NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - บทที่ 567 หูเฟยเกิดกลัวขึ้นมา
ใบหน้าของหงหง เรียกได้ไม่เต็มปากว่าสวย แต่สัดส่วนของเธอนั้น เรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบ โดยเฉพาะความสูงของเธอ แทบจะสูงถึงร้อยแปดสิบ สูงกว่าหลี่ฝางเล็กน้อย
บวกกับเธอเป็นคนที่ผอมมาก และเป็นคนที่ร่าเริง ยิ่งบวกกับที่เธอเป็นคนร้องเพลงเพราะ ตอนที่กำลังไลฟ์สด เธอจึงเป็นคนที่ได้รับความนิยมจากผู้ชมเป็นอย่างมาก
มีคนจำนวนไม่น้อยเพื่อที่จะได้พูดคุยกับหงหง เพียงแค่คืนเดียวก็รูดการ์ดไปแล้วหลายหมื่น
ส่วนหลี่ฝางเพื่อที่จะดันหงหง ก็เสียค่าใช้จ่ายไปหลายล้าน เพื่อสร้างชื่อเสียงให้กับเธอ แถมหลี่ฝางยังลงทุนถึงขั้นขอร้องหวงเจ๋ ให้รูปของหงหงเข้าไปอยู่ในนิตยสารแฟชั่น และให้เธอถ่ายแบบโฆษณา หลี่ฝางมีความคิดที่จะดันหงหงให้กลายเป็นดารา แต่น่าเสียดายที่ยังไม่ทันได้ทำตามที่วางเอาไว้
“หนึ่งล้าน?”
หลี่ฝางถือบัตรATM ใบหน้าแสดงความไม่พอใจออกมา “ฉันกินข้าวแค่ไม่กี่มือ หนึ่งล้านนี้ก็หมดแล้ว”
“แค่หนึ่งล้านคิดว่าจะแย่งผู้หญิงในสังกัดของฉันได้อย่างงั้นเหรอ ปัญญาอ่อนซะจริง” หลี่ฝางทำเสียงหึๆ
“ฉันไม่สนใจเงินหนึ่งล้านนี้ แต่คุณชายหลี่ พวกมัน……พวกมันใช้แผนสกปรก มันน่ารังเกียจจนฉันรู้สึกกลัวขึ้นมา ดูที่พวกมันทำกับหวางเหยาซิ ฉัน……” หงหงกัดฟันแน่น ใบหน้าเผยความหวาดกลัวออกมา
หลี่ฝางพยักหน้า “ฉันเข้าใจเธอดี ให้เวลาฉันสองวัน ถ้าเกิดฉันไม่สามารถจัดการหวางต้องได้ล่ะก็ งั้น ฉันจะเป็นคนส่งเธอไปที่วิลล่าของพวกมันด้วยตัวฉันเอง”
“ฉันไม่อยากไป เฮ้อ ช่างเถอะ ขอบคุณคุณชายหลี่ หวังว่าถึงเวลานั้นท่านจะไม่โทษฉัน ฉันเองก็ไม่มีทางเลือก การที่ต้องมาพบเจอกับพวกมัน ถือซะว่าเป็นเวรกรรมของฉันก็แล้วกัน ทำไมถึงมีคนหน้าด้านขนาดนี้อยู่บนโลกนี้กันนะ”
หงหงกระทืบเท้า แล้วพูดว่า “ฉันโมโหจนอยากจะแจ้งความแล้ว”
“ไม่มีประโยชน์ สิ่งที่เขาทำ ยังไม่สามารถใช้กฎหมายเพื่อเอาผิดเขาได้” หลี่ฝางพูด พร้อมส่ายหัว
“จริงสิ คุณชายคนนั้นเป็นยังไงบ้างแล้ว?”
“ดื่มมากไป โจวหยางพาพวกเขากลับไปหมดแล้ว” หงหงทำหน้าบึ้งตึง แล้วพูดว่า “คุณชายพวกนี้ ค่อนข้างลามก ใช้โอกาสที่เมา แล้วมาแต๊ะอั๋งพวกเรา คิดว่าพวกเราเป็นคนยังไงกันแน่!”
