NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - บทที่ 592 ความอคติของหวางเฉิงหย่วน
โก่เอ๋อกึ่งหลับกึ่งตื่น ใส่ชุดนอนลายการ์ตูนที่ใหญ่กว่าตัวเอง ขยี้ตาตัวเอง แล้วจ้องมองไปยังหวางเฉิงหย่วน “คุณอาหวาง คุณอามาอยู่ที่เมืองเอกได้ยังไง? ฉันกำลังละเม้ออยู่รึเปล่า ฉันไม่ได้ฝันไปใช่ไหม”
พอหวางเฉิงหย่วนพอเห็นโก่เอ๋อปรากฏออกมา เขาเองก็ตกใจเช่นกัน
“คฤหาสน์บ้านซานนี้ คุณอาเป็นเจ้าของนี่ โก่เอ๋อ ฉันต่างหากที่ควรจะถามหนู ทำไมหนูถึงมาอยู่ที่เมืองเอกได้ล่ะ? แถมยังพักอยู่ที่นี่อีกต่างหาก?”
หวางเฉิงหย่วนพูดไป พร้อมกับหันไปมองหลี่ฝางแวบนึง จากนั้นก็มองโก่เอ๋อแล้วถามด้วยความสงสัย “นี่โก่เอ๋อ หนูกับคุณชายของบ้านตระกูลหลี่ มีความสัมพันธ์กันยังไง?”
โก่เอ๋อหันไปมองหลี่ฝางแวบนึง แล้วพูดว่า “ก็ไม่มีอะไรมาก เขาเป็นนายจ้างของฉัน”
“เจ้านาย ฉันหิวแล้ว ตกลงกันแล้วไม่ใช่เหรอว่ากินดีอยู่ดี ของกินล่ะ?” มองไปยังหลี่ฝางแวบนึง โก่เอ๋อจับท้องน้อยของตัวเอง พูดด้วยใบหน้าที่ไม่พอใจ
หลี่ฝางหันไปมองบนโต๊ะกาแฟ นอกจากผลไม้กับขนม ก็ไม่มีอะไรอยู่อีก
“ทำไมเธอถึงเพิ่งลงมากเอาป่านนี้ นี่มันเลยเวลาอาหารเย็นแล้ว” หลี่ฝางพูดอย่างเหนื่อยหน่าย “พอดีว่าฉันเพิ่งไล่ยามกับแม่บ้านของที่นี่ออกในวันนี้พอดี ทั้งคู่โดนไล่ออกพร้มอกัน”
“เธอลองไปดูในห้องครัวหรือตู้เย็นดูสิ ดูว่ามีอะไรกินบ้าง กินรองท้องไปก่อน”
“ถ้าเกิดไม่ไหวงั้นก็ยังมีมาม่าอยู่ไม่ใช่เหรอ? ไปต้มน้ำร้อนเอาเอง แล้วต้มเอาเองเลย กินรองท้องไปก่อน” หลี่ฝางพูดอย่างขอไปที
ใบหน้าของโก่เอ๋อไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร “ก็ได้ เพราะฉันเองก็ไม่ได้หิวสักเท่าไหร่”
โก่เอ๋อเพิ่งก้าวเดินได้ไม่กี่ก้าว จู่ๆก็ร้องตะโกนออกมา
“แม่เจ้า!”
จากนั้นโก่เอ๋อก็เดินถอยหลังด้วยความตกใจ มาอยู่ข้างๆหลี่ฝาง “คน…..นี้…..ตายแล้ว?”
