NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - บทที่ 589 คนที่รวยกว่าหลี่ฝาง
เฉินฝูเซิงและคนอื่นๆ หลังจากออกมาจากคฤหาสน์ ก็รีบพาคนลงจากภูเขาไป ส่วนโจวเจ๋ ก็หอบโทรศัพท์สิบกว่าเครื่อง แอบวิ่งย่องไปที่วิลล่ากลางภูเขาหมายเลข1
ขณะนั้นหลี่ฝาง ในมือกำลังกำขวดเบียร์Budweiser และด้านหน้ามีจานถั่ววางอยู่จานนึง ดูเหมือนว่า กำลังดื่มเบียร์กับ ส้าวส้วยโจวหยางและคนอื่นๆ
มองดูถึงแม้ว่าเหมือนกำลังรื่นเริงกันมาก แต่ในใจของหลี่ฝาง กลับกระวนกระวายใจ
หลี่ฝางเห็นโจวเจ๋วิ่งเข้ามา จึงลุกขึ้นพรวด แล้วถาม: “กลับมาแล้วเหรอเร็วจัง?”
เวลา มันเร็วกว่าที่หลี่ฝางคิดไว้มาก
รวมแล้ว ยังไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเลย
เวลาเร็วปานนี้ โจวเจ๋ก็กลับมาแล้ว งั้นเรื่องก็คลี่คลายแล้วใช่มั้ย?
หลี่ฝางยังสงสัยอยู่ในใจ โจวเจ๋มองหลี่ฝาง แล้วจ้องไปที่ขวดเบียร์ในมือ พลางพูด: “คุณชายหลี่ ให้ผมดื่มสักอึกได้มั้ย ผมคอแห้ง”
หลี่ฝางยื่นให้ โจวเจ๋รับมา แล้วกระดก เบียร์ที่อยู่ในขวด รวดเดียวหมด
เมื่อดื่มเบียร์ในมือหมด โจวเจ๋จึงพูดขึ้น: “ถือว่าจัดการได้แล้วมั้ง”
โจวเจ๋ควักโทรศัพท์ออกมา จากกระเป๋าเสื้อ แล้วพูด: “นี่คือโทรศัพท์ที่แย่งมาจากพวกเขา รหัสก็คือ112233”
หลี่ฝางหยิบขึ้นมาเครื่องนึง จากนั้นก็พลิกไปมา: “โห เป็นพวกพวกเขาจริงด้วย”
หลี่ฝางเข้าไปในแกลเลอรี่และจัดการลบวิดีโอในเครื่องทั้งหมด จากนั้นก็หยิบเครื่องอื่นขึ้นมา เริ่มลบ ทีละเครื่องๆ จนถึงเครื่องสุดท้าย ในใจของหลี่ฝาง ก็ถือว่าวางใจได้แล้ว
หวางเหยาที่อยู่ห่างออกไป นั่งอยู่บนโซฟา นัยน์ตาไม่มีแววตาใดๆ ทั้งสิ้น
ในมือของหลี่ฝางถือโทรศัพท์ของหวางต้อง ลังเลอยู่นาน ในโทรศัพท์ของหวางต้อง มีวิดีโอท่อนนึง ที่หวางต้องกับหวางเหยา…กันในรถ…….
