NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - บทที่ 576 หรุ่ยเหวินเจ๋ที่แสนเจ้าเล่ห์
“ดูเหมือนว่าพวกเราจะดูหมิ่นคุณชายหลี่เกินไป เหอะ ๆ แต่ก็นะ คนที่สามารถทำให้นายน้อยของพวกเราลดฐานะลงมาเป็นลูกน้องได้ จะเป็นคนธรรมดาได้ยังไงกัน?” ทันใดนั้นจูเปิ่นก็หัวเราะเอิ๊กอ๊ากขึ้นมา เขากำลังรู้สึกยินดี ที่เฉินฝูเซิงได้เลือกหลี่ฝาง
เมื่อก่อน ในใจของจูเปิ่นยังกล่าวโทษมาโดยตลอด เขารู้สึกว่านายน้อยของเขาขาดทุน
“ลูกพี่ ความหมายของพี่ก็คือ ตอนนี้พวกเรากำลังอยู่ในขั้นตอนการทดสอบของคุณชายหลี่สินะ? ผมยอมเขาเลยจริง ๆ พี่ว่าคุณชายหลี่คนนี้ ทำเรื่องไม่มีประโยชน์พวกนี้ทำไมกัน ในเมื่อรู้ว่าคุณชายของพวกเราถูกใส่ร้าย และรู้ว่าใครเป็นฆาตกรตัวจริง ทำไมไม่รีบช่วยนายน้อยของพวกเราออกมาล่ะ”
“ทุกครั้งที่นึกถึงคุณชายของพวกเรา ต้องทนลำบากอยู่ข้างใน ในใจของผมก็รู้สึกไม่สบายทุกที” เสี่ยวซานจื่อกล่าวด้วยความแค้นเคืองเล็กน้อย
“เหอะ ๆ ความรู้สึกนึกคิดของคุณชายหลี่ ใครจะไปรู้ได้ล่ะ? บางที เขาแค่ต้องการคนที่มีความสามารถกลุ่มหนึ่งเท่านั้น พวกเราพึ่งมาใหม่ไม่นาน ถูกสงสัยก็ถือเป็นเรื่องปกติ” นับว่าจูเปิ่นค่อนข้างปล่อยวาง
“อีกอย่าง คุณชายโหดร้ายป่าเถื่อน จะล้มลุกคลุกคลานบ้าง ก็ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร” จูเปิ่นปลอบใจเสี่ยวซานจื่อ
เสี่ยวซานจื่อเบ้ปาก แล้วก็ไม่ได้พูดมากอะไรอีก
แต่คนขับรถนั่นกลับเอ่ยขึ้นมา: “ลูกพี่ครับ งั้นพวกเราจะทำยังไง? จะช่วยแฟนเก่าของหรุ่ยเหวินเจ๋ไหมครับ?”
“ช่างเถอะ ความเป็นตายของผู้หญิงคนนั้น ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเรา หรุ่ยเหวินเจ๋เป็นคนของพวกเรา เรื่องที่เขาอยากจะทำ พวกเราควรสนับสนุน” จูเปิ่นกล่าว
“แต่ว่า……ทางด้านคุณชายหลี่ ความหมายของพวกเขา ดูเหมือนว่ากำลังแจ้งเตือนพวกเรา ให้พวกเราไปช่วยนี่” ชายคนขับกล่าว
“เขาแค่กลัวว่าผู้หญิงคนนั้นจะทำให้หรุ่ยเหวินเจ๋ยอมประนีประนอม” จูเปิ่นกล่าวพลางหัวเราะเอิ๊กอ๊าก
เวลาผ่านไปราวชั่วโมงกว่า ๆ เฮยจื่อขับรถ กลับมาแล้ว เขาขับรถเข้ามาในซอยเล็ก ๆ จากนั้นก็ดึงเอากระสอบป่านลงมาจากรถ
“ลูกพี่ ผมกลับมาแล้ว” เฮยจื่อลากกระสอบป่าน มาถึงข้างในห้องทำงาน
ในตอนนี้เอง เจียงเหว่ยก็ได้ทำอาหารเสร็จแล้ว และกำลังดื่มเบียร์พูดคุยอยู่กับหรุ่ยเหวินเจ๋
เมื่อเห็นหมาจื่อกลับมา เจียงเหวยก็ดื่มเบียร์ที่มีอยู่ในแก้วจนหมด
หรุ่ยเหวินเจ๋จ้องมองกระสอบป่าน ท่าทางหน้านิ่วคิ้วขมวด: “เงินล่ะ?”