โก่เอ่อมองไปยังหวางต้องที่นอนอยู่บนพื้น กลืนน้ำลายอึดนึง ตบหน้าอกตัวเองแล้วพูดว่า “หลี่ฝาง คุณทำอะไรน่ะ ห้องรับแขกของคุณ ทำไมถึงมีคนตายอยู่ล่ะ”
“ยังไม่รีบยกศพออกไปอีก” โก่เอ๋อทำหน้าตึงเครียด มองไปยังคนรอบๆ
หลี่ฝางยักไหล่เล็กน้อย พูดอย่างทำอะไรไม่ได้ว่า “วางไว้ตรงนี้ก่อนเถอะ ถ้าเกิดฉันยกออกไป คงจะมีบางคนที่ไม่เห็นด้วย”
ถึงแม้โก่เอ๋อเองก็ขวัญเสีย แต่เธอเองก็ไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดาทั่วไป กลับมาสงบสติอารมณ์ได้อย่างรวดเร็ว
“โก่เอ๋อ หนูอย่ากินม่าเลย หนูอยากกินอะไร เดี๋ยวฉันจะสั่งให้คนทำให้กินเอง” หวางเฉิงหย่วนหันไปมองโก่เอ๋อ พูดด้วยสีหน้าที่ห่วงใย
โก่เอ๋อทำปากมุ่ย สายตาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ “ช่างเถอะ กินไม่ลงแล้ว”
“พื้นที่นี่เต็มไปด้วยคราบเลือดของศพๆนี้ คุณอาหวาง ฉันจะกินลงได้ยังไง” โก่เอ๋อพูดด้วยใบหน้าที่ตึงเครียด
“มู่เสี่ยวไป๋ รีบให้คนของคุณ ยกศพออกไปเดี๋ยวนี้ มาวางตรงห้องรับแขกของคนอื่นแบบนี้ มันใช้ได้ที่ไหน ถ้าเกิดทำให้โก่เอ๋อกลัวขึ้นมาจะทำยังไง?” หวางเฉิงหย่วนทำหน้าตึงเครียด พูดด้วยเสียงที่จริงจัง
มู่เสี่ยวไป๋ไม่พอใจเท่าไหร่ แต่มู่เหวินตงก็หันไปบอกคนที่อยู่ข้างหลังว่า “ยกศพออกไปเถอะ”
ฐานะของหวางเฉิงหย่วน มู่เหวินตงเข้าใจดี เขามีเบื้องหลังที่ยิ่งใหญ่มาก ไม่แน่บางทีอาจมาจากเมืองหลวง
ธุรกิจครอบครัวของตระกูลหวาง มีอยู่ทั่วประเทศ ไม่ใช่เพียงแค่ครอบคลุมที่นี่ แถมบ้านตระกูลหวางอย่างทำธุรกิจอยู่หลายอย่าง ที่ทำร่วมกับรัฐบาล
งานที่คนทั่วไป ไม่สามารถทำได้ แต่บ้านตระกูลหวางสามารถทำได้
แม้แต่สี่ตระกูลใหญ่ เมื่ออยู่ต่อหน้าของหวางเฉิงหย่วน ก็ยังต้องไว้หน้าเขา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตระกูลเล็กๆอย่างตระกูลมู่
ตอนนี้ตระกูนจูเก่อตกอยู่ในช่วงวิกฤต เงินที่ครอบครัวของพวกเขาซ่อนเอาไว้ ก็ถูกซุนจิ้นเอาไป
ในตอนนี้ตระกูนจูเก่อ เรียกได้ว่าจบสิ้นแล้ว ต่อให้ต้องบอกว่าเขาเปลี่ยนไปใช้นามสกุลซุน ก็ไม่เกินเลย
เมืองเอกในตอนนี้ เหลือแค่สามตระกูลใหญ่แล้ว บางทีเพราะว่าตระกูลมู่และตระกูลหลี่เป็นศัตรูกัน เพราะงั้นสามตระกูลใหญ่ที่เหลือ จึงต้องการสนับสนุนตระกูลมู่ ให้กลายเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ของเมืองเอก
แต่ไม่ว่าจะยังไง ตระกูลมู่เมื่อเทียบกับสี่ตระกูลใหญ่ อย่างห่างชั้นกันมาก
สี่ตระกูลใหญ่ยังไม่กล้ามีทักทายอำนาจของหวางเฉิงหย่วน งั้นตระกูลมู่ ยิ่งไม่ต้องพูดถึง
มู่เหวินตงจึงได้แต่ทำตามที่หวางเฉิงหย่วนบอก
ศพของหวางต้อง ถูกยกออกมานอกห้องรับแขกอย่างรวดเร็ว
และในเวลานี้เอง ที่มู่เสี่ยวไป๋เดินมาข้างหน้า มองไปยังหวางเฉิงหย่วนแล้วพูดว่า “คุณอาหวาง คงต้องขอให้ท่านคืนความเป็นธรรมให้กับพวกเรา เพื่อนของผมจะตายอย่างนี้ไม่ได้”
“อีกอย่าง ในถิ่นของท่าน มีคนตายเกิดขึ้น คุณก็ควรที่จะ ทำอะไรให้พวกเราสักหน่อย”
