NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - บทที่ 595 มิตรภาพของพี่น้อง
“หุบปาก”
มู่เสี่ยวไป๋มองไปยังคนๆนี้ ใบหน้าเผยความดุร้ายออกมา “แกคิดที่จะทรยศรึไง?”
“คุณชายมู่ รึว่าสิ่งที่ผมพูดมันไม่จริงรึไง?”
คนๆนี้ไว้ทรงไซต์แบค เผชิญหน้ากับมู่เสี่ยวไป๋ ใบหน้าไม่มีความหวาดกลัวแม้แต่น้อย
ไอ้โมฮอกยิ้มอย่างเย็นชา “ท่านก็แค่ต้องการให้เรื่องมันใหญ่โต? ลูกพี่ของเราตายแล้ว นี้เป็นชีวิตของคนๆนึงเลยนะ คุณสามารถเอาการตายของลูกพี่เรา ทำให้เรื่องมันใหญ่โต แล้วไปใส่ร้ายพวกเขา”
“คุณชายมู่ นี้เป็นชีวิตของคนๆนึงเลยนะ ทำไมท่านถึงทำได้ลงคอ? ลูกพี่เราติดตามท่านมาหลายปี ฮ่าๆ เขาช่างเป็นคนที่มีตาหามีแววไม่”
“เพื่อที่ท่านจะทำให้เรื่องมันใหญ่โตถึงกลับยอมปล่อยให้ลูกพี่ต้องตาย” ไอ้โมฮอกยิ้มเยาะเย้ย
ตอนนี้แววตาของมู่เสี่ยวไป๋ ได้เผยรังสีอํามหิตออกมา “พูดจบรึยัง?”
“ถ้าเกิดไม่ได้ฉัน หวางต้องจะมีอย่างทุกวันนี้เหรอ? จะสามารถมีชีวิตที่สุขสบายอย่างทุกวันนี้รึไง? ฮ่าๆ ก่อนที่จะเจอกับฉัน ไอ้หวางต้องมันก็ขยะชิ้นนึง ที่สัมคมไม่ต้องการ”
“ฉันเอง ที่เป็นคนปั้มเขามาเองกับมือ ตอนที่ฉันรับเขาเข้ามา ก็เคยบอกเขาไปแล้ว ชีวิตของเขา เป็นของฉัน” มู่เสี่ยวไป๋พูดอย่างเย็นชา
“ช่างเป็นคนที่เลือดเย็นเหลือเกิน คุณชายมู่ ท่านเป็นคนที่แสดงเก่งมาก เมื่อกี้ยังอบไหล่ลูกพี่ของเรา ปากก็เอาแต่บอกว่าเป็นเพื่อนรักกัน ฉันคิดว่าลูกพี่เราคงจะไม่นึกไม่ฝันว่า สุดท้ายคนที่ผลักเขาเข้าไปสู่ความตาย จะกลายเป็นท่านซะเอง?”
