NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - บทที่ 509 พี่ใหญ่ในร้านอาหารเล็กๆ
บทที่ 509 พี่ใหญ่ในร้านอาหารเล็กๆ
เลี่ยวข่าย หลี่ฝาง หลี่ซ่วยซ่วยทั้งสามคน ไม่นานก็มาถึงหน้าประตูมหาลัย และก็เห็นรถปอร์เช่พานาเมร่าสีขาวอยู่คันนึง
ไห่เย่นนั่งอยู่ตรงที่นั่งข้างคนขับในรถปอร์เช่พานาเมร่าคันนั้น แล้วกวักมือเรียกมาทางหลี่ซ่วยซ่วย
เมื่อเห็นหลี่ฝาง หยิ่นเหล่ยที่นั่งอยู่ตรงที่นั่งคนขับ ก็ลงมาจากรถทันที และเดินเข้ามา
“คุณชายหลี่ พวกเราเจอกันอีกแล้ว” หยิ่นเหล่ยยื่นมือ ด้วยสีหน้าเป็นกันเอง
แต่ว่าหลี่ฝางกับทำหน้านิ่ง ไม่ได้จับมือทักทายกับหยิ่นเหล่ย: “แต่ฉันไม่อยากเจอนาย”
หยิ่นเหล่ยไม่ได้โกรธ แค่พูดว่า: “คุณชายหลี่ ผมจองห้องส่วนตัวที่โรงแรมว่างโก๋ไว้ ตอนนี้พวกเราไปกันเถอะ”
ทันใดนั้นสีหน้าของหลี่ซ่วยซ่วยก็เข้มขึ้น แล้วพูด: “หยิ่นเหล่ย พวกเราจองห้องไว้แล้ว ที่ร้านอาหารเล็กๆ ด้านหน้า”
“ไห่เย่น เธอไม่ได้บอกเขาเหรอ?” หลี่ซ่วยซ่วยมองไห่เย่น แล้วถาม
ไห่เย่นยิ้มอยู่ครู่ แล้วพูดกับหลี่ซ่วยซ่วย: “ที่รักคะ ร้านอาหารเล็กๆ ฝั่งตรงข้าม เฉลี่ยตกคนละไม่ถึงห้าสิบ สุขลักษณะอนามัย ก็ไม่ได้เอามากๆ ที่รักจะให้คุณชายหลี่กับคุณชายเหล่ย ไปกินข้าวที่ร้านอาหารเล็กๆ ได้ยังไง? ใครจะรู้อาหารที่ทำ อาจจะเอาน้ำมันข้างทาง มาทำอาหารก็ได้”
ไห่เย่นพูดจบ หน้าของหลี่ซ่วยซ่วย ก็ดูลำบากใจขึ้นมาทันที
ถึงแม้ไห่เย่นพูดได้สละสลวยมากๆ แต่ความหมายในนั้น เต็มไปด้วยการดูถูก
“เธอหมายความว่าไง!” เลี่ยวข่ายขมวดคิ้ว พลางมองไห่เย่นกับหยิ่นเหล่ย: “ดูถูกร้านที่พวกพ้องฉันจองไว้ใช่มั้ย?”
“ไม่ได้ดูถูก แค่รู้สึกว่ามันไม่เหมาะ”
“ร้านอาหารฝั่งตรงข้าม แม้หนึ่งดาวยังไม่ได้เลย พูดตามตรง อย่างมากก็คู่ควรเป็นได้แค่โรงอาหาร เรียกว่าร้านอาหารไม่ได้หรอก” หยิ่นเหล่ยยิ้มอย่างไม่เป็นมิตร
หลี่ฝางเดินเข้าไปหาหยิ่นเหล่ย แล้วถาม: “คุณชายท่านนี้ จองห้องส่วนตัวที่โรงแรมว่างโก๋ไว้แล้วใช่มั้ย?”
