NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - บทที่ 621 แผนร้ายของลูกพี่หลิน
“ทำไมเหรอ ร่างกายผอมแห้งแบบแก ยังคิดที่จะต่อยกับฉัน?”
จางเสี่ยวเฟิงหัวเราะอย่างเย้ยหยันพลางกล่าว: “แกยังจำได้ไหมว่าตอนที่พวกเราอยู่ม.ปลายมีเรื่องชกต่อยกันกี่ครั้ง? ครั้งนั้นแกถูกฉันต่อยจนคุกเข่าอ้อนวอนเลยไม่ใช่เหรอ?”
เป็นความจริง ชีวิตนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายเวลาสามปี ระหว่างหลี่ฝางและจางเสี่ยวเฟิงได้เกิดการปะทะขึ้นอยู่บ่อยครั้ง แล้วก็จริงที่หลี่ฝางไม่เคยชนะเลยสักครั้ง
แต่ว่าคุกเข่าอ้อนวอน มันไม่จริงเลยสักนิด
แต่ว่าที่แพ้ในตอนนั้น เป็นเพราะร่างกายขาดแคลนอาหาร บวกกับนอนไม่ค่อยหลับ สภาพจิตใจและร่างกาย ต่างก็ไม่ค่อยจะดี แต่มาวันนี้ ไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว ตลอดระยะเวลามานี้ หลี่ฝางได้วิ่งออกกำลังกาย ฟิตร่างกายอยู่ไม่ขาด
“คิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าลูกหมาที่น่าสงสารตอนม.ปลาย จะกลายมาเป็นคุณชายใหญ่แห่งตระกูลหลี่ในวันนี้” จางเสี่ยวเฟิงกล่าวด้วยท่าทีริษยาเล็กน้อย
“นั่นนะสิ ฉันเองก็คิดไม่ถึงเหมือนกัน ว่าเพื่อเงินแล้ว แกจะมาฆ่าฉัน” หลี่ฝางกล่าวอย่างเรียบ ๆ
“ถึงยังไง เราก็เป็นรูมเมทกันมาตั้งสามปีแน่ะ”
หลี่ฝางหัวเราะเหอะ ๆ กล่าว: “ในความเป็นจริงแล้ว ตอนนี้ฉันก็อยากเป็นทาสของแก แต่ก็น่าเสียดาย ฉันรู้ว่าแกไม่ต้องการฉันหรอก”
“ฉันไม่พูดพร่ำทำเพลงกับแกแล้ว มัวชักช้า จะมีคนมาเห็นเอาได้”
จางเสี่ยวเฟิงเม้มปาก แล้วกล่าว: “หลี่ฝาง วันนี้เราสองคน ดูเหมือนว่าจะสามารถรอดชีวิตไปได้เพียงคนเดียวเท่านั้น
“อืม หลังจากตายไป อย่าลืมไปทักทายตู้เฟยด้วยล่ะ” หลี่ฝางพยักหน้า พลางกล่าว
“แม่งเอ๊ย”
หลังจากที่จางเสี่ยวเฟิงสบถออกมาแล้ว เขาก็ตรงดิ่งเข้ามาหาหลี่ฝาง ความเร็วของเขานั้น นับได้ว่าเร็วมาก ดูเหมือนว่าช่วงเวลาที่ไม่ได้เรียนหนังสือ จางเสี่ยวเฟิงคนนี้ ก็ได้พัฒนาขึ้นมาเหมือนกัน
แน่นอน ตัวหลี่ฝางเองนั้นก็สุขุมและใจเย็นอย่างสุดขีด
หากเป็นเมื่อก่อนล่ะก็ ถ้าต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์เช่นนี้ หลี่ฝางคงตกใจจนทำอะไรไม่ถูกไปแล้ว แต่หลังจากที่เขาได้ผ่านเรื่องรบราฆ่าฟันมาตั้งมากมาย ในวันนี้หลี่ฝางเองก็ได้พัฒนาขึ้นมาเยอะมาก
เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย มองดูฝีเท้าของจางเสี่ยวเฟิง ในวินาทีที่จางเสี่ยวเฟิงกระโจนเข้ามานั้นเอง ทันใดนั้นหลี่ฝางก็พลันขยับตัว อ้อมไปด้านหลังของจางเสี่ยวเฟิง และมีดที่อยู่ในมือของเขา ก็กรีดเข้าไปที่แผ่นหลังของจางเสี่ยวเฟิง
จางเสี่ยวเฟิงกัดฟันกรอด และไม่ได้เสียงร้องใด ๆ ออกมา แต่บนใบหน้าของเขาได้ปรากฏแววความตื่นตระหนกและโมโหขึ้นมา: “นึกไม่ถึงว่าไม่เจอกันแค่เดือนเดียว แกเหมือนกับเปลี่ยนเป็นคนละคนแน่ะ”
“เพราะฉะนั้น วันนี้แกไม่มีทางชนะแล้ว” หลี่ฝางเอ่ยขึ้นมาอย่างเรียบ ๆ
จางเสี่ยวเฟิงไม่ได้พูดมากอะไร และพุ่งเข้าใส่หลี่ฝางอีกครั้ง ครั้งนี้ เขายังได้ส่งสายตาให้กับเซี่ยลู่ ความหมายคือให้เซี่ยลู่ช่วยเขาอีกแรง
แต่เซี่ยลู่ไม่ได้ไง่ถึงขนาดนั้น ในมือของหลี่ฝางมีมีดอยู่ แต่ในมือของเธอกลับไม่มีอาวุธใด ๆ เลย แล้วจะกล้าถลาเข้าไปอย่างไม่ลืมหูลืมตาได้ยังไง?
เซี่ยลู่มองไปรอบ ๆ อยู่สักพัก แล้วสายตาก็ได้เห็นท่อนไม้ท่อนหนึ่ง
ในตอนนี้หลี่ฝางและจางเสี่ยวเฟิงก็ได้ผัวพันเข้าด้วยกัน บนร่างกายของจางเสี่ยวเฟิง ถูกมีดของหลี่ฝางแทงอยู่ไม่หยุด
หลังจากที่ถูกแทงหลายครั้งติดต่อกัน ในที่สุดเซี่ยลู่ก็ถลาเข้ามา เล็งไปที่หลี่ฝาง แล้วฟาดท่อนไม้เข้าใส่
หลี่ฝางเจ็บปวดจนหน้าตาบิดเบี้ยว เข้าหันหน้ากลับไป แล้วหมุนตัวเตะเข้าที่ร่างเซี่ยลู่ จางเสี่ยวเฟิงถือโอกาสนี้จู่โจม แล้วแทงมีดเข้าใส่หลีฝาง
การจู่โจมในครั้งนี้ มีดเพียงแค่กรีดเข้าที่แขนของหลี่ฝางเล็กน้อย ไม่ได้เป็นแผลลึกอะไร
หลี่ฝางขมวดคิ้ว เขามองคนทั้งสองแล้วกล่าว: “ฉันไม่อยากฆ่าพวกแก ถ้าพวกแกกลับใจในตอนนี้ ฉันจะปล่อยพวกแกไปก็ได้”
“โดยเฉพาะเธอ เซี่ยลู่” หลี่ฝางมองเซี่ยลู่ กล่าว: “ตู้เฟยไม่อยากให้เธอเป็นแบบนี้ เขาได้บอกกับฉันก่อนที่เขาจะตาย ว่าเขาต้องขอโทษเธอ”
“เธอยังจำได้ไหม ตอนที่ฉันโทรหาแพทย์แผนจีนของเธอน่ะ?”
หลี่ฝางกล่าว: “ความแค้นระหว่างฉันกับตู้เฟย ได้ถูกขจัดไปแล้ว ถ้าไม่อย่างนั้นล่ะก็ เขาก็คงไม่ให้ฉันช่วยส่งข่าวหรอก”
“แต่นายก็เป็นคนฆ่าเขาจริง ๆ ” เซี่ยลู่กล่าว
หลี่ฝางหัวเราะเอิ๊กอ๊าก: “ใช่ ตู้เฟยถูกฉันฆ่าตายจริง ๆ แต่ต่อให้ฉันไม่ฆ่าเขา เธอคิดว่าเขายังอยากจะมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกเหรอ? พ่อแม่แท้ ๆ ของเขา ตายในเงื้อมมือของเขา และแม่ของเขา ก็ได้ตายในอ้อมกอดของเขา เขาไม่เหลืออะไรอีกแล้ว มีชีวิตต่อไปจะมีความหมายอะไร?”