มู่เสี่ยวไป๋มองไปยังหวางเฉิงหย่วน พูดออกไปอย่างไม่เกรงใจ
ส่วนคนที่นั่งอยู่ในรถเข็นอย่างมู่เหวินตง กลับพูดว่า “เสี่ยวไป๋ ทำไมถึงพูดกับคุณอาหวางอย่างนั้น ระวังคำพูดหน่อย ฉันรู้ว่าคนที่ตายเป็นเพื่อนของแก แกอารมณ์ไม่ดี แต่เรื่องในครั้งนี้ ก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับคุณหวางสักหน่อย? คุณอาหวางเองก็เป็นผู้เสียหาย”
หวางเฉิงหย่วนพอได้ยินคำพูดของมู่เหวินตง ใบหน้าก็ผ่อนคลายลงไม่น้อย เขามองไปยังมู่เหวินตงที่นั่งอยู่บนรถเข็น แล้วพูดว่า “คุณคงจะเป็นคุณชายใหญ่ของตระกูลมู่? ฮ่าๆ ยังดีที่คุณเป็นคนที่รู้งาน แต่ก็น่าเสียดาย ขาของคุณ……”
หวางเฉิงหย่วนพูดไป ถอดหายใจออกด้วยความเสียดาย
เดิมที มู่เหวินตงตั้งแต่คอลงไป ก็ไม่สามารถขยับได้อีก ไม่รู้ว่านายท่านมู่ใช้วิธีแบบไหน ถึงทำให้มือของมู่เหวินตง ขยับขึ้นมาได้
ตั้งแต่งอกขึ้นไป มู่เหวินตงก็ขยับได้หมด
แต่ว่าขา……
คงจะใช้การไม่ได้แล้ว
แน่นอนว่า เรื่องที่จะมีทายาทมาสืบสกุลเอง ก็คงจะไม่มีทางเป็นไปได้แล้ว
เดิมที่คนที่ควรจะเป็นผู้นำของตระกูลมู่ ควรเป็นมู่เหวินตง แต่ว่าตอนนี้ คงมีแค่มู่เสี่ยวไป๋ที่ต้องรับตำแหน่งนี้ไป
มู่เสี่ยวไป๋เอง ก็กลายเป็นตัวเลือกเดียวที่ไม่มีใครมาแทนที่ได้
เอาตามตรง ไม่ว่าจะเป็นบุคลิกหรือความฉลาด ไอ้เจ้ามู่เสี่ยไป๋ ก็ห่างชั้นกับมู่เหวินตงอยู่มาก
แถมคนที่นายท่านมู่เลี้ยงดูมาด้วยตลอด ก็เป็นมู่เหวินตง
มู่เหวินตงมองไปยังหวางเฉิงหย่วน แล้วพูดว่า “คุณอาหวาง เมื่อกี้ท่านบอกว่า คุณชายตระกูลหลี่ ก่อนที่จะเกิดเรื่องได้โทรมาหาคุณ บอกว่าต้องการจะจัดงานปาร์ตี้หน้ากาก ต่อมา ก็มีคนสวมหน้ากากที่ท่านเป็นคนปล่อยเข้ามา”
“คุณอาหวางกรุณาดูเวลาที่โทรมาจะได้ไหม?” มู่เหวินตงถาม
หวางเฉิงหย่วนพยักหน้า หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วบอกเวลาที่โทรมา
“ฮ่าๆ ช่างบังเอิญจริงๆ คุณอาหวาง พอหลังจากที่วางสายไปสิบนาที ก็มีนักเลงบุกเข้ามา”
มู่เหวินตงยิ้มอย่างเย็นชา แล้วพูดว่า “ระยะเวลา มันจะพอดีเกินไปหน่อยนะ”
มองไปยังหลี่ฝาง แล้วมู่เหวินตงก็พูดว่า “คุณชายหลี่ งานปาร์ตี้หน้ากากของท่านล่ะ?”
“ไม่ใช่ว่าต้องการจะจัดงานปาร์ตี้หน้ากากเหรอ? ทำไม ตอนที่เข้ามา ก็ไม่เห็นใครใส่หน้ากากอยู่เลย เมื่อกี้พวกเธอกำลังพูดคุย กับดูหนังกันอยู่ใช่ไหม?”
“ดูจากการตกแต่งข้างในบ้าน ก็ไม่เหมือนกับกำลังจัดงานปาร์ตี้อยู่เลย”
มู่เหวินตงพูดไป พร้อมกับมองไปยังหลี่ฝาง หัวเราะอย่างเย็นชา “ฉันว่านะคุณชายหลี่ มาบอกกับคุณอาหวางว่าต้องการจัดงานปาร์ตี้หน้ากากคงจะเป็นเรื่องโกหก ใช้โอกาสนี้เพื่อฆ่าคน นั่นคงจะเป็นเป้าหมายที่แท้จริงของแกใช่ไหม?”
มู่เสี่ยวไป๋มองไปยังหลี่ฝาง ด้วยสีหน้าที่ตึงเครียดและเย็นชา “หลี่ฝาง เอาชีวิตเพื่อนฉันคืนมา”
“ฉันไม่ได้เป็นคนซะหน่อย แกจะมาเอาอะไรจากฉันกันล่ะ?”
