NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - บทที่ 594 ทรยศ
“พี่ พี่หมายความว่า หวางเฉิงหย่วนอยู่ข้างเดียวกับหลี่ฝางงั้นเหรอ?”สีหน้าของมู่เสี่ยวไป๋ จู่ๆก็หมองลง
มู่เหวินตงพยักหน้าเล็กน้อย “เกรงว่าอาจจะสนิทมากกว่าแค่การร่วมมือกัน”
“คฤหาสน์บ้านซานของที่นี่หลังนึงก็มีมูลค่ามากกว่ายี่สิบล้าน หวางเฉิงหย่วนต่อให้จะมีเงินเยอะขนาดไหน ถ้าเกิดไม่มีเหตุผลอะไร คงจะไม่ให้บ้านพักมาฟรีๆหลังนึงหรอก แค่ต้องการจะปิดปากพวกเราสองพี่น้องตระกูลมู่จริงๆงั้นเหรอ? เมื่อกี้ฉันแสดงออกมาอย่างชัดเจน เรื่องครั้งนี้ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับหวางเฉิงหย่วนแม้แต่น้อย อีกอย่าง ไม่ว่าจะจัดการเรื่องนี้ยังไง จะแพร่งพรายออกไปหรือจะจัดการกันเอง พวกเราก็จะจัดการอย่างเงียบๆ จะไม่ทำให้กลายเป็นเรื่องใหญ่”
“ฉันคิดว่าฉันพูดมาจนขนาดนี้แล้ว หวางเฉิงหย่วนจะไว้หน้าตระกูลมู่ของพวกเรา ไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวอีก แต่นึกไม่ถึงว่า เขายังคงยืนอยู่ข้างเดียวกับหลี่ฝาง ยอมออกมารับผิดชอบแทนเขา แถมยังไม่เสียดายที่จะต้องมอบบ้านพักมูลค่ากว่ายี่สิบล้านให้กับพวกเรา”
“ฮ่าๆ ที่เมืองเอกแห่งนี้มีคนมากมาย ที่ต้องการจะทำความรู้จักกับหวางเฉิงหย่วน แต่ฉันกลับไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าหวางเฉิงหย่วนจะสนใจใครมาก่อน เบื้องหลังของเขาดูลึกลับมาก และดูยิ่งใหญ่ ดูเหมือนว่าเขาไม่สนใจที่จะสร้างมนุษยสัมพันธ์กับพวกเรา หรือไม่ว่ากับใคร ต่อให้เป็นสี่ตระกูลใหญ่ หวางเฉิงหย่วนก็ยังเว้นระยะห่างไว้เสมอ คนแบบนี้ น่ากลัวมาก”
“การที่หวางเฉิงหย่วนไม่สร้างมนุษยสัมพันธ์กับใคร เหตุผลน่าจะมีอยู่สองอย่าง อย่างแรกก็คือเขาไม่อยากให้ทุกคนรู้เบื้องหลังที่แท้จริงของเขา อย่างที่สองก็คือเขาไม่สนใจที่จะสร้างมนุษยสัมพันธ์กับพวกเรา ไม่เห็นหัวพวกเรา ยิ่งไม่เห็นหัวของสี่ตระกูลใหญ่”
พอมู่เสี่ยวไป๋ฟังจบก็หายใจออกอย่างเย็นชา “แม้แต่สี่ตระกูลใหญ่อย่างไม่อยู่ในสายตาของเขา?”
“งั้นไอ้เจ้านี่คงจะเป็นคนที่ยิ่งใหญ่มากน่ะสิ?”
มู่เหวินตงหัวเราะ แล้วพูดว่า “ที่จริงที่ดินบ้านซานแห่งนี้ มีคนแย่งกันซื้อเป็นจำนวนมาก ตอนนั้นอยู่ระหว่างการประมูล แม้แต่สี่ตระกูลใหญ่ ก็รวมวงด้วย ทุกคนต่างก็ใช้เส้นสายของตัวเองเพื่อแย่งมันมา แต่สุดท้าย ที่ดินแห่งนี้ก็ไปอยู่ในมือของหวางเฉิงหย่วนโดยที่ไม่มีใครรู้”
“ตอนนั้นไม่ว่าจะเป็นสี่ตระกูลใหญ่ หรือพวกที่มีอำนาจ ต่างก็ต้องเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์ ทำให้พวกเขาไม่พอใจเป็นอย่างมาก พวกเขาเคยไปหาผู้ดูแลกับซื้อขาย แต่ว่า ผู้ดูแลกลับตอบพวกเขาด้วยคำตอบที่แสนจะคลุมเครือว่า มีคนจะเบื้องบน ต้องการที่ดินแห่งนี้”
“ผู้จัดงานยังไม่ทันได้จัดงานประมูล ก็มอบที่ดินให้กับพวกเขาไปซะแล้ว นี่เป็นการบ่งบอกว่า คนๆนี้ เบื้องหลังของเขาจะต้องยิ่งใหญ่มาก?”
