NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - บทที่ 626 ชางสู่หนีหัวซุกหัวซุน
ส้าวส้วยมองชางสู่อย่างสงบนิ่ง ภายในแววตาไม่มีความเกลียดชังและความอาฆาตอยู่เลยแม้แต่น้อย แต่บนใบหน้าของชางสู่ กลับมีแววอาฆาตซ่อนอยู่บ้าง
ถึงแม้มู่เสี่ยวไป๋จะตกใจกลัวจนหนีไป แต่คนก็ยังอยู่
คนพวกนี้ ล้วนเป็นคนของชางสู่ พวกเขาต่างก็มีปืนอยู่ในมือ บวกกับตัวเองเป็นยอดฝีมือ ชางสู่เผชิญหน้ากับส้าวส้วย ก็ไม่ได้ขี้ขลาดอ่อนแอเลย
ถ้าหากต้องการล้างแค้น ก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะสำเร็จ
แต่ว่า บนใบหน้าของส้าวส้วย กลับมั่นใจไม่เกรงกลัวใด ๆ เลย
นั่นทำให้ชางสู่ตกใจเล็กน้อย บอกกับวิธีการที่ส้าวส้วยแสดงออกมาเมื่อกี้ ทำให้ทุกคนที่นั่งอยู่ตรงนั้นเกิดความหวาดกลัวขึ้นมาในใจ
ส้าวส้วยที่ดูไม่มีอันตรายใด ๆ ใครจะไปคิดว่าเขาจะเป็นปีศาจที่กลืนกินคนไม่คายกระดูกละ?
“เล่ห์เหลี่ยมวิธีการของนาย ซักจะสกปรกเกินไปแล้ว”
ชางสู่ยิ้มอย่างเหยียดหยามเล็กน้อย เขามองส้าวส้วยด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความเยาะเย้ย: “คิดมาตลอดว่านายเป็นยอดฝีมือ คงไม่สนใจที่จะเล่นวิธีสกปรกแบบนี้ แต่คิดไม่ถึงว่า……เหอะ ๆ ”
ชางสู่หัวเราะเหอะ ๆ เขามองส้าวส้วยด้วยความดูถูกเล็กน้อย: “ใครเป็นคนสร้างความหายนะคนนั้นก็เป็นคนรับอย่าไปเดือดร้อนคนอื่น สัจธรรมนี้ นายน่าจะเข้าใจอยู่ไม่ใช่เหรอ?”
“สร้างความหายนะ?”
ส้าวส้วยทำหน้าทะเล้น เขากล่าวอย่างหน้าด้าน ๆ : “ฉันไปสร้างความหายนะให้ใครเหรอ? ฉันก็แค่ให้คนในครอบครัวของมู่เสี่ยวไป โทรหามู่เสี่ยวไป๋เท่านั้นเอง……แกดูสิดึกดื่นแบบนี้ ฝนตกหนักขนาดนี้ คนเฒ่าคนแกบ้านไหนไม่เป็นห่วงลูกหลาน แกว่าใช่ไหมล่ะ?”
“แก……”
ชางสู่กัดฟันกรอด เขาคิดไม่ถึงเลยว่าส้าวส้วยจะหน้าหนาหน้าด้านถึงเช่นนี้
“เฮอะ ถ้าหากในเวลานี้ฉันต้องการแกแค้นให้กับพรรคพวกของฉันล่ะก็ แกคิดว่า แกจะหนีรอดไปได้ไหม?” ชางสู่ทำเสียงฮึดฮัดอย่างเย็นชา พลางเอ่ยถาม
ส้าวส้วยมองไปที่หลี่ฝาง กล่าว: “เจ้านาย คุณไปหาพี่หลิงหลง เอาน้ำมาให้ผมสักขวดหน่อย”
หลี่ฝางชะงักไปสักครู่ ในใจคิด นายหิวน้ำแล้วไปเอาเองไม่ได้หรือไง
ใช้เจ้านายของตัวเอง?
ส้าวส้วยคนนี้ บังอาจมากเกินไปจริง ๆ
แต่ว่า หลี่ฝางยังคงเดินเข้าไปหาหลิงหลง แล้วกล่าว: “พี่หลิงหลง มีน้ำไหม?”