“อีกอย่าง เขาเกือบทำให้ลู่หลุ่ยต้องตาย แล้วยังต้องการฆ่าฉัน แล้วฉันไม่ควรฆ่าเขาหรือยังไง?”
“ถึงแม้ฉันจะฆ่าเขา แต่ก็ได้ช่วยเขาสร้างสุสาน นี่ก็นับว่าเมตตาที่สุดแล้ว เธอยังจะให้ฉันทำยังไงอีกล่ะ?”
หลังจากที่หลี่ฝางพูดจบ เซี่ยลู่ก็กล่าวขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง: “ฉันไม่สน นายฆ่าตู้เฟย ฉันก็จะล้างแค้นแทนเขา”
หลี่ฝางขมวดคิ้วอย่างหมดคำจะพูด: “ตอนที่ตู้เฟยยังมีชีวิตอยู่ ฉันไม่เห็นว่าเธอจะรักเขามากขนาดนี้เลย แม่ง คิดจะฆ่าฉันอย่างเดียว ก็ไม่ใช่เพราะเงินหรอกเหอ?”
บนใบหน้าของหลี่ฝาง ก็ปรากฏแววดุร้ายออกมา
“พวกแกสองคน ต่างก็ต้องตายในวันนี้” หลี่ฝางกล่าวอย่างเต็มไปด้วยกระแสอาฆาต
กล่าวไป หลี่ฝางก็ไม่รอช้า เขาพุ่งเข้าไปหาเซี่ยลู่ และจางเสี่ยวเฟิงก็วิ่งตามหลังมาติด ๆ แต่หลี่ฝางก็ไม่ได้สนใจ เขาแทงมีดเข้าใส่บริเวณท้องของเซี่ยลู่ แล้วดึงออกมา
และมีดในมือของจางเสี่ยวเฟิง ในขณะที่กำลังจะแทงเข้าไปในร่างของหลี่ฝางนั้น ลูกเล็กกลม ๆ ขนาดเล็กลูกหนึ่ง ก็ได้พุ่งเข้าใส่จางเสี่ยวเฟิง จนทำให้แขนของเขาเป็นรู
เงยหน้าขึ้นไปมอง หลี่ฝางมองเห็นส้าวส้วยนั่งอยู่บนริมหลังคา
หลี่ฝางขมวดคิ้วเล็กน้อย กล่าว: “นายมาตั้งนานแล้ว?”
ส้าวส้วยพยักหน้า
“แล้วทำไมนายถึงไม่ลงมือเร็วกว่านี้ล่ะ?” หลี่ฝางมองส้าวส้วยอย่างหมดคำจะพูด
“เจ้านายต้องการยืนหยัดด้วยตัวเองมาโดยตลอดไม่ใช่เหรอครับ ผมรู้ว่าคุณไม่อยากพึ่งพาผมมากจนเกินไป ดังนั้นผมเลยไม่ลงมือ” ส้าวส้วยยิ้มพลางอธิบาย
“เชรด ฉันตกใจแทบตายน่ะ ดูสิ เหงื่อเต็มหลังฉันไปหมด จนเสื้อผ้าเปียกหมดแล้ว” หลี่ฝางถอนหายใจยาว ๆ อย่างโล่งอก ในที่สุดเหตุการณ์ที่น่าตกใจนี้ก็ผ่านมาไปแล้ว
หลี่ฝางพันบาดแผลที่แขนให้กับตัวเองอย่างลวก ๆ กล่าว: “เห็นจางเสี่ยวเฟิงบอกว่า ข้างนอกมีคนคอยสนับสนุนร่วมมือกับมัน”
“จางเสี่ยวเฟิง รถคันนั้นยี่ห้อไหน เลขทะเบียนอะไร?” หลี่ฝางหันหน้ากลับ แล้วเอ่ยถามจางเสี่ยวเฟิง
จางเสี่ยวเฟิงเงียบขรึม ในตอนแรกเขาไม่คิดจะพูด หลี่ฝางพูดกับส้าวส้วยต่อ: “ถ้ามันไม่พูด นายก็ช่วยฉันโยนมันลงไปข้างล่างแล้วกันนะ”
“ยินดีให้บริการครับ”
