NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - บทที่ 536 ฉันคือคนที่แกไม่อาจล่วงเกิน
บทที่ 536 ฉันคือคนที่แกไม่อาจล่วงเกิน
“เป็นยังไง หมาจื่อ?”
“แบบนี้ ไม่เพียงได้สมบัติของฉันไปครอบครอง ทั้งยังสามารถรายงานผลการปฏิบัติงานต่อป๋ายหม่าได้ด้วย” ลูกพี่หลินมองหมาจื่อ พลางถามอย่างเรียบ ๆ
“ห้าคน ห้าร้อยล้าน หารกันก็ได้คนละหนึ่งร้อยล้านแล้ว แกส่งตัวหลี่ฝางให้มู่เสี่ยวไป๋ จะได้รับผลประโยชน์มากเท่าไหร่กันเชียว หรือว่าจะได้ถึงหนึ่งร้อยล้าน?”
“สำหรับพวกฉางเหมา ฉันจะให้พวกมันไปจากตงไห่ ให้ไปจากเมืองเอกซะ”
หมาจื่อยิ้มเล็กน้อย กล่าว: “พี่ใหญ่ พี่ไม่ค่อยจะรู้ฐานะของตัวเองใช่ไหม พี่ในตอนนี้ เป็นเพียงแค่เชลยคนหนึ่ง จะมาต่อรองกับฉันได้ยังไง? ทั้งยังมีเงื่อนไขที่เกินไปแบบนี้”
“ถ้าฉันปล่อยตัวคุณชายหลี่ไป ก็จะต้องผิดใจกับทางฝั่งมู่เสี่ยวไป๋ และไม่ได้รับความร่วมมือจากมู่เสี่ยวไป๋ แล้วฉันจะขายสินค้าเข้าไปในเมืองเอกได้ยังไง?”
“สำหรับสามคนในนั่น หม่าเชาพาคนไปเยอะขนาดนั้น ยังกำจัดพวกมันไปไม่ได้ ทั้งสามคนนั้น ไม่ใช่ว่าจะรับต่อกรด้วยได้ง่าย ๆ พวกมันมีชีวิตอยู่ ทำให้ฉันนอนไม่ค่อยจะหลับ”
หมาจื่อลั่นไกปืน ปลายกระบอกปืนหันไปทางผู้หญิงของลูกพี่หลิน เสียงปืนดังปังขึ้นหนึ่งนัด
ผู้หญิงของลูกพี่หลิน กัดฟันแน่น อดกลั้นไม่ร้องออกมาสักแอะ
“พี่ใหญ่ ฉันรู้ว่าหล่อนไม่ใช่เมียหลวงของพี่ แต่ยังไงหล่อนก็อยู่กับพี่มาตั้งหลายปี หรือว่าพี่จะไม่รู้สึกปวดใจสักนิดเลยเหรอ?”
ลูกพี่หลินหัวเราะอย่างเย็นชา: “ปวดใจแล้วจะทำอะไรได้ ยังไงเธอก็ไม่มีชีวิตรอดไปจากวันนี้ เพียงแค่เนื้อหนังต้องทนรับความทุกข์ทรมานมากหน่อยเท่านั้นเอง”
“พี่ใหญ่นี่เลือดเย็นจริง ๆ ด้วย” หมาจื่อกล่าว และลั่นไกปืนอีกครั้ง
ผู้หญิงของลูกพี่หลิน ปรากฏรอยเลือดขึ้นมาบนขาของเธอ
เธอคุกเข่าอยู่ตรงหน้าหมาจื่อ และมองดูเขาพลางกล่าว: “ช้าเร็วแกจะต้องถูกกรรมตามสนองอย่างแน่นอน”
“ใช่ ช้าเร็วฉันจะต้องถูกกรรมตามสนอง แต่เธอกลับไม่ได้เห็นแล้ว” หมาจื่อจ่อปลายกระบอกปืนไปที่หัวของหญิงคนนี้ เสียงปืนดังปังขึ้นหนึ่งนัด
ใบหน้าของลูกพี่หลิน ขยับเล็กน้อย น้ำตา หมุนอยู่ในดวงตาของเขา
“พี่ใหญ่ พี่นี่มันไร้ความรู้สึกมากกว่าที่ผมคิดไว้เยอะเลย” หมาจื่อพลางเดินไปทางลูกพี่หลิน พลางกล่าว
“นี่คือชะตาชีวิตของเธอ”
“เหอะ ๆ หล่อนติดตามพี่ ก็ถือว่าชะตาไม่ดีจริง ๆ แหละ”
ที่จริงแล้ว ผู้หญิงคนนี้ ก็เป็นเพียงแค่คนรักที่ลูกพี่หลินเลี้ยงดูมาตั้งแต่แรก