“รีบมานี่เร็ว” หลิงหลงส่งสายตาให้กับหลี่ฝาง และดึงหลี่ฝางเข้ามาใกล้ ๆ ตัวเอง
“พี่หลิงหลง ดึงผมทำไมเหรอ?” หลี่ฝางรับรู้ถึงความไม่ปกติ จึงเอ่ยถามอย่างสับสน
“อีกเดี๋ยวก็คุณก็รู้แล้ว”
พี่หลิงหลงกล่าวด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม
หลี่ฝางพลันเข้าใจขึ้นมาทันที เขามองพี่หลิงหลงแล้วเอ่ยถาม: “เมื่อกี้ส้าวส้วยเจตนาให้ผมออกมาจากตรงนั้น?”
หลิงหลงพยักหน้า เธอมองหลี่ฝาง: “นายน้อยนับว่ายังไม่โง่สักเท่าไหร่”
“เขาเจตนาให้ผมออกมาจากตรงนั้น หรือว่าเขาจะ” หลี่ฝางขมวดคิ้ว สีหน้าท่าทางลนลานขึ้นมาทันที
“เชรด เขาบ้าไปแล้วเหรอ ในมือของคนพวกนั้น ต่างก็มีปืนนะ……”
หลี่ฝางเข้าใจความหมายของส้าวส้วยขึ้นมาทันที ส้าวส้วยไม่ได้อยากจะดื่มน้ำจริง ๆ หรอก แต่จะเริ่มลงมือปะทะกับชางสู่แล้ว
ชางสู่นั้นฉลาดกว่าหลี่ฝางอีกมาก เพียงแวบเดียวเขาก็เดาเจตนาของส้าวส้วยออก
สี้หน้าของชางสู่พลันเคร่งขรึงลง เขามองส้าวส้วยอย่างเย็นชา แล้วเอ่ยถาม: “ทำไม หรือว่าแกคิดอยากจะลองดูจริง ๆ ?”
“เหอะ ๆ ต่อให้การเคลื่อนไหวของแกรวดเร็วขนาดไหน หรือว่าจะเร็วไปกว่าลูกกระสุน?”
“ต่อให้ร่างกายของแกแข็งแค่ไหน หรือว่าจะสามารถทำให้ลูกกระสุนยิงไม่เข้า?”
ชางสู่จ้องมองส้าวส้วย ในสายตาเต็มไปด้วยความดูหมิ่นดูแคลน
แต่ส้าวส้วยเพียงแค่ยิ้มเล็กน้อยแล้วกล่าว: “อีกสักพัก แกก็จะรู้เอง”
“เหอะ ๆ แกคิดว่า ฉันไม่กล้าฆ่าแก ใช่ไหม?” ชางสู่หัวเราอย่างเยือกเย็น
“ฉันไม่เคยคิดแบบนั้นมาก่อนเลย”
ส้าวส้วยยิ้มตาหยี กล่าว: “ฉันเพียงแค่คิดว่า แกฆ่าฉันไม่ได้เท่านั้นเอง”
ส้าวส้วยกล่าวจบ สีหน้าของชางสู่ ก็เคร่มครึมขึ้นมาทันที
ชางสู่นำพรรคพวกออกมาด้วยสิบกว่าคน และพรรคพวกกลุ่มนี้ ต่างก็มีปืนอยู่ในมือ
ส้าวส้วยเพียงตัวคนเดียว ถึงกับบอกว่าชางสู่ฆ่าเขาไม่ได้ นี่ทำให้ชางสู่รู้สึกตลกขบขันอย่างมากทั้งยังโมโหสุดขีด
“แกคิดว่าตัวเองเป็นใคร? เทพเหรอ?”
