NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - บทที่ 1312 ฟื้นฟูกำลัง
เมื่อเสี่ยวหลินตังได้ยินคำพูดของกู่ยี่เทียน ก็ค่อยๆ ออกแรงตามการชี้แนะของเขา แต่ต่อให้กำลังของนางแข็งแกร่งสักเพียงใด ก็ไม่มีทางที่จะเอาร่างออกจากโคลนตมแห่งนี้ไปได้
และยิ่งเธอออกแรงมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งจมลงไปเร็วมากขึ้นเท่านั้น เมื่อหลี่ฝางกับพวกเห็นคนทั้งสองยิ่งจมลงไปลึกมากขึ้นก็ยิ่งร้อนใจ พวกเขาไม่เคยพบเจอเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน ห้วงเวลานั้นจึงไม่รู้ว่าควรจะรับมือเช่นไร
“ฮือๆ…… พี่กู่ยี่เทียน ฉันกลัว ฉันรู้สึกเหมือนมีหนอนเลื้อยเข้าไปในเสื้อผ้าของฉันแล้ว!” เสี่ยวหลินตัง เอ่ยกับกู่ยี่เทียนพลางร่ำไห้
อันที่จริงแล้วกู่ยี่เทียนก็รู้สึกได้เช่นกัน ขาทั้งสองที่จมอยู่ในโคลนตมรู้สึกจั๊กจี้ เขาไม่รู้ว่าตัวอะไรกำลังไต่อยู่ในนั้น
เหตุการณ์ที่ตามองไม่เห็น ทำให้ความกลัวในจิตใจของเขายิ่งทวีคูณ ตอนนี้ทั้งกู่ยี่เทียนและเสี่ยวหลินตังกำลังตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน
แต่ยิ่งเป็นเช่นนี้ กู่ยี่เทียนก็ยิ่งไม่สามารถแสดงความหวาดกลัวที่อยู่ในใจออกมาได้ หากแม้แต่ตัวเขาเองยังไม่อาจคงสติเอาไว้ได้ ก็ยิ่งไร้หนทางดึงร่างออกไปจากโคลนตมนี้ได้
“ไม่ต้องกลัว เสี่ยวหลินตัง เธอหายใจเข้าลึกๆ ทำใจให้สงบ” กู่ยี่เทียนเอ่ยปลอบเสี่ยวหลินตังไปพลางพยายามอย่างหนักที่จะคิดหาวิธี
“คุณพระ! พี่ใหญ่ นั่นมันอะไรกัน!”
ในขณะที่หลี่ฝางกับพวกพยายามใช้ความคิดทั้งหมดที่ตัวเองมีเพื่อหาวิธีช่วยกู่ยี่เทียนกับเสี่ยวหลินตัง ออกมาจากบึงน้ำอยู่นั้น ไขบู๊เกอก็ค้นพบว่าในบึงน้ำห่างไปไม่ไกลคล้ายมีอะไรบางอย่างว่ายน้ำมาทางนี้
สิ่งๆ นั้นกำลังดำผุดดำว่ายอยู่ในบึง แหวกโคลนออกเป็นสาย เหตุใดพวกเขาถึงได้ซวยซ้ำซวยซ้อนถึงขนาดนี้ได้!
เมื่อเห็นสภาพการณ์เลวร้ายเช่นนี้ สิ่งที่อยู่ในบึงจะต้องตัวใหญ่มหึมาอย่างไม่ต้องสงสัย
“กู่ยี่เทียน! รีบจับมือฉันเอาไว้ ฉันจะดึงแกขึ้นมา” เมื่อเห็นตัวอะไรสักอย่างที่ไม่สามารถระบุได้ มุ่งหน้าตรงเข้ามาทางกู่ยี่เทียนกับเสี่ยวหลินตัง หลี่ฝางก็รีบยื่นมือออกไปทางกู่ยี่เทียน หวังจะดึงพวกเขาขึ้นมาจากบึงน้ำให้ได้
ทว่าหลี่ฝางก้าวเท้าออกไปได้เพียงครึ่งก้าว ผืนดินใต้เท้าของเขาพลันแยกออก หากไม่ได้ส้าวส้วยที่ยืนอยู่ด้านหลังดึงตัวเอาไว้ได้อย่างรวดเร็ว หลี่ฝางเองก็คงจะตกลงไปด้านล่างเช่นกัน
“อูหลิง! รีบเอายาถอนฤทธิ์ออกมาให้พวกเรา ขืนยังไม่ฟื้นฟูกำลังของพวกเรากลับคืนมา เสี่ยวหลินตัง กับกู่ยี่เทียนคงไม่รอดแน่ๆ!”
