NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - บทที่ 1230 ความพ่ายแพ้ที่สุดในชีวิต
“ไท่ซาง ปล่อยให้พวกเขาไป” ส้าวส้วยจ้องมองหงส์แดงที่ยืนอยู่กับฉินวี่เฟย เมื่อเห็นว่าเธอไม่เป็นอะไรจึงลดพลังในร่างของตนเองลง ก่อนที่จะตบบ่าของไท่ซาง เพื่อให้เขาคลายมือ
“แกว่าไงนะ? ปล่อยพวกมันไป? ส้าวส้วยแกบ้าไปแล้วใช่ไหม? เพราะที่บ้าพวกนี้ ตอนนี้โหจื่อยังนอนอยู่ที่ห้องไอซียู หยางฉงก็เกือบแท้ง แต่แกจะให้ฉันปล่อยมันไป? !”
ไท่ซางคิดว่าตนเองได้ยินผิดไป จ้องเขม็งส้าวส้วยอย่างไม่อยากจะเชื่อ ตอนนี้เขาถูกความโกรธครอบงำจนเสียสติ ถึงกับลืมไปว่าส้าวส้วยเป็นคนระดับไหน
คนที่ทำให้ส้าวส้วยตัดสินใจหลีกทางได้ เขาจะอ่อนหัดได้ยังไง?
“ฉันขอพูดอีกครั้ง ปล่อยพวกเขาไป” ตอนนี้ส้าวส้วยเองก็สีหน้าเย็นชา เขาไม่แสดงความคิดเห็นต่อนิสัยของไท่ซาง และการหลงตัวเองและวู่วามส้าวส้วยไม่ชอบเลยสักนิด
หากเขาไม่วู่วาม หากตั้งใจฝึกฝนเพื่อพัฒนาตนเอง โหจื่อก็คงไม่ต้องนอนอยู่ที่ห้องไอซียู ฉินวี่เฟยและหยางฉงก็คงไม่ถูกลักพาตัว
แม้แต่ตอนนี้เขาก็ยังไม่รู้สึกถึงความผิดของตน ในหัวมีแต่จะระบายความคับแค้นในใจเท่านั้น
คนแบบนี้หากอยู่ข้างกายหลี่ฝาง ไม่ช้าก็เร็วต้องเกิดเรื่องขึ้นแน่
“ถ้าฉันบอกว่าไม่ล่ะ? แกจะทำไม?” คราวนี้ไท่ซางเองก็คิดแข็งข้อกับส้าวส้วย ยืดอกไม่ยอมถอย กลิ่นอายไฟโกรธของทั้งคู่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
“อ้าว ทำไมหนุ่มสาวถึงได้เจ้าอารมณ์จังเลยล่ะ ฉันสัญญาที่จะปล่อยพวกเขาสามคนไปแล้ว ไม่งั้นแกเห็นแก่ฉัน ครั้งนี้ช่างมันเถอะนะ”
ท่านชายป๋ายยู่จ้องมองยอดฝีมือทั้งสอง ออกมาคลี่คลายเรื่องราวด้วยรอยยิ้ม
แต่ไท่ซางที่โมโหสามารถถล่มฟ้าดินได้เลย ไม่เกรงกลัวใครทั้งนั้น เขาเหลือบมองท่านชายป๋ายยู่ ไม่แยแสเขาแม้แต่น้อย “แกคิดว่าแกเป็นใคร? แกบอกว่าปล่อยพวกมันไปก็ปล่อยพวกมันไปหรือไง? หน้าของหน้าละอ่อนอย่างแกจะมีค่าสักเท่าไหร่กันเชียว”
ใบหน้าที่ยิ้มแย้มของท่านชายป๋ายยู่แข็งทื่อทันทีเมื่อได้ยินคำว่าหน้าละอ่อน หมัดกำแน่น ไท่ซางไม่ทันได้เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ก็ถูกกำปั้นจนกองกับพื้นเสียแล้ว
เสียงแค่สามสิบวินาทีสั้นๆ เขาก็ถูกหมัดของท่านชายป๋ายยู่อัดไม่ต่ำกว่าร้อย ดีว่าร่างกายขอเขาทนต่อการอัด นอกจากใบหน้าที่ถูกอัดจนบวมเป็นหัวหมูแล้ว ไม่ได้บาดเจ็บสาหัสอะไรมาก
ถูกอัดหลายหน ไท่ซางอย่าว่าแต่โกรธเลย เขาแทบจะตกเข้าสู่นาทีชีวิต
“เมื่อถึงโลกใต้พิภพ บัญชีเก่ากับบัญชีเก่าคิดพร้อมกันเลย ทางที่ดีประเทศญี่ปุ่นล้างมลทินให้สะอาดจะดีกว่านะ” ส้าวส้วยจ้องตาของจอห์น กล่าวอย่างเย็นชา
จอห์นไม่พูดอะไรมาก แบกเสือดำพร้อมกับนิคหายไปจากสายตาของทุกคนอย่างรวดเร็ว
“ป๋ายยู่ หยุด” เมื่อมองท่านชายป๋ายยู่ที่ยังคงอัดไท่ซางอย่างเอาเป็นเอาตาย หลี่ต๋าคางเดินเข้าไปจับข้อมือของเขาเอาไว้
“แกเป็นใคร!” ท่านชายป๋ายยู่ที่ถูกหลี่ต๋าคางจับข้อมือเอาไว้ตื่นตระหนก ต่อหน้าเหมือนว่าเขาเพียงปล่อยหมัดเท่านั้น แต่บนโลกนี้คนที่หยุดเขาได้จริงๆ มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น
แถมคนเหล่านั้นเขาก็เคยพบเจอ ต่างก็เป็นกลุ่มคนที่มีผมขาว หลี่ต๋าคางที่ยังอายุน้อย ท่านชายป๋ายยู่เพิ่งเคยเจอเป็นครั้งแรก
หรือว่าเพราะเขาเข้าฌานนานเกินไป เรื่องราวของโลกภายนอกเขาถึงได้แปลกตาไปถึงขนาดนี้?
