NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - บทที่ 1314 ถูกล้อม
เมื่อเห็นว่าตนโดนล้อมรอบอยู่ทั้งสี่ด้าน อูหลิงก็รู้สึกประหม่าจึงเช็ดมือของตนที่เต็มไปด้วยเลือดคางคก จากนั้นจึงกระโดดลงมาจากบนตัวคางคก
“อื้ม…… อาหม่ามาที่นี่ได้อย่างไร” อูหลิงกระแอมคออย่างกระดากกระเดื่อง สายตาว่อกแว่ก
จากน้ำเสียงการพูดและท่าทีของเขา พวกเขาคงจะเป็นคนจากเผ่ากู่อย่างไม่ต้องสงสัย
“ท่านเป็นคนฆ่าคางคกหนาวปินซินรึ” สตรีวัยกลางคนที่ถูกเรียกว่าอาหม่า กลับไม่ยอมตอบคำถามของอูหลิง แต่กลับมองไปที่คางคกด้านหลังแล้วถามด้วยสีหน้าหมองคล้ำ
อูหลิงหันไปมองคางคกที่ถูกตนชำแหละออกเป็นส่วนๆ แล้วเอ่ยตอบอย่างอ้ำอึ้งว่า “ถือว่าฉันเป็นคนลงมือก็ได้”
“เลอะเลือนจริงๆ” อาหม่าได้ยินคำตอบของอูหลิง ก็หยิบแส้ยาวออกมาแล้วฟาดมาที่ศีรษะของเขา
ทว่าอูหลิงกลับทำตัวราวกับเป็นท่อนซุง ยืนนิ่งไม่ยอมเบี่ยงหลบ เมื่อหลี่ฝางที่ยืนอยู่ข้างๆ เห็นเข้าก็ทนไม่ไหว ยื่นมือออกไปรับแส้ยาวจากมือของอาหม่าเอาไว้
“ผมเป็นคนฆ่าคางคกตัวนี้เอง ไม่ใช่เขา”
อูหลิงแอบพาพวกตนเข้ามาในเผ่ากู่ได้ก็นับว่าเป็นการสร้างความลำบากให้เขามากพอแล้ว หลี่ฝางไม่อยากติดค้างอะไรกับเขาเพิ่มเติมอีก
“ไร้สาระ! จับตัวพวกคนต่างถิ่นพวกนี้ไว้ให้หมด!” เมื่ออาหม่าได้ยินคำพูดของหลี่ฝาง แววตาของนางก็ปรากฏความเคียดแค้น จึงโบกมือส่งสัญญาณให้ชาวเผ่ากู่กว่าร้อยคนด้านหลังจับตัวพวกหลี่ฝางเอาไว้
เมื่ออูหลิงเห็นดังนั้นก็รีบก้าวออกมาอธิบายว่า “อาหม่า นี่เป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน พวกเขาเป็นเพื่อนของฉัน พวกแกห้ามทำอะไรพวกเขา”
เมื่อได้ยินดังนี้ สีหน้าของอาหม่าก็ยิ่งดูไม่ได้ นางจ้องไปที่อูหลิงด้วยหน้าตาบึ้งตึง “คุณชายน้อยอูหลิง ท่านไปเอาคนนอกเผ่ามาจับเซ็นสัญญาแต่งงานก็ว่าแย่แล้ว ยังไปคบคนพวกนี้เป็นเพื่อนอีก หากท่านหัวหน้าเผ่ารู้เข้า จะต้องต่อว่าท่านอย่างรุนแรงแน่!”
