NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - บทที่ 1302 กิน ? ไม่กิน?
หลี่ฝางกำลังคิดว่าว่าจะทำอย่างไรให้ อูหลิงตกลงพาพวกเขาเข้าไปในเผ่ากู่ แต่ใครจะไปคิดว่าคำพูดนี้ของอูหลิง จะทำลายความหวังของพวกเขาลง
อีกอย่างท่าทางการพูดจาของเขาก็ทำให้รู้สึกไม่สบอารมณ์ด้วย ราวกับว่าไม่เห็นพวกหลี่ฝางอยู่ในสายตาเลยสักนิด
“ในเมื่อเป็นอย่างนี้ ทำไมนายถึงต้องมาพบพวกเราด้วย ?” หลี่ฝางมองอูหลิงพร้อมถามด้วยความฉุน
เมื่อได้ยินประโยคนี้ อูหลิงก็หันไปชำเลืองมองหลี่ฝางอย่างช้าๆ ใบหน้าไร้ความรู้สึก “ถ้าหากไม่มีเสี่ยวหลินตังอยู่ที่นี่ ผมก็ไม่มาเจอพวกคุณหรอก”
หลี่ฝางรู้สึกว่าเสี่ยวหลินตังและอูหลิงคนนี้มาก็เพื่อจงใจที่จะขัดขวางตัวเอง คนให้เบาะแสคนนี้นอกจากจะไม่ประโยชน์แล้ว ยังจะมาเป็นศัตรูกับตัวเขาอีก
“ไอ้ยาเพื่อนอูหลิง จะพูดว่าเป็นไปไม่ได้เลยก็ไม่ได้ ถึงนายจะบอกว่าชนเผ่าของพวกนายจะไม่ติดต่อกับคนจากโลกภายนอก แต่นายก็เป็นเพื่อนกับเสี่ยวหลินตังไม่ใช่หรือไง?ในเมื่อนายยังสามารถติดต่อกับ เสี่ยวหลินตังได้ อย่างนั้นทำไมชนเผ่าของนายถึงจะมาเจอพวกเราสักครั้งไม่ได้ล่ะ”
กู่ยี่เทียนรับรู้ได้ถึงความไม่พอใจของหลี่ฝาง จึงกลัวว่าเขาจะไม่สามารถสงบอารมณ์ได้จนเรียกเทพอ้านในตัวของเขาออกมา จนต้องกลับมาสวมบทเป็นทูตแห่งสันติภาพอีกครั้ง
แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดเลยก็คืออูหลิงคนนี้กลับไม่ไว้หน้าเขาเลยแม้แต่น้อย ทั้งยังตอบกลับอย่างไร้อารมณ์โดยไม่แม้แต่จะหันไปมองกู่ยี่เทียนเลยด้วยซ้ำ
“เสี่ยวหลินตังเป็นคู่แท้ที่ฉันตามหา ผู้ชายในเผ่ากู่ของพวกเราทั้งชีวิตนี้จะมีคู่แท้เพียงคนเดียวเท่านั้น ดังนั้นสำหรับพวกเราเธอถือเป็นคนที่พิเศษ แต่พวกคุณเป็นอะไร ?”
คำพูดประโยคนี้ของเขาได้สร้างความไม่พอใจให้กับทุกคนที่นั่งอยู่ในห้องยกเว้นเสี่ยวหลินตัง ไขจี๋เออลุกขึ้นจากโซฟา พลางพับแขนเสื้อขึ้น ด้วยท่าทีพร้อมที่จะใช้กำลัง
“หัวหน้ากู่ เจ้าเด็กนี้ชักไม่เห็นใครอยู่ในสายตาเกินไปแล้ว เดี๋ยวฉันจะช่วยนายสั่งสอนสั่งสอนเขาสักหน่อยเอง !”