ภรรยาที่แท้จริงของลูกพี่หลิน นั่นก็คือแม่ของแท้ ๆ ของหลินชิงชิง ซึ่งได้ถูกลูกพี่หลินส่งตัวออกไปตั้งนานแล้ว
ลูกพี่หลินรู้ว่าป๋ายหม่าจะต้องเก็บเขาในสักวัน พอถึงเวลานั้น ภรรยาของตัวเอง จะต้องตกทุกข์ได้ยากไปพร้อมกันอย่างไม่อาจเลี่ยงได้ ดังนั้น ลูกพี่หลินจึงแสร้งทำเป็นความรู้สึกไม่ลงรอย และหย่ากับภรรยาของตนเอง
หลังจากนั้น จึงแต่งงานกับคนรักของตัวเอง
และคนรักคนนี้คนนี้ สำหรับลูกพี่หลินแล้ว ไม่ได้มีความรักให้เธอเลย อย่างมากก็แค่อยู่ด้วยกันมาเป็นเวลานานหลายปี ทำให้มีความผูกพันบ้างเท่านั้นเอง
หมาจื่อเดินมาทางหลี่ฝางทีละก้าว จากนั้นเขาก็คว้าไปที่ปกเสื้อของหลี่ฝาง แล้วดึงขึ้นมา: “ลูกพี่หลิน คนต่อไป คนต่อไป ก็จะถึงทีของเด็กคนนี้แล้วล่ะ”
“ความสัมพันธ์ระหว่างเด็กคนนี้กับชิงชิงไม่เลว ทั้งยังช่วยพี่ไว้ พี่คงไม่ปรารถนาให้ผู้มีพระคุณของพี่ ตายเพราะพี่หรอกใช่ไหมล่ะ?” หมาจื่อกล่าวอย่างยิ้มแย้ม
ลูกพี่หลินขมวดคิ้ว: “แกรู้ไหมว่าทำไมมู่เสี่ยวไป๋ถึงต้องการตัวเด็กคนนี้?”
“แน่นอนว่าเป็นเพราะลูกสาวสุดที่รักของพี่ หลินชิงชิงไงล่ะ” หมาจื่อตอบ
“แกนี่มันช่างปัญญาอ่อน ไม่มีสมอง อยู่ที่เมืองเอกนี่มู่เสี่ยวไป๋มีอิทธิพลมากขนาดไหน ไม่มีทางที่แกจะไม่รู้ ถ้าเด็กคนนี้เป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่ง เขาจะมีชีวิตอย่างปลอดภัยมาจนถึงตอนนี้เหรอ?”
“คนที่แม้แต่มู่เสี่ยวไป๋ยังไม่มีปัญญาที่จะจัดการ แกยังกล้าแตะ แกนี้มันไม่ช่างไม่อยากมีชีวิตต่อไปจริง ๆ ”
เมื่อได้ยินดังนั้นหมาจื่อพลังชะงัก เขามองไปที่หลี่ฝาง: “แกเป็นใครกันแน่?”
“รู้จักRecalling the pastใช่ไหม? ผมเป็นเจ้าของของRecalling the past สถานตากอากาศหลงฉวนแห่งตงไห่ที่อยู่ติดกับเมืองเอกนั้น ก็เป็นของตระกูลของผม รู้ไหมว่าทำไมมู่เสี่ยวไป๋ถึงได้นอนโรงพยาบาล? ฉันลงมือเองแหละ รู้ไหมว่าทำไมมู่เหวินตงพี่ชายของมู่เสี่ยวไป๋ถึงได้กลายเป็นคนพิการ? นั่นก็เพราะมู่เสี่ยวไป๋แทงผมหนึ่งครั้ง” หลี่ฝางโก่งลำคอ พลางกล่าวด้วยท่าทางภาคภูมิใจ
“มู่เสี่ยวไป๋แทงแก แล้วแกทำร้ายมู่เหวินตงทำไมกัน” หมาจื่อมองหลี่ฝางอย่างงงงวย
หลี่ฝางยิ้ม กล่าว: “ผมพอใจ คุณจะทำไม? ผมอยากจะจัดการใครก็จัดการคนนั้น”
“ยังมี เมื่อก่อนลูกชายของตู้ต้าไห่ชอบเป็นปรปักษ์กับผม คุณน่าจะรู้ใช่ไหม? ตอนนี้ตู้ต้าไห่และตู้เฟยล้วนได้ตายไปแล้ว จะบอกคุณให้ก็ได้ ผมเป็นคนฆ่าเองแหละ ยังมีอีก ลูกพี่หลี่นั่น ก็เป็นผมที่ฆ่าเขาเหมือนกัน ใครใช้ให้เขาร้องว่าจะฆ่าผมล่ะ ไม่เท่ากับว่ารนหาที่ตายหรอกเหรอ?”