ชางสู่เหน็บแนมด้วยสีหน้าที่เย็นชา
หลังจากนั้น ชางสู่ก็ได้พูดกับพรรคพวกของตัวเอง: “ลงมือ ฆ่ามันให้ตาย”
“ฉันนักว่าแกจะสู้กับฉันสักยกก่อน รอจนแกแพ้ แล้วค่อยให้พี่น้องของแกควักปืนออกมา เหอะ ๆ ” ส้าวส้วยหัวเราะอย่างเหยียดหยาม
“ฉันชอบวิธีที่ง่ายที่สุดน่ะ”
ชางสู่กล่าว: “ฆ่าด้วยปืน มันรวดเร็วดี”
ชางสู่พึ่งพูดจบ คนที่อยู่ด้านหลังของเขากลุ่มนั้น ก็ควักปืนออกมาเสียงดังพรึบพรับ และในขณะที่พวกเขาควักปืนออกมานั้นเอง หลิงหลงพลันขยับอย่างรวดเร็ว แล้วไปปิดไฟลง
ทั่วทั้งร้านกาแฟ มืดมิดขึ้นมาทันที
“เจ้านาย อย่าขยับ”
ในเวลานี้หลิงหลงก็ได้กดบ่าของหลี่ฝางเอาไว้พลางกล่าว: “ขอเพียงคุณไม่ออกไป ฉันสามารถรับประกันความปลอดภัยของคุณได้
หลี่ฝางอืมตอบรับ เขามองเห็นที่ในมือของหลิงหลง ปรากฏรัศมีที่เย็นยะเยือกออกมา คาดว่าจะเป็นมีดเล่มหนึ่ง
เมื่อก่อน หลี่ฝางเคยเห็นหลิงหลงใช้มันครั้งหนึ่ง
สำหรับฝีมือของหลิงหลง หลี่ฝางไม่ได้สงสัยเลยแม้แต่น้อย ถึงแม้เธอจะเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง แต่ความสามารถของเธอ เกรงว่าจะไม่ด้อยไปกว่าโหจื่อ
“เย็xแม่ง ทำไมถึงปิดไฟน่ะ!”
พรรคพวกคนหนึ่งของชางสู่ ตะโกนด่าออกมาอย่างโมโห
หลังจากนั้น ก็มีเสียงปังดังขึ้น
คนที่ตะโกนด่าคนนั้น ถูกยกขึ้นมา แล้วฟาดลงไปที่พื้น
“ยิง!”
ชางสู่ไม่ลังเล เขาตะโกนขึ้นมาทันที
แต่ว่า มืดมิดแบบนี้ ใครล่ะจะกล้ายิง?
ถึงยังไงในห้องแห่งนี้ ส่วนมากล้วนเป็นพรรคพวกของตัวเองทั้งนั้น
“ลูกพี่ ถ้าเกิดยิงโดนพรรคพวกของตัวเองจะทำยังไง?” ลูกน้องคนหนึ่งเอ่ยขึ้นมา
“แกแม่งโง่หรือไง เปิดโทรศัพท์ไม่เป็นเหรอ บนโทรศัพท์มีไฟฉายอยู่หนิ” ฉางสู่พลันนึกขึ้นมาได้ แล้วรีบพูดขั้นมาทันที
เมื่อชางสู่พูดออกมา ทุกคนต่างก็หยิบโทรศัพท์ออกมา
แต่ทว่าในตอนนี้เอง ลูกเล็กกลม ๆ เล็ก ๆ หลายลูก ก็ได้พุ่งเข้ามาจากด้านนอก ทำให้โทรศัพท์ในมือของพวกเขา ถูกตีจนพัง
“แม่งเอ๊ย!”
ชางสู่ขมวดคิ้ว เขาหยิบปืนออกมา และลั่นไกปืนทันที
สำหรับยอดฝีมือคนหนึ่งแล้ว พวกเขาต่างก็มีสัมผัสที่หกที่แข็งแกร่ง และมีความสามารถในการปรับตัวตามสถานการณ์
ลูกปืนถูกยิงออกไปหนึ่งนัด คนคนหนึ่ง ก็ล้มลงไปกองกับพื้น
“เข้าไปดูซิ”
ชางสู่ขมวดคิ้วกล่าว
ลูกน้องคนหนึ่งเดินเข้าไปดู จากแสงไฟสลัว ๆ เขามองเห็นชัดเจนแล้ว เป็นพรรคพวกของตัวเอง ทั้งยังเป็นพี่น้องที่สนิทสนมของตัวเอง
ในชั่วพริบตา เขาก็กัดฟันกล่าว: “เป็นพี่เหว่ย”
“แม่งเอ๊ย!”
ชางสู่ด่าอย่างเย็นชา: “เมื่อกี้ไอ้เหี้ยนั่นยังอยู่ตรงนั้นอยู่เลย”
“ฉันอยู่ตรงนี้ไงล่ะ!” เสียงของส้าวส้วย ดังมาจากทางด้านซ้ายของชางสู่
ชางสู่ไม่คิดเลยแม้แต่น้อย เขาย้ายปลายกระบอกปืนทันที และเล็งไปทางที่มาของเสียง แล้วลั่นไกปืนทันที
คนคนหนึ่งล้มลงไปกองกับพื้นอีกครั้ง ชางสู่วิ่งเข้าไปดู เป็นลูกน้องของตัวเองอีกแล้ว
“แม่งเอ๊ย แกตะโกนออกมาหน่อยไม่ได้หรือไง?”
