NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - บทที่ 540 ผมคือหนีเตียจริง ๆ นะ
บทที่ 540 ผมคือหนีเตียจริง ๆ นะ
ในเวลานี้ประตูกระจกของบาร์ Recalling the past ได้ถูกล็อกจากข้างใน
เวลาเปิดทำการของบาร์คือตั้งแต่สองทุ่มถึงหกโมงเช้า นั่นก็คือ บาร์พึ่งปิดร้านไปได้ไม่นาน
หลี่ฝางเดินไป และตบไปที่ประตูกระจก เขาตบอยู่ราวนาทีกว่า ๆ ถึงได้มีคนที่คุ้นเคยคนหนึ่ง สวมกางเกงชั้นในขาสั้นเดินมาเปิดประตู
“แม่งเอ๊ย ใครวะ ร้านพึ่งปิดไปก็มาเคาะประตูซะแล้ว หรือว่าดื่มเยอะไปแล้วลืมของไว้ที่บาร์?” คนคุ้นเคยคนนี้ แน่นอนว่าก็คือถังหยู่ซวนนั่นเอง ถังหยู่ซวนตาปรือ วิ่งไปเปิดประตู พลางร้องถามต่อว่าหลี่ฝางและป๋ายหม่าอย่างไม่สบอารมณ์
“เงยหัวขึ้นดูว่าฉันเป็นใคร” หลี่ฝางยิ้มกล่าว
เมื่อถังหยู่ซวนได้ยินเสียงที่คุณหูนี้ ก็เอามือขยี้ตาทันที เขามองหลี่ฝาง ปรากฏสีหน้าท่าทางปลื้มปีติยินดีออกมา: “เย็ดเข้ คุณชายหลี่ กลับมาแล้วเหรอครับ”
“คุณชายหลี่เหี้ยอะไร เมื่อก่อนนายเรียกฉันว่ายังไง ก็เรียกอย่างนั้น ทำไม ไม่เจอแค่ไม่กี่วัน ก็ห่างเหินกันแบบนี้แล้วเหรอ? หรือว่า หรือว่าในใจของนายไม่เห็นฉันคนนี้เป็นเพื่อนแล้ว?”
หลี่ฝางจ้องมองถังหยู่ซวน พลางหัวเราะเหอะ ๆ : “ยังถือโทษฉันอยู่?”
“ถือโทษนาย? จะเป็นไปได้ยังไง? เดิมทีก็เป็นของฉันที่ทำผิดไป สูญเสียความเป็นตัวของตัวเอง กลายเป็นคนเลวทรามต่ำช้า ในตอนแรกที่ลุงเฉียนว่าให้ฉัน ฉันก็ฟังหูซ้ายทะลุหูขวา ใช้ความสัมพันธ์ของนาย……ช่างเหอะ ไม่พูดแล้ว หลี่ฝาง ขอบใจนายมาก ขอบใจที่นายยังเห็นฉันเป็นเพื่อน ถึงยังไง ฉันก็เคยทำเรื่องที่ผิดต่อนาย ฉันไม่ควรใกล้ชิดสนิทสนมกับพวกโจวเจ๋มากเกินไป” ถังหยู่ซวนกล่าวด้วยท่าทีรู้สึกผิด
หลี่ฝางส่ายหน้า และกล่าวอย่างสงบ: “เรื่องที่มันผ่านไปแล้ว ก็ให้มันผ่านไปเถอะ ต่อไปก็อย่าพูดถึงมันอีก ฉันได้ยินลุงเฉียนบอกว่า ระยะนี้นายแสดงออกได้ไม่เลย”
หลี่ฝางยิ้มอย่างพอใจ: “ไปเก็บของ แล้วไปอยู่กับฉันที่เมืองเอกเป็นยังไง?”