“เดี๋ยวๆๆ คนกันเองทั้งนั้น อย่าหยาบคายๆ” กู่ยี่เทียนห้ามปรามไขจี๋เอออย่างเอือมระอา ก่อนจะหันหน้าไปร้องขอความช่วยเหลือจากเสี่ยวหลินตัง “เสี่ยวหลินตัง เขาเป็นเพื่อนของเธอ เธอช่วยคุยกับเขาสักหน่อยดีกว่า”
เมื่อได้ยินกู่ยี่เทียนพูดแบบนี้ คราวนี้เสี่ยวหลินตังถึงค่อยวางขาที่ไขว่ห้างลง แล้วหันไปพูดกับ
“เสี่ยวหลิงหลิง ฉันรู้ว่านายหน่ะดีที่สุดแล้ว นายก็ถือว่าช่วยฉันแล้วกันนะ”
แน่นอนว่าพลังแห่งความรักนั้นยิ่งใหญ่ คนที่เมื่ออยู่ต่อหน้าพวกหลี่ฝางแทบจะไม่สนใจอะไรเลยอย่าง อูหลิง แต่พอแม่อยู่ต่อหน้า เสี่ยวหลินตัง ท่าทางของเขาก็เปลี่ยนไปเลย 180 องศา
จากนั้นบนใบหน้าไร้ความรู้สึกของก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้นมา “ขอเพียงแค่เสี่ยวหลินตังพูด ฉันพร้อมที่จะทำให้ได้ทุกอย่างอยู่แล้ว”
ทางด้านพวกหลี่ฝางที่เห็นการโต้ตอบของสองวัยรุ่น ก็รู้สึกว่าเลี่ยนจนอยากจะสำลักออกมา คิดไม่ถึงว่าคนอายุราวพวกเขาจะได้มากินอาหารสุนัขที่เจ้าเด็กสองคนนี้โรยไว้
“นายบอกว่าเพียงแค่มีคนจากโลกภายนอกแอบลักลอบเข้าไปในเขตชนเผ่ากู่ของพวกนาย ก็จะถูกคนในเผ่าห่าทิ้งไม่ใช่หรือไง ?นายมีความสามารถที่จะพาพวกเราเข้าไปอย่างปลอดภัยขนาดนั้นเลยหรือ ?”
คำถามนี้หลี่ฝางไม่ได้ตั้งใจที่จะหาเรื่อง อูหลิง เขาเพียงแค่คิดว่าเด็กหนุ่มคนหนึ่งอย่างอูหลิงที่อยู่ในเผ่ากู่ก็คงจะไม่ใช่คนที่มีอำนาจในการพูดอะไรมากมาย ถึงขั้นที่จะสามารถทำให้ชนเผ่าที่ต่อต้านโลกภายนอกมาโดยตลอดให้ยอมรับคนจากโลกภายนอกได้
“คุณรู้สาเหตุที่ทำไมเผ่ากู่ของพวกเราถึงสามารถรับรู้ว่ามีคนภายนอกแอบลักลอบเข้ามาในเขตของพวกเราได้อย่างท่วงทันหรือเปล่า ?” เมื่อเผชิญกับความสงสัยของหลี่ฝาง อูหลิง ไม่ได้ตอบกลับสิ่งที่เขาถามเป็นสิ่งแรก แต่กลับถามหลี่ฝางกลับแทน
“ฉันไม่ใช่คนเผ่ากู่ของพวกนายสักหน่อย จะไปรู้ได้ยังไง” หลี่ฝางกลอกตาตอบอย่างหมดคำจะพูด รู้สึกว่าคำถามนี้ของอูหลิงดูจะปัญญาอ่อนเกินไป
“ในเผ่ากู่ของพวกเรา จะมีแมลงขนาดเล็กชนิดหนึ่งอยู่ แมลงเหล่านี้เป็นสัตว์สังคมที่มีราชาและราชินีของตัวเอง และเจ้าแมลงพวกนี้ก็มีการอาศัยอยู่ทั่วพื้นที่ของเผ่ากู่ และพวกมันถือเป็นผู้พิทักษ์ที่ดีที่สุดของเผ่ากู่ด้วย”
