NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - บทที่ 548 ฉางเหมาแสดงความยิ่งใหญ่
บทที่ 548 ฉางเหมาแสดงความยิ่งใหญ่
“เอ่อ……ลูกพี่หลิน เมื่อกี้พี่บอกว่าให้เวลาพวกเราคิดทบทวน ตอนนี้กลับมาบอกว่าราคาจะเปลี่ยน……” บางคนเริ่มไม่แฮปปี้แล้ว
“หวางจี๋เอ๋ย นายถามมานี่โง่มั้ย นี่มันของอะไรที่ไม่ใช่น่าเกลียดราคาละก็บ้าง ก็เหมือนกับหุ้น วันนี้นายซื้อวันกับซื้อพรุ่งนี้ ราคามันเท่ากันมั้ยล่ะ?” ลูกพี่หลินตอบกลับอย่างโมโห
“ความหมายของลูกพี่หลินคือ ราคาของท่าน ไม่แน่ว่าอาจจะถูกกว่าวันนี้ใช่หรือไม่?” ชายวัยกลางคนหัวล้านอีกคนยิ้มพลางถาม
“อาจจะนะ ยังเป็นคำเดิม มีคู่แข่งก็ถือว่าเป็นเรื่องดี อย่างเช่นฉันหนึ่งเหรียญ แล้วหมาจื่อขายแปดสตางค์ จากนั้นฉันเปลี่ยนไปขายห้าสตางค์ คนที่ได้กำไรเป็นใครล่ะ ไม่ใช่พวกนายหรอกเหรอ? พวกนายลองคิดดูว่าจริงมั้ย” ลูกพี่หลินมองคนพวกนั้น แล้วหัวเราะเหอะๆ
คนในห้องมองหน้ากันไปมา ลูกพี่หลินเป็นผู้ขาย ทำไมถึงได้พูดแทนคนซื้อล่ะ?
ในตอนนั้น คนพวกนั้นก็รู้สึกเหลือเชื่อ
ใช้ความรู้สึกเพื่อได้การสนับสนุน?
นี่จะโง่ไปมั้ย
คนที่นั่งอยู่ ล้วนมาอยู่ด้วยกันเพื่อหาผลกำไร นายทำแบบนี้ จะทำใครหวั่นไหวได้กัน?
ในตอนนั้น หวางจี๋คนนั้นก็หัวเราะพลางพูด: “ที่ลูกพี่หลินพูดมาไม่ผิด ในเมื่อถ้าคุณภาพเหมือนเดิม พวกเราก็ต้องเลือกฝั่งที่ถูกกว่าอยู่แล้ว ดังนั้นใครขายถูก พวกเราก็จะซื้อของจากคนนั้น”
หวางจี๋หัวเราะ แล้วพูด: “ถึงยังไงลูกพี่หลินก็กล้าลดราคาหนึ่งในสามแล้ว หรือว่าฝั่งหมาจื่อจะไม่กล้าลดเหลือหนึ่งในสองล่ะ ทุกคนว่าแบบนั้นมั้ย?”
“ดังนั้น ฉันแนะนำให้ทุกคนรอดูสถานการณ์ก่อน ถ้าหากเป็นอย่างที่ลูกพี่หลินพูด การที่มีคู่แข่งสำหรับพวกเราแล้ว เป็นเรื่องที่ดี ฮ่าๆ ” หวางจี๋หัวเราะเหอะๆ พลางพูด
ในแง่อำนาจในเมืองหลวง เขาไม่ได้ด้อยไปกว่าลูกพี่หลินเลยสักนิด
โดยเฉพาะในตอนนี้ลูกพี่หลินไม่มีป๋ายหม่าคอยคุ้มกันแล้ว หวางจี๋ยิ่งไม่ต้องแคร์ลูกพี่หลินอีกต่อไป
ดังนั้น จะให้พูด ก็ไม่ต้องสนใจว่าลูกพี่หลินจะแฮปปี้หรือไม่
สีหน้าของฉางเหมา เข้มลงทันทีเขาค่อยๆ เอามือออกจากหน้าอก ทำท่าเหมือนจะควักปืนออกมา
หวางจี๋หัวเราะอย่างดูถูก: “หมายความว่าไงเหนี่ย ลูกพี่หลิน ฉันแค่ล้อพี่เล่นเฉยๆ พี่อยากจะฆ่าคนเล่นหรือไง?”