ส้าวส้วยกระโดดลงมาทันที เพียงสองสามก้าวก็มาถึงด้านหน้าจางเสี่ยวเฟิงแล้ว หลังจากที่เห็นฝีมือของส้าวส้วย จางเสี่ยวเฟิงก็รีบพูดทันที: “รถเชิงพาณิชย์สีดำคันหนึ่ง”
“เลขทะเบียนXXX”
หลังจากที่จางเสี่ยวเฟิงพูดจบ ส้าวส้วยก็รีบโทรหาหลิงหลงทันที: “รถเชิงพาณิชย์สีดำ เลขทะเบียนXXX จัดการมันซะ”
เสียงของหลิงหลงดังกลับมาจากอีกฝังของสาย: “ฉันจับตาดูมันมานานแล้วล่ะ”
หลังจากที่จัดการเรื่องราวทั้งหมดเสร็จเรียบร้อย หลี่ฝางก็จุดบุหรี่ขึ้นมามวนหนึ่ง เพื่อระงับความหวาดกลัวภายในใจ พลางเอ่ยถาม: “รู้หรือยังว่าใครเป็นคนทำ?”
“ยังเลยครับ ตอนที่หลิงหลงจับตัวพวกมันได้ พวกมันต่างก็กัดลิ้นฆ่าตัวตายไปแล้ว คนพวกนี้ เป็นพวกเดนตาย บนตัวของพวกมันไม่มีอะไรที่จะสืบหาได้เลย สะอาดมาก”
“แต่ว่าพวกมันสามารถตามหาจางเสี่ยวเฟิงและเกาเสิ้งที่เป็นเพื่อนร่วมชั้นของคุณตอนมัธยมปลายเจอ คาดว่า จะต้องสืบข้อมูลของคุณมาก่อนแน่”
ส้าวส้วยกล่าว: “เจ้านายครับ ในตอนที่ต้องการ คุณต้องเรียนกังฟูหน่อยแล้วล่ะ”
หลี่ฝางพยักหน้า ในใจเขาก็คิดแบบนี้อยู่เหมือนกัน หลายครั้งมานี้ สภาพของตัวเองดูไม่ได้เลย
และในวันนี้ มีคนเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ที่อยากให้ตัวเองตาย มันทำให้หลี่ฝางรู้สึกหนาวสันหลังไม่น้อย ที่สำคัญก็คือ ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นใคร
แม่ง ความรู้สึกแบบนี้ มันทำให้รู้สึกหงุดหงิดจริง ๆ เลย
แต่ว่ามีจุดหนึ่งที่หลี่ฝางสามารถแน่ใจได้ ก็คือฆาตกรที่อยู่เบื้องหลังคนนี้ จะต้องไม่ใช่มู่เสี่ยวไป๋อย่างแน่นอน
เพราะในมือของหลี่ฝาง ยังมีแม่แบบที่มู่เสี่ยวไป๋ต้องการอยู่ ในช่วงสำคัญแบบนี้ มู่เสี่ยวไป๋ไม่มีทางที่จะให้คนมาฆ่าตัวเอง
แต่นอกจากมู่เสี่ยวไป๋แล้ว เกรงว่าก็คงมีแต่สี่ตระกูลใหญ่แล้วล่ะ
ในเวลานี้ ส้าวส้วยมองหลี่ฝาง แล้วกล่าว: “อ้อใช่ เจ้านายครับ สืบมาได้เรื่องหนึ่ง คุณอยากฟังไหม?”
“นายพูดแล้ว ฉันยังจะไม่อยากฟังอีกเหรอ?” หลี่ฝางมองบน
ส้าวส้วยหัวเราะเอิ๊กอ๊าก กล่าว: “หลายวันก่อน ไม่ใช่ว่ามีคนว่าจ้างคนที่ท่าเรือ ให้วางแผนใส่ร้ายเฉินฝูเซิงหรอกเหรอ?”
หลี่ฝางพยักหน้า: “ทำไมเหรอ?”