“ช่างเถอะ ผมติดตามลูกพี่หวางต้อง ในเมื่อลูกพี่หวางต้องไม่อยู่แล้ว ผมเองก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องอยู่ต่อ แถมการติดตามเจ้านายอย่างท่าน ผมกลัวว่า ไม่รู้ว่าวันไหน ผมจะมีจุดจบเดียวกันกับลูกพี่ของเรา”
“พอหมดประโยชน์ ก็ถูกกำจัดทิ้ง ต่อให้พวกเราจะรอดมาได้ แต่ลูกน้องอย่างพวกเรา ก็ต้องถูกคนอย่างคุณฆ่าตายอยู่ดี”
ไอ้โมฮอกแสดงใบหน้าที่โศกเศร้าแล้วพูดว่า “ในสายตาของท่าน ชีวิตของพวกเรา ไม่มีค่าอะไร”
มู่เสี่ยวไป๋ไม่ได้พูดอะไร เป็นการยอมรับว่าสิ่งที่ไอ้โมฮอกพูดนั้นถูกต้อง
“คุณชายหลี่ ท่านวางใจได้ เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ ผมจะปิดปากเงียบให้สนิท ผมจะไม่บอกใครว่าเคยได้รับอะไรมาจากคุณ หรือเรื่องสกปรกที่คุณทำเอาไว้ ผมก็จะลืมมันให้หมด ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ผมจะทำเหมือนกับว่าเราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน”
“เรื่องของลูกพี่…….ถ้าเกิดตำรวจตามมาหาผม แล้วถามว่าลูกพี่ตายได้ยังไง ผมก็จะตอบพวกเขาไปว่า ถูกคนยิงจนตาย”
ตอนที่พูดถึงประโยคนี้ ใบหน้าของไอ้โมฮอก ก็ลังเลอย่างเห็นได้ชัด
ดูเหมือนว่า เขาไม่อยากพูดโกหกเกี่ยวกับเรื่องนี้
เขาอยากจะพูดออกไปว่า คนร้ายที่แท้จริงก็คือมู่เสี่ยวไป๋
แต่ว่า ไอ้โมฮอกรู้ตัวดี ว่าตัวเองไม่สามารถเอาผิดอะไรมู่เสี่ยวไป๋ได้
“ผมจะไปแล้ว คุณชายมู่ ไม่ต้องมาส่ง” ไอ้โมฮอกโบกมือลา จากนั้นก็หันหลังแล้วเดินออกจากบ้านพักไป
พอมาถึงหน้าศพของหวางต้อง ไอ้โมฮอกหันไปมองที่ศพ แล้วพูดว่า “พอถึงวันจัดงานศพของลูกพี่ บอกกูด้วย”
“พี่หยูน พี่จะไปจริงๆเหรอ?” พอเห็นไอ้โมฮอก เหล่าลูกน้อง ก็แสดงใบหน้าที่สับสนออกมา
สิ่งที่มู่เสี่ยวไป๋ทำ ไม่เพียงแค่ทำร้ายจิตใจของไอ้โมฮอก มันยังทำร้ายจิตใจของคนที่เหลือ
แต่ถ้าเกิดไปจากมู่เสี่ยวไป๋ พวกเขาจะเอาอะไรกิน? เอาอะไรดื่มล่ะ?”
แม้ว่าการใช้ชีวิตอยู่ในใต้บัญชาของเขาจะรู้สึกไม่ดี แต่อย่างน้อยถ้าอยู่กับมู่เสี่ย่วไป๋ รายได้ก็ค่อนข้างดี
พวกเขาไม่มีทักษะอะไร ถ้าออกมาจากมู่เสี่ยวไป๋ พวกเขาก็กลัวว่าตัวเองจะอดตาย
“ฮ่าๆ ไปดิ”
ไอ้โมฮอกหัวเราะแห้งๆแล้วพูดว่า “เขาเป็นคนที่ทำให้ลูกพี่ตาย กูไม่สามารถรับใช้เขาได้”
ไอ้โมฮอกชี้ไปที่หน้าอกของตัวเอง แล้วพูดว่า “ที่นี่ มันอยู่ไม่สุข!”
“จิตสำนึก?”
มีลูกน้องคนนึงที่ตะลึงเล็กน้อย แล้วพูดว่า “คนที่ทำงานในวงการนี้อย่างพวกเรา ยังต้องมีจิตสำนึกอีกเหรอ?”
