจะเอาเลือดของแคทเธอรินเทใส่ที่ล็อกตรงกลาง
เพียงไม่นานด้านในก็มีเสียงของโซ่ออกมา จากนั้นประตูหินก็ค่อยๆ เปิดออกมา
ด้านในของประตูหินนั้นมีหมอกขาว ห่างเพียงห้าก้าวก็มองไม่เห็น เลยเดินต่อไปไม่ได้แล้ว พวกหลี่ฝางเลยต้องจับไหล่กันเดินไปด้านใน
ตอนที่เงาของพวกเขาหายเข้าไปในหมอกหมด ประตูหินใหญ่ก็ปิดเสียงดังขึ้นมา
แต่ตอนที่พวกหลี่ฝางกับโทชิโอะ คามิยะสู้กัน โห่จื่อที่อยู่ไกลออกไปบริเวณเมืองตงไห่ก็ช่วยเป็นเวลาสิบสองชั่วโมงแล้ว
ไท่ซางนั้นไม่ห่างจากประตูของห้องฉุกเฉินเลย ในใจของพวกเขานั้นโกรธจนทำให้ใบหน้าของเขาโกรธเป็นอย่างมาก แถมหวางซีเหยาที่ร้องไห้อยู่ข้างๆ ยิ่งทำให้เขาหงุดหงิด เลยอดไม่ได้ที่จะตะโกนใส่หวางซีเหยา
“หุบปากเดี๋ยวนี้!นอกจากร้องไห้แล้วยังทำอะไรเป็นอีกเหรอ?”
หวางซีเหยาถูกไท่ซางทำให้นิ่งอยู่กับที่ พลางมองไท่ซางด้วยน้ำตา จากนั้นที่มีสติกลับมาก็ยิ่งร้องไห้หนักเข้าไปใหญ่
“นี่ต้องโทษคุณไม่ใช่เหรอ!ฉันกับน้าเมี๋ยวไปที่ห้องทำงานของผู้อำนวยการหวางแล้ว พวกคุณทำให้เสี่ยวฉงหายไป!ตอนนี้เธอท้องอยู่ด้วย ถ้าเกิดเธอเป็นอะไรไป ฉันกับคุณมีเรื่องกันแน่!”
หลังจากที่หวางซีเหยาถูกหยางฉงไล่ออกจากห้องพักผู้ป่วยแล้ว เมี๋ยวชุ่ยไม่อยากให้เธอไปรบกวนการคุยของฉินวี่เฟยกับหยางฉง เลยจูงเธอไปดื่มชาที่ห้องทำงานของผู้อำนวยการหวาง แต่ใครจะไปรู้ว่ายังไม่ทันดื่มชาเสร็จ ก็ได้ยินคนมารายงาน บอกว่าฉินวี่เฟยกับหยางฉงถูกลักพาตัวไปแล้ว โหจื่อเจ็บหนักมาก ตอนนี้อยู่ในห้องฉุกเฉินไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไร
ในฐานะที่เป็นคนสนิทของหยางฉง หวางซีเหยาจะรับได้อย่างไร และร้องห่มร้องไห้กับไท่ซาง ยังดีที่เมี๋ยวชุ่ยนั้นผ่านเรื่องราวใหญ่ๆ มา ถึงแม้หลี่ต๋าคางจะไม่อยู่ แต่ก็ไม่ส่งผลกับเมี๋ยวชุ่ยในการสั่งการ
เธอนั้นติดต่อส้าวส้วยเป็นอันดับแรก ก่อนจะให้เขารีบพาคนไปตามหาที่อยู่ของฉินวี่เฟยกับหยางฉง จากนั้นเธอก็บอกราฟาเอลกับผู้อาวุโส ให้พวกเขาช่วยตรวจสอบหน่อย สุดท้ายก็ให้ต้าเซี่ยหลงเช่วหาหมอที่เก่งที่สุดขององค์กรของพวกเขาไปผ่าตัดให้โหจื่อสักหน่อย ทั้งหมดนั้นมันเป็นการจัดการภายในยี่สิบนาทีเท่านั้น ก็ถูกเมี๋ยวชุ่ยจัดการหมดแล้ว
“ฉันเอาหัวเป็นประกันเลยนะ ถ้าเกิดว่าฉันช่วยพี่สะใภ้สองคนออกมาไม่ได้ ฉันเอาหัวเป็นประกันเลย!” ไท่ซางนั้นอดไม่ไหวจริงๆ เลยพูดคำนี้ออกไปก่อนจะออกจากโรงพยาบาลไป
เรื่องในวันนี้มันเป็นเหมือนการดูถูกที่ใหญ่ที่สุดในเขา ชายลึกลับนั่นไม่เพียงแต่มาลูบคมถึงที่โดยการลักพาตัวฉินวี่เฟยกับหยางฉง แถมยังทำให้พวกพ้องของเขาบาดเจ็บด้วย
สำหรับไท่ซางแล้ว นี่มันเป็นความแค้นที่สุดแล้ว
“ฮัลโหล หาคนเจอหรือยัง?” ไท่ซางนั้นโทรหาราฟาเอล ก่อนจะพูดเสียงเย็นชาจับใจ
ราฟาเอลกับไท่ซางรู้จักกันมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ทั้งสองคนนั้นเป็นเหมือนคู่กัดตลอดกาล ปกติพูดเสียงเย็นชาจับใจอยู่แล้ว นี่เป็นเพียงครั้งแรกที่ราฟาเอลได้เห็นท่าทีจริงจังของไท่ซาง หลังจากที่ชะงักไปสักพักก็พูดออกมา
“ต้าเซี่ยหลงเช่วนั้นมีข่าวออกมา บอกว่าคนที่ลักพาตัวพวกพี่สะใภ้ไปมีความเกี่ยวข้องกับฆาตกรที่ทำให้นักรบเหล่านั้นหายไป……”
“อย่ามาพูดไร้สาระ หาที่อยู่เจอแล้วก็ส่งมา ไม่ว่าเขาจะเป็นใคร วันนี้ฉันจะทำให้ศพเขาสลายเลยล่ะ!”
คำพูดของราฟาเอลนั้นเพิ่งพูดมาครึ่งเดียว ก็ถูกไท่ซางตัดบทด้วยความหงุดหงิด เขาถอนหายใจด้วยความจนปัญญา ก่อนจะอดทนปลอบไท่ซางที่ไม่สบอารมณ์
“คุณใจเย็นก่อนนะ ฉันรู้ว่าเรื่องวันนี้มันทำให้คุณเจ็บปวดเป็นอย่างมาก แต่ตอนนี้ถ้าคุณปรี่เข้าไปแบบนี้ มันมีแต่จะตกอยู่ในมือของศัตรู พวกเราไปหาพวกส้าวส้วยก่อน แล้วค่อยคุยเรื่องแผน”
ไท่ซางฟังคำพูดของราฟาเอลก็เกือบจะไม่หุนหันไป จากนั้นก็ตะโกนใส่โทรศัพท์ “แกจะให้ฉันใจเย็นได้อย่างไร พี่สะใภ้ทั้งสองอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ โดยเฉพาะหยางฉงยังท้องอยู่ โหจื่อในตอนนี้เองก็นอนอยู่ในห้องฉุกเฉินโดยไม่รู้ความเป็นความตาย!ถ้าไม่ฆ่าไอ้ลูกหมานั่นคงจะกลืนความโกรธลงไม่ไหว!”