“พวกเราไม่ใช่เด็กนั่งดริ้งในร้านKTVซะหน่อย” หงหงพูดโดยมีน้ำโหเล็กน้อย
หลี่ฝางหัวเราะ ไม่ได้พูดอะไร
สตรีมเมอร์หญิงพวกนี้ ก่อนที่จะรู้จักหลี่ฝาง ก็เป็นแค่คนธรรมดา พอเห็นลูกคนรวยอย่างส้งเคอหวงเจ๋ ก็คงจะเข้าไปหา
อย่าว่าแต่ถูกแต๊ะอั๋ง ต่อให้ถูกลากเข้าไปที่โรงแรม พวกเธอก็คงจะไม่ว่าอะไร
ขอแค่ได้รู้จักกับพวกลูกคนรวย ต่อให้ไม่ได้แต่งเข้าบ้าน แต่ยังน้อยๆก็ได้เงินติดไม้ติดมือมาจำนวนหนึ่ง
“จริงสิ คุณชายหลี่ เมื่อกี้ไอ้สารเลวนั้นได้หยิบคลิปให้ฉันดู เฉินฝูเซิงถูกจับไปแล้ว”
หงหงพูดออกไปด้วยใบหน้าที่ร้อนรน “ฉันเห็นในคลิป เฉินฝูเซิงใส่ชุดของนักโทษ แถมยังถูกจับ เป็นความจริงรึเปล่า?”
หลี่ฝางแสดงใบหน้าที่ตกตะลึง เขาเองก็นึกไม่ถึงว่าเฉินฝูเซิงจะถูกจับเร็วขนาดนี้ หรือเป็นเพราะความกดดันจากเสียงในโซเชียล?
หลี่ฝางหยักหน้าเล็กน้อย แล้วพูดว่า “เมื่อกี้เฉินฝูเซิงไปหาตัวพวกนักเลงในที่มีเรื่องกับแฟนหนุ่มของเธอ แต่ว่าหมอนั้น พอถูกเฉินฝูเซิงเตะไปแค่หนึ่งที ก็ตายซะแล้ว”
“มีคนต้องการใส่ร้ายเฉินฝูเซิง” หลี่ฝางพูด
“อ่า? งั้นเฉินฝูเซิงเขา……” ใบหน้าของหงหงร้อนรนขึ้นมาในทันที
“เมื่อกี้ฉันบอกไปแล้ว เฉินฝูเซิงจะไม่เป็นอะไร เขาโดนใส่ร้าย เธอต้องเชื่อ ในความยุติธรรมของกฎหมาย ในเมื่อเขาไม่ได้ฆ่าใคร งั้นเขา……”
หงหงอุทานขึ้นมา “กฎหมาย?”
ต่อมาหงหงก็หัวเราะออกมา คงจะนึกถึงเรื่องในอดีตของตัวนี้ “สิ่งที่ฉันไม่เชื่อมากที่สุด ก็คือกฎหมาย”
“ในเมื่อหวงเจ๋พาคนกลับไปแล้ว งั้นฉันก็ไม่ขึ้นไปแล้ว ช่วยฉันดูแลหลินชิงชิงซะสองสามวันหน่อยนะ ถ้าเกิดอะไรขึ้น ก็รีบโทรหาฉัน”
“เดี๋ยวตกดึกฉันจะเพิ่มยามให้ จะได้ดูแลความปลอดภัยของพวกเธอ”
หลี่ฝางพูดให้กำลังใจไม่กี่คำ จากนั้นก็เดินจากไป
พอลงจากคฤหาสน์บ้านซาน หลี่ฝางก็หันไปพูดกับส้าวส้วยว่า “ไปหาหูเฟย ถามดูว่าเกิดอะไรขึ้น ยังไม่ทันได้ตรวจสอบให้ชัดเจนเลย ทำไมถึงใส่ชุดนักโทษซะแล้ว?”
ส้าวส้วยพยักหน้า แล้วขับไปจอดรถอยู่ข้างหน้าสถานีตำรวจ
หลี่ฝางโทรไปหาหูเฟย เรียกให้หูเฟยออกมา
พอเห็นหูเฟย หลี่ฝางก็เปิดถามเข้าประเด็น “พี่หู ตกลงเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ทำไมถึงไม่ให้เวลาเฉินฝูเซิงอีกสักหน่อย ก็จับตัวเขาเข้าไปแล้วล่ะ? คุณเองก็รู้ดี เฉินฝูเซิงโดนใส่ร้าย พวกเราก็เรียกได้ว่าเป็นเพื่อนที่มีเป้าหมายเดียวกัน ทำไมถึงไม่ไว้หน้ากันเลย?”
ไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากช่วยเฉินฝูเซิง เพราะมีคนค่อยก่อเรื่องอยู่ตลอด ทางด้านพวกนักข่าว และเหล่ามวลชน ก็พูดไปในทางเดียวกัน บอกว่าเฉินฝูเซิงใช้อำนาจทำร้ายผู้อื่น ถ้าเกิดฉันไม่จับเขาขังเอาไว้ พวกคนในโซเชียล ก็จะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ”
หูเฟยหยิบบุหรี่มาจากมือของหลี่ฝาง แล้วพูดว่า “คุณชายหลี่ ไอ่เฉินฝูเซิงคงจะไม่เป็นอะไรแล้วล่ะ”
“ฮ่าๆ เฉินฝูเซิงมาอยู่กับฉันแค่ไม่กี่วัน ก็ถูกจับซะแล้ว ถ้าเกิดเรื่องนี้ไปถึงหูของพ่อเขา เขาอาจจะเดินทางมาจากตะวันออกเฉียงเหนือเพื่อที่จะมาฆ่าฉันก็ได้นะ?” หลี่ฝางยิ้มด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา พูดคำที่เกินความจริงให้หูเฟยฟัง
“แล้วจะให้ทำยังไง เรื่องครั้งนี้ ฉันทำได้แค่ทำตามหน้าที่ ตอนนี้ทั้งหลักฐานและคน ก็มีครบถ้วนแล้ว ถ้าเกิดฉันยังไม่จับตัวเฉินฝูเซิง ฉันคงโดนเล่นงานแน่”
หูเฟยพูดไปพร้อมกับโบกมือปฏิเสธ
หลี่ฝางทำหน้าตึงเครียด มองไปยังหูเฟย “เมื่อกี้มีคนส่งคลิปมาให้ฉัน ข้างในคลิปฉายภาพ ตอนที่เฉินฝูเซิงโดนจับเข้าคุกไปแล้ว?
“ตอนแรกก็กะจะไม่สงสัยในตัวคุณหรอกนะ แต่ตอนนี้ ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าคุณเองก็อยากให้เฉินฝูเซิงตายกันนะ?”
“ทั้งๆที่คุณเองก็สามารถยึดเวลาไปได้อีกหน่อย ทำไมถึงไม่ให้เวลาเฉินฝูเซิงเลยล่ะ ทำไม คุณยังคิดที่จะยิงเฉินฝูเซิงทิ้งให้มันจบเรื่องไปเลยรึไงกัน?” หลี่ฝางมองไปยังหูเฟย แล้วถามเอาคำตอบ
หูเฟยค่อยๆสูบบุหรี่ ไม่พูดอะไรออกมาอยู่นาน
“ฉันไม่ขอให้คุณช่วยปกป้องเฉินฝูเซิง ฉันแค่ขอให้คุณ ช่วยยึดเวลาออกไปอีกหน่อย ให้คนของเฉินฝูเซิง ไปหาหลักฐาน”
หลี่ฝางพูดด้วยใบหน้าที่ตึงเครียด
หูเฟยเงยหน้าขึ้นมามองหน้าหลี่ฝางอยู่แวบหนึ่ง แล้วพูดว่า “คุณชายหลี่ ปล่อยเรื่องนี้ไปเถอะ เรื่องนี้มันจบไปแล้ว คุณคิดจะหยิบคดีขึ้นมาตรวจสอบใหม่ จะตรวจสอบยังไง พวกเราจะเคลื่อนไหว ก็ต่อเมื่อมีหลักฐาน ต่อนี้มีหลักฐานแล้ว พวกเราก็ต้องจับเขา”
“หูเฟย ทำไมฉันรู้สึกว่าคุณดูแปลกๆไปนะ”
หลี่ฝางเห็นถึงความผิดปกติ จึงถามออกไป
หูเฟยทำใบหน้าที่ตึงเครียด พูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่ดูสับสน “คุณชายหลี่ เมื่อกี้ฉันได้เอากำไรครึ่งนึงที่ได้จากธุรกิจของตระกูลสวี มอบให้กับสี่ตระกูลใหญ่แล้ว”
“ต้องขอโทษด้วยนะ คุณชายหลี่ หลังจากนี้พวกเราก็ยังเป็นเพื่อนกันอยู่ อะไรที่ช่วยได้ ฉันก็จะช่วยอย่างแน่นอน แต่ถ้าเกิดคุณทำผิดขึ้นมา งั้นก็คงช่วยอะไรไม่ได้”
พอหูเฟยพูดจบ สีหน้าของหลี่ฝางก็เปลี่ยนไปในทันที “หูเฟย คุณหมายความว่ายังไง? ก่อนหน้านี้คนที่ขอให้ร่วมมือด้วย เพื่อต่อต้านกับสี่ตระกูลใหญ่ ก็คือตัวคุณเอง ตอนนี้คนที่บอกจะยอมแพ้ ก็เป็นคุณอีกนั่นแหละ ทำไมคุณถึงขี้ขลาดแบบนี้ล่ะ? กับอีกแค่เฉินฝูเซิงถูกจับ? แค่นี้ก็จะยกเลิกแล้วงั้นเหรอ?”
