NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - บทที่ 1332 มีลูกอีกคน
“เอางี้แล้วกัน เรากลับเมืองตงไห่ก่อน กู่ยี่เทียน แกพาพวกหงส์แดงมาด้วย ฉันก็จะเรียกพวกโหจื่อมาด้วย มีฉัน แก ส้าวส้วยแยกเป็นสามกลุ่ม ไปที่ประเทศญี่ปุ่น ภูเขาฉางไป่ เกาะชวา”
“ฉันไปกับไท่ซาง ราฟาเอล สองพี่น้องไขบู๊เกอไปที่ประเทศญี่ปุ่นเพื่อไปเอาผลแก้วม่วง กู่ยี่เทียนแกไปกับเสี่ยวหลินตัง อูหลิง มังกรฟ้า เสือขาวมุ่งไปที่เกาะชวาไปหาใบหวายเลือด ที่เหลือหงส์แดง เต่าดำกับส้าวส้วยและไป๋หลินไปที่ภูเขาฉางไป่”
หลังจากที่หลี่ฝางนิ่งไปสักพัก รู้สึกว่าเพิ่งพาเพียงแค่พวกเราแยกเป็นสามทางอาจจะกินแรงสักหน่อย จึงตัดสินใจกลับไปที่เมืองตงไห่ก่อน เพื่อเรียกพวกที่เหลือไปด้วยแล้วค่อยไปหาตัวยาที่เหลือ
ส้าวส้วยที่กำลังซ่อมแซมหน้าต่างบ้านได้ยินอย่างงั้น ต่างพยักหน้าด้วย “ไม่มีปัญหา ทีมหนึ่งห้าคนไม่มีอะไรที่เหมาะสมไปมากกว่านี้อีกแล้ว”
คนอื่นๆ เมื่อได้ยินแผนการ ก็ไม่มีข้อขัดข้องเช่นเดียวกัน เพราะงั้นทุกคนจึงพักผ่อนเอาแรงหลังจากที่ทานอาหารเรียบร้อยแล้ว เช้าวันที่สอง ก็ได้เดินทางมาที่สนามบินเมืองชีหนัน
“ว้าว ในที่สุดฉันก็กลับมายังที่ที่คุ้นเคยจนได้! ไอ้ภูเขาบ้านั่น แม้แต่สัญญาณยังไม่มี ฉันอยากจะเล่นเกมยังไม่ได้เลย”
ไขจี๋เออจ้องมองตึกสูงที่เทคอนกรีตเสริมเหล็กรอบๆ อุทานอย่างตื่นเต้น
“พี่ชาย วันหลังฉันไม่อยากจะไปที่นั่นอีกแล้ว!” ไขบู๊เกอที่อยู่ข้างๆ พยักหน้าอย่างบ้าคลั่ง เห็นด้วยกับไขจี๋เออ
หลี่ฝางที่เห็นทีท่าโอเวอร์ของพวกเขา หัวเราะพร้อมกับส่ายหน้า ชีวิตยุคโบราณแบบนี้สำหรับเขาแล้วชินชาไปนานแล้ว การไปที่เผ่ากู่ในครั้งนี้ถือว่าราบรื่น ทีแรกคิดว่าต้องเสียเวลาเป็นเดือนถึงจะได้วิธีมา ตอนนี้เพียงผ่านไปแค่สิบวันเท่านั้น ถือว่าเร็วมาก
แถมชีวิตความเป็นอยู่ของเผ่ากู่ก็ไม่ถือว่าแย่มาก นอกจากเจอปัญหายุ่งยากระหว่างทาง นอกเหนือจากนั้นก็ถือว่าใช้ได้
เมื่อหลี่ฝางมาถึงที่สนามบินก็รีบติดต่อหาฉินวี่เฟยและหยางฉงทันที บอกพวกเธอว่าเขาได้วิธีแก้ไขปัญหาเรื่องนี้แล้ว
ฉินวี่เฟยและหยางฉงดีใจแทบแย่ เมื่อได้ข่าวว่าหลี่ฝางจะกลับไปในช่วงบ่าย พวกเธอทั้งสองก็ยิ่งดีใจจนกระโดดโลดเต้น
“พี่วี่เฟย พี่ดูฉันแต่งตัวใส่ชุดนี้สวยไหม?” หยางฉงพลิกตู้เพื่อหาเสื้อผ้า หยิบชุดกระโปรงสีม่วงออกมาทาบกับตนเองพร้อมกับกล่าวถามฉินวี่เฟย
“โอ๊ย ก็แค่ไม่ได้เจอแค่สิบวันไม่ใช่หรือไง? ทำให้เธอดีใจขนาดนั้นเลยหรือ?”