“แกจะเอาเงินไปทำไม? ก็ไม่ใช่เพราะผู้หญิงคนนี้หรอกเหรอ? มา ตอนนี้ฉันมอบผู้หญิงคนนี้ให้แกเลย” พูดไป เฮยจื่อก็เปิดปากกระสอบออก แล้วปล่อยหญิงสาวที่อยู่ในกระสอบออกมา
หญิงสาวที่อยู่ในกระสอบ ผมเผ้ายุ่งเหยิง และถูกมัดปากเอาไว้ ร้องออกมาไม่ได้ ใบหน้าของเธอนั้นไม่นับว่าได้มาตรฐานสักเท่าไหร่ แต่กลับรักษารูปร่างได้ดีไม่น้อย เมื่อเธอออกมาจากกระสอบ และวินาทีแรกที่ได้เห็นหรุ่ยเหวินเจ๋นั้น บนใบหน้าของเธอ เริ่มจากตกใจกลัว เปลี่ยนเป็นงงงัน
เฮยจื่อดึงเทปกาวที่ใช้ปิดปากหญิงสาวไว้ออก และใช้มีดจ่อที่คอของหญิงสาว กล่าว: “อย่าร้องให้คนช่วย อย่าทำการขัดขืนที่ไร้ประโยชน์ ไม่งั้นฉันจะกรีดหน้าของเธอซะ”
“หรุ่ยเหวินเจ๋? เป็นนายได้ยังไง? เป็นนายที่ต้องการลักพาตัวฉัน?”
บนใบหน้าของหญิงสาว เต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
เธอไม่หนึกไม่ฝัน ว่าคนที่ลักพาตัวเธอ จะเป็นผู้ชายที่หน้าตาธรรมดาสามัญ สุภาพเรียบร้อย ซื่อสัตย์สุจริต หรุ่ยเหวินเจ๋คนนั้น
สีหน้าของหรุ่ยเหวินเจ๋ กลับสงบเป็นพิเศษ
“เมิ่งเมิ่ง เจอกันอีกแล้วนะ”
หรุ่ยเหวินเจ๋ยิ้มอ่อน ๆ จ้องมองเมิ่งเมิ่งพลางกล่าว: “ยังจำได้ว่าครั้งที่แล้วที่เราพบกัน คือตอนที่เลิกกัน”
รอยยิ้มนี้ของหรุ่ยเหวินเจ๋ ทำให้เจียงเหวยและเฮยจื่อ รู้สึกงงงันขึ้นมาพร้อมกันทันที เดิมทีพวกเขาคิดว่า วินาทีที่หรุ่ยเหวินเจ๋เห็นแฟนเก่าตัวเองถูกลักพาตัว จะต้องตกใจจนทำอะไรไม่ถูก
แต่ใครจะไปรู้ ว่าหรุ่ยเหวินเจ๋ในเวลานี้จะมีท่าทางสงบนิ่งขนาดนี้
และเจียงเหวยก็ได้รู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากลขึ้นมา: “แกเป็นใครกันแน่? ใครส่งแกมา? แกหาพวกเราเจอได้ยังไง”
เจียงเหวยจ้องมองหรุ่ยเหวินเจ๋ด้วยสายตาที่เยือกเย็น และมีความอาฆาตอยู่ภายในจิตใจ
“ลูกพี่ ทำยังไงดี ดูเหมือนว่าไอ้สารเลวนี่ไม่ได้ใส่ใจแฟนเก่าตัวเองเลยแม้แต่น้อย แม่งเอ๊ย หรือว่าพวกเราจะถูกหลอกเข้าแล้ว” เฮยจื่อมองหรุ่ยเหวินเจ๋ด้วยท่าทางกระวนกระวาย: “เมื่อกี้แกยังพูดกับพวกเราว่า สองสามวันก่อนแฟนเก่าแกได้มาหาแก พวกว่าถ้าแกมีเงินสองแสนห้า หล่อนก็จะแต่งงานกับแก”