“คนพวกนั้น ไม่ใช่หวางต้องเป็นคนหามาจริง ๆ นั้นก็หมายความว่า ครั้งที่แล้ว พวกเราเข้าใจมู่เสี่ยวไป๋ผิดไป”
ส้าวส้วยกล่าว: “คนที่ทำร้ายเฉินฝูเซิง จริง ๆ แล้วคือหมาจื่อ”
“หมาจื่อ?” หลี่ฝางขมวดคิ้ว: “เป็นเขาไปได้ยังยังไง?”
“พูดให้ถูกหน่อย น่าจะเป็นลูกพี่หลิน วันนั้นตอนเย็น ลูกพี่หลินได้หนีไปจริง ๆ แต่ที่ที่เขาหนีไป ผมจำได้แม่น เขาอยู่ที่นั่นเพียงแค่วันเดียว แล้วก็หายตัวไป ถ้าหากผมเดาไม่ผิดล่ะก็ เขาน่าจะกลับไปที่เมืองเอก หรือไม่ก็ตงไห่ แต่ว่าหลบอยู่ที่ไหนนั้น ผมก็ยังไม่รู้”
ส้าวส้วยกล่าว: “ผมสงสัยว่า คนที่อยู่เบื้องหลังของหมาจื่อ ยังคงเป็นลูกพี่หลินเหมือนเดิม”
“หมาจื่อไม่ได้ทรยศ เพียงแค่มีสถานะที่พิเศษเท่านั้น หนึ่งคือขึ้นแทนที่ลูกพี่หลิน กลายเป็นตัวแทนขององค์กรนั่น และเป็นถุงมือสกปรกของลูกพี่หลิน ช่วยลูกพี่หลินทำเรื่องที่สกปรก”
“หมาจื่อในตอนนี้ดูเผิน ๆ เหมือนเป็นคนของมู่เสี่ยวไป๋ แต่ความจริงแล้ว เขาไม่มีทางที่จะทำงานให้มู่เสี่ยวไป๋ ยิ่งไปกว่านั้นเพราะเรื่องใส่ความเฉินฝูเซิง หมาจื่อและมู่เสี่ยวไป๋ ยังได้มีปากเสียงกันยกใหญ่ ยังไงสถานะของเฉินฝูเซิงก็ค่อนข้างจะพิเศษ นี่ถ้าเกิดว่าตัดสินโทษเฉินฝูเซิงจริง ๆ มู่เสี่ยวป๋ายก็คงต้องวุ่นวายไม่น้อย นี่ไม่ใช่สิ่งที่มู่เสี่ยวไป๋อยากจะเห็น”
“ดูแล้วเหมือนกับว่าหมาจื่อคิดเองเออเอง แต่ในความเป็นจริง น่าจะได้รับการมอบอำนาจจากลูกพี่หลิน” ส้าวส้วยกล่าว
“คาดเดา?”
“เรื่องแบบนี้ หาหลักฐานยาก แต่ก็น่าจะเป็นความจริง เจ้านายครับ ผมรู้ว่าคุณลำบากใจ แต่คุณจะต้องยอมรับ ในวันนี้ลูกพี่หลินเป็นศัตรูกับพวกเรา” ส้าวส้วยกล่าว
หลี่ฝางขมวดคิ้ว แล้วเอ่ยถามอย่างค่อยจะเข้าใจ: “ทำไมล่ะ?”
“พวกเรากับลูกพี่หลินไม่เคยมีเรื่องราวบาดหมางหรือเหตุปะทะใด ๆ เลย ยิ่งไปกว่านั้นฉันยังเคยช่วยเขา บวกกับมีหลินชิงชิงอยู่ตรงกลาง ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเรากับลูกพี่หลิน ควรจะใกล้ชิดสนิทสนมไม่ใช่เหรอ? ทำไมเขาถึงต้องขัดแข้งขัดขาคนของฉัน หรือว่าเฉินฝูเซิงล่วงเกินเขาหรือยังไง?”