เนื้อหาในนี้ ไม่ค่อยอยากที่จะเห็น
หลี่ฝางมองหวางเหยาอย่างซับซ้อน และก็ไม่รู้ว่าหวางเหยาจะรู้เรื่องการมีอยู่ของคลิปนี้มั้ย
ลังเลอยู่หลายวินาที หลี่ฝางก็ทำการ ลบคลิปวิดีโอนั่นทิ้ง
“นายลบหมดแล้วเหรอ?” โจวเจ๋มองหลี่ฝาง พลางถามอย่างประหลาดใจ
หลี่ฝางพยักหน้า แล้วพูด: “ใช่แล้ว ฉันลบจนเกลี้ยงหมดแล้ว
“คุณชายหลี่ คุณลบได้ไงเหนี่ย? นี่มันของดีเลยนะ สำหรับพวกเขาแล้ว เป็นวิธีการข่มขู่เน็ตไอดอล สำหรับเราแล้ว ก็เหมือนกันนะ? สัญญานี้มีวันหมดอายุ ถ้าหากในมือพวกเรามีคลิปนี้ บวกกับข้อบังคับในสัญญา งั้นพวกเรา……”
ยังไม่ทันรอให้โจวเจ๋พูดจบ หลี่ฝางก็พูดขึ้น: “ถ้าทำแบบนั้น พวกเราก็จะเหมือนกับมู่เสี่ยวไป๋น่ะสิ”
“ฉันทำธุรกิจสุจริต”
หลี่ฝางมองโจวเจ๋พลางพูด: “ฉันหวังว่านายจะเข้าใจข้อนี้โดยเร็วนะ”
โจวเจ๋พยักหน้าเบา แล้วพูด: “งั้นโทรศัพท์พวกนี้จะจัดการยังไง? ขายมือสองเหรอ?”
“ขายต่อมือสองอะไรกัน พวกเราก็ไม่ได้ร้อนเงิน เผาทิ้งให้หมดเถอะ” ถ้าทิ้งโทรศัพท์ไป หลี่ฝางกลัวว่าจะมีมือดีกู้ข้อมูลมาได้ ดังนั้นจึงพูดแบบนั้น
“หวังว่าพวกเขาไม่ได้เก็บสำรองคลิปนั่นไว้แล้วกัน” หลี่ฝางแอบพูดในใจ
โจวเจ๋พยักหน้า แล้วหาที่ว่าง จากนั้นก็จุดไฟ และโยนโทรศัพท์ทั้งหมดลงไป
หลี่ฝางเดินเข้าไปในห้อง มองไปที่หงหง หวางเหยาและคนอื่นๆ พลางพูด: “ทุกคนไม่ต้องกังวลแล้ว เรื่องนี้ ฉันเคลียร์เรียบร้อยแล้ว”
หลี่ฝางหยิบสัญญาขึ้นมาหนึ่งฉบับ ยื่นให้หวางเหยา: “นี่คือสัญญาที่เธอเซ็นกับพวกมัน”
หวางเหยามองหลี่ฝางอย่างช็อกๆ หลี่ฝางพูดด้วยสีหน้าไร้อารมณ์: “ฉันช่วยเอากลับมาให้เธอแล้ว”
เมื่อหวางเหยารับสัญญาฉบับนั้นมา มือของเธอ สั่นอย่างเห็นได้ชัด
“งั้นคลิปนั่น……” หวางเหยาถามขึ้นเสียงสั่น
“ลบเรียบร้อยแล้ว”
หลี่ฝางขมวดคิ้ว แล้วเข้าประชิดหวางเหยา และพูดเสียงเบา: “เธอกับหวางต้องบนรถ……”
หวางเหยาได้ยินถึงตรงนี้ ดวงตาก็เบิกกว้าง หล่อนมองหลี่ฝางอย่างตกใจ แล้วถาม: “คุณชายหลี่ นายรู้ได้ยังไง?”
“เอาล่ะ เห็นแบบนี้ ก็รู้แล้วว่าเธอโดนพวกนั้นจัดฉาก คลิปถูกฉันลบไปแล้ว” หลี่ฝางพูดอย่างนิ่งๆ : “ไอ้หวางต้องนั่น ก็ได้รับผลอย่างสาสมแล้ว”
“ขอบคุณนะ”
เวลานี้ หวางเหยาก็ไม่รู้ว่าต้องพูดอะไรดี สุดท้ายหล่อนก็พูดออกมาสองคำว่า ขอบคุณ!