“ไม่มีทางที่เขาจะมีเงินสองแสนห้า” แฟนเก่าของหรุ่ยเหวินเจ๋กล่าว
“หรือต่อให้เขามี ฉันก็ไม่มีทางจะแต่งกับเขา เขาเป็นคนบ้า เป็นคนโรคจิต” แฟนเก่าของหรุ่ยเหวินเจ๋ กล่าวด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง
เจียงเหวยและเฮยจื่องงงันขึ้นมาอีกครั้ง
ฟังจากที่พูดแล้ว ตัวเองได้ถูกปั่นหัวเข้าแล้วจริง ๆ
“แม่ง พวกแกสองคนกำลังแสดงละครต่อหน้าฉันเหรอ” ทันใดนั้นเฮยจื่อก็ใช้มีดแทงเข้าไปที่ผิวหนังของหญิงสาว และหรุ่ยเหวินเจ๋ก็ลุกลี้ลุกลนขึ้นมาทันที
“อย่านะ” หรุ่ยเหวินเจ๋พลันเอ่ยขึ้นมา
“เหอะ ๆ กลัวแล้วล่ะสิ? ในเมื่อกลัวแล้ว งั้นเราก็มาคุยเรื่องเงินกัน สองหมื่น ได้ไหม?” เฮยจื่อกล่าว
เกิดความสับขึ้นมาบนใบหน้าของหรุ่ยเหวินเจ๋: “สองแสน สองหมื่นมันน้อยไป”
“แม่งเอ้ย ดูว่าตอนนี้ใครถือไพ่เหนือกว่าแล้วค่อยพูด” เฮยจื่อไม่พูดมาก เขากดแทงมีดลงไปลึกกว่าเดิม
จูเปิ่นถลึงตาใส่เฮยจื่อ: “หยุดเแทงได้แล้ว ต่อให้แกแทงผู้หญิงคนนี้จนตาย ก็ไม่มีประโยชน์อะไร”
“มันไม่ได้สนใจความเป็นตายของผู้หญิงคนนี้เลยสักนิด ความจริงแล้วมันแค่ต้องการยืมมือของพวกเรามาทำร้ายผู้หญิงคนนี้ แกดูไม่ออกหรือไง?”
“พวกเราถูกหลอกแล้ว”
เจียงเหวยจ้องมองหรุ่ยเหวินเจ๋ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด พลางเอ่ยถาม: “น้องชาย ตกลงแล้วหมายความว่ายังไงกันแน่ แกหมอฝึกหัดเล็ก ๆ คนหนึ่ง หาพวกเราเจอได้ยังไง?”
“เหอะ ๆ เรื่องนี่คุณไม่ต้องสนใจ อย่างไรก็ตาม เงินสองแสนห้า ห้ามขาดแม้แต่บาทเดียว” มุมปากของหรุ่ยเหวินเจ๋ ปรากฏรอยยิ้มที่อันตรายออกมา เขามองดูแฟนเก่าของตัวเอง กล่าว: “เมิ่งเมิ่ง เธอนึกเสียใจไหมที่ทิ้งฉันไป?”
“เหอะ ๆ ฉันให้ในสิ่งที่เธอต้องการไม่ได้เลยสักอย่าง แต่เขาให้เธอได้ ใช่ไหม?”
“เหอะ ๆ ผู้ชายคนนั้นก็รักอย่างลุ่มหลงไม่เบา ฉันส่งวิดีโอตอนที่เรามีอะไรกันให้มัน มันก็ยังคงจะแต่งกับเธอเหมือนเดิม นี่ต้องมีความสามารถในการแบกรับทางจิตใจมากเพียงใดกัน ฉันละนับถือจริง ๆ เลย มันออกมาจากทุ่งหญ้าสะวันนาหรือไง?”