ในช่วงเวลาไฟลนก้นเช่นนี้ อูหลิงยังไม่ยอมเอายาถอนฤทธิ์ออกมา นี่ทำให้หลี่ฝางโกรธจนกระทืบเท้า
เมื่อเห็นเสี่ยวหลินตัง จมลงในบึงน้ำไปครึ่งตัวแล้ว สายตาของอูหลิง ก็เริ่มเกิดประกายความลังเล สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟันแล้วหยิบยาถอนฤทธิ์ออกมาให้หลี่ฝาง
ในชั่วเวลาเพียงพริบตาเดียว ในขณะที่ตัวประหลาดที่ยังไม่รู้ว่าคืออะไรอยู่ห่างจากกู่ยี่เทียนและเสี่ยวหลินตัง เพียงสามสี่เมตร เงาร่างของมนุษย์ก็พุ่งทะยานขึ้นมายังด้านหน้าของพวกเขา จากนั้นใช้มือสองข้างของเขาดึงตัวคนทั้งสองออกมาจากบึงน้ำ
“ไป!” หลี่ฝางที่ฟื้นฟูพลังของตัวเองกลับมาแล้วยกกู่ยี่เทียนกับเสี่ยวหลินตังลอยตัวขึ้น จากนั้นจึงหันศีรษะตะโกนไปทางส้าวส้วยกับพวก
แน่นอนว่าส้าวส้วยกับพวกไม่กล้าหยุดนิ่งอยู่กับที่ จึงสูดหายใจลึกแล้วกระโดดออกมาได้ไกลกว่าสิบเมตร
วินาทีหลังจากที่พวกเขาหนีออกมาจากบึงน้ำนั่นได้แล้ว คางคกตัวมหึมาก็กระโดดออกมาจากใต้ดิน
คางคกตัวนี้ขนาดมหึมาใหญ่โต ราวกับภูเขาลูกย่อมๆ ดวงตาทั้งสองกลมโตราวลูกหนัง บริเวณหลังของมันเต็มไปด้วยตุ่มพิษตะปุ่มตะป่ำ ผิวหนังเป็นสีดำสลับเขียว แถมยังมีเศษซากเน่าๆ ติดอยู่ตามตัวของมัน
มันส่งเสียงร้องไปทางหลี่ฝางและพวกที่ทะยานอยู่บนฟ้า ทำเอาหูของพวกเขาชาไปข้างหนึ่ง กลิ่นเหม็นเน่าตลบอบอวลพุ่งตรงใส่พวกเขา ตะไคร่สีเขียวที่อยู่บนพื้นแปรสภาพกลายเป็นสีเหลืองในทันที
หลี่ฝางเห็นดังนั้นจึงรีบลอยตัวสูงขึ้นไปกว่าเดิม เพื่อหลบไอพิษกระแสนั้น ทว่าพวกของส้าวส้วยกลับตกที่นั่งลำบาก เพราะพวกไขจี๋เออ กับอูหลิง ลอยตัวไม่ได้
เมื่อเห็นทุกคนใกล้จะถูกไอพิษกลืนกิน ส้าวส้วยจึงกัดฟัน พยายามรวบรวมกำลังสร้างม่านกำบังสีขาวเพื่อห่อหุ้มพวกเขาทั้งหมดเอาไว้ด้านใน ในขณะที่หลี่ฝางกำลังจะลงมือ ไอพิษก็ได้ปกคลุมพวกเขาเอาไว้แล้ว
“ส้าวส้วย!” เมื่อเห็นส้าวส้วยและคนอื่นๆ หายตัวเข้าไปในไอพิษ หลี่ฝางก็ร้อนใจอย่างมาก
ผ่านไปประมาณห้าถึงหกวินาทีกว่าไอพิษจะสลายตัวไป ตอนนั้นจึงเห็นส้าวส้วยคุกเข่าอยู่กับพื้น แขนทั้งสองอ้ากว้าง ม่านกำบังโปร่งแสงกำลังปกคลุมอยู่ด้านบนศีรษะของเขา
นี่เป็นครั้งแรกที่ส้าวส้วยสร้างม่านกำบังได้ ยังดีที่เขาพยายามฝืนตัวเอง ไม่เช่นนั้นแล้วพวกเขาคงต้องตายด้วยน้ำมือของคางคกตัวนี้เสียแล้ว