“แน่นอนว่ามี”
ไอ้โมฮอกพยักหน้า “วงการที่พวกเราอยู่ จะต้องรู้จักบุญคุณ ถ้าเอากันตามตรง พวกเราควรจะแก้แค้นให้กับลูกพี่”
“แต่……ช่างเถอะ ลูกพี่คงจะไม่หวังให้พวกเราแก้แค้นให้กับเขา” ไอ้โมฮอกส่ายหัว แล้วพูดว่า “กูไปแล้ว แล้วเจอกัน”
แม้ว่าจะมีคนที่ไม่อย่าให้ไป แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
ในเวลานี้เอง มู่เสี่ยวไป๋ก็ทำหน้าตึงเครียด “ยังมีใครที่อยากจะไปอีก? ถ้าอยากไปก็รีบไปกับมัน”
ไม่มีใครกล้าส่งเสียง
ทุกคนล้วนก้มหน้า
พอไอ้โมฮอกเห็นฉากแบบนี้ อยู่ๆก็หัวเราะออกมาด้วยไม่รู้ตัว
พอเงินทองมาอยู่ตรงหน้า ทุกคนก็เงียบกันหมด
มู่เสี่ยวไป๋ ก็คือแหล่งเงินทอง
พอไอ้โมฮอกเดินออกไปได้สิบกว่าก้าว ทันใดนั้น ก็มีชายผมสั้นวิ่งออกมา เหมือนว่าเขาจะตัดสินใจได้แล้ว
“พี่หยูน ผมขอไปกับพี่ คนแบบนี้ ผมไม่สามารถบังคับตัวเอง ให้ทำงานเพื่อเขาได้ ต่อให้เขาจะให้เงินผมมากกว่านี้ ผมก็ไม่อยากทำงานให้กับเขา”
ชายผมสั้นไม่ได้พูดเสียงดังอะไร แต่ประโยคนี้ กลับเข้าไปถึงหูของมู่เสี่ยวไป๋
ใบหน้าของมู่เสี่ยวไป๋ แผ่รังสีอำมหิตอีกครั้ง
“ยังมีอีกไหม?” มู่เสี่ยวไป๋ถามต่อด้วยเสียงที่เย็นชา
ไม่มีใครพูดอะไร ท่ามกลางความเงียล ไอ้โมฮอกกับชายผมสั้น ก็เดินออกมาจากคฤหาสน์บ้านซาน
“แกไม่ควรตามกูมาเลย” ไอ้โมฮอกทำหน้าเครียด พร้อมกับมองไปยังชายผมสั้น “แกควรจะอยู่ต่อ แกอย่าลืมซิ แกยังมีน้องสาว ที่ยังต้องเรียนหนังสืออยู่”
ชายผมสั้นหัวเราะ พูดเหมือนไม่แคร์อะไร “เมื่อกี้พี่พูดถูกแล้ว วงกรที่พวกเราอยู่ ไม่มีศีลธรรมก็ได้ แต่จะเป็นคนไร้จิตสำนึกไม่ได้ พี่หวางต้องเป็นคนพาผมเข้ามาสู่วงการนี้ เขาช่วยเหลือเรื่องทางบ้านของผมเป็นอย่างมาก เอาตรงๆ ถ้าไม่ใช่เพราะไอ้หมามู่เสี่ยวไป๋ เป็นคนที่มีอิทธิพลในเมืองเอก ผมเองก็อยากจะฆ่าเขาซะ”
“ผมไม่อยากรับใช้คนที่ฆ่าลูกพี่หวางต้อง ไม่งั้น พอผมตายแล้วตกนรก คงไม่มีหน้าไปเจอลูกพี่หวางต้อง
ชายผมสั้นพูดจบ ยิ้มเพื่อปลอบใจตัวเอง “ต่อให้ออกมาจากคนเหี้ยพันธุ์นั้น ผมก็ยังอยู่ต่อไปได้ ผมเล่นเกมเก่งขนาดนี้ สามารถเป็นโค้ชสอนพิเศษ หรือไม่ก็ไปเป็นคนดูแลร้านอินเตอร์เน็ตคาเฟ่ ขอแค่ผมไม่เอาแต่เล่นมือถืออยู่บนเตียง ผมก็ไม่อดตายหรอก”
“ส่วนค่าเทอมของน้องผม ความจริงมันก็ไม่ได้มากมายอะไร หลายปีมานี้ที่ติดตามลูกพี่หวางต้อง ผมเองก็เก็บเงินไว้จำนวนนึง การที่จะส่งเธอเรียน ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แค่ตอนแรกผมสัญญากับน้องว่าจะเลี้ยงดูเป็นอย่างดี ดูเหมือนว่าตอนนี้ คงต้องเลี้ยงอย่างขัดสน” ชายผมสั้นพูดด้วยรอยยิ้ม