หลี่ฝางเอ่ยถามด้วยความสงสัย: “ฉันไม่เข้าใจจริง ๆ ”
“ถ้าผมเดาไม่ผิดล่ะก็ คงเกี่ยวข้องกับธุรกิจที่ลูกพี่หลินทำ ธุรกิจที่เขาทำนั้น ประจวบเหมาะกับเป็นธุรกิจที่ลูกพี่และท่านจวน ค่อนข้างจะขัดแย้งกันมาก ดังนั้น เขาคอยช่วยมู่เสี่ยวไป๋ต่อกรกับพวกเราอย่างลับ ๆ ความจริงคือเพื่อช่วยตัวเขาเอง”
“เรื่องที่มู่เสี่ยวไป๋ไม่กล้า เขากล้า เพราะเขาไม่มีอะไรต้องพะวง ต่อให้เป็นเรื่องขึ้นมาสักวัน ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเขา ทุกคนต่างก็รู้ ว่าหมาจื่อทรยศเขา ทั้งยังทำให้ขาทั้งสองข้างของเขาพิการ”
หลี่ฝางหัวเราะเหอะ ๆ : “ลูกพี่หลินปัดความรับผิดชอบได้สะอาดจริง ๆ แบบนี้ก็หมายความว่า จิ้งจอกเฒ่าตัวนี้หลบอยู่ข้างหลัง คอยรอบกัดพวกเราอยู่ทุก ๆ วัน?”
ส้าวส้วยกล่าว: “แม้แต่ลูกสาวของตัวเองเขายังคิดร้ายได้ แล้วยังจะมีใครอีกที่เขาไม่คิดร้าย”
“คนคนนี้ ไม่มีความเป็นมนุษย์หรอกครับ”
ส้าวส้วยกล่าวอย่างสงบ: ที่จริงแล้วผมสงสัยมาตลอด เขา……”
ขณะที่กำลังพูด ทันใดนั้นส้าวส้วยก็พลันไอขึ้นมา จากนั้นเขาก็ไม่พูดอะไรอีก
“นี่ก็สายมากแล้ว พวกเราไปเจอมู่เสี่ยวไป๋กันเถอะครับ” ส้าวส้วยกล่าว
“เมื่อกี้นายอยากพูดอะไร?” หลีฝางตามถาม
“ไม่มีอะไร เหอะ ๆ ” ส้าวส้วยหัวเราะเหอะ ๆ หลีกเหลี่ยงที่จะไม่พูดอะไร
ในเมี่อส้าวส้วยไม่อยากพูด หลี่ฝางก็ไม่ได้ถามต่อ
จัดการทุกอย่างเรียบร้อย หลี่ฝางก็มาที่ร้านกาแฟของหลิงหลงทันที หลิงหลงกำลังบดกาแฟอยู่ มองไม่ออกด้วยซ้ำว่าเมื่อกี้เธอพึ่งจะลงมือไป
“รถได้ถูกพี่หน้าหนวดขับไปแล้ว พี่หน้าหนวดบอกว่า พวกนั้นต่างก็เป็นคนนอกพื้นที่”
หลิงหลงยกกาแฟสองแก้วเข้ามา พลางกล่าว: “ลูกพี่ให้ความสำคัญกับที่มาที่ไปของคนพวกนี้มาก อยากจะส่งฉันไปวสืบให้ละเอียด”
“แล้วร้านกาแฟจะทำยังไง?” ส้าวส้วยถาม
“ปิดร้านชั่วคราวสักระยะ รอฉันกลับมาค่อยเปิด” หลิงหลงยิ้มเล็กน้อย
“ระวังตัวด้วย”
หลิงหลงพยักหน้า และยิ้มอ่อน ๆ : “พวกคุณนัดคน เพื่อเจรจาที่ร้านกาแฟของฉัน?”
“ใช่ เชื่อว่าพวกเขาคงจะมาในอีกไม่ช้า” หลี่ฝางมองโทรศัพท์แวบหนึ่ง แล้วกล่าว
“นายน้อยเคยไปเยี่ยมฉินจื่อยี่ไหมคะ?” หลิงหลงเอ่ยถาม
หลี่ฝางส่ายหัว เขาลืมเรื่องที่ฉินจื่อยี่เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ไปแล้ว
“หวังว่าจะไม่ทำให้พื้นของฉันสกปรกนะ” หลิงหลงอืมตอบรับ และเดินไปที่เคาน์เตอร์ แล้วลงมือชงกาแฟราวกับไม่มีอะไรเกิ