“หา? ฉันทำงานอยู่ที่บาร์ก็ไม่เลว อีกอย่างระยะนี้ กำลังสอนศิลปะการต่อสู้ให้ฉันโหจื่อด้วย ช่วงนี้ฉันยังไม่อยากจากไปไหน ฉันอยากจะเรียนรู้ศิลปะการต่อสู้กับโหจื่อหน่อย” ถังหยู่ซวนประหลาดใจ และกล่าวปฏิเสธในทางอ้อม
ในขณะที่หลี่ฝางเหมือนกำลังจะพูดอะไรต่อ ทันใดนั้นเองป๋ายหม่าก็กระแอมไอขึ้นมา
หลี่ฝางเก้อเขินเล็กน้อย เขาได้ลืมป๋ายหม่าไปซะแล้ว
“นายเป็นพนักงานที่นี่ใช่ไหม?” จ้องมองถังหยู่ซวน ป๋ายหม่าพลางเอ่ยถามขึ้น
“ดูนายก็ไม่เลวเลย ถ้าหากนายเต็มใจ ก็สามารถอยู่ที่นี่ต่อไปได้” ป๋ายหม่ายิ้มอ่อน พลางกล่าว
ถังหยู่ซวนมองป๋ายหม่าด้วยท่าทีประหลาดใจ เขาขมวดคิ้ว แล้วเอ่ยถาม: “หลี่ฝาง เขาเป็นใคร? ที่เขาพูดหมายความว่ายังไง?”
“เถ้าแก่ในอนาคตของนาย” หลี่ฝางกล่าวอย่างเรียบ ๆ แต่ในใจยังคงรู้สึกเศร้าเล็กน้อย
ถึงยังไงบาร์แห่งนี้ ก็เป็นถึงของขวัญที่คุณพ่อของตัวเองมอบให้
โดยเฉพาะมังกรทองตัวนี้ พี่ทำขึ้นเพื่อตัวเองโดยเฉพาะ
เอาให้คนอื่นไปแบบนี้ ไม่รู้ว่าเมื่อตอนที่คุณพ่อของตัวเองรู้เข้า จะเสียใจหรือเปล่า
ในใจของหลี่ฝางค่อนข้างเป็นกังวล เขาไม่รู้เลยว่าจะบอกกับพ่อของตัวเองยังไง
ถึงยังไงบาร์แห่งนี้ ก็มีมูลค่าสูงถึงสามพันกว่าล้าน อีกทั้งยังเป็นที่ได้รับความนิยม เอาไปให้คนอื่นแบบนี้ โดยที่ไม่ได้บอกพ่อของตัวเองเลยสักคำ มันก็เป็นเรื่องที่ไม่สมควรจริง ๆ แหละ
“อะไรนะ? เขาเป็นเจ้าของบาร์ในอนาคต?” ถังหยู่ซวนสีหน้าท่าทางตะลึงงัน และมองหลี่ฝางอย่างไม่อยากจะเชื่อ: “หลี่ฝาง นี่มันเรื่องอะไรกัน ครอบครัวของนายล้มละลายแล้วเหรอ? ทำไมถึงต้องขายบาร์ล่ะ?
“ธุรกิจของบาร์นี่ดีซะขนาดนี้ คนเต็มทุกวัน จนลูกข้าเข้าคิวไม่ทัน นายขายออกไปแบบนี้……มันไม่น่าเสียดายไปหน่อยเหรอ”
สีหน้าของถังหยู่ซวน ปรากฏแววความยากลำบากขึ้นมา เห็นได้ชัด แม้แต่เพื่อนอย่างถังหยู่ซวน ก็ไม่อยากให้บาร์แห่งนี้เปลี่ยนเจ้าของ
ในหัวใจของหลี่ฝาง ยิ่งเสียดายขึ้นไปอีก
ป๋ายหม่าเดินเข้าไปในร้านทันที เขากวาดสายตามอง สุดท้ายจึงหยุดลงที่ด้านหน้าของมังกรทองตัวนั้น: “เป็นของดีจริง ๆ เลย”
สำหรับคนอย่างป๋ายหม่า สิ่งที่มีค่าที่สุด ไม่มีอะไรมากไปกว่าทองคำและเพชร
ป๋ายหม่าลูบคลำอย่างไม่รู้ตัว ราวกับคนบ้านนอกคอกนาไม่ผิด
“หลี่ฝาง ตกลงแล้วมันยังไงกันแน่ ฉันไม่ได้ยินว่าครอบครัวของนายล้มละลายนี่นา ทำไมนายถึงได้จะขายบาร์ล่ะ?” ถังหยู่ซวนเดินเข้าไปหาหลี่ฝาง แล้วกระซิบถาม