“ต่อไป…….ทำงานสุจริตเถอะ” ไอ้โมฮอกพูด พร้มอกับมองไปยังชายผมสั้น
ไอ้โมฮอกกับชายผมสั้น หาร้านเหล้าเล็กๆแห่งนึง ทั้งสองนั่งลง แล้วสั่งอาหารมาไม่กี่อย่าง กับเหล้าเอ้อโกโถวสองขวด จากนั้นก็เริ่มดื่ม
“พวกเรา…….ขอดื่มให้กับลูกพี่”
จู่ๆชายผมสั้นก็พูดออกมาด้วยใจที่อึดอัด
“ดี”
ทั้งสองดื่มไปดื่มมา จากนั้นก็ร้องไห้ออกมา
พอนึกถึงหวางต้อง คนที่เคยเป็นลูกพี่ที่ดี จากคนที่ใช้ชีวิตอยู่ดีๆ จู่ๆก็กลายเป็นศพ
มันเกิดขึ้นเร็วจนเกินไป น้ำตาของทั้งสองจึงไหลออกมาโดยที่ไม่รู้ตัว
ยังดีที่ร้านเหล้าแห่งนี้ไม่ได้ยุ่งอะไร เพราะงั้น จึงไม่ค่อยมีใครสังเกตเห็นพวกเขา
ตอนที่ชายผมสั้นออกไปเข้าห้องน้ำ จู่ๆก็หันไปเห็นรถตู้สีดำหนึ่งคัน และข้างในรถตู้สีดำนี้ ก็มีคนลงมาหลายคน
คนพวกนี้ใส่เสื้อสีดำ ใส่หมวก และใส่ผ้าปิดปากเอาไว้
ชายผมสั้นไม่ใช่คนโง่ จากประสบการณ์ที่สะสมมานานหลายปี เขารู้ได้ทันทีว่าเรื่องนี้มันไม่ปกติ
ชายผมสั้นรีบวิ่งกลับเข้าไปที่ร้านเหล้า ดึงตัวไอ้โมฮอกขึ้นมาแล้วพูดว่า “พี่หยูน ท่าไม่ดีแล้ว ตื่นเร็วเข้า”
ไอ้โมฮอกในตอนนี้ นอนอยู่บนโต๊ะอาหาร ดูเหมือนจะหลับไปแล้ว
และในตอนนี้เองที่ชายผมสั้นก็พูดว่า “พี่หยูน มีคนที่ต้องการจะฆ่าพวกเรา!”
ไอ้โมฮอกยังคงไม่มีปฏิกิริยาอะไร ท่ามกลางความร้อนรน ไอ้ชายผมสั้นหยิบแก้วที่ใส่เหล้าขาวขึ้นมา แล้วสาดไปที่หน้าของไอ้โมฮอก จากนั้นก็พูดออกไปว่า “พี่หยูน หนีเร็ว!”
และในเวลานี้เอง คนน่าสงสัยที่ลงมาจากรู้ตู้ ก็ได้เข้ามาในร้านแล้ว
พอไอ้โมฮอกถูกสาดด้วยเหล้าขาว ก็ลุกตื่นขึ้นมาทันที ชายผมสั้นดึงตัวของไอ้โมฮอก จากนั้นก็วิ่งหนีออกไปอีกประตูนึงของร้านเหล้า
“เชี้ย พวกแกคิดจะกินแล้วหนีเหรอ!”
เจ้าของร้าน รีบวิ่งตามออกมา แล้วดึงแขนของชายผมสั้นเอาไว้ “ดูจากการแต่งตัวของแกก็ไม่เหมือนคนที่ไม่มีตัง ทำไมถึงกินแล้วหนี!”
ในตอนที่ชายผมสั้นกำลังจะหยิบเงินออกมา ก็เห็นชายสวมหน้ากากคนนึงกำลังวิ่งเข้ามา จากนั้นก็ดึงมีดที่คมกริบออกมาจากอกเสื้อ แทงเข้ามาทางนี้
ชายผมสั้นตกใจมาก เขารีบผลักเจ้าของร้านออก แล้ววิ่งตามไอ้โมฮอกต่อ
แต่มันก็สายจนเกินไป มีดของชายสวมหน้ากากกำลังตรงมาทางนี้ ไอ้โมฮอกรีบจับตัวของเจ้าของร้าน แล้วผลักเขาไปอยู่ตรงหน้าของมีด
เจ้าของร้านคนนั้นโดนมีดฟันไปหนึ่งที จากนั้นทั้งสองก็วิ่งออกจากร้าน
ชายสวมหน้ากากที่อยู่ข้างหลัง วิ่งตามมาอย่างติดๆ
แม้ว่าชายผมสั้นกับไอ้โมฮอกดื่มเหล้าไปเยอะ แต่หลังจากที่เห็นเจ้าของร้านถูกฟัน จู่ๆทั้งสองคนก็ตื่นเต็มตา
“ตามไป!”
