NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - บทที่ 588 คนตายถึงจะมีประโยชน์
ปากของมู่เสี่ยวไป๋สั่น เงยหน้ามองเฉินฝูเซิง แล้วพูด: “ฝูเซิง นายตัดสินใจแน่แล้วจริงๆ ใช่มั้ย?”
“เชี่ย นายเป็นอัลไซเมอร์เหรอ? ฉันบอกแล้ว ให้เรียกว่าพ่อใช่มั้ย?” เฉินฝูเซิงยกปืนขึ้นมาอีกครั้ง
สีหน้าของมู่เสี่ยวไป๋ชะงักอยู่ครู่: “พวกเราสองคนเป็นตระกูลมีเชื้อสาย ระหว่างเราก็มีธุรกิจร่วมกัน นายวิ่งไปอยู่กับหลี่ฝาง หรือว่าไม่กลัวความร่วมมือของพวกเราจะมีปัญหาเหรอ?”
“นายคิดว่าฉันจะกลัวมั้ย?”
เฉินฝูเซิงยิ้มหรี่ตา: “กล้าได้ กล้าเสีย เรื่องพวกนี้ ถ้าหากนายยินดีทำ ก็กลับไปถามปู่นายก็ได้”
“ไม่ผิด หลายปีที่ผ่านมา นายช่วยพวกเราหาเงินได้ไม่น้อย แต่พวกนายไม่ได้เอากำไรจากพวกเราไปหรอกเหรอ? เกรงว่า พวกนายได้เยอะกว่าพวกเรามากนะ” เฉินฝูเซิงพูดอย่างไม่ใส่ใจ
“พวกเราจะเปลี่ยนคนร่วมธุรกิจก็ได้”
มู่เสี่ยวไป๋กระตุกมุมปาก แล้วยิ้มอย่างเย็นชาพลางพูด: “ไม่ใช่เรื่องใหญ่ พวกเราเอาเงินน้อยหน่อยก็ได้”
“แล้วแต่นายแล้วกัน ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับฉันเท่าไหร่ พ่อฉันเมียเยอะ ลูกชายเยอะแบบนั้น ถึงเขาจะหาเงินได้มากขึ้น แต่แบ่งให้ฉันได้เท่าไหร่? จากนี้ ฉันสนใจแค่ปัจจุบันและอนาคตของตัวฉันเอง ดังนั้น นายอยากจะหักกับพ่อฉัน ก็หักไปเลย”
เฉินฝูเซิงพูดจบ ก็เงียบอยู่ครู่แล้วพูด: “ถึงยังไง ฉันเตือนนายด้วยความหวังดี อยากจะเปลี่ยนคู่ร่วมธุรกิจ ได้นะ ก่อนหน้านั้นต้องมีคนที่กล้าร่วมธุรกิจกับนายก่อน”
“พ่อฉันเป็นคนยังไงฉันรู้ เนื้อในปากของเขา ถึงแม้จะตกลงพื้นแล้ว ก็ไม่มีใครกล้ากิน”
“ใครอยากกินเนื้อในปากของเขา เขาก็จะสู้ตายกับคนนั้น”
เฉินฝูเซิงหัวเราะฮี่ๆ แล้วพูด: “คำขู่เมื่อกี้ ฉันก็จะเอาไปบอกพ่อฉันเหมือนเดิม จะให้พูด คนอย่างเขาเกลียดคนข่มขู่เขาที่สุดเลย”
