NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - บทที่ 1327 รวมตัวกันอีกครั้ง
ประโยคของส้าวส้วยทำให้ไป๋หลินที่ดีอกดีใจหน้าเหี่ยวลงทันที พลันเบะปากเล็กน้อยกล่าวถามอย่างน่าสงสาร
“สองข้อแรกฉันยอมรับได้ ทำไมข้อที่สามนายถึงให้ฉันบอกว่าเป็นน้องสาวของนาย? ฉันทำให้นายอับอายขนาดนั้นเลยหรือ?”
เมื่อเห็นไป๋หลินที่น้ำตาไหลอาบ ส้าวส้วยไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร
เขาไม่ได้คิดว่าไป๋หลินไม่คู่ควรกับเขา ยิ่งไม่ได้คิดว่าทำให้เขาต้องอับอาย เพียงแค่อยากจะหลบเลี่ยงปัญหาที่ไม่จำเป็นเท่านั้น
“ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างงั้น เธอเป็นผู้หญิง หากเธอยอมรับข้อสามไม่ได้ ก็ถือซะว่าฉันไม่ได้พูดแล้วกัน”
ท้ายที่สุดส้าวส้วยอดที่จะถอยให้เธอไม่ได้ ยกเลิกกฎข้อสามของตนเอง เมื่อเห็นอย่างงั้น ไป๋หลินถึงได้เผยรอยยิ้มอีกครั้ง
หลังจากนั้นการเดินทางของสามคนก็กลายเป็นการเดินทางของสี่คน เมื่อถึงตีนเขา ก็เป็นเวลาบ่ายสามเข้าไปแล้ว ภายใต้การนำทางของไป๋หลิน พวกเขาก็มาอยู่ที่หน้าหมู่บ้านแห่งหนึ่งอย่างรวดเร็ว
แม้เขตแดนของเผ่ากู่จะกว้างขวางมาก แต่ประชากรกลับน้อยมาก ทั้งหมดเมื่อรวมกันแล้วเพียงแค่สองสามหมื่นคนเท่านั้น
หมู่บ้านล้อมรอบไปด้วยกำแพงที่สูงใหญ่และหนา บ้านเรือนเองก็สร้างจากหินที่นำมาซ้อนทับกัน บนกำแพงทุกยี่สิบเมตรจะมีหอคอย หอคอยทุกแห่งจะมีชายสองคนยืนเวรอยู่
คนที่ยืนเวรอยู่ที่ประตูหน้าเห็นเงาร่างของเหล่าหลี่ฝาง สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน สายตาของพวกเขายังคงปนไปด้วยความระวังตัวและชิงชัง ใบหน้าดุดันราวกับจะมีเรื่องกับเหล่าหลี่ฝาง
เหล่าหลี่ฝางเกร็งร่าง เตรียมการต่อสู้อยู่ตลอดเวลา แต่ในขณะที่พวกเขากำลังคิดที่จะต่อสู้ ประตูบานใหญ่ก็ค่อยๆ เปิดออก
เสี่ยวหลินตังวิ่งออกมาจากด้านนอกเป็นคนแรก ด้านหลังของเธอตามมาติดๆ ด้วยอูหลิงในชุดคลุมสีขาว ไขจี๋เออและไขบู๊เกอทั้งสองพี่น้องเองก็ไม่รอช้า วิ่งไปทางหลี่ฝางอย่างรวดเร็ว
“พี่กู่ยี่เทียน! เซียนผู้ยิ่งใหญ่อะไรนั่นไม่ได้ทำให้พี่ลำบากใจใช่ไหม? พี่ไม่ได้รับบาดเจ็บใช่ไหม? ให้ฉันดูหน่อยเร็วเข้า”
เสี่ยวหลินตังที่ในสายตาเต็มไปด้วยกู่ยี่เทียนวิ่งไปที่เขา หมุนรอบตัวกู่ยี่เทียน พลางกล่าวถามพร้อมกับจ้องมองรอบกายกู่ยี่เทียน
สีหน้าของอูหลิงที่อยู่ด้านหลังของเธอผิดปกติอย่างเห็นได้ชัดเจน เผ่ากู่โดยรอบที่จ้องมองกู่ยี่เทียนก็ดุดันขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด
กู่ยี่เทียนร้อนรน พลันรีบดึงแขนของเสี่ยวหลินตังออกจากร่างของเขา จัดแจงร่างกาย กล่าวกับเสี่ยวหลินตัง
“เสี่ยวหลินตัง คนตั้งเยอะแยะมองอยู่ เธอลุกขึ้นเร็วเข้า เซียนผู้ยิ่งใหญ่ไม่ได้ทำอะไรพวกเรา เธอไม่ต้องเป็นห่วงฉัน”
เสี่ยวหลินตังรู้สึกได้ว่ากู่ยี่เทียนตั้งใจห่างเหินกับเธอ สีหน้าของเธอแข็งทื่อขึ้นมา พลางยืนก้มหน้าอยู่ข้างๆ ราวกับเด็กน้อยที่ทำความผิด
อูหลิงที่เห็นทีท่าเสียใจของเธอ รู้สึกไม่สบอารมณ์ ในขณะเดียวกันก็ชิงชังกู่ยี่เทียนมากกว่าเก่า พลันก้าวไปข้างหน้า ใช้ร่างของตนเองบังร่างของเสี่ยวหลินตังเอาไว้
จ้องตากู่ยี่เทียน กล่าวอย่างไม่พอใจ “กู่ยี่เทียน อย่ามากไปหน่อยเลย เสี่ยวหลินตังเธอเป็นห่วงนายผิดด้วยหรือไง? คนอย่างนายสมควรที่จะอยู่คนเดียวอย่างโดดเดี่ยวไปจนแก่!”