“คนของตระกูลหลี่” ประโยคสั้นๆ ง่ายๆ ทำให้ท่านชายป๋ายยู่ต้องรูม่านตาขยายอีกครั้ง ตระกูลหลี่? คงไม่ใช่หลี่เดียวกับในความทรงจำของเขาหรอกนะ?
ตอนที่ท่านชายป๋ายยู่เพิ่งมีชื่อเสียง หยิ่งยโสมาก ถึงขั้นท้ารบกับสำนักนักรบทั้งประเทศจีน จะทำให้พวกเขาทุกคนพ่ายไปให้หมด เป็นนักรบอันดับหนึ่งของประเทศจีน
เมื่อคำพูดเหล่านี้ถูกแพร่ออกมา ทำให้สำนักนักรบมากมายไม่พอใจ ทุกสำนักต่างส่งศิษย์ที่มีพรสวรรค์มากที่สุดเพื่อรับคำท้า แต่ท้ายที่สุดต่างก็พ่ายให้กับท่านชายป๋ายยู่ทั้งหมด
ในขณะที่ท่านชายป๋ายยู่คิดว่าตนเองไร้เทียมทานแล้วนั้น ก็ได้รู้จากคนที่พ่ายให้กับเขาว่ายังมีตระกูลหลี่อยู่อีก ได้ข่าวว่าตระกูลหลี่มีนักรบที่มีพรสวรรค์ที่หาได้ยากในรอบพันปีคนหนึ่ง อายุน้อยก็มีความสามารถที่ล้นหลาม
เพราะงั้นเขาถึงไปหาตระกูลหลี่ถึงที่ ติดที่จะประลองกับนักรบที่หาพบได้ยากในรอบพันปีนี้ เพียงแต่ไม่ทันที่เขาจะก้าวเข้าประตู ก็ถูกบอดี้การ์ดที่เฝ้าอยู่หน้าประตูอัดจนปลิวออกมา
นี่มันความพ่ายแพ้อย่างมหันต์ในชีวิตของท่านชายป๋ายยู่ คนที่รักศักดิ์ศรีอย่างเขาไม่กล้าพูดว่าตัวเขานั้นพ่ายให้กับคนที่เฝ้ารักษาประตู จึงได้แต่หลอกลวงคนอื่นว่าตระกูลหลี่ไม่กล้ารับคำท้าของเขา
แต่ความจริงแล้ว มีเพียงแค่ท่านชายป๋ายยู่และตระกูลหลี่เท่านั้นที่รู้เรื่อง
“แกคงไม่ใช่ทายาทสายตรงของตระกูลหลี่หลอกนะ? แม้ว่าความสามารถของแกจะไม่เลว แต่เมื่อเทียบกับตระกูลหลี่จริงๆ แล้ว ยังห่างไกลมาก นึกถึงคุณชายตระกูลหลี่ในตอนนั้น คงต้องไว้หน้าเขาทั้งประเทศ”
ต่อให้เป็นอย่างนั้น ท่านชายป๋ายยู่ก็ไม่เชื่อว่าหลี่ต๋าคางจะเป็นคนของตระกูลหลี่ ถึงขั้นเชื่อว่าเขาเป็นคนของตระกูลหลี่ยิบย่อยออกมา
ส่วนหลี่ต๋าคางคนนี้เขาเองก็เบื่อที่จะทำความเข้าใจ อันที่จริงนักรบที่มีพรสวรรค์ที่เลื่องลือไปทั่ววงการต่อสู้ก็คือหลี่ต๋าคางเอง เพียงแต่หลังจากนั้นเพราะสาเหตุบางอย่างเขาออกจากวงการต่อสู้หลายปี เขาจึงค่อยๆ หายไปจากสายตาของทุกคน
“ครั้งนี้ต้องขอบคุณพวกคุณมากที่ยื่นมือเข้าช่วย ถือว่าผมติดหนี้บุญคุณพวกคุณ หากมีเรื่องที่ต้องการความช่วยเหลือ ไปหาผมได้ที่ตระกูลหลี่”
เขาทิ้งท้ายประโยค หลี่ต๋าคางลากไท่ซางที่ถูกอัดจนเละไม่เป็นท่าขึ้น ก่อนที่จะพาทุกคนออกจากที่
นอกจากท่านชายป๋ายยู่และนักพรตเต้าฝ่า อันที่จริงยังมีนักรบมากฝีมือที่ดูเหตุการณ์อยู่ หนึ่งในนั้นมีเฒ่าผมขาวคนหนึ่งจ้องมองแผ่นหลังของหลี่ต๋าคาง ลูปเคราของเขาพร้อมกล่าวอย่างครุ่นคิด
“เฮ้อ ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าคนแซ่หลี่นั่นคุ้นตานัก? เหมือนว่าเคยเจอที่ไหนมาก่อน”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น นักบวชที่ยืนอยู่ข้างๆ เขาก็เริ่มครุ่นคิดอย่างสงสัยเช่นเดียวกัน “ท่านกัว เมื่อได้ยินท่านว่าอย่างงั้น ผมเองก็เหมือนว่าคุ้นเคยกับเขานะ แต่ก็จำไม่ค่อยได้แล้ว”