มู่เสี่ยวไป๋สีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย พลางมองเฉินฝูเซิง และยังอยากพูดว่า เมื่อไหร่เฉินฝูเซิงจะรีบพาคนออกไป
จูเปิ่นถอยกลับมา มองมู่เสี่ยวไป๋พลางพูด: “คุณชายมู่ เรื่องวันนี้ พวกเราทำเกินไปนิด แต่ที่พวกเราทำแบบนี้ ก็เพราะคุณบีบให้เราต้องเดินทางนี้”
ถึงแม้เฉินฝูเซิงและคนอื่นๆ ปิดบังหน้าตา แต่มู่เสี่ยวไป๋ก็เดาฐานะออกได้นานแล้ว
ถ้าหากมู่เสี่ยวไป๋แจ้งความ เฉินฝูเซิงต้องมีปัญหาแน่ๆ
จูเปิ่นพูด: “หวังว่าคุณชายมู่จะอำนวยความสะดวก เห็นแก่ความสัมพันธ์ ปล่อยคุณชายพวกเราไป นี่เงินหนึ่งล้านเหรียญ ถือซะว่าเป็นค่าชดเชยเล็กน้อยแล้วกัน”
คำพูดของจูเปิ่น พูดเสียงไม่ดังไม่เบา แต่คนในห้องทุกคน ก็ได้ยินอย่างชัดเจน
ต่อมา จูเปิ่นเข้าประชิดตัวของมู่เสี่ยวไป๋ แล้วกระซิบ ที่ข้างหูของเขา: “คุณชายมู่ นายก็รู้ พวกเราทำอะไร ก็ต้องทำให้เกิดผล ถ้าไม่งั้น จะทำให้เขาขำเอาได้”
“พวกเราห่างจากบ้านมาก็ไม่ใช่ง่ายๆ ถ้าคุณชายมู่ให้ทางเดิน พวกเราก็จะขอบคุณ หลังจากนี้จะจำไว้ ถ้าหากไม่ให้ทางเดินละก็ เหอะๆ พวกเราก็คอยดูกันไป”
“พวกเราทั้งหมดมียี่สิบกว่าคน ถ้าหากคุณชายของพวกเราเข้าไปแล้ว งั้นพวกเรายี่สิบกว่าคนนี้ ก็จะกลายเป็นฝันร้ายของคุณชายมู่ เกรงว่าแค่เข้าห้องน้ำ ก็ต้องระแวง”
“นอกจาก นายจะฆ่าพวกเราให้ตายทุกคน ไม่อย่างนั้น พวกเรายืนยันว่าจะใช้ชีวิตของพวกเรา แลกกับร่างกายที่มีค่าของคุณชาย ถ้าคุณชายคิดว่าคุ้มค่า คุณก็แจ้งความได้เลย แต่ถ้าคิดว่ามันไม่คุ้ม ก็ไม่ต้องแจ้ง คุณคิดดูเอาเอง”
มู่เสี่ยวไป๋กัดฟัน พลางมองจูเปิ่น: “นายขู่ฉันเหรอ?”
“เปล่า ฉันแค่วิเคราะห์ให้คุณฟังเฉยๆ คุณก็คิดดูเอาเอง แน่นอนว่า ถ้าไม่แจ้ง หลังจากนี้จะมาล้างแค้น งั้นพวกเราก็จะรับ ถ้าคุณเก่ง แล้วพวกเราเสียท่า ก็จะยอมรับโดยดี”
“แต่วิธีสถุล ฉันแนะนำว่าอย่าใช้เลย อย่าให้เสียเกียรติตัวเองเลย ถึงยังไงคุณก็เป็นถึงคุณชายใหญ่ของตระกูลมู่ คุณว่าจริงมั้ย?”
