NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - บทที่ 1317 หินมีชีวิต
กู่ยี่เทียนหันไปสบตากับส้าวส้วย จากนั้นจึงแบกหลี่ฝางขึ้นมาจากพื้นแล้วเดินตามสาวงามผู้นั้นเข้าไปในห้อง
“แม่สาวงาม ฉันมีเรื่องอยากถามสักหน่อย ท่านมหาเซียนท่านนี้อายุเท่าไหร่แล้วหรือ”
หลังจากกู่ยี่เทียนนำหลี่ฝางที่ไร้เรี่ยวแรงวางลงบนเตียงแล้ว เขาก็มองไปที่สาวงามชุดขาวแล้วเอ่ยถาม
สาวงามผู้นี้ไม่แม้แต่จะหันมามอง เมื่อพาพวกเขามาส่งถึงห้องแล้วก็หันตัวเดินออกไปทันที
ท่าทีสูงส่งเย็นชาเช่นนี้ทำให้กู่ยี่เทียนไร้คำจะพูดต่อ เขาเดินวนไปวนมาในห้องอย่างเบื่อหน่าย ห้องนี้เป็นห้องสไตล์แบบย้อนยุคเช่นเดียวกับในละครทีวีไม่มีผิดเพี้ยน
เขาคว้าแอปเปิ้ลขึ้นมาหนึ่งลูก แล้วเอามาเช็ดกับเสื้อผ้าแบบส่งๆ ก่อนจะกัดเข้าไปหนึ่งคำ
“ส้าวส้วย แกว่ามหาเซียนผู้นี้เป็นใครกันแน่ ดูจากท่าทางการพูดคุยกับเทพอ้านแล้ว สองคนนี้ท่าทางจะรู้จักกัน อีกอย่างเขายังพูดอีกว่าตัวเองเป็นเชียนอิสระ มันหมายความว่าอย่างไร แกเคยได้ยินหรือไม่”
ส้าวส้วยนั่งอยู่บนเก้าอี้และเหลือบมองเขาที่ทำท่าทางสบายใจอย่างหมดคำพูด แต่ก็ยังครุ่นคิดถึงคำถามที่กู่ยี่เทียนถามอย่างจริงจัง
เขาเองก็รู้สึกสงสัยใคร่รู้ในตัวมหาเซียนผู้นี้เช่นกัน ตอนที่มหาเซียนเพิ่งปรากฏตัวออกมา ดูจากท่าทางของเขาแล้ว กู่ยี่เทียนเดาว่าเขาน่าจะอายุหลายร้อยปีแล้ว แต่สิ่งที่ทำให้เขาคิดไม่ถึงอย่างแน่นอนคือ มหาเซียนผู้นี้มีอายุมากกว่าที่เขาคาดการณ์เอาไว้มากนัก
เหมือนกับคำโบราณที่ว่า แก่แล้วไม่รู้จักยอมตาย
“ฉันไม่แน่ใจเหมือนกันว่ามหาเซียนผู้นี้มีความเป็นมาอย่างไร แต่เมื่อดูจากวิธีการเบื้องหลังของเขา น่าจะยืนอยู่ข้างเดียวกับพวกเรา” หลังจากส้าวส้วยครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งก็เอ่ยออกมา
กู่ยี่เทียนกัดแอปเปิ้ลส่งเสียงก็อบๆ แล้วเอ่ยว่า
“ฉันรู้สึกว่าคนบนเขาแห่งนี้พิลึกหน่อยๆ ชอบอุบเรื่องนู้นนี้เอาไว้ แถมมารยาทยังไม่ได้เรื่อง โดยเฉพาะไป๋เห้อนั่น คิดว่าตัวเองเก่งแค่ไหนกันเชียว เมื่อกี้ถ้ามหาเซียนไม่ได้ห้ามเอาไว้ ฉันจะต้องสั่งสอนเขาให้เข็ดหลาบสักยก!”