“ครับๆๆ คุณชายหลี่ ท่านอย่าเรียกผมว่าคุณชายเลยครับ ต่อหน้าท่าน ผมจะไปกล้าถูกเรียกว่าคุณชายอะไรนั่นได้ยังไง ท่านเรียกผมว่าพี่เหล่ยก็ได้ครับ เป็นกันเองดี”
หยิ่นเหล่ยมาข้างหน้าหลี่ฝาง แล้วพูดด้วยท่าทีถ่อมตัว
“ฉันเรียกนายว่าคุณชายเหล่ยดีกว่า ยังไงพวกเราก็ไม่ได้สนิทกัน”
หลี่ฝางหึ แล้วพูด: “คุณชายเหล่ยท่านนี้ ถึงยังไงนายก็จองห้องส่วนตัวไว้ที่โรงแรมว่างโก๋แล้ว งั้นก็จะสิ้นเปลืองไม่ได้ สิ้นเปลืองมันไม่ดี”
พูดจบ หลี่ฝางก็ยิ้มอย่างร้ายๆ
“ใช่มั้ยล่ะ คุณชายหลี่ พวกเราไปโรงแรมว่างโก๋กันเถอะ ไปกินอะไรดีๆ กัน” หยิ่นเหล่ยพูดจบ ก็ยังมองไปทางหลี่ซ่วยซ่วยอย่างจงใจ
ส่วนสีหน้า ของหลี่ซ่วยซ่วย ก็กลายเป็นลำบากใจมากขึ้นไปอีก
เลี่ยวข่ายเดินขึ้นหน้ามา มองหลี่ฝางแล้วถาม: “หลี่ฝาง นายจะไปโรงแรมว่างโก๋เหรอ? ถ้าหากไป ฉันไม่ไปนะ”
“คนแบบฉัน เหมาะกับการกินน้ำมันข้างทาง” เลี่ยวข่ายพูดอย่างโมโหเล็กน้อย
“ฉันบอกตอนไหนว่าจะไปกินที่โรงแรมว่างโก๋? วันนี้หลี่ซ่วยซ่วยเลี้ยงไม่ใช่เหรอ? ซ่วยซ่วย ร้านที่นายจองไว้ รีบนำทางไปเถอะ ฉันหิวแล้ว” หลี่ฝางตบไปที่บ่าของหลี่ซ่วยซ่วย แล้วพูดขึ้น
พูดจบ หลี่ฝางยิ้มให้หยิ่นเหล่ยอีกครั้ง: “คุณชายเหล่ย นายรีบไปโรงแรมว่างโก๋เถอะ”
สีหน้าของหยิ่นเหล่ย กระอักกระอ่วนในทันที
หลี่ฝาง เลี่ยวข่าย หลี่ซ่วยซ่วย เดินไปทางร้านอาหารเล็กๆ ฝั่งตรงข้าม
ไห่เย่นเดินมาข้างหน้าหยิ่นเหล่ย แล้วถามเสียงเบา: “เอายังไงดี?”
“ยังจะเอายังไงได้อีก? หน้าด้านไปด้วยไง วันนี้พวกเขากินอะไรก็กินอันนั้น” หยิ่นเหล่ยหน้าเขียว พลางพูด
“ถึงยังไงพวกเราต้องขอร้องเขา” หยิ่นเหล่ยพูดอย่างหมดหนทาง
“อืม เซ็นสัญญาก่อนค่อยว่ากัน รอได้สัญญาก่อน ฉันค่อยหาโอกาสทิ้งไอ้เห่ยนั่น พูดตามตรง ไม่กี่วันมานี้ต้องสวีทกับเขา ฉันขยะแขยงจะตายอยู่แล้ว”
ไห่เย่นพูดอย่างรังเกียจสุดๆ : “คุณชายเหล่ย คุณสัญญากับฉันแล้วนะ ว่าถ้าฉันช่วยทำงานนี้ให้สำเร็จ คุณจะซื้อรถBMWให้ฉันคันนึง”
“วางใจ ไม่มีปัญหา”
หยิ่นเหล่ยพยักหน้า
รถBMWธรรมดาคันนึง อย่างถูกเกรงว่าจะไม่ถึงสามแสนก็ซื้อได้แล้ว
แต่ถ้าได้เซ็นสัญญาระยะยาว เกรงว่าปีนึงก็สามารถทำเงินได้ห้าล้าน
หยิ่นเหล่ยแค่คิดก็ดีใจ
ถึงแม้ต้าหัวกรุ๊ปจะเป็นบริษัทที่มีมูลค่าหลายพันล้าน แต่ที่หยิ่นเหล่ยได้รับก็ไม่เท่าไหร่ ถ้าหากเขาทำโครงการนี้ได้สำเร็จ ไม่ใช่แค่เงินในกระเป๋าเขาจะเต็มขึ้นมา ยิ่งไปกว่านั้นยังสามารถชนะพ่อของตนได้อีก
ทุกครั้งพ่อเขาชอบด่าเขาว่าเป็นคนไร้ประโยชน์
ไม่นาน หยิ่นเหล่ยกับไห่เย่นก็ตามมา
“พี่ชายหน้าตาดีคนนี้ มาแล้วเหรอครับ ต้องขอโทษด้วยจริงๆ นะครับ ห้องส่วนตัวทั้งสองห้องของเราถูกจองไปหมดแล้วครับ ไม่ทราบว่าท่านสามารถนั่งทานด้านนอกได้มั้ยครับ?” เจ้าของร้านอาหารมองหลี่ซ่วยซ่วยพลางถาม
หลี่ซ่วยซ่วยขมวดคิ้ว: “บอกไว้แล้วว่าเหลือไว้ให้ฉันห้องนึงไม่ใช่เหรอ?”