“คุณชายหลี่ ฉันรู้สึกว่าคุณยังเด็กเกินไป ร่วมมือกับคุณ หนทางที่รอฉันอยู่คงมีแค่ความตาย”
“วันนี้เป็นเฉินฝูเซิง พรุ่งนี้ก็อาจจะเป็นฉันก็ได้”
หูเฟยพูดจบ แล้วหันไปมองหลี่ฝางอยู่แวบนึง แล้วพูดว่า “คุณชายหลี่ ต้องขอโทษด้วย ถือซะว่าเป็นความเป็นของฉัน”
“ไอ่ระยำซั่มแม่เอ๋ย……” หลี่ฝางเพิ่งได้เปิดปากด่า หูเฟยก็ได้เปิดประตูรถ เดินออกจากรถไปแล้ว
มองแผ่นหลังของหูเฟยที่ค่อยๆเดินห่างออกไป ใจของหลี่ฝางก็เกิดความโกรธขึ้นมา
“กับอีกแค่ไอ่เฉินฝูเซิงถูกจับ เขาจะกลัวหาพ่องอะไร” หลี่ฝางด่าด้วยความโกรธไปหนึ่งคำ
ส้าวส้วยพูดด้วย ใบหน้าที่ตึงเครียด “เรื่องนี้มัน ต้องมีเบื้องหลัง ไอ่หูเฟยไม่ใช่คนที่จะยอมแพ้อะไรง่ายๆ ถ้าเกิดเขาเป็นคนที่กลัวอะไรง่ายๆ เขาคงไม่มีวันนี้ ยิ่งไม่กล้าออกมาเป็นศัตรูกับสี่ตระกูลใหญ่”
“เขาเป็นคนที่มีความโลภ คนที่มีความโลภ ไม่ควรจะเป็นอย่างนี้”ส้าวส้วยพูด
“เมื่อก่อนฉันเองก็รู้สึกอย่างนั้น แต่ความจริงมันอยู่ตรงหน้า ความขี้ขลาดของเขา เมื่อกี้แกก็เห็นแล้ว เขากลัวจนจะเป็นจะตาย กลัวจนกระทั่งเอาเงินที่หามาอย่างยากลำบากของตระกูลสวี ส่งมอบให้กับสี่ตระกูลใหญ่ด้วยตัวเอง”
หลี่ฝางสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่ผิดหวัง “ก่อนหน้านี้ไม่น่าไปตอบตกลงกับเขาเลย เชี้ย ช่างเป็นเศษสวะสักจริง”
“จริงอยู่ที่เขากลัวขึ้นมา แต่คงจะไม่ใช่เพราะเรื่องของเฉินฝูเซิงแน่”
ส้าวส้วยพูดด้วย ใบหน้าที่ตึงเครียด “น่าจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอีก”
“ยังจะมีเรื่องอะไรได้อีกล่ะ?” หลี่ฝางมองไปยังส้าวส้วยแล้วถาม ด้วยความสงสัย
ส้าวส้วยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา กดโทรไปที่หมายเลขนึง พอต่อสายได้ ส้าวส้วยก็พูดไปตรงๆว่า “ช่วยฉันสืบหาเรื่องของผู้หญิงคนนึงหน่อย”