“ฉางเหมา นายทำอะไร” ลูกพี่หลินกระแอม แล้วพูดด้วยน้ำเสียงซีเรียส
“ลูกพี่ ผมเป็นคนติดบุหรี่ อยากจะสูบบุหรี่ พี่ดูสิทำเอาพี่หวางจี๋ตกใจแล้ว……ผมเป็นคนดีอยู่ในกฎหมาย บนตัวมีดสักเล่มยังไม่มี จะไปซ่อนปืนได้ยังไงกันล่ะ”
ฉางเหมาพูด พลางล้วงบุหรี่จากกระเป๋าขึ้นมาสองมวน มวนนึงยื่นให้ลูกพี่หลิน หลังจากจุดให้ ก็จุดให้ตัวเองมวนนึง
“พี่หวางจี๋ อย่าตื่นตระหนกไป ในมือของท่านถือที่ดินใหญ่ขนาดนั้น คนใต้อำนาจก็เยอะขนาดนั้น พี่ชายของพี่ก็เป็นนักธุรกิจที่มีชื่อเสียงในเมืองเอก ผมจะไปกล้าลงมือกับพี่ได้ยังไง พี่ว่างั้นมั้ย? นอกจากผมจะไม่รักชีวิตแล้ว” ฉางเหมาหัวเราะเหมือนไม่ได้หัวเราะแล้วพูด
“ลูกพี่หลิน เด็กนี่เป็นใคร เมื่อก่อนไม่เคยเห็นเลยนี่?” ผู้คนมองไปที่ฉางเหมา อย่างระมัดระวังตัว
ท่าทีของฉางเหมา มีออร่าของความเป็นปรปักษ์
ทุกคนรู้ ว่าคนๆ นี้ ฐานะไม่ธรรมดาแน่ ตำแหน่งน่าจะเท่าเทียมกับหมาจื่อในตอนนั้น
“ฉางเหมา ตอนนี้เป็นคนข้างกายที่ควรค่าต่อการเชื่อใจของฉัน หลังจากนี้ถ้าทุกคนสามารถร่วมธุรกิจกันได้ งั้นพวกนาย ก็คุยกับฉางเหมาก็โอเคแล้ว สินค้า ฉางเหมาก็จะเป็นคนส่งให้พวกนาย”
“ฉางเหมา เข้าไปทักทายพวกพี่เขาทีละคนๆ หลังจากนี้พวกเราก็จะรวยเพราะคนพวกนี้แล้ว” ลูกพี่หลินพูดขึ้น
ฉางเหมาพยักหน้า แล้วควักบุหรี่Chunghwaขึ้นมาซองนึง แล้วแจกให้คนละมวน บุหรี่แต่ละมวนที่ยื่นออกไป ก็แนบนามบัตรติดไปด้วย
“คิดไม่ถึงว่าน้องชายจะเป็นหมอนะ” หวางจี๋มองฉางเหมา แล้วหัวเราะเหอะๆ
“เป็นหมอมาทำเรื่องสายพวกเรา แบบนี้ได้เหรอ?”