“นอกจากนี้แล้ว ยังมีตัวอย่างอีกมากมาย คุณยังอยากฟังไหมล่ะ? ถ้าอยากฟังล่ะก็ ผมจะเล่าให้คุณฟังต่อ สวีเถิงเฟยถูกอัดจนพิการคุณรู้ใช่ไหม?”
“คุณรู้จักสวีเถิงเฟยไหม?”
หลี่ฝางชายตามองหมาจื่อ มีแววเหยียดหยามเล็กน้อย
แน่นอนว่ามาจื่อรู้จักสวีเถิงเฟย
“ยังมีหยูเถิง พี่ชายของตู้เฟยนั่น ก็ถูกผมฆ่าไปแล้วเหมือนกัน”
เมื่อได้ยินดังนั้น หมาจื่อก็รีบเอาปืนออกไปจากตัวของหลี่ฝางทันที
คนคนนี้ หมาจื่อรู้ว่าเขาไม่อาจล่วงเกินได้
“เหอะ ๆ เสี่ยวฝาง นายไม่จำเป็นจะต้องพูดเยอะขนาดนั้น นายเพียงแค่บอกมันไป ว่าหลอซ่าคือพ่อของนาย มันก็ไม่กล้าที่จะแตะต้องนายแม้แต่ปลายนิ้วแล้ว”
“หลอซ่า!”
หมาจื่อสะดุ้ง ร่างกายของเขาสั่นไปทั้งตัว
บนใบหน้าของหมาจื่อ เต็มไปด้วยแววของความหวาดกลัวขึ้นมาในทันที
มันเป็นความหวาดกลัวที่มาจากจิตวิญญาณข้างใน
“หลอซ่าตายไปแล้วไม่ใช่เหรอ?” หมาจื่อกล่าวด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทา
“เหอะ ๆ ใครบอกแกว่าหลอซ่าได้ตายไปแล้ว? คนใจบุญแห่งตงไห่ในวันนี้ ก็คือหลอซ่าในตอนนั้น เขาได้กลับมาอีกครั้งแล้ว”
ลูกพี่หลินเงยหน้าขึ้น เขาจ้องมองไปที่หมาจื่อแล้วยิ้มขึ้นมาอย่างเย็นชา: “แกคิดจะใช้ลูกชายของหลอซ่า เป็นเบี้ยในการต่อรองร่วมมือกับมู่เสี่ยวไป๋?”
“หมาจื่อนะหมาจื่อ แกนี่มันจริง ๆ เลย” ลูกพี่หลินกล่าว พร้อมกับทำเสียงฮึดฮัดทางจมูก
หมาจื่อตกใจกลัวจนต้องกลืนน้ำลาย เขามองหลี่ฝางพลางเอ่ยขอโทษขอโพย: “คุณชายหลี่ คุณเป็นคนจิตใจกว้างขวาง อย่าได้ถือสาฉันเลย”
“เรื่องในวันนี้ เป็นเรื่องส่วนตัวของพวกเรา ดึงคุณเข้ามาเกี่ยวข้อง ขอคุณได้โปรดอภัยด้วย”
“อีกสักพัก ผมจะห่อซองแดงให้คุณหนัก ๆ เลย” หมาจื่อกล่าวด้วยใบหน้าหวาดผวา
“คุณคิดว่าผมเหมือนคนไม่มีเงินไหม?” หลี่ฝางเบ้ปากอย่างดูแคลน: “ถ้าอยากให้ผมยกโทษให้ งั้นก็ปล่อยตัวลูกพี่หลินซะ”
“ผมจะบอกคุณให้นะ เขาเป็นว่าที่พ่อตาของผม ผมกับชิงชิง เตรียมที่จะแต่งงานกันแล้ว”
“หมาจื่อ คุณจะฆ่าพ่อตาของผมเหรอ?” หลี่ฝางน้ำเสียงเย็นชาจ้องมองหมาจื่อ พลางเอ่ยถาม
ลูกพี่หลินกระแอมกระไอ กล่าว: “เสี่ยวฝาง อย่าขู่มันเลย ไม่มีประโยชน์หรอก ก็เหมือนกับผู้หญิงของฉัน ฉันก็ไม่มีชีวิตรอดต่อไปได้แล้วเหมือนกัน”
“ถ้ามันไม่ฆ่าฉัน ป๋ายหม่าก็จะฆ่ามัน”
“เหอะ ๆ มันก็แค่ต้องการเงินของฉันเท่านั้นเอง”