ส่วนหงหงและคนอื่นๆ ก็ลุกขึ้นมา และรีบพูดขอบคุณ กับหลี่ฝางอย่างรู้สึกขอบคุณ
“พวกเธอไม่ต้องขอบคุณฉัน ถ้าจะขอบคุณ ก็ขอบคุณผู้จัดการคนใหม่โจวเถอะ” หลี่ฝางหัวเราะเหอะๆ แล้วใช้นิ้วชี้ไปทางโจวเจ๋
“ขอบคุณผู้จัดการโจว”
“ขอบคุณผู้จัดการโจว!”
“ขอบคุณผู้จัดการโจว!”
เน็ตไอดอลสิบกว่าคน พูดขอบคุณเป็นเสียงเดียวอย่างตื้นตันกับโจวเจ๋ และโค้งคำนับ
ส่วนหน้าของโจวเจ๋ ก็รู้สึกประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัด ถึงยังไงเมื่อกี้ก็บอกไปแล้ว หลี่ฝางจะให้เขาเริ่มทำงานตั้งแต่ระดับล่างๆ
แต่ตอนนี้ ทุกคนกลับเรียกเขาว่า ‘ผู้จัดการโจว’ นี่หมายความว่ายังไง ในตอนนั้น จู่ๆ โจวเจ๋ก็รู้สึก ตื่นเต้นขึ้นมา
“คุณชายหลี่ นี่……” โจวเจ๋มองหลี่ฝาง พลางถามไปอย่างงงๆ
“นายมีความสามารถนั้น พอดีเลยบริษัทฉัน กำลังขาดผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการอยู่พอดี หลังจากนี้ ตำแหน่งนี้ ก็ให้นายรับผิดชอบแล้วกัน”
หลี่ฝางยิ้มแล้วพูด: “เรื่องแค้นเคืองเมื่อก่อนนั้น ตั้งแต่ตอนนี้ ก็ให้มันแล้วกันไปเถอะนะ หลังจากนี้ พวกเราก็อย่าได้พูดถึงมันเลย”
โจวเจ๋อืม พยักหน้าพลางพูด: “ขอบคุณครับคุณชายหลี่”
“ตั้งใจทำงานให้ฉัน ถึงจะเป็นคำขอบคุณที่แท้จริง เข้าใจมั้ย?” หลี่ฝางหัวเราะเหอะๆ
“ผมจะทำตามนั้นครับ คุณชายหลี่” โจวเจ๋พยักหน้า
จางเชี่ยนก็ลุกขึ้นจากโซฟา และเดินมาหาหลี่ฝาง แล้วพูด: “หลี่ฝาง ขอบใจนะ”
“นายวางใจได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ โจวเจ๋ของพวกเรา จะทำหน้าที่ได้อย่างเต็มที่แน่นอน” จางเชี่ยนพูดอย่างโอ้อวดพูดจบ จางเชี่ยนก็มองไปที่เฉียวเฉียว แล้วพูดกับหลี่ฝาง: “หลี่ฝาง ฉันมีเรื่องจะขอร้อง”
“พูดมาเถอะ”
หลี่ฝางมองจางเชี่ยนพลางถาม
ถึงแม้ฐานะของหลี่ฝาง จะถูกคนในนี้รับรู้หมดแล้ว แต่ในคนพวกนี้ ก็มีจางเชี่ยนนี่แหละ ที่ยังเรียกชื่อของหลี่ฝางส่วนคนอื่น ก็เปลี่ยนไปเรียกว่าคุณชายหลี่กันหมด
“ฉันก็อยากเข้าบริษัทนายอ่ะ เป็นเน็ตไอดอล” จางเชี่ยนพูด
หลี่ฝางหัวเราะเหอะๆ : “แล้วมีปัญหาอะไร?”