เมื่อได้ยินอาหม่าเอาหัวหน้าเผ่าของตนมาอ้าง สีหน้าของอูหลิงก็เริ่มหมองคล้ำลง เขาเดินไปขวางหน้าพวกหลี่ฝางเอาไว้เพื่อเอาร่างกายของตนเป็นกำบังจากคนเผ่ากู่ที่จ้องจะโจมตี
“ถ้าพวกแกกล้าแตะต้องพวกเขาแม้แต่นิดเดียว ถือว่าไม่เห็นคุณชายน้อยอย่างฉันอยู่ในสายตา! เอาล่ะทีนี้ใครหน้าไหนยังกล้าเข้ามาอีก”
เมื่อคนเผ่ากู่ได้ยินคำพูดของอูหลิง ต่างพากันลังเล “อาหม่า จะทำอย่างไรดี”
คิดไม่ถึงว่าอูหลิงจะปกป้องคนนอกเผ่ามากขนาดนี้ สีหน้าของอาหม่าจึงทั้งซีดทั้งหมอง
“คุณชายน้อยอูหลิง อาหม่า ท่านมหาเซียนให้ข้ามาส่งสาส์น ให้พวกท่านนำตัวผู้ที่ฆ่าคางคกหนาวปินซินไปยังถ้ำเซียน”
ในขณะที่ทั้งสองฝ่ายต่างไม่ยอมลดละแก่กันอยู่นั้น ชายหนุ่มผู้แต่งตัวด้วยชุดพรตสีขาวแบบลูกศิษย์ของเซียนในสมัยก่อนได้ลอยตัวมาหยุดอยู่ไม่ไกลนัก แล้วมองพวกหลี่ฝางจากทางด้านบน พลางกล่าวด้วยสีหน้าปราศจากอารมณ์
“ท่านมหาเซียนอยากพบคนนอกเผ่ารึ ด้วยสาเหตุใด?”
“ไม่รู้ คนนอกเผ่าพวกนี้ฆ่าคางคกหนาวปินซิน ถือว่ามีความผิดมหันต์!”
“ไป๋เห้อ ท่านมหาเซียนทำแบบนี้หมายความว่าอย่างไร เหตุใดต้องปกป้องคนนอกเผ่าพวกนี้ด้วย”
เมื่อได้ยินชายชุดขาวกล่าวแบบนี้ คนเผ่ากู่ต่างพากันไม่พอใจ แล้วพากันตั้งคำถามสารพัด ขณะอยู่ท่ามกลางความข้องใจของทุกคนเช่นนี้ สีหน้าของไป๋เห้อก็ยังคงไม่สะทกสะท้าน
“ท่านมหาเซียนทำเช่นนี้ย่อมมีเหตุผลของท่าน พวกแกอย่ามัวแต่เดาส่งเดชกันอยู่เลย”
เมื่อกล่าวจบ ไป๋เห้อก็หันหน้ามามองพวกหลี่ฝาง “ไปกันเถอะ ผู้มาเยือน”
แม้ไม่รู้ว่ามหาเซียนคนนี้มีลูกไม้อะไรซ่อนอยู่ แต่ถึงอย่างไรหลี่ฝางก็อยากมาพบเขาอยู่แล้ว ไปพร้อมกับเขาเลยก็ดีเช่นกัน
“คุณชายน้อยอูหลิง แม่นางน้อยและผู้มาเยือนอีกสองคนให้รออยู่ที่นี่”
พวกหลี่ฝางเดินไปได้ไม่กี่ก้าว ไป๋เห้อกลับชี้ไปที่ผู้ที่มาด้วยกันอย่างอูหลิง เสี่ยวหลินตัง และสองพี่น้องไขจี๋เออ
“อะไรนะ ทำไมถึงไม่ให้พวกเราไปด้วย เขาเป็นพี่ใหญ่ของพวกเรา เขาไปที่ไหน พวกเราก็ต้องไปที่นั่น แกอย่าได้คิดจะแยกพวกเราออกจากกัน!”
