NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - บทที่ 627 การจากไปของส้าวส้วย
และหลังจากที่ชางสู่และพรรคพวกหลบหนีไป แสงไปในห้อง ก็พลันสว่างขึ้น
เป็นส้าวส้วยที่เป็นคนเปิด
หลิงหลงถือกาแฟแก้วหนึ่ง แล้วยื่นให้กับส้าวส้วย กล่าว: “เหนื่อยแล้วล่ะสิ ดื่มกาแฟสักแก้ว”
“คืนนี้ได้ดื่มกาแฟไปเยอะแล้ว ขอน้ำให้ผมสักแก้วแล้วกัน” ส้าวส้วยส่ายหัว แล้วกล่าว
หลังจากนั้น หลังจากนั้นหลิงหลงก็มองส้าวส้วยแวบหนึ่ง: “เหอะ ๆ นายเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนไร้เดียงสาแบบนี้ไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? นี่มันไม่ใช่นายเลยนะ”
“งั้นผมควรจะเป็นยังไง?” ส้าวส้วยเอ่ยถาม
“ฆ่าอย่างไม่ยั้ง”
หลิงหลงยิ้ม กล้า: “ตามสไตล์ของนาย คนพวกนั้น ควรจะถูกนายฆ่าทั้งหมดถึงจะถูก แต่ว่า นายกลับปล่อยพวกเขาทั้งหมดไป”
“ที่นี่ไม่ใช่ต่างประเทศ” ส้าวส้วยอธิบาย
หลิงหลงกล่าว: “ฉันสามารถจัดการให้สะอาดได้ รับประกันว่าจะไม่มีใครรู้อย่างแน่นอน”
ส้าวส้วยไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่รับน้ำมาจากหลิงหลง แล้วจิบอย่างเบา ๆ
หลี่ฝางมองไปที่บนเคาน์เตอร์ บนเคาน์เตอร์มีปืนหลายกระบอกวางเรียงกันอยู่ และภายในร้านกาแฟ ก็มีร้างไรวิญญาณกองอยู่สองศพ
กระสุนทุกนัด ล้วนถูกยิงเข้าที่หน้าอก จุดสำคัญ
จะว่าไป ชางสู่คนนี้ ก็โหดเหี้ยมไม่เบา
เขาคิดจะเอาชีวิตของส้าวส้วยจริง ๆ
หลี่ฝางมองส้าวส้วยอย่างตะลึงเล็กน้อย แล้วเอ่ยถาม: “นายทำได้ยังไงน่ะ เมื่อกี้ฉันเพียงรู้สึกว่ามีลมพัดผ่าน จากนั้นบนเคาน์เตอร์นี้ ก็มีปืนเพิ่มขึ้นมากระบอกแล้วกระบอกเล่า
หลังจากที่หลี่ฝางพูดจบ ส้าวส้วยเพียงแค่หัวเราะเอิ๊กอ๊าก : “เจ้านาย ผมต้องไปแล้ว”
“อะไรนะ นายต้องไปแล้ว?” หลี่ฝางตะลึงงัน เขาจ้องมองส้าวส้วยพลางเอ่ยถาม: “นายกำลังล้อเล่นกับฉันอยู่ใช่ไหม?”
“ไม่ได้ล้อเล่น ผมต้องจากไปสักระยะจริง ๆ ช่วงเวลาที่ผมไม่อยู่ คุณจะต้องดูแลตัวเองให้ดี อีกอย่าง คุณต้องการแยกตัวออกจากผม แล้วยืนหยัดด้วยตัวเองมาโดยตลอดไม่ใช่เหรอ? นี่ถือว่าเป็นโอกาสพอดี”
ส้าวส้วยกล่าวอย่างยิ้มแย้ม
หลี่ฝางรู้ดีว่าส้าวส้วยไม่ใช่คนที่ชอบเอาเรื่องจริงจังมาล้อเล่น ชั่วขณะนั้น หลี่ฝางก็ถามขึ้นอย่างไม่ค่อยยินดี: “งั้นนายจะกลับมาเมื่อไหร่?”
“อาจจะหนึ่งอาทิตย์ หรืออาจจะหนึ่งเดือน” ส้าวส้วยกล่าวอย่างเรียบ ๆ
“นายจะไปทำอะไรเหรอ?” หลี่ฝางเอ่ยถามขึ้นมา: “บอกได้ไหม?”