“เพราะงั้น ในสายตาของคนมากมาย หวางเฉิงหย่วน เป็นเสือซ่อนเล็บ ไม่มีใครรู้เบื้องหลังของเขา แต่ก็ไม่มีใครที่จะล่วงเกินเขา”
“ถ้าเกิดแกไปล่วงเกินเขาเข้าจริงๆล่ะก็ เกรงว่าตระกูลมู่ของพวกเรา แม้ตายไปก็ยังไม่รู้เลยว่าตายยังไง”
มู่เหวินตงจ้องมองมู่เสี่ยวไป๋ พูดด้วยน้ำเสียงตักเตือน
“ร้ายแรงขนาดนั้นเลยเหรอ?” ดูเหมือนว่ามู่เสี่ยวไป๋จะรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาเล็กน้อย
“เกรงว่า อาจจะร้ายแรงกว่านี้ด้วยซ้ำ”
มู่เหวินตงพูดด้วยใบหน้าที่ตึงเครียด “แกจำไอ้ผู้หญิงคนนั้นได้ไหม ที่ใบหน้าเล็กๆ แต่กลับมีหุ่นที่โคตรแสบคนนั้น?”
“โก่เอ๋ฮ?” มู่เสี่ยวไป๋ถาม
ความจริง มู่เสี่ยวไป๋สนใจตัวของโก่เอ๋อตั้งแต่แรกแล้ว
แม้ว่ามู่เสี่ยวไป๋จะรักหลินชิงชิงเป็นอย่างมาก แต่ก็เป็นผู้ชายคนนึง ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่เจ้าชู้
“ถ้าเกิดมีโอกาสล่ะก็ ฉันเองก็อยากจะลองชินผู้หญิงตัวเล็กคนนี้ดูซะหน่อย” มู่เสี่ยวไป๋พูดไป พร้อมกับแสดงใบหน้าที่ลามกออกมา
“ฉันขอเตือนว่าแกรีบเปลี่ยนความคิดจะดีกว่า แกมองไม่เห็นรึไง ความสัมพันธ์ของเจ้าโก่เอ๋อกับหวางเฉิงหย่วน มันไม่ธรรมดา ตอนแรกหวางเฉิงหย่วน ก็คิดที่จะอยู่ข้างพวกเรา เพราะว่าหลี่ฝางก็หลอกหวางเฉิงหย่วนเหมือนกัน จากนั้นก็ยังฆ่าคนในพื้นที่ของเขา เพราะงั้นตอนแรก หวางเฉิงหย่วนโมโหหลี่ฝาง อย่างชัดเจน แต่ต่อมาพอเจ้าโก่เอ๋อปรากฎออกมา หวางเฉิงหย่วนไม่เพียงแค่ไม่ทำอะไรหลี่ฝาง แถมยังไปยืนอยู่ข้างเดียวกับหลี่ฝาง ร่วมกันจ่ายค่าเสียหายให้กับพวกเรา”
“แล้วมันไม่ดียังไง? มีสองฝ่ายที่ต้องชดใช้?”
มู่เสี่ยวไป๋หัวเราะออกมา “หวางเฉิงหย่วนต้องการมอบบ้านพักให้กับพวกเราหนึ่งหลัง อย่างน้อยๆมันก็มีค่ากว่ายี่สิบล้าน ไอ้หลี่ฝางอย่างน้อยๆก็ต้องชดใช้ให้พวกเราอย่างสาสม พี่ พี่ยังมีตรงไหนที่ไม่พอใจอีกล่ะ?”