จูเปิ่นพูดพลางยิ้มจบ ก็ยืดตัวขึ้น แล้วค่อยๆ เดินออกจากคฤหาสน์ไป
“พูดจบแล้ว?” เฉินฝูเซิงรอจูเปิ่นอยู่เงียบๆ หลังจากเขากลับมา ใบหน้าก็แสดงให้เห็นถึงความไม่พอใจ
“อืม สิ่งที่ควรพูดก็พูดแล้ว ส่วนต่อจากนี้เขาจะเลือกยังไง ก็อยู่ที่เขาแล้ว” จูเปิ่นพยักหน้า แล้วยิ้ม
“ฉันว่านายทำมากไปนะ ไปพูดมากกับมันทำไม? ความกล้าแค่นั้น ยังคิดจะมาวัดกับฉันจริงๆ เหรอ?” เฉินฝูเซิงหึหนึ่งที แล้วพูดอย่างดูถูกสุดๆ
“คุณชาย คนก็ต้องมีหน้าตา เมื่อกี้นายเล่นเขาซะหน้าแหกแบบนั้น ในใจเขาจะต้องโมโหมากๆ แน่เลย เมื่อกี้ในมือนายมีปืน นายให้เขาทำอะไร เขาก็ทำ ไม่ว่าจะคุกเข่าโขกหัวให้นาย เขาก็ทำตาม แต่เรื่องหลังจากนี้ล่ะ? คนอื่นเห็นกันตั้งเยอะนะ นายให้เขาเรียกนายว่าพ่อต่อหน้าคนเยอะแบบนั้น เขาไม่ต้องไว้หน้าเหรอ? นายออกมา เขาต้องเป็นบ้าแหงๆ คนบ้าไปแล้ว เรื่องอะไรก็ทำได้ทั้งนั้น”
“ฉันแค่ไว้หน้าเขา ให้เขามีบันไดลง มู่เสี่ยวไป๋เป็นคนที่แยกแยะข้อดีข้อเสียออก ถ้าหากเขาไม่โง่ เรื่องวันนี้ แปดเปอร์เซ็นต์ต้องฝังใจ แล้วค่อยมาเอาคืน”
จูเปิ่นรู้ว่าคราวนี้ความเสี่ยงสูง ถ้าหากแจ้งความ เฉินฝูเซิงจะต้องแย่แน่ๆ
บุกรุก แถมยังถือปืน ประเด็นสำคัญคือหวางต้องโดนยิงจนกลายเป็นคนพิการ
ถ้าหากแจ้งความ เฉินฝูเซิง หลังจากนี้จะต้องติดคุกแน่ๆ
เฉินฝูเซิงพยักหน้า แล้วพูด: “เอาเถอะ พ่อฉันบอกว่านายทำงานรอบคอบ ฉันฟังนาย”
หลังจากจูเปิ่นออกไป มู่เหวินตงก็ค่อยนั่งรถเข็น ออกมาจากข้างหลัง
“พี่ใหญ่”
มู่เสี่ยวไป๋มองมู่เหวินตง พลางยืดตัวขึ้น ใบหน้าร้อนเล็กน้อย
ถึงยังไงสิ่งที่เขาทำไปเมื่อกี้ ไร้ศักดิ์ศรีเอามากๆ
เรียกเฉินฝูเซิงว่าพ่อ เหอะๆ ถ้าเรื่องแบบนี้แพร่ออกไป เกรงว่ามู่เสี่ยวไป๋คงจะเป็นไม่ได้แม้แต่คน
มู่เหวินตงมองมู่เสี่ยวไป๋ แล้วพูด: “หน้าตาของตระกูลมู่ของพวกเรา วันนี้ถือว่านายทำขายขี้หน้าแล้ว”
“เขามีปืน”
มู่เสี่ยวไป๋ทำสีหน้าลำบากใจพลางพูด: “ไอ้เฉินฝูเซิงนั่น ฉันสนิทกับมัน มันเป็นคนบ้า ถ้าเลือดร้อนขึ้นมา เรื่องอะไรก็ทำได้ ถ้าหากฉันไปทำให้มันไปพอใจ แล้วมันยิงฉันล่ะ จะทำยังไง?”