“ออกไปกับลูกพี่น่ะ” ส้าวส้วยกล่าว: “แต่จะไปทำอะไรนั้น ตอนนี้ยังบอกคุณไม่ได้”
“นับว่าเป็นเรื่องผดุงคุณธรรมเรื่องหนึ่งก็ว่าได้” ส้าวส้วยกล่าว
“นายกับพ่อของฉันแค่สองคนเหรอ?” หลี่ฝางขมวดคิ้วถาม
“ใช่ แค่พวกเราสองคน” ส้าวส้วยกล่าว: “นี่เป็นภารกิจลับ ถ้าหากสำเร็จ ในมือของพวกเรา จะมีเบี้ยต่อรองเพิ่มขึ้นมาอีก”
“เบี้ยต่อรองอะไร?” หลี่ฝางถามต่อ
“รู้ไม่ว่าอะไรคือการฆ่าคนแล้วได้รับการยกเว้นโทษ?” ส้าวส้วยหัวเราะเอิ๊กอ๊าก: “ถ้าหากการปฏิบัติการของผมและลูกพี่ในครั้งนี้ราบรื่น ก็จะได้รับสิ่งนี้มา”
“เชรด การฆ่าคนแล้วได้รับการยกเว้นโทษ?” หลี่ฝางได้ยินดังนั้น ก็ตกใจทันที
ยังมีของแบบนี้อยู่ด้วยเหรอ?
ในที่สุดหลี่ฝางก็เข้าใจ ทำไมวันนี้จู่ ๆ ส้าวส้วยถึงได้เปลี่ยนไป ใช้วิธีการที่เด็ดขาด จนทำให้มู่เสี่ยวไป๋หนาวสั่นไปทั้งตัว
ที่แท้ ก็เพราะต้องไปแล้วนี่เอง
ก่อนที่จะไป เขาก็ได้ใช้พลังอำนาจข่มขู่มู่เสี่ยวไป๋ ข่มขู่โดยสิ้นเชิง
หลี่ฝางเอ่ยถาม: “จะไปตอนไหนเหรอ?”
“ตอนนี้เลย” ส่าวส้วยกล่าว: “เดิมทีกะว่าจะไปอย่างเงียบ ๆ แต่คิดไปคิดมาแล้ว บอกคุณสักคำดีกว่า ผมกลัวว่าคุณจะเป็นห่วง”
หลี่ฝางจ้องมองส้าวส้วย และไม่ได้พูดอะไร
ส้าวส้วยหัวเราะเหอะ ๆ โบกมือลา แล้วกล่าว: “ไปล่ะ”
“ผมคิดว่า หลังจากเรื่องในวันนี้ น่าจะไม่มีใครกล้ามาเอาชีวิตคุณอีกแล้ว” ส้าวส้วยกล่าว
รอจนส้าวส้วยเดินไปถึงหน้าประตู หลี่ฝางก็วิ่งตามออกไป แล้วกล่าว: “ฉันไม่ชอบการจากลา จุดจุดนี้ พ่อของฉันรู้ดี ดังนั้นตอนที่เขาจากไป ก็ไม่เคยบอกฉันเลยสักครั้ง”
“ฉันอยากจะบอกกับนายสักประโยค” หลี่ฝางสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ กล่าว
“รักษาเนื้อรักษาตัวให้ดี?” ส้าวส้วยเลิกคิ้วขึ้น
หลี่ฝางส่ายหน้า กล่าว: “กลับมาอย่างปลอดภัยพร้อมกับพ่อของฉัน”
“ฆ่าคนแล้วได้รับการยกเว้นโทษอะไรนั่น ต่อให้ไม่เอาก็ได้ จำไว้ รักษาชีวิตของตัวเองเอาไว้สำคัญที่สุด” หลี่ฝางกล่าว
ส้าวส้วยพยักหน้า แล้วเดินออกจากร้านกาแฟไปทันที
เพียงแค่ชั่วเวลาของบุหรี่มวนเดียว ชางสู่และพวก ก็ได้หายไปไม่เหลือแม้เงาแล้ว เป็นที่ประจักษ์ ชางสู่คนนี้ตกใจกลัวจนแทบฉี่ราด
จะว่าไปแล้ว การแสดงออกของส้าวส้วยเมื่อสักครู่นั้น มันช่างแปลกประหลาดจริง ๆ