หลังจากที่ชางสู่ตะคอกด่าไปที่ร่างไร้วิญญาณของลูกน้องของตัวเอง สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นดุร้ายขึ้นมา
พรรคพวกตายติดตามกันไปสองคน ทั้งยังเป็นตัวเองที่เป็นคนฆ่า ชั่วพริบตา อารมณ์ของชางสู่ แทบจะระเบิดออกมา
ชางสู่มองไปรอบ ๆ เขามองเห็นพรรคพวกของตัวเองต่างก็ลุกลี้ลุกลนไปหมด ชางสู่ตะโกนด่าออกมา: “เหี้ยเอ๊ยเลิกเล่นเป็นลิงหลอกเจ้าซะที ถ้าเก่งจริง แกก็ไสหัวออกมาสิ!”
“ก็ได้ ฉันออกมาแล้ว” ส้าวส้วยพูดขึ้นมาหนึ่งประโยค เขาปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหน้าของชางสู่ทันที
เพียงแต่ว่า ในตอนที่ชางสู่พึ่งจะยกแขน นำปืนยกขึ้นมานั้นเอง ที่อยู่ด้านหน้า กลับกลายเป็นพรรคพวกของตัวเอง
“ไม่ใช่นะ อย่านะ ลูกพี่ เป็นผมเอง”
สีหน้าของชางสู่ หม่นหมองถึงขีด เขามองพรรคพวกของเขา แล้วกล่าว: “ปืนของแกล่ะ?”
“มีคนจับตัวแก แกยิงปืนไม่เป็นหรือไง?” ชางสู่กล่าวถามอย่างเยือกเย็น
คำตอบของพวกเขานั้น เหมือนกันไม่มีผิด
“ปืน ปืนหายไปแล้ว”
ในตอนที่ทุกคนหาปืนในมือของตัวเองไม่เจอนั้น สีหน้าของชางสู่ ก็เริ่มลนลานขึ้นมา
เมื่อกี้ชางสู่รู้สึกได้ มีเงาของคนคนหนึ่ง ขยับไปมาอยู่ในร้านกาแฟอย่างไม่หยุด และคนคนนี้ จะต้องเป็นส้าวส้วยอย่างไม่ต้องสงสัย
การเคลื่อนไหวของส้าวส้วยเร็วมากเกินไป เร็วจนทำให้ชางสู่รู้สึกว่าส้าวส้วยไม่ใช่คน แต่เป็นดวงวิญญาณ
ดังนั้น ณ เวลานี้ ชางสู่ตกใจกลัวจนเหงื่อที่เย็นยะเยือกไหลออกมาไม่หยุด
และนั่นก็หมายความว่า ปืนที่อยู่ในมือพรรคพวกของตัวเองได้ถูกส้าวส้วยแย่งไปแล้ว
ส้าวส้วยเพียงแค่แย่งปืนในมือขอพวกเขาไป แต่ไม่ได้เอาชีวิตของพวกเขา นี่มันหมายความว่าอย่างไร?
ก็หมายความว่าดูถูกเหยียดหยามยังไงละ
สามารถแย่งปืนไปโดยที่พวกเขาไม่รู้ตัวได้ นั้นคือถ้าจะเอาชีวิตของพวกเขาล่ะก็ ก็ง่ายเพียงนิดเดียวถึงจะถูก
ชั่วพริบตา ชางสู่รู้สึกว่าส้าวส้วยคนนี้ น่ากลัวอย่างสุดขีด
อย่างน้อย การเคลื่อนไหวแบบนี้ ชางสู่ไม่สามารถทำได้
ยิ่งไปกว่านั้น ชางสู่รู้สึกว่าตัวเองเป็นลูกไก่ในกำมือที่ส้าวส้วยกำลังเล่นอยู่ ชางสู่ลังเลอยู่ชั่วขณะ เขาจับไปที่แขนพรรคพวกของตัวเองแล้วกล่าว: “วิ่ง!”
วิ่ง?
ชั่ววินาทีนั้น พรรคพวกของชางสู่ ต่างก็ตะลึงงัน
แต่หลังจากนั้นไม่นาน ชางสู่ก็วิ่งออกจากร้านกาแฟ อย่างรวดเร็วราวกับจรวด