แต่ตอนนั้น เซี่ยลู่ก็กอดแขนของหลิวเฉียวเฉียวไว้ และลุกขึ้นพร้อมหล่อน แล้วพูด: “คุณชายหลี่ พวกเราสามคน อยากจะตั้งกลุ่ม แล้วไลฟ์โชว์ด้วยกัน”
“ถึงยังไงพวกเราสามพี่น้องก็โตมาด้วยกัน คุณว่าเป็นไง?” เซี่ยลู่มองหลี่ฝาง แล้วถามลองเชิง
หลี่ฝางมองเฉียวเฉียว ในตอนนั้นเฉียวเฉียวกำลังก้มหน้า ราวกับว่าเป็นเด็กที่ทำความผิดอย่างนั้นแหละ
หลิวเฉียวเฉียวไม่มีแม้แต่ความกล้าที่จะเงยหน้ามองหลี่ฝาง และยิ่งไม่มีความกล้าที่จะให้หลี่ฝางรับเข้าทำงาน
หลี่ฝางพยักหน้าอย่างตามใจ แล้วพูด: “พวกเธอดูเอาเองแล้วกัน มีอะไรต้องการ ก็มาหาโจวเจ๋ก็โอเคแล้ว หรือว่าหาโจวหยางก็ได้ ถึงยังไงก็พวกเธอก็คุ้นเคยกัน”
“พูดแบบนี้ แสดงว่านายตกลงแล้ว?” จางเชี่ยนมองหลี่ฝางอย่างตื่นเต้น แล้วพูดยืนยัน
เซี่ยลู่รีบพูดกับหลิวเฉียวเฉียว: “เฉียวเฉียว เธอยังไม่รีบขอบคุณคุณชายหลี่อีก”
หลิวเฉียวเฉียวถึงจะเงยหน้าขึ้น มองหลี่ฝางพลางพูด: “ขอบคุณคุณชายหลี่”
หลี่ฝางยิ้มเหอๆ แล้วพูด: “อย่าเรียกคุณชายหลี่เลย ฟังแล้วสยอง พวกเรา ก็ถือได้ว่าโตมาด้วยกันใช่มั้ย? ตั้งแต่ประถมยันม.ต้นแล้วก็ม.ปลาย จนมาถึงวันนี้ เหอะๆ รู้จักกันมานานหลายปีแล้ว เมื่อก่อนเรียกฉันว่าอะไร ตอนนี้ก็เรียกอย่างนั้นเถอะ”
“งั้นให้เรียกว่าหลี่ฝางเหรอ?” หลิวเฉียวเฉียวพูดอย่างระวัง
“ใช่ ฉันชื่อหลี่ฝาง” หลี่ฝางพยักหน้า
เน็ตไอดอลคนอื่น รวมไปถึงหวางเหยาหงหงและคนอื่น ได้เห็นภาพนี้ ทั้งหมดก็หันไปมองหลิวเฉียวเฉียวกับคนอื่นๆ ด้วยสายตาอิจฉาตาร้อน
และขณะเดียวกันนั้น อยู่ๆ โทรศัพท์หลี่ฝางก็ดังขึ้น
หลี่ฝางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เห็นด้านบนเขียนว่าคุณอาหวาง อยู่ๆ ก็รู้สึกใจหายอยู่ครู่
หลี่ฝางรู้ คุณอาหวางต้องไปรู้อะไรมาแน่ๆ ถ้าไม่อย่างนั้น คงไม่โทรมาหา
หลี่ฝางคิดอยู่ครู่ แล้วจึงกดรับสาย มีบางเรื่อง หนียังไงก็ไม่พ้น หนีไปก็ไร้ประโยชน์
เมื่อสายติด คุณอาหวางก็ถามขึ้น: “เสี่ยวฝาง ปาร์ตี้หน้ากากของนาย เริ่มหรือยัง?”