เมื่อสองพี่น้องไขจี๋เออ ได้ยินว่า ไป๋เห้อไม่ให้พวกตนติดตามหลี่ฝางไปก็เริ่มไม่พอใจขึ้นมา ไม่ว่าจะอย่างไรพวกเขาก็จะต้องขึ้นไปพบมหาเซียนกับหลี่ฝาง
เมื่อได้ยินคำพูดของพวกเขา สีหน้าของไป๋เห้อก็ปรากฏความดูแคลนขึ้นมา แต่ก็เป็นเพียงชั่วแวบเดียวเท่านั้น ไม่นานก็กลับคืนสู่สีหน้าปกติ
“ท่านมหาเซียนอาศัยอยู่บนเขาเซียนสูงกว่าพันเมตร ถ้าจะขึ้นไปต้องใช้พลังปราณลอยตัวขึ้นไป พวกนายสองคนมีพลังปราณแบบนั้นด้วยหรือ”
ไม่คาดคิดมาก่อนว่าการไปพบมหาเซียนจะต้องมีคุณสมบัติเช่นนี้ ตอนนั้นไขจี๋เออกับไขบู๊เกอจึงไร้คำพูด
พวกเขาจ้องเขม็งไปที่ไป๋เห้อ ด้วยอาการอยากจะต่อว่าแต่ก็ไม่กล้า เห็นได้ชัดว่าไป๋เห้อผู้นี้อายุน้อยกว่าพวกเขา แต่มีพลังที่แข็งแกร่งกว่าพวกตน
นี่ไม่เท่ากับเป็นการตบหน้าและดูถูกพวกเขาสองพี่น้องหรอกหรือ
“ฉันไม่สบายใจที่จะทิ้งพวกเขาอยู่ด้านล่าง ฉันอยากแน่ใจในความปลอดภัยของพวกเขา” หลี่ฝางหันไปมองคนเผ่ากู่ที่เต็มไปด้วยความเคียดแค้น แล้วครุ่นคิดสักพักก่อนจะตัดสินใจว่าจะพาพวกไขจี๋เออขึ้นไปพบมหาเซียนด้วยกัน
เขาเป็นคนพาคนพวกนี้มา ทั้งพวกเขายังเป็นศิษย์น้องของตน ตนจึงต้องปกป้องพวกเขาให้ถึงที่สุดถึงจะถูก
คำพูดของหลี่ฝางทำให้ไป๋เห้อ เลิกคิ้วขึ้น แววตาของเขาปรากฏความหมายที่ไม่อาจคาดเดาได้
“วางใจได้ ขอเพียงท่านมหาเซียนยังไม่ได้ออกคำสั่ง ทั้งสองคนนี้จะยังปลอดภัย ใกล้ถึงเวลาแล้ว ถ้ายังไม่รีบไปอีก ท่านมหาเซียนอาจจะโมโหได้ ถ้าท่านมหาเซียนโกรธขึ้นมา พวกนายอย่าได้หวังจะมีชีวิตรอด”
เมื่อหลี่ฝางได้ยินเช่นนั้นสีหน้าของเขาก็เริ่มหมองคล้ำ ดูท่าแล้วมหาเซียนผู้นี้จะต้องมีฐานะสูงศักดิ์ในเผ่ากู่แห่งนี้อย่างแน่นอน และอาจมีอำนาจสั่งการมากกว่าหัวหน้าเผ่าเสียอีก
อีกอย่างพลังของไป๋เห้ออยู่ในขั้นครึ่งเทพ เขาคือผู้ได้เปรียบที่ถูกวางตัวไว้ให้ทำเรื่องตุกติกที่ข้องเกี่ยวกับโลกภายนอก การมีผู้ยอมถ่อมตนลงมาเป็นลูกศิษย์ที่คอยส่งสาส์นให้มหาเซียนเช่นนี้ ทำให้ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามหาเซียนผู้นี้จะต้องมีพลังแข็งแกร่งมากเพียงใด
หลี่ฝางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้า “ไขจี๋เออ ไขบู๊เกอพวกนายทั้งสองอยู่ที่นี่เถิด ฉันไปเดี๋ยวก็กลับมา”
สองพี่น้องไขจี๋เออที่รู้ตัวว่าตนมีพลังแข็งแกร่งไม่พอ จึงไม่อยากเป็นตัวถ่วงของหลี่ฝาง จึงพยักหน้าก่อนจะตามคนเผ่ากู่ออกไป
“ไปกันเถิด เขาเซียนอยู่ที่ใด” เมื่อคนเผ่ากู่เดินไปไกลแล้ว หลี่ฝางจึงหันมาถามไป๋เห้อ
“ตามฉันมา” ไป๋เห้อมองหลี่ฝางอยู่เป็นนาน ก่อนจะเดินนำทางไป แม้ว่าหลี่ฝางจะไม่เข้าใจความหมายในสายตาของเขา แต่ก็จำต้องยอมเดินตามไป