ชายสวมหน้ากากพวกนี้วิ่งไวมาก ต้อมชายผมสั้นกับไอ้โมฮอกไปจนถึงซอยตันแห่งนึง
“พวกมึงเป็นคนของมู่เสี่ยวไป๋?” พอเห็นชายสวมหน้ากากพวกนี้ ไอ้โมฮอกถามออกไปด้วยที่รู้คำตอบอยู่แล้ว
“คุณชายมู่ไม่เชื่อใจพวกมึง สั่งให้กูมาปิดปากพวกแก” อีกฝ่ายก็พูดอย่างตรงไปตรงมา บอกเจตนาของตัวเองอย่างชัดเจน
“กูก็ไม่อยากทำร้ายพวกมึง พวกมึงฆ่าตัวตายเองแล้วกัน”
มองไปยังชายผมสั้น จากนั้นก็โยนมีดให้เล่มนึง “โดยเฉพาะมึง จูเฟิ่งปิน กูได้ข่าวมาว่ามึงมีน้องสาวอยู่คนนึง ที่กำลังเรียนหนังสืออยู่”
“ถ้าเกิดมึงอยากให้น้องสาวมีงปลอดภัย สามารถเข้าเรียนได้ตามปกติ หยิบมีดเล่มนั้นขึ้นมา ฆ่า เพื่อนของมึง แล้วก็ฆ่าตัวตายซะ”
ชายสวมหน้ากากยิ้มอย่างชั่วร้ายแล้วพูดว่า “แบบนี้ พวกกูก็จะปล่อยน้องสาวมึงซะครั้ง เพราะยังไงซะ……ฮ่าๆ ตอนนี้น้องสาวมึงคงจะยังอยู่ที่หอพักโรงเรียนถูกไหม?”
ชายสวมหน้ากากหยิบมือถือขึ้นมา พูดกับคนที่อยู่ในสายว่า “โรงเรียนมัธยมโบตั๋น……”
“อย่า!”
พอได้ยินคำพวกนี้ ชายผมสั้นก็ร้อนรนขึ้นมา ใบหน้าของเขา จู่ๆก็ขาวซีด
น้องสาวของเขา เป็นสิ่งมีค่าที่สุดของเขา
ตั้งแต่เล็กจนโต ชายผมสั้นไม่เคยยอมให้ใครมาทำร้ายน้องสาวของเขา
“ลูกพี่ อย่าทำอะไรน้องสาวผมเลย” ชายผมสั้นมองไปยังชายสวมหน้ากาก พร้อมพูดขอร้อง
“ได้ กูจะไม่ทำอะไรน้องสาวมึง แต่มึงต้องเชื่อฟัง เข้าใจไหม?” ชายสวมหน้ากากมองไปยังชายผมสั้นแล้วยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “กูไม่ได้มีเวลามากขนาดนั้น อย่างมากให้แค่สิบนาที”
“ภายในสิบนาที ถ้าเกิดมึงจัดการอาหยูนไม่ได้ งั้นกูก็จะไปจัดการกับน้องสาวมึง” ชามสวมหน้ากากพูดข่มขู่ด้วยความเย็นชา
ตอนนี้ ชายผมสั้นคนนั้นก็หยิบมีดที่อยู่บนพื้นขึ้นมา แล้วหันไปพูดกับไอ้โมฮอกว่า “พี่หยูน ขอโทษด้วย หลังจากที่ผมส่งพี่แล้ว ผมจะรีบตามพี่ไป จากนั้นเราไปเกิดใหม่ด้วยกัน ชาติหน้าผมจะคอยรับใช้พี่ เป็นการชดใช้”
ใบหน้าของไอ้โมฮอก ดูค่อนข้างแย่
ตอนที่ชายผมสั้นหยิบมีดขึ้นมา เขาสามารถใช้โอกาสนี้ลอบทำร้ายชายผมสั้นได้ แต่เขาก็ไม่ได้ทำอย่างนั้น
