NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - บทที่ 1356 สามีภรรยาทะเลาะกันที่ปลายเตียง
“ตอนนี้ฉันจะมีหน้าไปเจอเธอเหรอ?” เมื่อคิดถึงแววตาของฉินวี่เฟยที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด หลี่ฝางก็ขี้ขลาดขึ้นมา ก่อนจะก้มหน้าพูดอย่างจนปัญญา
“พี่หลี่ฝาง คุณไม่กล้าแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?คุณพูดผิดเอง ผู้หญิงของคุณ คุณไม่ไปปลอบ แล้วจะให้ใครไปทำให้งั้นเหรอ?ฉันจะบอกคุณให้นะ ถ้าวันนี้คุณไม่ปลอบพี่วี่เฟย คุณเองก็อย่าหวังว่าฉันจะสนใจคุณอีกเลย”
หยางฉงมองท่าทีของหลี่ฝางแล้วก็โกรธ พลางผลักเขาอย่างรุนแรง ก่อนจะหันหน้าไปอีกทาง แล้วไม่อยากมองเขาอีก
“ฉัน……ฉันรู้ว่าผิดไปแล้ว ฉันจะไปหาเธอตอนนี้ล่ะ” หลี่ฝางมีแววตาเป็นประกาย จากนั้นถึงได้ลุกขึ้นเดินออกไปจากห้องพักผู้ป่วย
“วี่เฟย คุณอยู่ด้านในหรือเปล่า?” หลี่ฝางเดินเข้ามาอยู่ด้านตรงข้ามของประตูห้องพักผู้ป่วยสักพัก จากนั้นก็ยื่นมือออกมาเคาะประตู พลางถามด้วยความไม่กล้า
พอผ่านไปสักสองนาที ด้านในก็ยังไม่มีเสียงอะไรออกมา หลี่ฝางเลยพูดอีกครั้ง
“ฉันรู้ว่าคุณอยู่ข้างใน ฉันเองก็รู้ว่าคุณแค่ไม่อยากสนใจฉันเท่านั้น ขอโทษนะ วี่เฟย ฉันมันไม่ดีเอง ฉันไม่ควรพูดอะไรแบบนั้น ฉันรู้ว่าในใจของคุณนั้น รักผิงอันเหมือนกับลูกชายแท้ๆ เลยล่ะ”
“ฉันมันเลวจริงๆ !ฉันเองก็ไม่รู้ว่าตอนนั้นฉันเป็นอะไร สมองคิดไม่ตก เลยพูดอะไรไม่ดีแบบนั้นออกไป ขอโทษจริงๆ วี่เฟย คุณเปิดประตูให้ฉันเจอหน่อยได้ไหม?”
เขาขอร้องอ้อนวอนเสียงต่ำแบบนี้ทำให้เหล่าหมอและพยาบาลสนใจขึ้นมา แถมยังมีคนบางคนในห้องพักผู้ป่วยออกมาดูความตื่นตานี้ด้วย
หลี่ฝางเห็นแววตาของคนเหล่านั้นก็รู้สึกไม่ดีเท่าไหร่ แต่เพื่อง้อฉินวี่เฟย เขาเลยฝืนเคาะประตูต่อไป
“ที่รัก ฉันผิดไปแล้วจริงๆ คุณให้อภัยฉันได้ไหม?ฉันมันเลวจริงๆ ที่ทำให้คุณน้อยใจแบบนี้ ฉันรู้ว่าตอนนี้คุณยังโกรธ คุณเปิดประตูหน่อยได้ไหม ให้ฉันไปหาคุณหน่อยได้ไหม?เพียงแค่คุณยอมเปิดประตู คุณจะด่าจะว่าฉันอย่างไรก็ได้”
หลังจากที่ฉินวี่เฟยที่อยู่ในห้องได้ยินเสียงของหลี่ฝางแล้ว ก็เอาหมอนมาปิดหัวของตัวเอง
