NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - บทที่ 542 นายใช้สายตาฆ่าฉันใช่มั้ยเหนี่ย?
บทที่ 542 นายใช้สายตาฆ่าฉันใช่มั้ยเหนี่ย?
พนักงานในบาร์?
ป๋ายหม่ามองโหจื่อด้วยสีหน้าหวาดกลัว เหมือนกับถูกทำให้ช็อก
พนักงานตัวเล็กๆ ในบาร์คนนึง ฝีมือยิงปืนดีขนาดนี้ ต่อสู้ดีขนาดนี้ ใครจะเชื่อกัน
“ยังจำที่ฉันพูดเมื่อกี้ได้มั้ย?” โหจื่อมองป๋ายหม่า แล้วยิ้มฮี่ๆ
คิ้วของป๋ายหม่า ขมวดจนเป็นรอยย่น เขาจำได้แน่นอน เมื่อกี้โหจื่อพูดว่า ถ้าหากเขานับถึงสามแล้วตนยังไม่ไสหัวไป จะหักขาตน แถมยังจะชกเขาจนฟันร่วงหมดปาก
“นายรู้มั้ยว่าฉันเป็นใคร? ฉันคือจินซานนะ ……”
ไม่รอให้ป๋ายหม่าพูดจบ โหจื่อก็แกล้งทำเป็นเหนี่ยวไกปืน แล้วพูด: “เอาละ ไม่ต้องอ้างวงศ์ตระกูลมาขู่ฉันแล้ว ฉันคนนี้ขี้ขลาด”
“พูดอีกอย่าง พนักงานตัวเล็กๆ อย่างฉัน นายพูดถึงใครกับฉัน ฉันก็ไม่รู้จักหรอก ฉันแนะนำให้นายอย่าเปลืองน้ำลายเลย ดีมั้ย?”
หน้าของป๋ายหม่าสิ้นหวังเล็กน้อย ถูกปืนจ่อหัว ไม่ว่าเป็นใคร ก็กลัวกันทั้งนั้น
ไม่ว่าจะเป็นป๋ายหม่าที่ฆ่าคนได้ตาไม่กะพริบ ก็ไม่ยกเว้น
ป๋ายหม่าป๊อดเล็กน้อย เขาเงยหน้ามองโหจื่อ แล้วพูด: “คนดี ปล่อยฉันไปสักครั้งได้มั้ย ฉันจะแบ่งหุ้นของบาร์นี้ให้นายครึ่งนึงเลย เป็นยังไง?”
บาร์นี้มูลค่าสามพันล้าน ครึ่งนึงก็หนึ่งพันห้าร้อยล้านนะ
ถ้าป๋ายหม่าบอกว่าไม่เสียดาย นั่นก็โกหก แต่ว่าเสียดายแล้วทางเลือกเหรอ ใครให้ตนมาอยู่ในกำมือของคนอื่นล่ะ?
ป๋ายหม่ารู้ ว่าตนเจอกับคนโหดแล้ว
“แบ่งให้ฉันครึ่งนึงเพ้ออะไรของนาย ทำไมนายถึงได้โง่อย่างนี้นะ บาร์นี้เป็นของใคร นายไม่รู้เหรอ? แค่เจ้านายเซ็นสัญญาให้นาย นายก็คิดว่านาเป็นเจ้าของบาร์แล้วเหรอ? นี่มันสมัยไหนแล้ว นายคิดว่าเป็นศตวรรษที่21เหรอ” โหจื่อมองบนใส่ป๋ายหม่า ราวกับมองคนปัญญาอ่อน
“เอ่อ……นี่ไม่ใช่ศตวรรษที่21เหรอ?” สีหน้าของป๋ายหม่า เห็นได้ชัดว่าอึ้งอยู่ครู่
“เหอะๆ งั้นฉันมั่วเอง พูดแบบนั้น บาร์นี้เป็นของนายจริงๆ แล้ว ดู ลายเซ็นนี้ ประทับนิ้วมือแล้วด้วย กระดาษขาวตัวหนังสือสีดำ เป็นไปตามนั้น แต่ว่าฉันมันเป็นคนหัวโบราณ ไม่สนใจเรื่องสัญญา ฉันดูที่คน บาร์นี้ นอกจากหลี่ฝาง ฉันก็ไม่ยอมรับใครทั้งนั้น นายเข้าใจความหมายของฉันมั้ย?”