“พวกมันสามารถแยกแยะกลิ่นของคนเผ่ากู่และคนภายนอกได้ แค่เพียงมันพบว่ามีคนนอกแอบลักลอบเข้าไป พวกมันก็จะหลั่งฟีโรโมนบางอย่างออกมา และเมื่อราชาและราชินีของพวกมันได้รับฟีโรโมนเหล่านี้เข้า จากเดิมทีที่มีตัวโปร่งใสก็จะกลายเป็นตัวแดงทันที”
“ที่ฉันมียาอยู่ชนิดหนึ่ง ขอเพียงแค่กินยานี้ลงไป ร่างกายของพวกนายก็จะมีกลิ่นอายแบบเดียวกันกับคนเผ่ากู่ของเรา และก็จะไม่ไปดึงดูดความสนใจของแมลงผู้พิทักษ์อีกด้วย”
หลังจากที่อูหลิงพูดจบ ก็หยิบเอาขวดยาอันหนึ่งออกมาจากกระเป๋ากางเกงของตัวเอง พลางวางลงบนโต๊ะ หลี่ฝางหยิบขวดยาขึ้นมาพร้อมกับเทเม็ดยาที่อยู่ด้านในออกมาสองเม็ด
ยาเม็ดนี้มีขนาดเพียงแค่ครึ่งนิ้วเท่านั้น มีสีดำขลับ กลิ่นค่อนข้างเหม็น จนดูไม่ออกเลยว่าทำมาจากวัตถุดิบแบบไหน
ทางพวกหลี่ฝางที่มองยาเม็ดเหล่านี้แล้วก็ถึงกับหันไปสบตากันด้วยความงุนงง ไม่กล้าที่ลองกินลงไป
“นี่นาย ยานี้ของนายทำมาจากอะไร ?ดำสนิทขนาดนี้ ทั้งกลิ่นก็ยังโคตรเหม็นมากด้วย นี่คงไม่ได้เอามาหลอกพวกเราเล่นหรอกใช่ไหม ?”
ไขจี๋เออหยิบเม็ดยาขึ้นมาพร้อมถามด้วยใบหน้าที่ไม่มั่นใจ
“ยังไงพวกคุณก็ไม่มีทางที่จะเข้าไปในเผ่ากู่ได้แล้ว จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็แล้วแต่เลย ถ้าไม่กินก็เอาคืนมา” อูหลิงยังคงแสดงท่าทีโอหังเหมือนเดิม พร้อมกับแย่งยาเม็ดที่อยู่ในมือของไขจี๋เออกลับมา แล้วพูดด้วยความไม่สบอารมณ์
“วางใจเถอะหน่ะ ยาเม็ดนี้ไม่มีผลข้างเคียงอะไร ก่อนหน้านี้ฉันก็มักจะใช้ไอ้นี่เพื่อที่จะเข้าไปในเผ่ากู่เพื่อไปหาเสี่ยวหลิงหลิง ไม่เคยถูกพบตัวเลยสักครั้ง”
เสี่ยวหลินตังที่อยู่ข้างๆ เมื่อเห็นว่าพวกของหลี่ฝางไม่มีใครกล้าที่จะกินยาเม็ดนี้ จึงหยิบยาเข้าไปโดยทันที แล้วกลืนลงไปอย่างเฉยเมย
“เสี่ยวหลินตัง เธอ……” กู่ยี่เทียนคิดจะห้ามแต่ก็ไม่ทันซะแล้ว ได้เพียงแต่ใช้สายตาสับสนมองไปยังเสี่ยวหลินตัง
“เสี่ยวหลินตังเป็นถึงคู่แท้ของฉัน ฉันไม่มีทางที่จะทำร้ายเธอเด็ดขาด ถ้าพวกนายไม่เชื่อฉัน งั้นก็ช่างมัน”
อูหลิงดูออกว่าพวกของหลี่ฝางไม่เชื่อใจในตัวเขา จึงปั้นสีหน้านิ่งหยิบเอายาเม็ดนั้นกลับมา
หลี่ฝางถึงกับใจหวิว พร้อมกับจับเอาขวดยาเอาในมือ “กินสิ ใครบอกว่าพวกเราไม่กิน”