ไฟปิดลง ราวกับเพชฌฆาตที่สามารถเด็ดหัวของพวกเขาได้ตลอดเวลายังไงอย่างงั้น
ในตอนที่ส้าวส้วยเดินไปถึงข้างทาง รถอาวดี้สีขาวคันหนึ่งก็ขับเข้ามา และรับส้าวส้วยออกไป
หลี่ฝางมองเห็นอย่างชัดเจน คนที่ขับรถ ก็คือพ่อของตัวเอง หลี่ต๋าคางนั่นเอง
แต่ทว่า พ่อของตัวเอง ไม่ได้ชำเลืองตามองตัวสักนิด
บางครั้งหลี่ฝางเองก็ยังสงสัย ว่าตัวเองไม่ใช่ลูกแท้ ๆ
เขาส่ายหัว จากนั้นหลี่ฝางก็เดินกลับเข้ามาหาหลิงหลง
“พี่หลิงหลง พี่รู้ไหมว่าพวกเขาไปทำอะไรกัน?” หลี่ฝางอยากรู้อยากเห็นจนอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม
หลิงหลงพยักหน้า
“บอกผมได้ไหม?” หลี่ฝางถามต่อ
“เด็กน้อยรู้มากเกินไป ไม่ใช่เรื่องดีหรอกนะ” หลิงหลงยิ้ม
“มา มาช่วยพี่ทำความสะอาดเร็ว……เฮ้อ เมื่อกี้ยังเตือนพวกคุณอยู่เลย ว่าอย่าทำให้ร้านกาแฟสกปรก เป็นอันขาด คิดไม่ถึง……” หลิงหลงส่ายหน้า จะนับว่าเป็นการเปลี่ยนหัวข้อสนทนาก็ได้
หลังจากนั้น หลี่ฝางและหลิงหลงก็ช่วยกันจัดการกับร่างไร้วิญญาณนั่น
สามสิบนาทีต่อมา ไอ้หน้าหนวดก็พาพรรคพวกมาสองสามคน และนำเอาร่างไร้วิญญาณออกไป
การจากไปของส้าวส้วย สำหรับหลี่ฝางแล้ว ค่อนข้างทำให้เขาไม่เคยชินอยู่สักพัก
แต่ว่า ก็เหมือนกับที่ส้าวส้วยพูด เกรงว่าช่วงเวลาหลังจากนี้ คงไม่มีใครกล้าที่จะลงมือหนัก ๆ กับหลี่ฝาง
วันนี้เกิดวิกฤตครั้งใหญ่ขึ้นกับตระกูลมู่แบบนั้น ทั่วทั้งตระกูลมู่ต่างก็ได้เผชิญหน้ากับการคุกคามของส้าวส้วย ทั้งยังเกิดขึ้นภายในชั่วพริบตา เรื่องนี้แพร่กระจายออกมา ไม่ว่าจะเป็นตระกูลจูเก่อ หรือตระกูลซือถู คงจะต้องตรวจสอบสมาชิกในครอบครัว และคนรอบข้างอย่างเคร่งครัดแน่นอน
หลังจากที่หลิงหลงเปลี่ยนชุดใหม่ เธอมองหลี่ฝางที่มีเรื่องทับถมอยู่ภายในใจ แล้วถามขึ้นมา: “จะออกไปข้างนอกกับพี่หน่อยไหม?”
“ไปทำอะไรเหรอ?” หลี่ฝางกะพริบตาปริบ ๆ โดยไม่ทันรู้ตัว พลางเอ่ยถาม
“ไปที่โรงพยาบาล ดูว่าฉินจื่อยี่ฟื้นขึ้นมาหรือยัง” หลิงหลงกล่าว
หลี่ฝางพยักหน้า ถือเป็นการตกลง
ไม่ว่ายังไง ฉินจื่อยี่ก็นับว่าเป็นเพื่อนของตัวเองแล้ว
แต่หลังจากที่เขาเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ ตัวเองยังไม่เคยไปเยี่ยมเขาเลยสักครั้ง
หลี่ฝางมองดูรอยเลือดบนร่างกายของตัวเอง แล้วเอ่ยถาม: “ผมจะเปลี่ยนเสื้อผ่าหน่อยดีไหม?”