“ไอ้โง่ แกลองโทรไปถามคุณปู่ดูสิ ว่าสามารถรับบ้านพักของหวางเฉิงหย่วนมาได้ไหม บ้านพักมูลค่ายี่สิบล้านมันแค่เรื่องเล็กน้อย แต่ถ้าเกิดไปทำให้หวางเฉิงหย่วนโมโหล่ะก็ ไม่ว่าใครก็ช่วยอะไรพวกเราไม่ได้”
“ฉันอาจจะกังวงจนเกินไป หวางเฉิงหย่วนก็ดูไม่เหมือนคนที่ขี้เหนียวอะไร หรือคนที่เจ้าคิดเจ้าแค้น แต่ว่าบางอย่าง กันไว้ ดีกว่าแก้”
“ตอนนี้ตระกูลมู่ของพวกเรามีปัญหาอยู่มาก ไม่สามารถรับมือกับปัญหาที่หนักยิ่งกว่านี้”
มู่เหวินตงพูดต่อ “โทรไปหาคุณปู่ เรียกเขามาหน่อย ลองถามเขาดูว่าคิดเห็นยังไงกับเรื่องนี้”
มู่เสี่ยวไป๋เบะปาก แล้วพูดว่า “พี่ ฉันว่าพี่ปอดแหกไปหน่อย เมืองเอกแห่งนี้ เป็นถิ่นของพวกเรา เจ้าหวางเฉิงหย่วนต่อให้ยิ่งใหญ่มาจากไหน อย่างมากก็เป็นแค่คนมีอำนาจที่ผ่านทางมา ฮ่าๆ เขาก็แค่คนนอก ยังคิดจะเป็นศัตรูกับพวกเรางั้นเหรอ?”
มู่เสี่ยวไป๋พูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยพอใจว่า “ถ้าเกิดเขาต้องการที่จะอยู่ข้างเดียวกับหลี่ฝาง เพื่อเป็นศัตรูกับพวกเรา งั้นฉันก็จะ……”
“หุบปาก ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ฉันรู้ว่าแกมีลูกน้องที่ค่อยทำงานสกปรกให้ แต่ถ้าเกิดจะเอามาต่อกรกับหวางเฉิงหย่วน ก็เลิกหวังไปซะ ห้ามแม้แต่จะคิด เข้าใจไหม?”
“เบื้องหลังของหวางเฉิงหย่วน ยิ่งใหญ่กว่าที่แกคิดไว้เยอะ” มู่เหวินตงพูด
“โทรไปหาคุณปู่ บอกว่าหวางเฉิงหย่วนเข้ามายุ่งด้วย ทำให้มันกลายเป็นเรื่องที่ยุ่งยากซะแล้ว” มู่เหวินตงพูด
ตอนนี้ ต้องจัดการเรื่องนี้อย่างเงียบๆ แถมยังต้องให้หลี่ฝางชดใช้ ทำให้มู่เหวินตงค่อนข้างที่จะเคลียร์ปัญหาเหล่านี้ได้ยาก
ถึงแม้ว่าสีหน้าของมู่เสี่ยวไป๋จะบอกว่าไม่เห็นด้วย ไม่อยากทำ แต่ก็ยังโทรไปหาคุณปู่มู่อยู่ดี
หลังโทรเสร็จ มู่เสี่ยวไป๋ถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่เห็นด้วยว่า “พี่ พวกเราจะไม่เอาบ้านพักของหวางเฉิงหย่วนจริงๆเหรอ?”
“ปัญหานี้ค่อนข้างใหญ่ ให้คุณปู่เป็นคนตัดสินเถอะ” มู่เหวินตงพูดด้วยสีหน้าที่สับสน
มู่เสี่ยวไป๋ดันรถเข็นของมู่เหวินตง กลับมาอย่างบ้านพักของตัวเอง
สตรีมเมอร์ที่อยู่ในบ้านพัก ล้วนหนีหายไปกันหมด
พอเห็นคนหนีหายไปจนหมด ใบหน้าของมู่เสี่ยวไป๋ ก็ดำมืดลงในทันที “เชี้ย คนล่ะ? คนหายไปไหนกันหมดแล้ว? ฉันให้พวกแกเฝ้าพวกเธอไว้ไม่ใช่รึไง?”