หลังตวาดกู่ยี่เทียน อูหลิงหมุนตัวจับข้อมือของเสี่ยวหลินตัง ลากเธอเข้าไปที่หมู่บ้าน
“เสี่ยวหลินตัง เราไปกันเถอะ คนแบบนี้ไม่คู่ควรที่เธอจะทำดีด้วย”
เสี่ยวหลินตังขัดขืนในทีแรก แต่เมื่อหันกลับไปเห็นกู่ยี่เทียนยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ไร้เยื่อใยใดๆ ในสายตาแม้แต่น้อย หัวใจทั้งดวงของเธอตกลงไปอยู่ตาตุ่ม จึงปล่อยให้อูหลิงลากตนเองเข้าไปในหมู่บ้าน
“เฮ้อ สหายไม่เห็นต้องทำแบบนี้เลย” หลี่ฝางจ้องมองเงาร่างของเสี่ยวหลินตัง ตบบ่าของกู่ยี่เทียนอย่างไร้หนทาง กล่าวอย่างเสียดาย
อันที่จริงเสี่ยวหลินตังไม่เลวเลย แม้ทั้งคู่จะห่างกันมากเล็กน้อย ก็ไม่กระทบต่อการที่ทั้งคู่จะรักกัน
คนอื่นอายุห่างกันยี่สิบสามสิบปียังมีเลย ส้าวส้วยและเสี่ยวหลินตังเพียงแค่เท่าไหร่เอง
“ไปกันเถอะ ฉันทำเพราะหวังดีกับเธอ ฉันไม่ใช่คนที่เหมาะสมกับเธอ” อันที่จริงกู่ยี่เทียนเองก็ไม่ได้รู้สึกดี แม้เขาจะไม่ได้รู้สึกอะไรกับเสี่ยวหลินตัง แต่ก็รักและเอ็นดูเธอเหมือนกับน้องสาว
การทำร้ายจิตใจเสี่ยวหลินตังแบบนี้ เขาไม่ได้ตั้งใจทำแบบนั้น
หลี่ฝางจ้องมองสีหน้าที่คร่ำเครียดของเสี่ยวหลินตัง ไม่พูดอะไรอีก พลางถอนหายใจอย่างหนัก ก่อนก้าวเดินไปข้างหน้า
“เฮีย ในที่สุดก็กลับมาซะที พี่ไม่รู้หรอกว่าหลายวันมานี้ที่พี่ถูกเซียนผู้ยิ่งใหญ่พาตัวไป เราสองคนกินไม่ได้นอนไม่หลับ เป็นห่วงเฮียจะแย่”
“อีกอย่าง เผ่ากู่พวกนี้แปลกประหลาดมาก พวกเขาเล่นหนอนทั้งวัน สะอิดสะเอียนจะแย่ แถมยังไม่ญาติดีกับเราอีก แต่ละคนที่แต่ทำหน้าบึ้งตึงใส่”
“อูหลิงคนนั้น ในสายตามีแต่เสี่ยวหลินตัง ไม่สนใจถามไถ่เราสองคนเลย เราสองคนมีชีวิตพบเฮียได้ถือว่าไม่ง่ายเลย”
ไขจี๋เออเดินตามอยู่ข้างหลังหลี่ฝาง ปากราวกับปืนกล บ่นเรื่องราวที่ไม่ยุติธรรมของเผ่ากู่ในหลายวันนี้ให้กับหลี่ฝางฟัง
หลี่ฝางนึกขำกับทีท่าน่าสงสารของเขา แต่ได้ยินความน่าสงสารของเขาขนาดนี้ ก็เกรงใจที่จะหลุดขำ ได้แต่กลั้นเอาไว้ หลังจากนั้นก็แสร้งปลอบใจเขา
“น่าสงสารขนาดนั้นเลยหรือ? ลำบากพวกนายแย่ ถ้าถึงเมืองตงไห่แล้ว ฉันจะชดเชยพวกนายสองคนอย่างดีเลย”
ไขจี๋เออและไขบู๊เกอดูไม่ออกเลยว่าเขาก็นึกขำจนท้องแข็ง คิดว่าหลี่ฝางเป็นห่วงเขาจริงๆ
ความทราบซึ้งใจนั้น สร้างความมั่นใจให้กับการฝ่าฟันอุปสรรคไปพร้อมกับหลี่ฝางมากขึ้น