“ถ้ามันกล้ายิงนาย ฉันรับรองจะให้มันชดใช้ด้วยเลือดเหมือนกัน”
มู่เหวินตงนัยน์ตาเย็นชา แล้วพูด: “เฉินฝูเซิงถือว่ากล้าไม่เบา ที่กล้ายิงนาย”
“ข้อแรก ที่นี่เป็นที่ของใคร? นายก็คงจะรู้จักเจ้าของโครงการคฤหาสน์นะ ข้อสอง นายคือลูกหลานของตระกูลมู่ และก็คือผู้สืบทอดเพียงคนเดียว ใครกล้าแตะนาย นั้นก็หมายความว่าต้องการกระตุกหนวดตระกูลมู่”
“ถึงแม้เฉินฝูเซิงดูแล้วจะเป็นคนที่ทำอะไรประมาท แต่ก็ไม่ใช่คนไร้จรรยาบรรณ ถ้าไม่อย่างนั้น เขาก็คงไม่ปิดหน้าปิดตาเข้ามา และก็ไม่ยอมรับว่าตนเป็นใคร เขาปิดบังตนทั้งหมด นั่นก็เพราะกลัวว่าจะถูกเปิดโปง จึงหาทางหนีทีไล่ให้ตัวเองเท่านั้น”
มู่เหวินตงพูด: “เขาก็กลัวเป็น”
มู่เสี่ยวไป๋พึมพำอยู่ครู่ แล้วพูดขึ้นเสียงเบา: “ปากนายก็พูดเอาๆ งั้นทำไมเมื่อกี้ไม่ออกมาล่ะ?”
มู่เสี่ยวไป๋ในใจไม่สบอารมณ์สุดๆ ส่วนมู่เหวินตงแค่ถอนหายใจ แล้วพูด: “เห้อ ช่างเถอะ ถึงยังไงเรื่องก็เกิดขึ้นแล้ว คิดเถอะว่าจะเอายังไงหลังจากนี้”
“แผนที่วางไว้ตั้งนานของนาย ตอนนี้ถูกคนทำพังไปหมดแล้ว” มู่เหวินตงพูด
มู่เสี่ยวไป๋พยักหน้า แล้วพูด: “เอาไว้ก่อน หวางต้องเลือดไหลเยอะมาก เอาเขาไปโรงพยาบาลก่อน”
“ถ้าไม่งั้น ตายแน่”
มู่เสี่ยวไป๋พูดจบ ก็รีบเรียกคนมาสองคน จากนั้นก็แบกร่างของหวางต้อง
ขณะที่เดินออกไป มู่เหวินตงส่งสายตาให้มู่เสี่ยวไป๋ แล้วพูดกับมู่เสี่ยวไป๋เสียงเบา: “หวางต้องถ้าช่วยให้รอดก็กลายเป็นแค่คนพิการ ถ้าหากช่วยจนรอด นายก็ต้องเลี้ยงคนพิการไปทั้งชีวิต”
“พี่ใหญ่ความหมายของพี่คือ?” มู่เสี่ยวไป๋สงสัยอยู่ครู่
“หวางต้องเลือดไหลเยอะขนาดนั้น ถึงแม้เขาจะตาย ความผิดก็ไม่มาตกอยู่ที่นาย”
มู่เหวินตงพูด: “แล้วก็ถ้ามีคนตาย เรื่องนี้ ก็ยิ่งใหญ่ขึ้นนี่”
“คนของพวกเราตาย แบบนี้ก็สามารถคุยกับฝั่งของเฉินฝูเซิงได้แล้วนี่” มู่เหวินตงหัวเราะเหอะๆ แล้วพูด: “ส่วนจะเอาจากใครนั้น คงไม่ต้องให้ฉันพูดหรอกนะ?”
มู่เสี่ยวไป๋พยักหน้า เข้าใจความหมายของพี่ชายตนทันที เขาวิ่งออกจากประตูไปทันที แล้วขวางสองคนนั้นไว้ จากนั้นก็ควักโทรศัพท์ขึ้นมา กดโทรออก
หลังจากสายติด มู่เสี่ยวไป๋ก็รีบพูดขึ้น: “คุณอาหวาง มีคนตายแล้ว”