เมื่อคิดถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ที่ไม่ทันได้สั่งสอนไป๋เห้อสักยกหนึ่ง กู่ยี่เทียนก็รู้สึกเจ็บใจ จากนั้นจึงกัดแอปเปิ้ลเข้าไปคำใหญ่
ดูจากสภาพการกินที่ดูไม่ได้ ส้าวส้วยก็ส่ายหน้าอย่างเหลืออด แล้วมองไปที่หลี่ฝางที่หมดสติอยู่บนเตียง
“ฉันขอออกไปสืบข่าวดูหน่อย แกอยู่ที่นี่เฝ้าหลี่ฝางก็แล้วกัน”
“ไปเถอะๆ” กู่ยี่เทียนไม่ได้ห้าม เพียงโบกมือให้เขาไป
หลังจากออกจากห้องมาแล้ว ส้าวส้วยก็ออกเดินเรื่อยเปื่อยไปทั่ว เขาเดินมายังลานกว้างที่ตนเข้ามาถึงในตอนแรก แล้วมองดูหินสลักสองก้อนอย่างละเอียด
“อย่าจับ!” ในขณะที่ส้าวส้วยเตรียมจะใช้มือสัมผัสหินสลักรูปมังกรอยู่นั้น ก็มีเสียงใสกังวานเอ่ยตำหนิเขาขึ้นมา
เมื่อหันหน้าไปมองจึงเห็นว่าสาวงามผู้นั้นไม่รู้ว่ามายืนอยู่ด้านหลังเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ ส้าวส้วยจึงเลิกคิ้ว “ทำไมถึงจับไม่ได้รึ”
สาวงามชุดขาวเม้มปากแน่นก่อนจะเดินมาหยุดตรงหน้าส้าวส้วยแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว “นี่ไม่ใช่หินธรรมดา แต่เป็นเทพมังกรกับเทพหงสาในสมัยโบราณ ทำให้หินนี้มีพลังงานแข็งแกร่ง หากสัมผัสอย่างน้อยอาจแค่ทำให้กระดูกหัก อย่างมากอาจทำให้ถึงตายได้”
สาวงามชุดขาวทำให้ส้าวส้วยตัวสั่นสะท้านอย่างไม่อาจควบคุม หินสลักสองก้อนนี้เกิดมาจากสัตว์เทพจริงๆ หรือ? เป็นไปไม่ได้แน่ๆ?
ส้าวส้วยคิดในใจแล้วอดไม่ได้ที่จะก้าวออกไปด้านหน้าครึ่งก้าวเพื่อจ้องดูมังกรตัวใหญ่นี้อย่างละเอียด
จะว่าไปแล้ว ยิ่งดูก็ยิ่งรู้สึกว่าหินสลักนี้คล้ายมังกรจริงๆ ขึ้นมา โดยเฉพาะดวงตาสองดวงนั้นที่เหมือนยังมีชีวิต ราวกับว่าวินาทีถัดไปมันจะกลับมาเคลื่อนไหวได้
ไหนจะยังมีหงสาข้างๆ นั่นอีก ขนที่อยู่บนตัวของมันยังคงเงางามเรียงเส้น เหลือบประกายสีแดง
“ของทุกอย่างบนเขาภูเขาหลินนี้ล้วนแปลกพิสดาร คิดไม่ถึงเลยว่าตั้งแต่กำเนิดโลกขึ้นมา สัตว์เทพสองตัวจะอยู่ที่นี่”
เมื่อหญิงงามชุดขาวได้ยินส้าวส้วยกล่าวเช่นนั้นก็ประหลาดใจ นางเองก็คงไม่คิดว่าส้าวส้วยจะรู้เรื่องสัตว์เทพด้วย ท่าทางแข็งกระด้างของนางจึงอ่อนโยนลง
“ที่เขาภูเขาหลินแห่งนี้เป็นสถานที่ที่เทพไท่จี๋ดับสลาย เทพมังกรกับเทพหงสาเป็นพาหนะของเทพไท่จี๋ หลังจากที่เทพไท่จี๋ดับสลายแล้ว พวกเขาได้เฝ้าอยู่ที่เขาภูเขาหลินเพื่อแสดงความจงรักภักดี เวลาผ่านไปนานเข้าจึงกลายมามีสภาพเช่นนี้”
ส้าวส้วยเองก็ไม่คิดเช่นกันว่าสาวงามชุดขาวจะยอมพูดกับตนมากมายเช่นนี้ เพราะเมื่อครู่ท่าทีของนางยังคงเย็นชา ราวกับไม่อยากที่จะข้องเกี่ยวกับพวกเขา
ครุ่นคิดสักพักก่อนจะเอ่ยออกมา “ผมชื่อส้าวส้วย คุณล่ะ ชื่อว่าอะไร”
สาวงามชุดขาวชะงักไปก่อนจะครุ่นคิดแล้วบอกชื่อของตัวเองกับส้าวส้วย “ไป๋หลิน”
“ไป๋หลิน เป็นชื่อที่เหมาะสมกับคุณมาก” ส้าวส้วยเอ่ยทวนชื่อของไป๋หลิน
ในตอนนั้นเอง ส้าวส้วยจึงยิ้มออกมา
“ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว คุณอย่าได้เดินเล่นมั่วๆ ล่ะ รีบพักผ่อนเถอะ” ไป๋หลินมองส้าวส้วยอย่างเกร็งๆ เมื่อกำชับเขาเช่นนี้แล้วก็รีบร้อนเดินจากไป
เมื่อเห็นนางเดินออกห่างไปแล้ว แววตาของส้าวส้วยก็ปรากฏความคิดบางอย่าง บนเขาภูเขาหลินมีคนทั้งหมดสามคน ไป๋เห้อผู้นั้นนิสัยหยาบเถื่อน อยากได้ข้อมูลอะไรจากปากเขาคงเป็นไปไม่ได้ มหาเซียนก็ยิ่งอย่าได้หวัง ดูท่าแล้วมีแต่ไป๋หลินเท่านั้นที่จะเข้าทางของเขา