“คุณอาหวาง ปาร์ตี้เลิกแล้วครับ จู่ๆ ผมก็มีเรื่องนิดหน่อย ดังนั้นเพื่อนผมก็กลับกันไปก่อนแล้ว” หลี่ฝางพูดอย่างเลิ่กลั่ก
“เรื่องนิดหน่อย? เรื่องอะไร?” คุณอาหวางยิงคำถามใส่
หลี่ฝางพูด: “เรื่องเล็กน้อยครับ จัดการเรียบร้อยแล้วครับ คุณอาหวาง”
“อืม งั้นก็ดี เรื่องของนายจัดการเรียบร้อยแล้ว งั้นก็มาช่วยลุงจัดการเรื่องทางนี้หน่อยเป็นไง? ฝั่งลุงเกิดเรื่องใหญ่แล้ว เกี่ยวกับชีวิตคนหนึ่งคน”
น้ำเสียงของคุณอาหวาง ค่อยๆ เข้มขึ้นเรื่อยๆ : “เสี่ยวฝาง นายมีอะไรอยากบอกฉันมั้ย?”
“ชีวิตคน? คุณอาหวาง พวกเราพูดตรงๆ เลยได้มั้ย?” ใจของหลี่ฝาง เริ่มเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ
ถึงยังไงฐานะของคุณอาหวางคนนี้ หลี่ฝางก็ยังไม่รู้แน่ชัด แต่หลี่ฝางก็รู้อย่างนึง งั้นก็คือยิ่งใหญ่มาก
แม้แต่สี่ตระกูลใหญ่ ก็ยังไม่กล้าหือกับคุณอาหวาง
ถึงแม้จะไม่ใช่คนของเมืองเอก แต่กลับเอาพวกพี่ใหญ่ของเมืองเอกอยู่หมัด นี่มันก็เพียงพอที่จะแสดงถึงความยิ่งใหญ่ของคุณอาหวางแล้ว
“เสี่ยวฝาง นายแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจใช่มั้ย? เหอะๆ ในบ้านของมู่เสี่ยวไป๋ เมื่อกี้มีคนปิดหน้าปิดตาบุกเข้าไป ไม่ใช่แค่ยิงปืน แต่ยังสร้างความวุ่นวายจนมีคนตาย นายว่ามันเหมาะเจาะไปมั้ย ก่อนหน้านั้น นายโทรหาฉัน บอกว่าจะจัดปาร์ตี้ ให้ฉันบอกกับรปภ. ว่าไม่ต้องขวางพวกเขา”
น้ำเสียงของคุณอาหวางเย็นชาลง: “เสี่ยวฝาง นายบอกฉันมาตามตรง คนคลุมหน้ากลุ่มนั้น เป็นใครกันแน่?”
“เอ่อ……” หลี่ฝางพูดไม่ออก ไม่รู้ว่าควรจะตอบยังไงดี
“นายคิดให้ดี ยังเหลืออีกสิบกว่านาที ฉันก็จะถึงคฤหาสน์บ้านซานแล้ว หวังว่านายจะมีคำตอบให้ฉัน ฉันจะได้ไปตอบมู่เสี่ยวไป๋ได้”
“ฉันเป็นแค่คนกลาง ฉันไม่อยากให้ผู้อาศัยของฉันมาทะเลาะกัน ถึงแม้พวกนายจะทะเลาะกัน ฉันก็หวังว่าพวกนายจะไปจัดการกันเอง ฉันไม่อยากให้พวกนายมาสร้างเรื่องในที่ของฉัน”
“ไม่รู้ว่าพวกนายเคยได้ยินเรื่องร้านอาหารร้านนึงมั้ย ที่ชื่อว่าร้านสงบศึก ขอแค่ลูกค้าที่เข้าไปในร้านแล้ว ไม่ว่าจะมีความแค้นต่อกันขนาดไหน เมื่อเข้าร้านไป ก็ไม่มีใครกล้าลงมือ”
“ฉันคิดว่า คฤหาสน์บ้านซานของฉัน มีวิถีเหมือนกับร้านสงบศึกนั่น”
คุณอาหวางพูดจบ ก็วางสายไป
สีหน้าของหลี่ฝาง เปลี่ยนเป็นย่ำแย่ทันที หลี่ฝางมองโจวเจ๋ แล้วถาม: “พวกนายฆ่าคนเหรอ?”