“แต่อยู่ที่นี่ฉันก็มีเพียงแค่ชุดพนักงานนะ” หลิงหลงกล่าวอย่างลำบากใจเล็กน้อย
“ไม่เป็นไร ต่อให้เป็นชุดขอทาน ก็ยังดีกว่าชุดที่ผมใส่อยู่ในตอนนี้ ออกไปโดยที่ร่างกายเต็มไปด้วยเลือดแบบนี้ จะไม่ทำให้พยาบาลตัวน้อยในโรงพยาบาลตกใจแทบตายหรอกเหรอ?” หลี่ฝางพูดติดตลก
“พวกเขาไม่ตกใจกลัวหรอก แต่พวกเขาจะเห็นว่าคุณเป็นคนไข้ คนไข้ที่เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์” พี่หลิงหลงยิ้ม และยื่นชุดใหม่เอี่ยมให้กับหลี่ฝาง
“มีคนไข้ที่กระโดดโลดเต้นแบบนี้ที่ไหนกัน” หลี่ฝางพูดจบ เขาก็มองไปที่พี่หลิงหลง แล้วเอ่ยถาม: “พี่หลิงหลงหันหลังไปหน่อยจะได้ไหม ผมจะเปลี่ยนชุด”
“ทำไมเหรอ คุณต้องถอดออกหมดเลยหรือยังไง?”
“เปลี่ยนแค่กางเกงและเสื้อด้านนอกเท่านั้นเอง ไม่เห็นเป็นไรเลย” หลิงหลงกล่าวอย่างเมินเฉย
หลี่ฝางครุ่นคิดอยู่สักพัก ก็จริงแฮะ อยู่ที่ชายทะเล ผู้สายก็ใส่แค่เพียงกางเกงชายหาดขาสั้นตัวเดียวเองไม่ใช่เหรอ?
ยิ่งไปกว่านั้นตัวเองยังใส่กางเกงขาสั้นอยู่ข้างในอีกนี่นา
หลังจากที่เปลี่ยนชุดเสร็จ หลิงหลงก็ขับรถเชฟโรเลตคันสีเหลืองเข้ามา จากนั้นก็เรียกหลี่ฝางขึ้นรถ
ในระหว่างทาง หลี่ฝางมองออกไปนอกหน้าต่าง ทันใดนั้นเข้าก็รู้สึกไม่ค่อยมีความสุขขึ้นมาเล็กน้อย
ไม่รู้ว่าทำไม หลี่ฝางมักรู้สึกว่าการจากไปของส้าวส้วย มีความเป็นไปได้ที่จะเกี่ยวข้องกับตัวเอง
หลายวันมานี้ หลี่ฝางทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจ ที่จะหลีกเลี่ยงส้าวส้วย ไม่ให้ส้าวส้วยเข้ามาอยู่เรื่องของตัวเอง
การกระทำของตัวเอง ได้ทำให้ส้าวส้วยเกิดความเข้าใจผิดขึ้นมาหรือเปล่านะ คิดว่าตัวเองกำลังรังเกียจเขา?
ดังนั้นเขาถึงได้จากไป?
หลี่ฝางทอดถอนใจยาว ๆ ภายในรถ หลังหลงเห็นภาพนี้ ก็ยิ้มถามขึ้นมา: “การจากไปของส้าวส้วย ดูเหมือนว่า จะมีผลกระทบต่อความรู้สึกของคุณอยู่ไม่น้อย”
“เขาดีต่อผมมาก” หลี่ฝางกล่าว: “ผมรู้สึกมาอยู่ตลอด ผมสนิทกับเขามากว่าพี่ชายแท้ ๆ ของผมซะอีก”
“พี่หลิงหลง ภารกิจของเขาในครั้งนี้ อันตรายมากหรือเปล่า”
ทันใดนั้นหลี่ฝางก็ถามขึ้นมาอย่างเป็นห่วง
หลิงหลงลังเลอยู่สักพัก ถึงได้กล่าว: “ฉันไม่อยากโกหกคุณ ภารกิจของส้าวส้วยในครั้งนี้ อันตรายจริง ๆ”
“แต่ฉันเชื่อส้าวส้วยและลูกพี่ จะต้องกลับมาอย่างปลอดภัยแน่ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขาไปที่นั่น”
“สถานที่แห่งนั้นอันตรายสุดขีด ในทำนองเดียวกัน การมีอยู่ของสถานที่แห่งนั้น ทำให้เกิดผลกระทบที่เลวร้าย ต่อทั่วทั้งโลก” หลิงหลงกล่าว
คำพูดนี้ถ้าออกมาจากปากของคนอื่นล่ะก็ หลี่ฝางจะต้องคิดว่าเขากำลังคุยโวอยู่อย่างแน่นอน
นี่มันแม่ง ไปกอบกู้โลก?