“หรือว่าข้างกายของลูกพี่หลินไม่มีคนแล้ว? ถ้าหากไม่มี ผมจะส่งมาให้สักสองคน ทำไมถึงต้องไปหาหมอกระดูกมาด้วยล่ะ”
คำที่หวางจี๋พูด ขณะที่พูดแซะลูกพี่หลิน ก็พูดดูถูกฉางเหมาไปด้วย
ฉางเหมาหัวเราะเหอะๆ ใบหน้าแสดงให้เห็นถึงความเกรี้ยวกราด
แต่ลูกพี่หลินแค่หัวเราะเหอะๆ : “พี่หวางจี๋ อย่าดูถูกฉางเหมานะ ไม่ผิดที่ฉางเหมาเป็นหมอกระดูก แต่ว่าโตมาจากเขตสามเหลี่ยม นายลองคิดดู ที่อย่างเขตสามเหลี่ยม คนๆ นึงจะมีชีวิตรอด มันยากลำบากขนาดไหน”
ลูกพี่หลินพูดแบบนี้ คนในห้องทั้งหมด ก็ทำสีหน้าตกใจ
พลางมองไปที่ชายหน้าตาบ้านๆ อย่างฉางเหมา สายตาของทุกคน ดูตกตะลึงเล็กน้อย
แม้กระทั่งหวางจี๋ เขากลืนน้ำลาย แล้วเดินมาข้างหน้าฉางเหมา: “น้องฉางเหมา เป็นฉันที่สายตาไม่ดี”
“พี่หวางจี๋ทำไมต้องเกรงใจกับผมด้วย ผมพูดตามตรง ผมก็แค่หมอกระดูกตัวเล็กๆ คนนึง ท่านส่งคนมาเล่นๆ สองคน ล้วนแต่เก่งกว่าผม……พี่หวางจี๋ ผมรอให้พี่ส่งคนมาสักสองคนนะ”
“น้องฉางเหมา เมื่อกี้ฉันแค่ล้อเล่นเอง ทำไมนายต้องจริงจังด้วยนะ” บนหน้าของหวางจี๋มีความเลิ่กลั่ก
ฉางเหมาฉีกยิ้ม แล้วพูด: “ต้องขอโทษด้วย พี่หวางจี๋ ผมคนนี้เดิมที่ไม่ชอบเรื่องล้อเล่น ผมคนนี้จริงจัง คนอื่นว่ายังไง ผมก็เชื่อตามนั้น”
“ลูกพี่ ผมขอไปเข้าห้องน้ำก่อนนะครับ” ฉางเหมาพูดกับลูกพี่หลิน แล้วเดินออกไป
ลูกพี่หลินพยักหน้า: “ทุกคนดื่มชาก่อน ดื่มชา ฉันเพิ่งส่งคนไปรับชาปี้หลัวชุนมา เป็นชาใหม่ ทุกคนลองชิมดู ว่ารสชาติเป็นไง”
ห้านาที ลูกพี่หลินไม่ได้พูดอะไร ทุกคนต่างพูดคุยกันไปมา
“ลูกพี่หลิน นี่มันยังไงเหนี่ย น้องฉางเหมาท้องผูกหรือเปล่า ทำไมห้านาทีแล้ว เขายังไม่กลับมาอีก” หวางจี๋ใจเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ พูดอย่างไม่วางใจ
ลูกพี่หลินดื่มชา แล้วยิ้มอ่อน: “น้องหวางจี๋ นายพาพรรคพวกมากี่คนกัน”
“สองคน ทำไมเหรอ ลูกพี่หลิน?” หวางจี๋ตอบกลับอย่างนิ่งๆ
“ไม่มีอะไร พรรคนายสองคนนั้น ไม่เลวนี่” ลูกพี่หลินยิ้มอ่อน แล้วพูดประเมิน
“ทำไมลูกพี่หลินถึงได้รู้ว่าลูกน้องของผมฝีมือไม่เลว” หวางจี๋ชะงักอยู่ครู่
และผ่านไปอีกประมาณห้านาที ฉางเหมาก็เปิดประตูกลับเข้ามา บนมือของเขา มีหยดน้ำอยู่เล็กน้อย ทำให้คนรู้สึกว่าเขาเพิ่งจะไปล้างมือมา
แต่สายตาของเขาดุดันเล็กน้อย ยังสังเกตเห็นบนเสื้อของเขามีรอยคราบเลือด และยังมีกลิ่นคาวเลือดเล็กน้อย
“น้องฉางเหมา เมื่อกี้ออกไปทำอะไรมา ทำไมที่กางเกงนายมีเลือดด้วยล่ะ” มีคนมองฉางเหมา และเอ่ยปากถาม
ฉางเหมายิ้มอ่อน มองไปที่หวางจี๋ ทำหน้ายิ้มเหมือนไม่ได้ยิ้มพลางพูด: “ไม่ได้ทำอะไร แค่ตอนที่ไปเข้าห้องน้ำ ถือโอกาสจัดการคนสองคนที่มันไม่ระวังตัว”
“ไม่ระวังตัว?”