โจวเจ๋ส่ายหน้า: “เปล่า พวกวเราแค่ยิงปืนเท่านั้น คนๆ นั้น ถูกยิงไปหลายที แต่ไม่น่าจะอันตรายถึงชีวิต ถึงยังไง ลูกกระสุนที่ยิงไป ก็ไม่ได้โดนจุดสำคัญเลย ขอแค่ห้ามเลือดทัน ให้เลือดทัน คนๆ นั้นก็ไม่ตายหรอก”
หลี่ฝางขมวดคิ้วแน่น: “คนๆ นั้นตายแล้ว”
“ตายแล้ว?” โจวเจ๋ช็อกจนค้าง สีหน้าซีดเผือดทันที
“เป็นไปไม่ได้หรอกมั้ง?” โจวเจ๋ไม่อยากจะเชื่อ
หลี่ฝางพยักหน้า แล้วพูด: “เมื่อกี้เจ้าของโครงการคฤหาสน์บ้านซานโทรมาหาฉัน สั่งสอนฉันไปยกใหญ่ บอกให้ฉันหาคำอธิบายให้เขา เรื่องนี้ ฉันพูดไม่ได้เลย”
คุณอาหวางคนนั้นก็ไม่ใช่คนโง่ ถ้าหลี่ฝางปกปิด ก็มีแต่จะทำให้คุณอาหวางโมโหหนักกว่าเก่า
ถ้าหากเรื่องนี้ถึงขั้นแจ้งความ งั้นหลี่ฝาง ก็ยิ่งเสียเปรียบ
ถ้าหากคลิปวิดีโอพวกนั้นไม่ได้ลบ โทรศัพท์ยังไม่ได้ทำลายละก็ บางทีหลี่ฝางอาจจะได้เปรียบนิดหน่อย แต่ตอนนี้ ตนไม่มีข้อได้เปรียบอะไรแล้ว
ไม่แน่เมื่อคุณอาหวางมา มู่เสี่ยวไป๋อาจจะบอกว่าตนไปหาเรื่องก่อนก็ได้
หลี่ฝางเชื่อเฉินฝูเซิง ถึงยังไงที่โทรศัพท์เมื่อกี้ หลี่ฝางก็ย้ำเฉินฝูเซิงไปว่าเบาๆ มือหน่อย ไม่ว่าจะยังไงก็อย่าให้มีคนตาย เพราะว่าถ้ามีคนตายขึ้นมา นั้นก็จะเป็นอีกเรื่องแล้ว
คิดไม่ถึง สุดท้ายก็มีคนตายจนได้
หลี่ฝางควักโทรศัพท์ออกมา แล้วโทรหาเฉินฝูเซิง: “ฝูเซิง นายไปไหนแล้ว?”
“ผมกำลังหาที่ดื่มเหล้าเลย ทำไมเหรอ คุณชายหลี่ มีเรื่องอะไรอีกงั้นเหรอ?” เฉินฝูเซิงถามอย่างไม่ค่อยแฮปปี้
“หวางต้องตายแล้ว” หลี่ฝางพูด
“ชีวิตไอ้หมอนั่นมันอ่อนแรงขนาดนั้นเลยเหรอ ผมคิดว่าอย่างมากก็แค่พิการเท่านั้น” เฉินฝูเซิงหัวเราะเหอะๆ
“ฉันถามนายหน่อย ตอนนั้นนายไม่ได้คิดอยากจะฆ่าหวางต้องใช่มั้ย?” หลี่ฝางถามเฉินฝูเซิง
“นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว ผมเลี่ยงจุดสำคัญแล้วนะ แล้วก็ ตรงที่ยิง ก็ไม่ได้ถูกจุดสำคัญตรงไหนด้วย ผมก็คำนวณดูแล้ว โรงพยาบาลที่ใกล้คฤหาสน์บ้านซานที่สุด อยู่ห่างออกไปขับรถอย่างนานก็สิบห้านาที ดังนั้นหวางต้องนั่น ยังไงก็ไม่ตายหรอก”
เฉินฝูเซิงพูด จู่ๆ ก็ทำหน้าเข้ม: ”คุณชายหลี่ คุณบอกว่าหวางต้องนั่นตายแล้วเหรอ?”