“พี่ส้าวส้วย พี่หล่อมากเลย ถึงขั้นสร้างม่านกำบังออกมาได้ พี่คือผู้มีพระคุณต่อชีวิตพวกเราสองพี่น้อง!”ไขจี๋เออที่เตรียมใจเอาไว้ว่าตนต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัยเอ่ยกับส้าวส้วยอย่างตื้นตัน
ส้าวส้วยโบกมือปฏิเสธ ใบหน้าของเขาปรากฏความเหนื่อยล้า เขาไม่คิดมาก่อนเลยว่าการใช้ม่านกำบังจะทำให้สูญเสียพลังงานไปมากราวกับออกรบสามร้อยสนาม
“พวกแกไม่เป็นไรใช่หรือไม่” หลี่ฝางที่มีใจอยากช่วยพากู่ยี่เทียนกับเสี่ยวหลินตัง ลงมาด้านล่างแล้วมาหยุดอยู่ข้างๆ พวกเขา แล้วเอ่ยถามพวกส้าวส้วยด้วยสีหน้าเป็นกังวล
“พี่ใหญ่ พวกเราไม่เป็นไรเลย เรื่องนี้ต้องขอบคุณพี่ส้าวส้วย ถ้าเขาสร้างม่านกำบังไม่ทันเวลา ป่านนี้พวกเราคงจบเห่ไปแล้วจริงๆ”
เมื่อได้ยินหลี่ฝางเอ่ยถาม ไขบู๊เกอจึงตอบอย่างซาบซึ้งใจ ตอนนี้เขารู้สึกถึงความเป็นน้องชายของหลี่ฝางมากขึ้น ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องที่เป็นเกียรติอย่างยิ่ง
ยังไม่ต้องพูดถึงพลังอันน่าหวาดหวั่นของหลี่ฝาง ลำพังบรรดาเพื่อนของเขาก็จัดอยู่ในระดับสูงของวงการนักรบแล้ว
การได้อยู่เคียงข้างผู้ยิ่งใหญ่กลุ่มหนึ่งเช่นนี้ ภายภาคหน้ายังจะต้องกังวลเรื่องอะไรอีก
เมื่อได้ยินไขบู๊เกอบอกว่าส้าวส้วยใช้ม่านกำบัง หลี่ฝางพลันขมวดคิ้ว เพราะเขารู้ดีว่าการใช้ม่านกำบังต้องสูญเสียพลังงานไปมากขนาดไหน ต่อให้เป็นตัวเขาเอง หลังจากใช้ม่านกำบังแล้วยังต้องพักผ่อนกว่าสิบนาที ร่างกายถึงจะฟื้นฟูกลับมา
“ส้าวส้วย แกไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่” หลี่ฝางมองส้าวส้วยแล้วเอ่ยอย่างกังวลใจ
“ฉันไม่เป็นไร พวกเรารีบไปกันเถอะ” ส้าวส้วยส่ายหน้าแล้วลุกขึ้นยืน คางคกตัวนี้แข็งแกร่งมาก อย่าได้ต่อสู้เผชิญหน้ากับมันอีกจะเป็นการดีที่สุด
ทว่าระหว่างที่ทุกคนเตรียมตัวจะหนีอยู่นั้น อูหลิงก็ได้ขวางทางพวกเขาเอาไว้อีกครั้ง
“หลี่ฝาง ฉันบอกเลยว่านายโชคดีมาก คางคกตัวนี้ไม่ใช่คางคกธรรมดา มันได้ชื่อว่าเป็นคางคกหนาวปินซิน อวัยวะภายในของมันนับว่าเป็นยาสมุนไพรชั้นเยี่ยมที่หาได้ยาก ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องใช้ในการกำจัดพลังกลืนในร่างกายของนาย”