“เอ่อ……คุณชายมู่ สัญญาว่าจ้างก็ถูกฉีกทิ้งไปแล้ว มือถือของพวกเรา ก็ถูกพวกเมื่อกี้แย่งไป ตอนนี้ในมือพวกเรา ไม่สามารถใช้อะไรไปข่มขู่พวกเธอเอาไว้ได้”
“พอคุณออกไปได้สักพัก พวกเธอก็ค่อยๆหนีออกไปทีละคน ผมห้ามเอาไว้ไม่อยู่ พอผมและเพื่อนๆคิดที่จะห้ามเอาไว้ พวกเธอก็ร้องตะโกนขอความช่วยเหลือ มีทั้งคนที่ต้องการจะแจ้งตำรวจ คุณเองก็รู้ สตรีมเมอร์หญิงพวกนี้ เสียงดังมาก ถ้าเกิดพวกเธอยังส่งเสียงร้องอีก คงจะส่งเสียงไปถึงยามของคฤหาสน์บ้านซาน แล้วเรียกพวกเขามาจนหมดแน่ ถ้าเกิดผมยังห้ามต่อไป งั้นมันก็จะกลายเป็นการลักพาตัว”
“ไม่ว่าจะยังไงสังคมนี้ก็ยังมีกฎหมายอยู่ พวกเราคงไม่สามารถจับพวกเธอขังเอาไว้ได้ถูกไหม?” คนๆนี้พูดด้วยสีหน้าที่ลำบากใจ
“ไร้ประโยชน์ ไอ้พวกไร้ประโยชน์!”
มู่เสี่ยวไป๋โกรธมาก ตบหน้าของคนๆนี้ ต่อเนื่องไปหลายที
“แค่พวกหญิงไม่กี่คนยังจัดการไม่ได้ จะเก็บพวกแกไว้ทำไมอีก?” มู่เสี่ยวไป๋ร้องตะโกน และด่าเสียงดัง
“คุณชายมู่ พวกเราจะทำยังไงได้ล่ะ? สตรีเมอร์หญิงพวกนี้ เดิมทีก็ไม่พอใจพวกเราอยู่แล้ว ถ้าเกิดไม่ใช่เพราะว่าในมือพวกเรามีคลิปที่สามารถทำให้พวกเธอกลัวได้ กุมจุดอ่อนที่เอาไว้ใช้ข่มขู่พวกเธอ ไม่งั้นพวกเธอคงไม่มาอยู่ที่นี่”
“ตอนนี้คลิปก็ไม่มีแล้ว จุดอ่อนก็หายไปด้วย แน่นอนว่าพวกเธอจะต้องหนีไปแน่”
“แกปัญญาอ่อนรึไง ที่อยู่ของพวกเธอ แกก็จดเอาไว้ไม่ใช่รึไง? ทำไมแกถึงไม่ขู่ครอบครัวของพวกเธอล่ะ?” มู่เสี่ยวไป๋มีสีหน้าที่ตึงเครียดและเย็นชา
“คุณชายมู่ ก่อนหน้านี้ที่พวกเราทำ ก็เสี่ยงมากแล้ว ว่ากันตรงๆ มันแทบไม่ต่างจากการลักพาตัว ตอนนี้ คุณต้องการให้พวกเราขู่ครอบครัวของพวกเธอโดยตรง ฮ่าๆ คิดว่าสังคมนี้มันไม่มีกฎหมายอยู่จริงๆใช่ไหม?”
“คุณชายมู่ ท่านไม่ต้องด่าแล้ว ถึงแม้พวกเราจะรับเงินมาจากคุณ กินข้าวที่คุณให้ แต่หลายปีมานี้ พวกเราล้วนติดตามพี่หวางต้อง พี่หวางต้องดีกับพวกเรามาก เห็นพวกเราเป็นพี่น้องมาโดยตลอด……”
“จะว่าไป พี่หวางต้องเองก็ภักดีต่อท่านมาก? หลายปีมานี้ ช่วยคุณจัดการเคลียร์ปัญหาสกปรกของคุณมามากมาย”
“ลูกพี่ของเรามีทั้งผลงาน และทำงานอย่างหนัก แต่ว่าท่านตอบแทนลูกพี่ของเรายังไงล่ะ ลูกพี่เราถึงแม้จะถูกยิง แต่ถ้าเกิดรีบส่งไปโรงบาล ก็สามารถรักษาชีวิตเอาไว้ได้ พอเอากระสุนออก ถ้าเกิดฟื่นฟูไปได้ดี ขาของลูกพี่ ไม่แน่ว่าอาจจะยังสามารถใช้การได้”
“แต่ว่า……”
พูดไปสักพัก อีกฝ่ายก็ยิ้มอย่างแหยๆ แล้วพูดว่า “เพื่อที่จะทำให้เรื่องมันใหญ่โต ท่านก็เลยปล่อยให้ลูกพี่ของเราตาย”