โหจื่อทำหน้าเข้ม: “ช่วงนี้ฉันว่าง ฉันจะอยู่ที่บาร์นี้ ใครคิดว่าตนเป็นคู่ปรับของฉัน สามารถประมือกับฉันได้ นายก็เรียกมันมา ถ้าไล่ฉันไปได้ บาร์นี้ก็เป็นของพวกนาย”
“ฉันโหจื่อพูดไว้ ณ ที่นี่แล้ว” โหจื่อพูด แบบกร่างสุดๆ รู้สึกเหมือนว่าคนหมื่นคนยังล้มเขาไม่ได้
โหจื่อเพิ่งพูดจบ ด้านนอกก็มีคนกลุ่มนึงวิ่งกรูเข้ามา
คนนึงคือหมาจื่อ อีกคนคือฉางชิง บนแขนของฉางชิง พันผ้าพันแผลสีขาวไว้อยู่หลายชิ้น
พวกเขาทั้งสองได้ยินเสียงปืน จึงวิ่งเข้ามาทันที
“พี่ป๋ายหม่า”
หมาจื่อเห็นป๋ายหม่าคุกเข่าอยู่ที่พื้น แถมยังถูกโหจื่อเอาปืนจ่อหัวไว้อยู่ ทันใดนั้นจึงรีบควักปืนออกมา เล็งไปทางโหจื่อ: “โหจื่อ ทางที่ดีนายรีบปล่อยลูกพี่ของพวกเราซะเถอะ”
“ฮี่ เด็กดีของฉัน เห็นฉันเป็นใครกัน นี่ไม่ใช่สุนัขที่ลูกพี่หลินเลี้ยงไว้หรอกเหรอ? ทำไม เก่งแล้วเหรอ ถึงได้กล้ามาหาเรื่องเดือดร้อน? ทำไม ไม่ชอบที่ตัวเองมีชีวิตอยู่นานไปเหรอ หรือว่าอยากเจอยมบาลแล้ว? กล้าเล็งปืนมาทางฉัน ไหนบอกสิไปเอาความกล้ามาจากไหน”
“ฉันเตือนนายหนึ่งประโยคนะ ห้ามลั่นไกปืน ถ้าไม่อย่างนั้น ฉันจะให้นายได้เห็นว่าอะไรที่เรียกว่าการเล่นปืน”
โหจื่อพูดอย่างผยองสุดๆ : “แล้วก็นาย ทำไม นายก็ไม่อยากอยู่แล้วเหรอ?”
โหจื่อเหลือบไปมองฉางชิง: “แต่ละคน ในมือถือปืน ทำไม เก่งกันแล้วใช่มั้ย? ที่ว่าที่นี่มันแคบ จะทำอะไรกันได้แล้วใช่มั้ย? ฉันจะบอกนายให้ ที่นี่มีคนรับผิดชอบ และคนรับผิดชอบก็คือฉัน”
“ถ้าไม่อยากตาย ก็รีบไสหัวไป ไม่อย่างนั้น ทำฉันโมโห ฉันจะลากคอลูกพี่หลินมาทำป้ายหลุมศพให้พวกแก ได้ยินมั้ย?”