ตอนแรกคิดว่าเพียงไม่นานหลี่ฝางจะจากไป แต่ใครจะไปรู้ว่าเขาจะยังหน้าด้านหน้าทน ฉินวี่เฟยได้ยินเสียงเคาะประตูไม่หยุด เลยลุกขึ้นจากเตียงด้วยความรำคาญ พลางต่อยไปที่หมอนอย่างเต็มแรง
“ออกไปนะ!ฉันไม่อยากเห็นคุณ!” ฉินวี่เฟยตะโกนออกไปทางประตูด้วยความโกรธเคือง
หลังจากที่หลี่ฝางได้ยินเสียงเธอก็ไม่ได้โกรธ แต่กลับรู้สึกดีขึ้นอีกด้วย
ถึงแม้ฉินวี่เฟยจะบอกให้เขาจากไป แต่ไม่ว่าอย่างไร อย่างน้อยก็สนใจตัวเอง เขาเชื่อ ว่าถ้ายังอดทนต่อไป ประตูนี้จะต้องเปิดออกอย่างแน่นอนไม่ช้าก็เร็ว
“ที่รัก คุณอย่าโกรธเลย ฉันรู้แล้วว่าฉันผิดไป คุณรีบเปิดประตูให้ฉันเห็นเถอะ เพียงแค่คุณเปิดประตู จะให้ฉันทำอะไรก็ได้”
หลี่ฝางหมอนี่ได้ทำให้คนรู้ว่า คนคนหนึ่งจะหน้าด้านได้แค่ไหน ตอนนี้เหมือนจะมีคนทั้งชั้นออกมาเพื่อดูความน่าสนใจนี้เลย แต่เขาก็ยังอยากจะขอร้องอยู่ที่หน้าประตูของฉินวี่เฟยเพื่อให้เธอให้อภัย
เพียงไม่นานพวกป้าๆ นั้นก็ลุกขึ้นมาเพื่อร้องขอแทนหลี่ฝาง
“สาวน้อย ทุกคนต่างบอกว่าเวลาสามีภรรยาทะเลาะกันก็เป็นเรื่องในบ้าน มีเรื่องอะไรจะมาพูดให้คนอื่นรู้ได้อย่างไร สามีคุณยังป่วยอยู่นะ ดูตัวเล็กผอมแห้งนี่สิ ให้เขายืนอยู่หน้าประตูตลอดแบบนี้ เกรงว่าอีกไม่นานจะต้องกลับไปนอนที่เตียงเหมือนเดิมแล้วนะ”
“ไม่หรอกมั้ง ฉันว่าสามีคุณน่ะใส่ใจคุณมากเลยนะ กล้ามาขอร้องต่อหน้าทุกคนแบบนี้เพื่อให้คุณให้อภัย ชายที่ดีขนาดนี้ ตอนนี้หายากแล้วนะ”
“สาวน้อย คุณออกมาเจอหน้าเขาหน่อยเถอะ น่าสงสารขนาดนี้ ทุกคนทนดูต่อไปไม่ได้แล้ว”
……
เมื่อได้ยินป้าๆ บอกว่าตัวเองตัวเล็ก หลี่ฝางก็อดไม่ได้ที่จะมองเรือนร่างของตัวเอง ด้วยความสงสัยเป็นอย่างมาก
ความสูงแบบนี้ น้ำหนักแบบนี้ มันเป็นหุ่นตามมาตรฐาน จะเรียกว่าตัวเล็กๆ ได้อย่างไร?
ถึงแม้หลี่ฝางจะไม่ชอบที่พวกป้าๆ บอกว่าตัวเองเป็นคนอ่อนปวกเปียก แถมยังเป็นชายที่กลัวภรรยา แต่ตอนนี้มันเป็นสถานการณ์ไม่ปกติไม่ใช่เหรอ เพียงแค่ขอให้ฉินวี่เฟยเปิดประตู ไม่ว่าพวกป้านั้นจะพูดว่าตัวเองเป็นตุ๊ดแต๋วอะไรก็ได้
ฉินวี่เฟยยืนฟังเหล่าป้าแก่ๆ พูดพล่ามอยู่หลังประตู ก็โกรธจนอกแทบระเบิด
คนที่ทำผิดคือหลี่ฝางแท้ๆ ทำไมตอนนี้ตัวเองถึงกลายเป็นคนผิดกันล่ะ?
“พวกคุณรู้อะไรบ้าง!เขาทำผิดก็ควรได้รับการลงโทษ!ถ้าไม่เชื่อพวกคุณก็ลองถามเขาเองสิ ใครกันแน่ที่ผิด!”