“ต้องขอโทษด้วยจริงๆ อย่างแรกคุณไม่ได้วางเงินมัดจำ อย่างที่สองคุณไม่ใช่ลูกค้าประจำ แล้วนี่ก็เที่ยงกว่าแล้ว คุณยังไม่มา พอดีมีคนมา พวกเขาคนเยอะ ดังนั้นผมจึงยกห้องส่วนตัวให้พวกเขาไปแล้ว”
“ต้องขอโทษด้วยจริงๆ นะครับ”
เจ้าของร้านมองหลี่ซ่วยซ่วยด้วยสีหน้ารู้สึกผิด
หลี่ฝางไม่ได้โวยวายอะไร แค่พูดว่า: “หาสักโต๊ะ นั่งกินก็โอเคแล้ว ไม่จำเป็นต้องเป็นห้องส่วนตัว”
“จะทำแบบนั้นได้ยังไง พวกเรามาคุยธุรกิจหลายสิบล้านนะ คุยกันด้านนอก ไม่เหมาะมั้ง” หยิ่นเหล่ยเข้ามา และได้เห็นพอดี
“หลี่ซ่วยซ่วย นายทำอะไรให้มันเพิ่งได้หน่อยได้มั้ย เรื่องแค่นี้ยังทำไม่ดี เสียดายที่ฉันคิดว่าถ้านายเรียนจบแล้วจะให้มาทำงานในต้าหัวกรุ๊ปนะ”
“เจ้าของร้าน นายไปบอกลูกค้าในห้องหน่อย ให้พวกเขาไปกินร้านอื่น ให้พวกเขาเอาห้องส่วนตัวให้เรา”
หยิ่นเหล่ยควักเงินสองพันออกมาจากกระเป๋าแล้วให้เจ้าของร้าน: “นี่สองพัน ถือว่าชดเชยให้พวกเขา”
“ได้ ผมจะไปกล่อมพวกเขา” เจ้าของร้านเห็นเงินเยอะ เลยกระดี๊กระด๊าทันที
ร้านอาหารเล็กๆ แบบนี้ ปกติก็มีแต่นักศึกษาจนๆ มากิน
ราคาไม่ถึงห้าสิบเหรียญต่อหัว ตามจริงก็คือประมาณสามสิบเหรียญเอง
พวกนักศึกษาที่ฐานะไม่ค่อยดี ชอบมารวมตัวกันกินข้าว สั่งอาหารสองสามอย่าง กินเหล้าสองขวด ก็รู้สึกสบายมากๆ แล้ว
พวกเขาไม่เหมือนหยิ่นเหล่ย ที่ชินกับการไปกินข้าวที่ภัตตาคารห้าดาว มื้อนึงอย่างน้อยก็ต้องพันสองพัน
ไม่นาน ลูกค้าในห้องส่วนตัว ก็เอาเงินแล้วก็ไป
“คุณชายหลี่ เชิญคุณก่อน” หยิ่นเหล่ยมองหลี่ซ่วยซ่วยด้วยสีหน้าภูมิใจ แล้วทำมือเชิญหลี่ฝาง
แต่หลี่ฝางกับยกเก้าอี้ขึ้นมา แล้วนั่งลง: “ช่างเถอะ ในห้องนั่นอึดอัด พวกเรานั่งกินตรงนี้เถอะ”
“หนุ่มหล่อท่านนี้ ในห้องส่วนตัวมีหน้าต่าง และก็มีแอร์ ไม่อึดอัดเลยครับ แต่ตรงนี้ มีแค่พัดลมเก่าๆ สองตัว” เจ้าของร้านมองหลี่ฝาง แล้วพูดด้วยเจตนาดี
แต่หลี่ฝางกลับยิ้มอ่อน: “เจ้าของร้าน เอาเมนูมาเถอะ”