ลูกพี่หลินพึ่งพูดจบ ทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงฝีเท้าดังออกมาจากในป่า
แขนข้างหนึ่งของหม่าเชาถูกยิง เขาเดินเข้ามา และมองไปที่หมาจื่อ กล่าว: “พี่หมาจื่อ ทางฝั่งผมสูญเสียพี่น้องไปสามคน”
“สามคนนั่นร้ายกาจมาก พวกเราสิบคน เกือบตายในเงื้อมมือของพวกมันจนหมด”
หม่าเชากัดฟันกล่าว: “เมื่อกี้พวกเราได้จัดการไปคนหนึ่ง คนที่พวกเราฆ่าคือคนที่ยิงผม ยังเหลืออีกสองคน พี่หาวิธีจัดการเองแล้วกัน”
ฉางเหมาและชายสวมเสื้อลายพราง กัดฟันจ้องมองไปที่หม่าเชา แทบอยากจะลอกหนังเขาทั้งเป็น
“ฉางเหมา แกยังจำฉันได้ไหม?” หมาจื่อมองไปที่ฉางเหมา กล่าวอย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง
“ไอ้ระยำ อย่ามาอวดดีกับฉันนักเลย ถ้าแน่จริงล่ะก็ ก็มาตัวต่อตัวกับฉันสิ” ฉางเหมาถลึงตากล่าว
“นี่มันยุคสมัยไหนแล้ว ยังจะมาตัวต่อตัว? ฉันปัญญาอ่อนเหรอ” หมาจื่อกล่าวอย่างเย้ยหยัน
หลังจากนั้น หมาจื่อก็มองไปที่หม่าเชา: “ก็ไม่เลว สามคนนั่น มาจากเขตสามเหลี่ยม ตอนที่อยู่ในป่า พวกนายสามารถสู้กับพวกมันได้ ก็เกินความคาดหมายของฉันแล้ว”
“อีกสักพักทั้งหกคนที่ตายไปนั่น จ่ายให้คนละล้าน ส่วนคนที่ยังมีชีวิตอยู่ จ่ายให้คนละสองล้าน”
หม่าเชาขมวดคิ้ว: “หกคนที่ตายไป ให้คนละสามแสนเป็นค่าช่วยเหลือครอบครัวก็พอแล้ว ส่วนที่เหลือ แบ่งให้พวกผมเถอะ”
“ได้ นั่นเป็นพี่น้องของแก แกอยากทำยังไงก็แล้วแต่ ยังไงจำนวนเงินก็เท่าเดิมอยู่ดี” หมาจื่อยิ้ม และไม่ได้พูดอะไรอีก
หม่าเชาหันไปมองฉางเหมา เขายิ้มอย่างเย้ยหยัน: “มิน่าถึงได้ร้ายกาจแบบนี้ ที่แท้มาจากเขตสามเหลี่ยมนี่เอง ยอดฝีมือนี่”
“ถ้าไม่ใช่เพราะฉันจับตัวประกัน เกรงว่าพี่น้องของฉันพวกนี้ คงต้องตายในเงื้อมมือของแกแน่” หม่าเชากล่าว
เมื่อสักครู่ตอนที่อยู่ในป่า หม่าเชาเห็นว่าฉางเหมาและพวกร้ายกาจเกินไป จึงพาพรรคพวก ปิดล้อมคนหนึ่ง และจับตัวเอาไว้ แล้วบังคับให้ฉางเหมาและชายสวมเสื้อลายพรางยอมศิโรราบ ถึงได้รับชัยชนะ ถ้าไม่ใช่เพราะใช้กลอุบาย หม่าเชาจะต้องแพ้อย่างแน่นอน
“อาเชา” ลูกพี่หลินเงยหน้าขึ้นมองหม่าเชา
“พี่ใหญ่ มีอะไรจะพูดกับผมก่อนตายเหรอ?” หม่าเชายิ้มเอ่ยปาก
“ฉันให้แกห้าร้อยล้าน แล้วแก่ฆ่าหมาจื่อซะเป็นยังไง?” ลูกพี่หลินหัวเราะขึ้นมาอย่างเย็นยะเยือก