หลี่ฝางกล่าวอย่างจำใจ: “ไม่ได้ขาย พูดให้ถูกหน่อยก็คือ ยกให้คนคนนั้น”
“เย็ดเข้? นายว่ายังไงนะ? หลี่ฝาง นายจะยกบาร์นี่ให้กับคนคนนั้น? เขาเป็นใครกัน นายถึงจะยกบาร์นี่ให้เขา ฉันได้ยินลุงเฉียนพูด บาร์แห่งนี้มีมูลค่าหลายพันล้าน นายยกเงินหลายพันล้านนี่ให้กับเขา?” ถังหยู่ซวนจ้องมองหลี่ฝางอย่างตะลึงสุดขีด ตกใจอ้าปากกว้างจนแทบจะฉีก
หลี่ฝางอืมหนึ่งครั้ง พลางพยักหน้า กล่าว: “เพื่อช่วยลูกพี่หลิน นี่เป็นสิ่งเดียวที่ทำได้”
“ลูกพี่หลิน? ตกลงแล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ หลี่ฝาง นางพูดให้ฉันฝังหน่อยสิ” ถังหยู่ซวนถามด้วยความอยากรู้อยากเห็นสุดขีด
หลี่ฝางกล่าว: “ลูกพี่หลินทำผิดนิดหน่อย ถ้าฉันไม่ยกบาร์นี่ให้กับเขาคนนั้น เขาคนนั้น ก็จะฆ่าลูกพี่หลิน”
“เขาฆ่าลูกพี่หลิน แล้วเกี่ยวอะไรกับนายล่ะ หลี่ฝาง?” ถังหยู่ซวนยิ่งไม่เข้าใจมากขึ้นกว่าเดิม
หลี่ฝางเหลือกตาให้กับถังหยู่ซวน: “ฉันกับลูกพี่หลินไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกัน แต่นายลืมความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับหลินชิงชิงไปแล้วเหรอ? บอกนายเรื่องหนึ่ง นายอย่าเอาไปพูดมั่ว ๆ ล่ะ ฉันกำลังคบหากับหลินชิงชิงอยู่ ดังนั้นลูกพี่หลินนี่ มีความเป็นไปได้สูงที่จะเป็นพ่อตาฉันในอนาคต นายว่า นั่นคือว่าที่พ่อตาของฉัน ฉันจะไปให้เขาตายโดยไม่ช่วยได้เหรอ?”
“มันก็ต้องช่วยเนอะ เพียงแต่ว่า สิ่งที่ต้องเสียไปมันมากมายเกิน”
ถังหยู่ซวนพยักหน้า และยังคงกล่าวอย่างเสียดาย: “เฮ้อ นี่ถ้าให้โหจื่ออาจารย์ของฉันรู้เข้า โหจื่อของฉันจะต้องระเบิดขึ้นมาแน่”
“เรื่องนี้ ยังไม่ต้องบอกเขา” หลี่ฝางเกรงว่าจะก่อให้เกิดปัญหาที่ไม่จำเป็น เขาจึงเดินไปที่ข้างหน้าของป๋ายหม่าทันที
“เป็นยังไงบ้าง พวกเราเซ็นสัญญากันเถอะ”
หลี่ฝางไม่อยากจะยืดเวลาไปมากกว่านี้ จึงเอ่ยขึ้นมา
ป๋ายหม่าหัวเราะเหอะ ๆ จ้องมองหลี่ฝาง: “คุณชายหลี่ ทำไมถึงใจร้อนกว่าฉันอีกล่ะ ดูเหมือนว่าพ่อตาของนายคนนี้สำหรับนายแล้ว สำคัญอยู่ไม่น้อยเลย”
“ไม่พูดไม่ได้ว่า เขาได้ลูกเขยที่ไม่เลวเลยจริง ๆ ดูสิ บาร์ที่ดีมากขนาดนี้ เพื่อช่วยเขา บอกว่าจะยกให้ฉันก็ยกให้ โดยที่ไม่รู้สึกเสียดายเลยแม้แต่น้อย” ป๋ายหม่ายั่วเย้า
หลี่ฝางขมวดคิ้ว และมองดูป๋ายหม่าอย่างไม่สบอารมณ์: “ทำไม เสียดายแล้วมีประโยชน์อะไร?”