หลี่ฝางพยักหน้า แล้วพูด: “ฉันเชื่อว่านายเข้าใจนะ? น่าจะเป็นมู่เสี่ยวไป๋จงใจ อยากจะทำให้เรื่องมันใหญ่ ถึงยังไงก็มีคนตาย ฝังมันจึงได้เปรียบ”
“หวางต้องก็แค่ตัวประกอบ ตายก็ตายไป สำหรับมู่เสี่ยวไป๋แล้ว ไม่ได้สูญเสียอะไรมากมาย แต่ก็ต้องใช้ความตายของเขา มาทำให้เราลำบากสักครั้ง หรือแม้แต่ทำให้เราสูญเสียบ้าง สำหรับมู่เสี่ยวไป๋แล้ว ก็ถือว่าคุ้มแล้ว” หลี่ฝางพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา: “ตอนนี้มู่เสี่ยวไป๋ไปฟ้องเจ้าของโครงการคฤหาสน์บ้านซานแล้ว ให้เขาออกหน้า ร้องหาความยุติธรรม”
“ความยุติธรรมแม่มันสิ คุณชายหลี่ ให้ผมกลับไปมั้ย กลับไปสอยไอ้ชาติหมามู่เสี่ยวไป๋นั่นให้ร่วงแม่ง?” เฉินฝูเซิงที่ปลายสาย ด่าขึ้นอย่างโมโห
“นายโง่เหรอ? มู่เสี่ยวไป๋เป็นใคร ฐานะของเขากับนายก็ต่างกันไม่เท่าไหร่ ยิงเขาแล้ว ตระกูลมู่ต้องไม่อยู่เฉยต้องสู้ตายเอาคืนแน่ๆ ถึงตอนนั้นไม่ใช่แค่นายจะถูกไล่กลับบ้านเก่า ฉันก็อาจจะแย่ไปด้วย” หลี่ฝางพูด
“เอาละ นายไปหาอะไรกินให้อิ่มท้องเถอะ ไม่ต้องดื่มเหล้าแล้ว กินเสร็จ ก็รีบกลับบ้าน”
“เดี๋ยว อย่าเพิ่งกลับบ้านเลย เรื่องนี้ยังไม่รู้ผล นายหาที่หลบไปก่อนเถอะ อีกแป๊บไว้ฉันจะโทรหา” หลี่ฝางคิดอยู่ครู่ แล้วพูด
เฉินฝูเซิงพูดอย่างไม่แฮปปี้: “ไอ้ชาติหมามู่เสี่ยวไป๋ วิธีต่ำทรามจริงๆ เพื่อที่จะเอาคืนฉัน ถึงกับแลกแม้แต่สละชีวิตลูกน้องตัวเอง”
หลี่ฝางวางสาย ไม่ได้รู้สึกอะไร ถึงยังไงมู่เสี่ยวไป๋ ก็เป็นคนที่ไร้หัวใจอยู่แล้ว
หลี่ฝางมองส้าวส้วย แล้วถาม: “ส้าวส้วย นายรู้ประวัติของคุณอาหวางบ้างมั้ย?”