หรุ่ยเหวินเจ๋เอ่ยถามด้วยใบหน้าที่โมโห
เมิ่งเมิ่งมองหรุ่ยเหวินเจ๋อย่างเย็นชา จากนั้นก็หัวเราะเหอะ ๆ ขึ้นมา: “หรุ่ยเหวินเจ๋ คนต่ำทรามที่จิตใจหม่นหมองแบบนาย ชาตินี้คงไม่มีแฟนหรอก”
“รู้ไหมว่าการตัดสินใจที่ฉลาดที่สุดในชาตินี้ของฉันคืออะไร? นั่นก็คือบอกเลิกนาย และเรื่องที่ทำให้ฉันเสียใจมากที่สุด ก็คือเคยคบกันกับนาย เชื่อนายไปหมดทุกอย่าง ยอมให้นายถ่ายวิดีโอของฉัน……”
พูดไป พูดไป เมิ่งเมิงก็กัดฟันกรอด: “ฉันไม่คิดว่า ความเชื่อใจที่ฉันมีให้นายในตอนนั้น กลับกลายเป็นคมดาบให้นายใช้จัดการกับฉันในวันนี้”
“ไม่เพียงต้องการทำลายความสุขของฉัน ทำรายงานแต่งของฉัน ทั้งยังให้คนลักพาตัวฉัน? เหอะ ๆ หรุ่ยเหวินเจ๋ ตกลงแล้วนายคิดจะทำอะไรกันแน่ พูดออกมาสิ ตอนนั้นยังร้องว่าจะตายด้วยกันอยู่ไม่ใช่เหรอ? ก็ดีเหมือนกัน พวกเราไปหาที่โดดตึก ใครไม่ไป ใครแม่งเป็นหลาน” ผู้หญิงคนนั้นจ้องมองหรุ่ยเหวินเจ๋พลางกล่าว
หรุ่ยเหวินเจ๋ส่ายหัว: “ขอโทษนะ เมิ่งเมิ่ง”
“วันนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว ตอนนั้นเธอเป็นทุกอย่างของฉัน เสียเธอไป ฉันก็ไม่อยากมีชีวิตต่อไปจริง ๆ แต่ในตอนนี้ ฉันมีลูกพี่ที่แสนดี ฉันเชื่อว่าถ้าติดตามเขา ฉันจะสามารถเปลี่ยนชีวิตของฉันได้”
หรุ่ยเหวินเจ๋ยิ้ม: “ดังนั้น ถ้าเธออยากตาย เธอก็ไปคนเดียวเถอะ”
หรุ่ยเหวินเจ๋พูดจบ ก็หันไปมองเจียงเหวย: “ลูกพี่ สองแสนห้าจ่ายได้ไหม? ถ้าให้ไม่ได้ก็บอก ผมจะได้โทรแจ้งตำรวจในตอนนี้”
“ยังไงล่ะ ตอนนี้พรรคพวกของคุณก็ได้ข้อหาเพิ่มเป็นข้อหาลักพาตัวแล้ว เหอะ ๆ ลูกพี่ คุณว่าจะผมจะเพิ่มอีกสักห้าล้านดีไหม?”
เจียงเหวยจ้องมองหรุ่ยเหวินเจ๋อยู่ครึ่งค่อนวัน จากนั้นก็หันไปบอกกับเฮยจื่อ: “เฮยจื่อ ไปเอาเงินมา สามแสน จ่ายให้มันอย่าให้ขาดแม้แต่บาทเดียว”
“ลูกพี่ นี่……”
“ทำตามที่ฉันบอก” เจียงเหวยขมวดคิ้ว กล่าว: “เงินหมดแล้ว พวกเราสามารถหาใหม่ได้ แต่พี่น้องของพวกเรา จะให้เกิดเรื่องไม่ได้”
“น้องชาย ครั้งนี้ถือว่าแกชนะ พวกเรายังมีโอกาสที่จะเจอกันอีก อย่าได้ตกอยู่ในเงื้อมมือของฉันล่ะ ไม่อย่างนั้นล่ะก็ สำหรับการถูกปั่นหัวและหลอกลวงที่ฉันได้รับในวันนี้ ฉันจะตอบแทนให้แก ด้วยวิธีเลือดตกยางออก”
เฮยจื่อทอดถอนใจอย่างไม่มีทางเลือก เขานับเอาเงินจำนวนสามแสน ออกมาจากตู้นิรภัย แล้วยื่นให้กับหรุ่ยเหวินเจ๋ หรุ่ยเหวินเจ๋ยิ้มอ่อน ๆ กล่าว: “แล้วผมจะรอ”
หรุ่ยเหวินเจ๋พึ่งเดินออกมาจากห้องทำงานนั่น ทันใดนั้นก็มีคนกลุ่มหนึ่งวิ่งเข้ามา ในมือถือปืนอยู่ และชี้ปลายกระบอกปืนไปทางเจียงเหวยและเฮยจื่อ
“ทุกคนอย่าขยับ”
จูเปิ่นและพวก ทุกคนต่างก็ถือปืนอยู่ในมือ
การปรากฏตัวของพวกเขานั้น ทำให้บนใบหน้าของเจียงเหวย หม่นหมองถึงขีดสุด
“ที่แท้มันเป็นคนของพวกแกนี่เอง” เจียงเหวยกัดฟันกล่าว