โหจื่อไม่อยากเป็นศัตรูกับลูกพี่หลิน เพราะงั้นถึงได้พูดแบบนี้ ไม่อย่างนั้น ด้วยอารมณ์อย่างเขาแล้ว หมาจื่อกับฉางชิงที่เล็งปืนไปทางเขา คงจะถูกเขาสอยร่วงไปหมดแล้ว
“โหจื่อ นายตกข่าวมากไปมั้ย? ลูกพี่หลินในตอนนี้ กลายเป็นคนพิการไปแล้ว”
ได้ยินที่หมาจื่อพูด สีหน้าของโหจื่อก็เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด: “นี่หมายความว่าไง? ลูกพี่หลินพิการแล้ว? ใครทำกัน ในตงไห่ไม่ได้ยินว่ามีคนที่มีอิทธิพลคนใหม่นี่”
“ไม่มีคนมีอิทธิพลคนใหม่ มีแต่คนที่เข้าใจแล้วคนนึง”
หมาจื่อยิ้ม แล้วพูด: “ลูกพี่หลินแก่แล้ว ถึงเวลาลงจากตำแหน่งแล้ว”
หมาจื่อพูดแบบนี้ โหจื่อก็เข้าใจทันที แต่ก็ยังทำเป็นไม่เข้าใจแล้วพูด: “ลงจากตำแหน่ง? ฉันนับนิ้วดูแล้ว คนที่เก่งที่สุดในตงไห่ ก็เป็นฉันแล้ว”
“บอกลูกพี่หลินหน่อยนะ ฉันไม่สนใจตำแหน่งลูกพี่ของตงไห่อะไรนั่นหรอก ตูดฉันใหญ่ไปหน่อย ที่เล็กๆ ฉันนั่งไม่ลง”
หมาจื่อทำหน้าเข้ม แล้วพูด: “ความหมายของฉันก็คือตัวฉัน”
“โหจื่อ ตั้งแต่ตอนนี้ไป ฉันก็คือลูกพี่ใหญ่ของตงไห่แล้ว ได้ยินมั้ย?” หมาจื่อพูด
โหจื่อขำ: “ขอโทษนะ ฉันหูพลาด นอกจากที่นายเรียกฉันว่าปู่แล้ว ก็ไม่ได้ยินอะไรอย่างอื่นเลย”
“เชื่อมั้ยว่าฉันจะลั่นไกใส่นาย?” หมาจื่อเดินขึ้นหน้ามาหนึ่งก้าว
“ถ้านายกล้า ก็ลองดู” โหจื่อพูดอย่างดูถูก: “แต่ว่านายฟังไว้ให้ดี ปืนลั่นก็ต้องมีคนล้ม หากไม่ใช่นายก็เป็นฉัน”
โหจื่อพูดเตือนหนึ่งประโยค เหลือบมองป๋ายหม่า แล้วพูด: “เห็นทีฐานะของนายนี่ไม่ธรรมดานะ หมาจื่อคนนี้เป็นถึงลูกพี่ของตงไห่ หักหลังลูกพี่หลิน แล้วมาเรียกนายว่าพี่……”
“ฉันพอจะเดาฐานะของนายออกแล้ว”
โหจื่อพูดจบ หมาจื่อก็กำลังจะเหนี่ยวไก แต่ป๋ายหม่ากลับพูดขึ้นในขณะนั้น: “ไอ้โง่นี่ รีบวางปืนลงสิ”
“พี่ป๋ายหม่า พี่พูดอะไร?” หมาจื่อมองป๋ายหม่าอย่างสงสัย แล้วชะงักเล็กน้อย
“ฉันบอกให้นายวางปืนลง หูหนวกหรือไง?” ป๋ายหม่าจ้องหมาจื่ออย่างไม่สบอารมณ์
เสียงเพี๊ยะดังลั่น โหจื่อตบเข้าไปที่หน้าของป๋ายหม่าอย่างจัง ตบฉาดนี้ ทำเอาฟันในปากของป๋ายหม่า หลุดออกมาหนึ่งซี่
“หลอกด่าฉันใช่มั้ย?” โหจื่อชี้หน้าป๋ายหม่าแล้วด่า: “ถ้าจะด่าให้มันเป็นลูกผู้ชายหน่อย ด่าฉันเลย เป็นไง?”