ไอ้โมฮอกทำเพียงแค่ยิ้ม แล้วพูดว่า “ช่างเถอะ อย่างน้อยก่อนตายชีวิตนี้ก็ยังสามารถช่วยน้องสาวแกได้ ก็ยังถือว่าตายอย่างมีค่า”
ชายผมสั้นอึ้งไปพักนึง พอได้ยินประโยคนี้ จู่ๆก็รู้สึกว่าไม่สามารถลงมือได้
“พี่หยูน……” ชายผมสั้นเกือบจะร้องไห้ออกมาแล้ว
。
ให้จูเฟิ่งปินเป็นคนฆ่าเพื่อนของตัวเอง จูเฟิ่งปินรู้สึกทำไม่ลง แต่ว่า จูเฟิ่งปินก็ยังเป็นห่วงน้องสาวของตัวเอง
“จูเฟิ่งปิน ลงมือเร็ว มึงมีเวลาไม่มากแล้ว”
ชายสวมหน้ากากรู้ดีว่าตำรวจใกล้จะมาแล้ว เพราะงั้นจึงรีบพูดเตือน
จูเฟิ่งปินกัดฟันแน่น มองไปยังไอ้โมฮอก แล้วพูดว่า “พี่หยูน ให้อภัยผมด้วย”
“ทำไมกูต้องโทษแกด้วย ไอ้โง่ พวกเราเป็นพี่น้องกัน” ใบหน้าของไอ้โมฮอกมีรอยยิ้มที่สงบนิ่ง “จัดการกูให้ไว อย่าลังเล เมื่อก่อนเคยฆ่าคนยังไง ตอนนี้ก็ทำเหมือนแบบนั้น มาเลย”
“อย่าให้ฉันต้องทรมาน” ไอ้โมฮอกหัวเราะ “เมื่อกี้ได้กิน และดื่มอย่างเต็มที่แล้ว คงถึงเวลาที่ต้องไปหาลูกพี่แล้ว”
จูเฟิ่งปินกัดฟันแน่น งัดมีดขึ้นมา ส่วนไอ้โมฮอกเองก็หลับตาลง แต่ต่อมา พอไอ้โมฮอกลืมตาขึ้นมา ก็มีคราบเลือด พุ่งมาโดนตัวของเขา
“พี่หยูน ผมไม่สามารถฆ่าพี่ชายที่แสนดี เพื่อน้องสาวของผมได้” จูเฟิ่งปินมองไปยังไอ้โมฮอก แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม
“พี่ผมขอร้องล่ะ ช่วยน้องสาวผมด้วย” ในช่วงเวลาสุดท้าย จูเฟิ่งปินได้พูดขอร้อง พอพูดจบ เขาก็ล่มลงไป
“ไอ้โง่เอ๊ย กูจะช่วยน้องสาวแกได้ยังไง”
ไอ้โมฮอกทำหน้าเครียด พูดพร้อมกับส่ายหัว “ต่อให้แกไม่ฆ่ากู มึงคิดว่ากูจะรอดออกไปได้งั้นเหรอ เฮ้อ พวกเราสองคน ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว นอกจากตาย”
ไอ้โมฮอกเพิ่งพูดจบ ก็มีแสงสว่าง ที่จู่ๆก็พุ่งเข้ามา
รถสีดำหนึ่งคัน พุ่งตรงเข้ามา พุ่งไปยังพวกชายสวมหน้ากาก จากนั้น ก็มีคนออกมาจาก รถสีดำคันนั้น แล้วล้อมรอบ พวกชายสวมหน้ากาก
“หรุ่ยเหวินเจ๋ แกขับรถเป็นไหมเนี่ย!” เสี่ยวซานจื่อหันไปด่าหรุ่ยเหวินเจ๋ “บอกให้แกชนคน ทำไมแกถึงชนใครไม่ตายเลย?”