ฉินวี่เฟยนั้นโกรธจนไม่รู้จะโกรธอย่างไรแล้ว ก่อนจะเปิดประตูออกมาทันที จากนั้นก็ด่าไอ้พวกป้าที่ประตูอย่างรุนแรง
คนที่อยู่ตรงหน้าประตูนั้นตกใจเพราะฉินวี่เฟยกันหมด แต่พวกเขาเองก็ไม่ได้โกรธ โดยเฉพาะป้าผู้หวังดี ยังยิ้มพลางพูดแทนหลี่ฝางอยู่ด้วย
“อั้ยหยา ผู้ชายก็ไม่ได้ดีเป็นทุนเดิมอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ ขอแค่ไม่ได้ทำอะไรที่ผิดหลักมากมาย ก็ค่อยๆ คุยกันก็ได้ อย่าเพิ่งโกรธเลย ฟังก่อนว่าเขาจะพูดว่าอย่างไร”
“นั่นสิ ดูท่าทีเขาแบบนี้ ร่างกายเองก็คงจะเจ็บเหมือนกันใช่ไหม?คุณทนเห็นเขายืนขอร้องคุณแบบนี้ได้เหรอ?”
ปกติฉินวี่เฟยก็ไม่ใช่คนที่โหดร้ายอะไร แล้วก็ไม่ได้อารมณ์ร้ายด้วย แต่หลังจากที่ได้ยินคำพูดของคนเหล่านี้ ก็เงยหน้ามองหลี่ฝาง
เมื่อเห็นว่าสีหน้าของเขาซีดจนน่ากลัว ก็ใจอ่อนลง น้ำเสียงที่พูดเมื่อวานก็ไม่ได้แข็งกร้าวเหมือนเมื่อครู่
“เขาอยากมายืนขอร้องอ้อนวอนเอง ฉันไม่ได้ขอสักหน่อย”
หลังจากที่หลี่ฝางได้ยินเสียงของฉินวี่เฟยก็รู้ว่าฉินวี่เฟยใจอ่อนแล้ว เลยรีบพูดตอนที่ยังใช้ได้ พลางยื่นมือออกมาจะไปจับไหล่ของฉินวี่เฟย
“จะทำอะไร?อย่ามาโดนตัวฉัน!” ฉินวี่เฟยเห็นว่าหลี่ฝางอยากจะจับตัวเอง จากนั้นก็ตบมือของเขาออก ก่อนจะจ้องเขาอย่างอารมณ์ไม่ดี
“ที่รักเรามาคุยกันเองดีไหม คุณดูสิว่าคนมองเยอะแยะขนาดนี้” ถึงแม้ฉินวี่เฟยจะตบไม่ได้เจ็บ แต่หลี่ฝางก็ยังตั้งใจทำเหมือนเจ็บมาก ก่อนจะมองเธออย่างน้อยใจพลางพูด
ฉินวี่เฟยกัดฟันทำท่าทีไม่สบอารมณ์ แต่เมื่อเธอเห็นแววตาของคนรอบๆ ก็ลังเลขึ้นมา
ว่ากันว่าความในอย่าเอาออก เธอจะทะเลาะกับหลี่ฝางอย่างไรก็ตาม ก็เป็นเรื่องในบ้าน ถ้ายังทะเลาะกันต่อไปแบบนี้ ไม่เพียงแค่หลี่ฝางจะไม่มีทางลง แต่เธอเองก็จะกลายเป็นที่นินทาของ
“เข้ามา” ฉินวี่เฟยคิดสักพัก สุดท้ายก็ได้แต่หันตัวไปให้ทางหลี่ฝางเข้ามาในประตู
“แหะๆ ฉันรู้ว่าที่รักนั้นดีที่สุดแล้วล่ะ” เมื่อเห็นว่าฉินวี่เฟยให้ตัวเองเข้าไป หลี่ฝางก็ยิ้มขึ้นมาทันที มีท่าทีน้อยใจที่ไหนกัน
เหมือนจะกลัวฉินวี่เฟยกลับใจ หลี่ฝางเลยรีบเข้ามาด้านใน เรียกได้ว่าวิ่งเข้ามาเลยล่ะ ทำให้คนรอบๆ นั้นหัวเราะร่าขึ้นมา