ฉินวี่เฟยจ้องมองหยางฉงที่รองเสื้อหลายชุดแต่ก็ยังไม่พอใจสักที พลันหัวเราะอย่างไร้หนทาง
“อะไรกัน ฉันไม่เชื่อหรอกนะว่าพี่วี่เฟยจะไม่คิดถึงหลี่ฝางเลย” เมื่อเห็นฉินวี่เฟยหัวเราะเยาะตนเอง หยางฉงกล่าวอย่างเขินอาย
เวลาที่เธอได้อยู่กับหลี่ฝางก็ไม่นานอยู่แล้ว ทั้งคู่กำลังอยู่ในช่วงเวลาที่หวานแหวน จะไม่คิดถึงได้ยังไง
“เขามีอะไรที่น่าให้คิดถึงกัน ก็หนึ่งปากหนึ่งจมูกสองตาเหมือนกันไม่ใช่หรือไง? เธอเองก็อย่าหาเรื่องลำบากตัวเองอยู่เลย อีกเดี๋ยวผิงอันก็จะตื่นแล้ว หากเขาไม่เห็นเธอ ก็ต้องร้องไห้อีก”
แม้ฉินวี่เฟยปากจะบอกว่าไม่คิดถึง แต่ในสายตาก็ยังคงเต็มไปด้วยความหวัง เพียงแต่เธอที่เป็นคนขี้อายไม่อยากให้หยางฉงดูออก เพราะงั้นจึงปากแข็งเปลี่ยนบทสนทนา
แม้ตอนนี้ผิงอันจะยังเจริญเติบโตได้ไม่สมบูรณ์นัก แต่ก็สามารถทานนมของแม่ได้แล้ว และสามารถอุ้มออกมาจากตู้ทารกได้หนึ่งถึงสองชั่ว
โบราณว่าเอาไว้ เด็กหน้าตาเปลี่ยนไปทุกวัน
เพียงแค่เวลาสิบวัน ผิงอันจะเปลี่ยนไปไม่น้อย โดยเฉพาะร่างกายที่แข็งหายขึ้นมาก ไม่เหมือนกับเด็กที่เกิดก่อนกำหนดแล้ว แถมผิงอันยังฉลาดมากอีกด้วย ตัวเล็กเท่านี้ก็รู้จักหยางฉงแล้ว
“เฮ้อ ไม่รู้ว่าเด็กคนนี้เหมือนใครกัน ติดคนจะตายไป ไม่เห็นฉันหน่อยก็ร้องไห้แล้ว ช่วงนี้ฉันมีขอบตาดำแล้ว” เมื่อนึกถึงลูกชายของตนเอง หยางฉงก็นึกถึงลูกบอลที่แตก นั่งอยู่บนเตียงกล่าวอย่างเหนื่อยอ่อนไร้หนทาง
ฉินวี่เฟยเห็นทีท่าน่าสงสารของเธออดหัวเราะออกมาไม่ได้ “จะเหมือนใครซะอีกล่ะ ผิงอันเหมือนกับเธออย่างกับแกะเลยล่ะ?”
เพิ่งเกิดผิงอันดูไม่ออกว่าเหมือนกับใครมากกว่า ยิ่งโตขึ้นฉินวี่เฟยก็พบว่าหน้าของเขาเหมือนกับหยางฉงขึ้นทุกที
“เหอะ พี่วี่เฟยอย่าหัวเราะเยาะฉันอีกเลย รออีกหน่อยพี่มีลูกแล้ว พี่ก็จะรู้เองว่ามันยากแค่ไหน ถ้ารู้ว่าผิงอันเลี้ยงยากขนาดนี้ ตอนนั้นฉันไม่คลอดเขาออกมาแล้ว”
หยางฉงจ้องมองทีท่ายิ้มตาหยีของฉินวี่เฟย ปากแข็งจนจะห้อยขวดน้ำมันได้อยู่แล้ว
แม้ปากจะพูดว่ารังเกียจผิงอัน แต่ฉินวี่เฟยรู้ดีว่าบนโลกนี้ไม่มีใครจะรักผิงอันได้เท่ากับหยางฉงอีกแล้ว
เพื่อให้ร่างกายของผิงอันแข็งแรงขึ้นมาหน่อย หยางฉงมุ่งมั่นจะให้นมลูก เพื่อให้ลูกได้นานอีกหน่อย เธอทนความเจ็บปวดนวดเพื่อให้ไหลเวียน บีบจมูกทานยาเกี่ยวกับนมลงไป
กลางดึกเพียงแค่ลูกมีความเคลื่อนไหวเล็กน้อย หยางฉงก็จะไปอยู่ข้างผิงอันทันที เธอที่อ้วนขึ้นเพราะท้องในทีแรก เพียงแค่เวลาสิบวันสั้นๆ ผอมลงอย่างมาก
ฉินวี่เฟยและคนอื่นๆ กำชับให้เธอพักผ่อนให้มาก แม่นมจะเป็นคนดูแลผิงอันเอง ไม่ต้องเป็นห่วง แต่หยางฉงก็ไม่ไว้วางใจ จะทำเองทุกเรื่อง
“เธอนี่นะ เป็นคนปากแข็งใจอ่อน ปากบอกว่ารังเกียจผิงอัน แต่ในใจกับรักเขามาก”
ฉินวี่เฟยบีบแก้มของหยางฉงด้วยรอยยิ้ม มองหยางฉงทะลุปรุโปร่ง
“แหะๆ พี่วี่เฟย พี่ก็มีลูกสักคนสิ ผิงอันของเราก็จะมีเพื่อน ทางที่ดีเป็นเด็กผู้หญิงจะดีกว่า ผิงอันก็จะได้ปกป้องน้องสาว”
หลายวันมานี้หยางฉงหลอกล่อให้ฉินวี่เฟยมีลูกเสมอ ฉินวี่เฟยอดทำตาขาวใส่ไม่ได้ ตบบ่าของหยางฉงอย่างไม่สบอารมณ์
“พอเถอะ ผิงอันคนเดียวยังไม่เหนื่อยหรือไง? คิดจะมีอีกคนงั้นหรือ”
“ไม่ใช่ว่าแบบนั้น แม้เด็กน้อยบางครั้งอาจจะดื้อไปบ้าง แต่มองมุมกลับกัน ดูแลหนึ่งคนก็คือดูแล สองคนก็คือดูแล ทำไมถึงไม่รองมีอีกสักคนล่ะ”