“รู้นิดนึง”
ส้าวส้วยพยักหน้า แล้วพูด: “ถึงแม้เขาจะไม่เท่าไหร่ แต่ตระกูลเบื้องหลังเขานั้น ยิ่งใหญ่มากๆ ”
“ตระกูลของพวกเขาถือได้ว่าไม่ออกหน้าออกตามั้ง ถ้าหากแสดงความร่ำรวยแล้ว งั้นความร่ำรวยของพวกเขา อย่างน้อยก็ต้องอยู่ลำดับที่สามจากต้นๆ เลย เจ้านาย นายก็น่าจะรู้ มีหลายคน มีไม่สามารถแสดงถึงความร่ำรวยของตนได้”
“เทียบกับพวกเราล่ะ?” หลี่ฝางเอ่ยถาม
ส้าวส้วยส่ายหน้า แล้วพูด: “พูดไม่ได้ ถ้าหากฝั่งพ่อบุญธรรมของนาย สนับสนุนเราเต็มที่ บางที ก็อาจจะแค่สูสีมั้ง”
“หรือจะพูดได้ว่า ตอนนี้ทรัพย์สินของพ่อฉัน เมื่อเทียบกับคุณอาหวาง ยังห่างชั้นอีกไกลเลยสินะ?” หลี่ฝางขมวดคิ้ว
“น่าจะพูดว่า เมื่อเทียบกับตระกูลหวางแล้ว ยังห่างกันอีกไกล”
ส้าวส้วยพูดแก้: “เจ้านาย นายก็น่าจะรู้ ถึงยังไงพวกเขาก็สามารถหาเงินได้เยอะขนาดนั้น งั้นเบื้องหลังพวกเขา ก็ต้องมีคนที่คอยสนับสนุนพวกเขา”
สีหน้าของหลี่ฝางเข้มลงและพยักหน้า ในตอนนี้ ด้านนอกก็มีเงาของคนสองคนปรากฏขึ้น
คนนึงคือมู่เสี่ยวไป๋ ส่วนอีกคน ก็คือมู่เหวินตง
มู่เสี่ยวไป๋เข็นรถเข็นให้มู่เหวินตง มาที่หน้าประตูวิลล่ากลางภูเขาหมายเลข1 ด้านหลังพวกเขา ยังมีคนยืนอยู่อีกหลายคน หลี่ฝางเดินออกไปทันที มองมู่เสี่ยวไป๋ แล้วถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา: “นายจะทำอะไร?”
“ไม่ได้จะทำอะไร ก็แค่อยากจะถามคุณชายหลี่ คุณมีความกล้ามากเลยเหรอ? กล้าที่จะส่งคนมาลงมือที่คฤหาสน์บ้านซาน คิดว่าไม่มีคนเอานายอยู่จริงๆ งั้นเหรอ?” มู่เสี่ยวไป๋มองหลี่ฝาง แล้วพูดอย่างกวนตีน: “ฉันแนะนำนะ เป็นคนก็ต้องอ่อนน้อมถ่อมตนหน่อย”
หลี่ฝางมองมู่เสี่ยวไป๋ แล้วพูดอย่างเปิดเผย: “อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะ คนไม่ใช่พวกเราทำเขาตาย แต่เป็นนายที่จงใจปล่อย ลากเวลา ให้เขาเสียเลือดจนตาย”
“มีอะไรต่างกันงั้นเหรอ?”
มู่เสี่ยวไป๋หัวเราะ: “หรือว่าพวกเราช่วยเขาไว้ไม่ทันแล้วมันผิดเหรอ? รถของพวกเรา อยู่ๆ ก็เกิดอุบัติเหตุ ดังนั้นจึงไม่ได้พาคนเจ็บไปส่งโรงพยาบาลได้ทันเวลา จากนั้นผู้บาดเจ็บก็ตายระหว่างทาง”
“คุณชายหลี่ ฉันถามหน่อย ชีวิตนี้ ควรจะโทษพวกเราที่ช่วยไว้ไม่ทัน หรือว่าโทษคนร้ายอย่างนายกัน?”
มู่เสี่ยวไป๋มองเข้าไปในห้อง จากนั้นก็กวาดสายตา แล้วพูด: “เฉินฝูเซิงล่ะ เขาไปไหนแล้ว? เมื่อกี้ยังอยู่ไม่ใช่เหรอ ทำไม หนีไปแล้วหรือไง?”
“ช่างเถอะ เขาหนีก็หนีไปเถอะ ถึงยังไง คนที่ฉันต้องการ ก็คือนาย”
มู่เสี่ยวไป๋มองหลี่ฝาง พลางหรี่ตา แล้วยิ้มอย่างเย็นชา