หลี่ฝางทำหน้าเครียด พูดอย่างไม่พอใจว่า “ใครเป็นคนฆ่า ฉันคิดว่าแกคงจะรู้ดีอยู่แก่ใจถูกไหม?”
“มาถึงขนาดนี้แล้ว แกยังคิดจะปฏิเสธอีกเหรอ?”
มู่เสี่ยวไป๋มองหลี่ฝางด้วยสีหน้าที่ดุร้าย แล้วถามว่า “งั้นฉันถามแกหน่อย คนที่ใส่หน้ากากพวกนั้น ใช่คนของแกรึเปล่า?”
“ไม่ใช่”แน่นอนว่าหลี่ฝางไม่มีทางยอมรับอยู่แล้ว ถ้าเกิดยอมรับ งั้นก็กลายเป็นว่าตัวเองเป็นผู้สมร่วมคบคิดในการฆ่าน่ะสิ?
“คุณอาหวาง คงต้องขอให้ท่านเป็นผู้ตัดสิน”
มู่เหวินตงถาม พร้อมกับมองไปยังหวางเฉิงหย่วน
เมื่อกี้หวางเฉิงหย่วน ตอนแรกก็กะจะมาซักถามคำตอบจากหลี่ฝาง บีบบังคับให้หลี่ฝางยอมรับความผิดของตัวเอง
เรื่องนี้ไม่สามารถโทษหวางเฉิงหย่วนที่ไม่ไว้หน้ากัน เพราะก่อนหน้านี้ หวางเฉิงหย่วนกับหลี่ฝางก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกันอยู่แล้ว
แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกัน
ตอนนี้ระหว่างหวางเฉิงหย่วนและหลี่ฝาง มีโก่เอ๋ออยู่
ถึงแม้ว่าโก่เอ๋อจะบอกว่า ความสัมพันธ์ระหว่างหลี่ฝาง เป็นเพียงแค่นายจ้างกับลูกจ้าง แต่ความรู้สึกของหวางเฉิงหย่วนไวกว่าคนปกติ ทำไมจะดูไม่ออก ดูจากบทสนทนาระหว่างโก่เอ๋อกกับหลี่ฝาง ความสัมพันธ์ของสองคนนี้ สนิทกันอย่างเห็นได้ชัด
หวางเฉิงหย่วนทำหน้าเครียด จู่ๆก็รู้สึกลำบากใจขึ้นมา
หวางเฉิงหย่วนมองไปยังหลี่ฝาง ไอไปหนึ่งที แล้วพูดว่า “หลี่ฝาง ฉันขอถามคุณหน่อย คนใส่หน้ากากพวกนั้น ใช่คนของคุณรึเปล่า?”
“ถ้าเกิดไม่ใช่ล่ะก็ พวกเราก็คงต้องขอให้ตำรวจเป็นคนจัดการ แต่ว่าเรื่องนี้ จะต้องทำอย่างเงียบๆ เพราะไม่ว่าจะยังไงมันก็เกี่ยวข้องกับชื่อเสียงของคฤหาสน์บ้านซานของฉัน ฉันจะบอกให้พวกเขา ตรวจสอบตัวตนของพวกที่สวมหน้ากากอย่างเงียบๆ”
หวางเฉิงหย่วนพูด “วางใจได้ มู่เสี่ยวไป๋ ฉันจะต้องให้คำตอบที่น่าพอใจกับคุณอย่างแน่นอน”
ประโยคนี้ของหวางเฉิงหย่วน มันดูชัดเจนว่าเข้าข้างหลี่ฝาง
เรื่องที่บอกว่าจะจัดการอย่างเงียบๆ สืบสวนอย่างเงียบๆ เป็นการบอกว่า จะทำให้เรื่องใหญ่กลายเป็นเรื่องเล็ก ผลสุดท้ายที่ได้ คงจะไม่ได้อะไรสักอย่าง
เพราะว่าเรื่องนี้ความจริงก็อยู่ตรงหน้าแล้ว หวางเฉิงหย่วนไม่ใช่คนโง่ซะหน่อย เรื่องทั้งหมด ล้วนชี้ไปทางหลี่ฝาง นี่ยังต้องอธิบายอะไรอีก?
ชัดเจนว่าหลี่ฝางคือคนที่สั่งการอยู่เบื้องหลัง
ตอนที่หลี่ฝางกำลังพยักหน้าตกลง มู่เหวินตงก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วพูดว่า “ไม่ต้องตรวจสอบแล้ว ฆาตกรรม ฉันรู้ว่าเป็นใคร”