NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - บทที่ 1278 พระบุตรพระเป็นเจ้า
สิ่งนี้เป็นสิ่งที่หลี่ฝางสงสัยที่สุด หากเทพไท่จี๋เป็นบรรพบุรุษของนักรบ ก็ไม่สมเหตุสมผลที่ที่โลกมนุษย์จะไม่รู้จักเขา
หลังได้ยินคำถามของหลี่ฝาง ท่านผู้อาวุโสหยิบภาพอีกใบออกมาจากซองเอกสารด้วยรอยยิ้ม
ภาพใบนี้ดูใหม่กว่าภาพขาวดำเมื่อสักครู่ ในภาพเป็นภาพถ่ายถ้ำใต้ดินขนาดใหญ่ ในกลางถ้ำนั้นมีโลงศพคริสทัลที่ถูกพันธนาการเอาไว้
โรงภาพกึ่งใส สามารถเห็นร่างของคนนอนอยู่ข้างในนั้นจางๆ แถมคนๆ นั้นยังไร้ร่องรอยที่ตายไปแล้ว เสมือนกับเพียงนอนหลับไปเท่านั้น ร่างกายยังคงสภาพอย่างดี
สร้างความตะลึงให้กับหลี่ฝางและคนอื่นๆ อีกครั้ง ต่อให้เป็นปัจจุบัน การที่จะรักษาร่างไม่ให้เสื่อมสลาย ก็เป็นเรื่องที่ยากลำบากอย่างมาก แต่เมื่อหลายพันปีก่อนกลับทำได้
“ที่นอนอยู่ในโลงศพคริสทัลนี่ เป็นร่างของเทพไท่จี๋ แม้เขาจะแตกดับไปแล้ว แต่ร่างของเขายังถูกเก็บรักษาเอาไว้อย่างดี ภาพนี้ถ่ายเมื่อสี่สิบปีก่อน ที่ถ้ำลึกในดินแดนศักดิ์สิทธิ์”
“ในนั้นยังมีบันทึกเกี่ยวกับการตายแล้วฟื้น และวิธีการอยู่ยงคงกระพัน การอยากไปถึงจุดนั้นได้ ต้องใช้เลือดเนื้อที่หัวใจของพระบุตรพระเป็นเจ้าเป็นยา พระบุตรพระเป็นเจ้าหมื่นปีจะเกิดครั้ง ลูกของหลี่ฝางก็คือพระบุตรพระเป็นเจ้า”
เมื่อได้ยินประโยคของท่านผู้อาวุโส หลี่ฝางนิ่งอึ้งไปโดยปริยาย เขานึกไม่ถึงเลยว่าลูกของเขาจะมีที่มาสูงศักดิ์เช่นนี้ มิน่าเล่าท่านผู้อาวุโสถึงได้เก็บเรื่องราวของแดนศักดิ์สิทธิ์ของนักรบเป็นความลับ
ตายแล้วฟื้น อยู่ยงคงกระพัน ไม่ว่าเหตุการณ์ไหนก็เพียงพอที่จะทำให้คนใต้หล้าบ้าคลั่งได้ ไม่เช่นนั้นคนโบราณคงไม่หาทุกวิถีทางเพื่อกลั่นยาวิเศษ อยากจะครอบครองร่างที่อยู่ยงคงกระพัน
“ท่านผู้อาวุโส เรื่องที่ท่านเล่าในวันนี้ มีใครบ้างที่รู้?” หลี่ต๋าคางที่เงียบกริบมาตลอดกล่าวขึ้น สายตาที่เขาจ้องมองท่านผู้อาวุโสแฝงไปด้วยความระแวดระวัง
เมื่อถึงวัยอย่างท่านผู้อาวุโส ต้องรู้อยู่แล้วว่าเหตุใดหลี่ต๋าคางถึงได้ถามเช่นนี้ หากลูกของหลี่ฝางเป็นพระบุตรพระเป็นเจ้าจริงๆ ถ้างั้นต้องตกเป็นเป้าคนเหล่าวายร้ายแน่
“วางใจเถอะ เรื่องของแดนศักดิ์สิทธิ์ฉันปกปิดเป็นอย่างดี เพื่อนของฉันในตอนนั้นไม่มีกันแล้ว คนที่รู้เรื่องนี้นอกจากเหล่าคนตำแหน่งสูงของต้าเซี่ยหลงเช่วแล้ว ก็มีแค่เราเท่านั้นที่รู้”
ท่านผู้อาวุโสกล่าวพร้อมสบตาหลี่ต๋าคาง
ต่อให้เป็นอย่างงั้น สีหน้าของหลี่ต๋าคางก็ไม่ดีขึ้น เขาจ้องมองเหล่ากู่ยี่เทียนอย่างเฉยชา พร้อมน้ำเสียงแห่งการระแวดระวัง
“ผมไม่สนใจว่าเด็กคนนี้จะเป็นใคร ใครที่กล้าทำร้ายเขาแม้แต่น้อย ตระกูลหลี่ของเราจะเอาคืนเป็นร้อยเท่าพันเท่า”
แม้ประโยคนี้จะไม่เสียงดังมาก แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้ทุกคนในที่นี้ช็อกไปตามๆ กัน แม้แต่ท่านผู้อาวุโสที่ได้พบปะผู้คนมานับไม่ถ้วน ก็ต้องหวั่นบ้างเล็กน้อย
“ลุงหลี่วางใจเถอะ เราสาบานว่าจะไม่มีวันทำร้ายคนของตระกูลหลี่แน่ หากเราทำ ก็ขอให้เราไม่ได้ตายดี!”