“พี่โหจื่อ ผมจะไปกล้าด่าพี่ได้ไงกัน”
เสียงเพี๊ยะดังขึ้นอีกครั้ง ครั้งนี้โหจื่อตบแรงกว่าเดิม ฟันสองซี่หลุดออกมาจากปากของป๋ายหม่าอีกครั้ง ในตอนนี้ ปากของป๋ายหม่า เต็มไปด้วยเลือด
“ดูๆ นายด่าฉันอีกแล้ว” โหจื่อมองป๋ายหม่า พลางพูดอย่างเย็นชา
“พี่โหจื่อ ผมด่าอะไรพี่” ป๋ายหม่าถามอย่างถูกปรักปรำสุดๆ
“นายด่าว่าฉันโง่ เมื่อกี้นายบอกว่าหมาจื่อหูหนวก? คำนี้ ไม่ใช่หลอกด่าฉันเหรอ? คิดว่าฉันโง่ ฟังไม่ออกใช่มั้ย?”
“ฉันจะบอกนายให้ ฉันฉลาดนะ” โหจื่อยิ้มฮี่ๆ พลางพูด
สีหน้าของป๋ายหม่าเข้มขึ้น นัยน์ตาเต็มไปด้วยความอาฆาต เขาลุยๆ มาหลายปี นานแล้วที่ไม่ได้ถูกเหยียดหยามแบบนี้
“แม่ง ไม่พอใจใช่มั้ย?”
“ยังจะกล้าจ้องฉันแบบนี้ แม่เอ้ย เมื่อกี้ฉันเตือนนายแล้วไม่ใช่เหรอ ฉันมันขี้ขลาด อย่าทำฉันตกใจ นายใช้สายตาที่น่ากลัวแบบนั้นจ้องฉัน กลางคืนฉันจะฝันร้าย ถ้าฉันฝันร้าย มันจะส่งผลกระทบต่อคุณภาพการนอนหลับ คนนอนได้ไม่ดี ก็จะอายุสั้น แม่งเอ้ย นายมันคนโฉด ถึงกับใช้สายตาฆ่าคน นายนี่มันโหดร้ายจริงๆ ”
โหจื่อพูดจบ ก็มือลั่นใส่หน้าป๋ายหม่า ไปหลายที การตบแต่ละครั้ง มาพร้อมกับการสูญเสียฟันของป๋ายหม่า
ส่วนหมาจื่อในตอนนั้น ก็กำลังเตรียมที่จะยิงปืน ฉางชิงก็ดึงหมาจื่อไว้: “อย่าใจร้อน นายลองดูนั่นอะไร”
ฉางชิงยืนนิ้วชี้ หมาจื่อเห็นกระสุนสองนัดที่ยิงบรรจบกันหล่นอยู่บนพื้น แถมยังเห็นที่ข้างๆ ตัวป๋ายหม่า มีปืนวางอยู่หนึ่งกระบอก
ฝีมือยิงปืนของป๋ายหม่า หมาจื่อกับฉางชิงล้วนได้เห็นมาแล้ว
ฉางชิงพูดที่ข้างหูหมาจื่อ: “คำพูดของพี่ป๋ายหม่าเมื่อกี้ น่าจะพูดเตือนนาย ถ้านายลั่นไก จะต้องเป็นเหมือนลูกพี่ กลายเป็นคนพิการ”
“โหจื่อคนนี้ ฝีมือยิงปืนต้องไม่ธรรมดา……ถ้าไม่อย่างนั้น ลูกพี่ป๋ายหม่าจะไปคุกเข่าต่อหน้าเขาได้ยังไง? แล้วก็ นายดูพี่ป๋ายหม่า กลัวไอ้หมอนี่ขนาดไหน”
ฉางชิงพูดกล่อมหมาจื่อ
หลังจากที่โหจื่อตบติดต่อกันไปหลายที จู่ๆ ก็หยุดลง: “มา อ้าปากให้ฉันดูหน่อย ยังมีฟันอยู่มั้ย?”
“อย่างฉันพูดคำไหนคำนั้น บอกว่าจะตบให้หลุดหมดปาก ก็ต้องหลุดให้หมด จะให้เหลือแม้แต่ชี่เดียวก็ไม่ได้