“ใช่แล้ว พวกเขาคิดจะแย่งโถฉี่ผม” ฉางเหมายิ้มอย่างเย็นชาขึ้นมา
หวางจี๋ที่รู้สึกถึงความไม่ปกติ ก็ควักโทรศัพท์ขึ้นมาทันที แล้วกดโทรหาลูกน้องของตนสองคนนั้น แต่ไม่ว่าเบอร์ไหน ในทั้งสองเบอร์นี้ ก็โทรไม่ติด
ตอนที่โทรไป เห็นได้ว่าปลายสายปิดเครื่อง
“เมื่อกี้นายพูดว่ายังไง? นายจัดการคนไม่ระวังท่าทีไปสองคน?” หวางจี๋มองฉางเหมา แล้วถาม: “พวกเขาหน้าตาเป็นยังไง?”
“ผมจะไปรู้ได้ยังไงว่าเขาหน้าตาเป็นยังไง หน้าตาเหมือนคนมั้ง? แต่ว่าพวกเขาสองคนคนนึงสวมเสื้อเชิ้ตสีดำ อีกคนสวมเสื้อเชิ้ตสีขาว ทำไมเหรอ พี่หวางจี๋ ทำไมถึงได้ร้อนรนแบบนั้น พี่รู้จักพวกเขาเหรอ” ฉางเหมาถามพลางยิ้ม
ทันใดนั้น หวางจี๋เดินเข้าไป กระชากคอเสื้อฉางเหมา แล้วพูด: “นายทำอะไรพวกเขา?”
“พวกเขาแย่งที่ของผม ฉันก็จัดการพวกเขาทิ้งไปตามปกติไง? พี่หวางจี๋ ผมแค่อยากแสดงหลักฐานให้พี่ดูเฉยๆ ว่าผมไม่ได้อ่อนปวกเปียก และยิ่งไม่มีทางโดนคนโง่ๆ สองคนจัดการได้”
ฉางเหมาพูดอย่างเย็นชา
“นาย……” สายตาของหวางจี๋เย็นชา แรงที่มือ เพิ่มขึ้นหลายเท่า ในตอนนั้น ลูกพี่หลินก็กระแอมขึ้น แล้วพูดเตือนหวางจี๋: “น้องหวางจี๋ เมื่อกี้ฉันบอกนายแล้ว พวกของฉันคนนี้อารมณ์ไม่ค่อยดี ทางที่ดีอย่าไปยั่วโมโหเขาเลย ไม่อย่างนั้น เขาจะทำอะไร ฉันก็ห้ามไม่อยู่”
ต่อมา ลูกพี่หลินยิ้มอ่อน: “เอาละ พวกเรามาคุยเรื่องของพวกเรากัน ถึงแม้ว่าในเมืองเอกจะมีตลาดอยู่สองที่แล้ว แต่ถึงยังไงหนึ่งในนั้น อยู่ได้อีกไม่กี่วัน ก็จะถูกกำจัดทิ้ง”
“ลูกพี่หลินนี่หมายความว่าอะไร ความหมายของท่านคือ ทางด้านของหมาจื่อจะเกิดปัญหาเหรอ?”
“ถูกต้อง เมื่อกี้ฉันพูดไปแล้วไม่ใช่เหรอ ป๋ายหม่าตายแล้ว พวกนายรู้มั้ย ว่าใครเป็นคนฆ่าป๋ายหม่า?” ลูกพี่หลินหัวเราะ แล้วถามขึ้น
“ถูกใครฆ่ากัน? ใครกล้าฆ่าป๋ายหม่า” คนพวกนั้นถามขึ้น
“เหอะๆ จะบอกให้นะ คนที่ฆ่าป๋ายหม่า ชื่อโหจื่อ เขาเป็นคนของหลอซ่า” ลูกพี่หลินพูดขึ้น