“เฮียพูดถูก หากเราทำเรื่องที่ทำร้ายเด็กคนนี้ ก็ขอให้ผมถูกฟ้าผ่าตกนรกขุมที่สิบแปด!”
“ใช่แล้ว เราไม่มีวันทำเรื่องที่ทำร้ายตระกูลหลี่แน่!”
แม้ประโยคของหลี่ต๋าคางจะไม่เป็นมิตร แต่กู่ยี่เทียนและคนอื่นๆ ก็เข้าใจความลำบากใจของเขา ต่างสาบานกับหลี่ต๋าคางอย่างจริงจัง
เมื่อเห็นทุกคนสาบาน สีหน้าของหลี่ต๋าคางถึงได้ดีขึ้นมาบ้าง หลังจากนั้นเขาได้กล่าวถามท่านผู้อาวุโสอีกครั้ง “ท่านผู้อาวุโส ท่านรู้วิธีที่จะขับไล่เทพอ้านออกจากร่างของลูกชายผมไหม?”
เรื่องของเด็กเพราะต้าเซี่ยหลงเช่วเก็บเป็นความลับอย่างดี ตอนนี้ไม่มีอันตรายอะไร แต่เทพอ้านในร่างของหลี่ฝาง ต้องกำจัดให้เร็วที่สุด
“เรื่องนี้ฉันเองก็ช่วยอะไรไม่ได้ แต่ฉันรู้จักอยู่ที่หนึ่ง ไม่แน่คนที่นั่นอาจจะช่วยพวกคุณได้ เพียงแต่คนที่นั่นค่อนข้างเก็บตัว แทบจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับคนนอกเลย ถ้าอยากจะให้พวกเขาช่วย ยากลำบากมากเลยทีเดียว”
เรื่องของหลี่ฝางท่านผู้อาวุโสเองก็ไร้หนทาง เขาเองก็นึกไม่ถึงเลยว่าเทพอ้านจะรักษาดวงจิตของตนเอาไว้ในซากปรักหักพังเป็นพันปีไม่แตกดับ
“ถ้างั้นก็ไม่มีทางอื่นแล้ว เรื่องมาถึงขนาดนี้เราต้องลองสักตั้ง” หลี่ฝางกล่าว
“สถานที่แห่งนั้นอยู่ที่ชายแดนระหว่างประเทศจีนและประเทศลาว คนที่นั่นเรียกว่าเผ่ากู่ คนของเผ่ากู่ชำนาญในเรื่องการใช้วิชากู่และเวทมนตร์ พวกเขามีเคล็ดวิชาลับมากมาย สมัยก่อนฉันไม่ระวังบุกรุกดินแดนของพวกเขา ได้เห็นพวกเขาชุบชีวิตของคนที่ใกล้ตายกับตา”
“และฉันก็ได้พบกับประวัติของเทพไท่จี๋ด้วย แต่เพราะเผ่ากู่ไม่ยุ่งกับโลกภายนอก ฉันเลยไม่ได้ข้อมูลในส่วนนั้นมา ฉันก็ไม่มั่นใจว่าพวกเขาจะบีบเทพอ้านออกจากร่างของแกได้ไหม แต่ฉันว่าน่าจะลองสักตั้ง”
เมื่อท่านผู้อาวุโสเห็นความมุมานะของหลี่ฝาง จึงได้แต่พูดเรื่องราวของเผ่ากู่ ยังไงตอนนี้ก็ไม่มีวิธีอื่นแล้ว ยังไงก็ลองเสี่ยงสักตั้ง ไม่แน่เผ่ากู่อาจจะมีวิธีจริงๆ
หลังจากที่ได้ข่าวคราวจากท่านผู้อาวุโส หลี่ฝางกลับไปที่บ้านพักตากอากาศพร้อมกับหลี่ต๋าคางและส้าวส้วย ตอนนี้เมี๋ยวชุ่ยได้ฟื้นเรียบร้อยแล้ว เมื่อเห็นหลี่ฝางยืนอยู่ตรงหน้าของตนอย่างปลอดภัย น้ำตาพลันไหลอาบทันที
“ดูเธอสิ ลูกชายกลับมาแล้วไม่ใช่เหรอไง? เป็นเรื่องน่ายินดี ทำไมถึงได้ร้องไห้ไปได้ล่ะ”
หลี่ต๋าคางจ้องมองเมี๋ยวชุ่ยที่ร้องไห้ด้วยความตื้นตัน พลางเช็ดน้ำตาให้กับเธอพร้อมกับหยอกล้อ
หลี่ฝางจ้องมองเมี๋ยวชุ่ยที่บาดเจ็บสาหัส ในใจเจ็บปวดอย่างมาก เมื่อรู้ว่าเมี๋ยวชุ่ยเป็นแบบนี้เพราะปกป้องฉินวี่เฟยและหยางฉง ทำให้เขารู้สึกผิดอย่างมาก
“ขอโทษ คุณแม่ ผมกลับมาช้าไป ทำให้พวกท่านต้องลำบากแบบนี้” หลี่ฝางก้มหน้าไม่กล้าสบตาเมี๋ยวชุ่ย
“เด็กโง่ แกกลับมาก็ดีแล้ว สิ่งที่สำคัญกว่าไหนๆ ใช่สิ เด็กล่ะ? เด็กไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
หลังจากที่เมี๋ยวชุ่ยตั้งสติได้ อันดับแรกคือการมองหาหลานชายคนโตของตน หลี่ต๋าคางจึงได้แต่อุ้มผิงอันไปตรงหน้าเธอ ให้เธอได้ดูผ่านภาชนะ