“ไม่มีเมนูครับ ทุกท่านต้องไปที่หลังครัว แล้วดูว่าในครัวมีอะไรกิน จากนี้ก็บอกผมว่าอยากกินอะไร อาหารปกติ ผมสามารถทำได้หมดครับ” เจ้าของร้านยิ้มฮี่ๆ แล้วพูด
“ไปเถอะ”
หลี่ฝางลุกขึ้นยืน และเดินเข้าไปหลังครัวคนแรก
สีหน้าของหยิ่นเหล่ย เข้มลงอีกครั้ง หลี่ฝางคนนี้ เห็นได้ชัดว่าเมื่อครู่ทำให้เขาขายหน้า
หยิ่นเหล่ยอดกลั้นน้ำโหไว้ แล้วตามคนอื่นๆ ไปที่หลังครัว
หลังจากที่หลี่ฝางเข้ามาที่หลังครัว ก็รู้สึกคุ้นเคยสุดๆ ก่อนหน้านี้ เขากับโจวหยาง ก็เคยมากินข้าวที่ร้านอาหารแบบนี้อยู่หลายครั้ง
“ขอเนื้อผัดพริกที่นึง เจ้าของร้าน พริกนี่เผ็ดมั้ย?” หลี่ฝางถามอย่างแฮปปี้
“เผ็ด รับรองว่าเผ็ดจนนายเหงื่อแตกแน่”
“โอเค ใส่พริกเยอะๆ หน่อยนะครับ” หลี่ฝางพยักหน้า จากนั้นก็พูดว่า: “เอาก๋วยเตี๋ยวเย็นที่นึง แล้วก็มะเขือเทศผัดไข่……”
“หลี่ซ่วยซ่วย นายสั่งอีกสักสองอย่างเถอะ” หลี่ฝางตบไปที่บ่าของหลี่ซ่วยซ่วย แล้วพูด
“เอาเครื่องในต้ม แล้วก็ไก่ผัดที่นึงครับ” หลี่ซ่วยซ่วยเลือกสั่งอาหารที่ราคาแพงขึ้นหน่อย
เลี่ยวข่ายสั่งซุปข้าวโพดใส่ไข่ไปที่นึง
จากนั้น หลี่ซ่วยซ่วยก็มองไห่เย่น แล้วพูด: “ฉันรู้ว่าเธอชอบกินปลา ฉันให้เจ้าของร้านนึ่งให้เธอที่นึง”
“ไม่ต้องหรอก ซ่วยซ่วย ช่วงนี้ฉันลดน้ำหนัก” ไห่เย่นมองสภาพแวดล้อมที่นี่ ทำให้ไปอยากกิน
ส่วนหยิ่นเหล่ยหลังจากที่เข้าไป ก็ขมวดคิ้วอย่างรังเกียจ: “โห นี่ใช่ที่ที่คนกินข้าวกันเหรอ? ดูนี่สิสกปรก ในห้องยังมีแมลงวันด้วยอีกตัว สุขลักษณะของพวกนาย ผ่านเกณฑ์มั้ยเหนี่ย?”
“น้องชาย หากคุณไม่อยากกิน ก็เดินออกไป เลี้ยวซ้ายไปห้าสิบเมตร มีร้านอาหารร้านใหญ่อยู่ ที่นี่ ต้อนรับแค่บางคนเท่านั้น ไม่ต้อนรับพระเจ้า” เจ้าของร้านมองหยิ่นเหล่ย แล้วพูดหึ
ถึงแม้หยิ่นเหล่ยจะมีเงิน แต่หยิ่นเหล่ยพูดแบบนี้ เจ้าของร้านก็ต้องโมโหอยู่แล้ว
“นายทำไมพูดแบบนี้ ฉันเป็นลูกค้า เป็นพระเจ้า เข้าใจมั้ย?” หยิ่นเหล่ยพูดจบ ก็ถูกหลี่ฝางตบแสกหน้าไปหนึ่งที