“ก็ได้ ผมจะบอกคุณก็ได้ ผมเสียดายจนแทบตายอยู่แล้ว บาร์แห่งนี้ เป็นของขวัญที่พ่อของผมมอบให้เชียวนะ ผมยังไม่ได้บอกเขาเลย ถ้าหากเขารู้เข้าล่ะก็ จะต้องด่าผมจนหูชาแน่ ๆ เลย” ทันทีที่นึกถึงเรื่องนี้ ในใจของหลี่ฝางก็กระวนกระวายเป็นพิเศษ
“เหอะ ๆ ถ้าหากหลอซ่ารู้เข้า จะต้องโมโหมากแน่ ๆ ทั้งยังจะต้องมาหาเรื่องฉัน แต่ว่าความร่ำรวยไม่ใช่ว่าจะได้มาง่าย ๆ จะต้องมีเสี่ยงกันบ้าง นายว่าไหม? บาร์เหล้าที่ดีขนาดนี้ คู่ควรที่ฉันจะต้องล่วงเกินปีศาจที่ฆ่าคนได้อย่างเลือดเย็น” ป๋ายหม่ากล่าวเสียงแข็ง
ช่างเป็นคนที่อยากได้เงินจนไม่ห่วงชีวิตจริง ๆ
หลี่ฝางเบ้ปาก แล้วเดินไปที่เคาน์เตอร์ กล่าว: “มีหมึกพิมพ์ลายนิ้วมือไหม?”
“สบายใจได้เมื่อกี้ทนายของฉัน ได้เอาให้ฉันหมดแล้ว นี่ปากกา นี่หมึกพิมพ์ลายนิ้วมือ ล้วนอยู่ตรงนี้ นายแซ็นชื่อ แล้วประทับลายนิ้วมือ บาร์นี่ก็จะกลายเป็นของฉัน”
ป๋ายหม่าวางเอกสารสัญญาลงข้างหน้าหลี่ฝาง: “คุณชายหลี่ นายจะตรวจดูสักหน่อยไหม?”
หลี่ฝางหัวเราะเหอะ ๆ : “ตรวจดูสักหน่อยอะไรกัน ฉันจะตรวจดูให้ละเอียดเลย”
“นายแน่ใจว่าบาร์แห่งนี้อยู่ในนามของนาย ใช่ไหม?” ในขณะที่กำลังตรวจสอบเอกสาร ป๋ายหม่าถามขึ้นมาอย่างเป็นกังวล
หลี่ฝางพยักหน้าอย่างขอไปที พลางตรวจดูเอกสารอย่างละเอียดรอบคอบ
หลังจากที่ดูเสร็จ หลี่ฝางก็หยิบปากกาในมือของป๋ายหม่า เอามาถือไว้ในมือ: “เอาล่ะ เอกสารสัญญาไม่มีปัญหาอะไร ผมจะเซ็นแล้ว”
หลังจากที่เซ็นชื่อเสร็จ หลี่ฝางก็ประทับลายนิ้วมือ
จะว่าไป ในวินาทีที่เซ็นชื่อ หลี่ฝางล้วนรู้สึกเจ็บแปล๊บอยู่ในใจ
นี่มันสามพันล้านเชียวนะ อยู่ดี ๆ ก็อันตรธานหายไป
รอจนทุกอย่างเรียบร้อย หลี่ฝางตบไปที่ไหล่ของถังหยู่ซวนเบา ๆ : “ถังหยู่ซวน นายไปเก็บของ อีกสักครู่บอกกับพวกโหจื่อ ให้ไปที่เมืองเอกด้วยกัน”
“หนีเตีย? ใครคือหนีเตีย?” มองดูตรงเซ็นชื่อบนเอกสารแวบหนึ่ง ป๋ายหม่าก็ขมวดคิ้วขึ้นมาทันที
“หนีเตียคือผมเอง ทำไมเหรอ?” หลี่ฝางกล่าว
“แกเล่นตลกกับฉัน?” ป๋ายหม่าจ้องมองหลี่ฝางอย่างเยือกเย็น และปรากฏแววอาฆาตออกมา
หลี่ฝากถูกสายตาของป๋ายหม่าทำให้ตกใจกลัว เขารีบนำเอาบัตรประชาชนออกมา แล้วยื่นให้ป๋ายหม่า: “คุณเห็นหรือยัง ผมคือหนีเตียจริง ๆ นะ ถ้าไม่เชื่อล่ะก็ คุณดูให้ชัด ๆ สิ”
ป๋ายหม่ามองดูบัตรประชาชน แววความอาฆาตในสายตา ถึงได้ค่อย ๆ หายไป ป๋ายหม่าโบกมือ กล่าว: “เอาล่ะ บาร์แห่งนี้ ต่อไปก็เป็นของฉันแล้ว”
ป๋ายหม่าพูดยังไม่ทันขาดคำ โหจื่อที่เดิมทีได้หลับไปแล้ว ทันใดนั้นก็ได้ลืมตาขึ้นม