แต่ว่า หลี่ฝางเชื่อที่หลิงหลงพูด
หลี่ฝางทอดถอนใจ กล่าว: “หวังว่าพวกเขาจะกลับมาอย่างปลอดภัยโดยเร็ว”
“ไม่มีทางเลือกนี่ ความสามารถเยอะ ความรับผิดชอบก็เยอะตาม คนที่มาในครั้งนี้ ไม่ใช่คนธรรมดาสามัญทั่วไป ถ้าหากปฏิเสธไปล่ะก็ งั้นการปฏิบัติการที่เมืองเอกของพวกเราในอนาคต ก็จะถูกพวกเขาคอยขัดขวาง และยากที่จะก้าวเดินได้” หลิงหลงกล่าว
“ทำไมคนคนนั้นถึงได้ร้ายกาจแบบนั้นล่ะ?” หลี่ฝางเอ่ยถามด้วยความตกใจเล็กน้อย
“ใช่แล้ว ที่ข้างกายของคุณ มีเด็กผู้หญิงที่ชื่อโก่เอ๋ออยู่ใช่ไหม?” หลิงหลงเอ่ยถาม
หลี่ฝางอืมตอบรับ พลางเอ่ยถาม: “ทำไมจู่ ๆ ถึงได้ถามถึงโก่เอ๋อขึ้นมาล่ะครับ?”
“คนที่ไปด้วยกันในครั้งนี้ ข้างในมีพี่ชายของโก่เอ๋อรวมอยู่ด้วย แต่ว่าที่เขาไปในครั้งนี้ เพียงแค่ไปเอาความดีความชอบแค่นั้นเอง เขาไม่ต้องทำอะไรเลย แค่ติดตามก็พอ แต่ถ้าภารกิจในครั้งนี้สำเร็จ เช่นนั้นความดีความชอบ ก็จะตกเป็นของพี่ชายของหล่อน”
หลิงหลงยิ้มอย่างขมขื่น พลางกล่าว: “สังคมก็เป็นแบบนี้”
หลี่ฝางพอจะเข้าใจอะไรขึ้นมา ว่าคนที่ส้าวส้วยและพ่อของเขาทำงานให้ในครั้งนี้ มีสถานะแบบไหนแล้ว
ระดับความเร็วรถของหลิงหลง ขับเร็วมาก
ในขณะที่ใกล้จะถึงทางเข้าโรงพยาบาล หลี่ฝางก็ถามขึ้นมาอีกครั้ง: “พี่หลิงหลง ยังมีอีกเรื่อง ที่ผมสงสัย”
หลิงหลงยิ้มอย่างสงบ: “คุณนี่เหมือนทารกที่กำลังอยากรู้อยากเห็นจังเลยนะ”
“พี่ชอบฉินจื่อยี่ใช่หรือเปล่า?”
หลี่ฝางหัวเราะคิกคัก กล่าว: “ถ้าไม่อย่างนั้นดึกขนาดนี้แล้ว ทำไมจู่ ๆ พี่ถึงได้มาเยี่ยมเขาล่ะ”
สีหน้าท่าทางของหลิงหลงไม่ได้มีความเปลี่ยนแปลงใด ๆ เลย มองไม่เห็นความประหม่าเลยแม้แต่น้อย
“ถ้าไม่ใช่เพราะฉัน เขาก็คงไม่ได้รับความสะเทือนทางอารมณ์ แล้วก็จะไม่เกิดอุบัติเหตุรถชน” หลิงหลงกล่าว: “ฉินจื่อยี่เป็นคุณชายน้อยที่ร้ายไร้เดียงสา จิตใจงดงาม แต่ไม่ใช่สเปคของฉัน”
“ถ้าจะพูดให้ถูกหน่อย ไม่ว่าจะเป็นผู้ชายบุคลิกแบบไหน ฉันไม่ชอบ” หลิงหลงกล่าวต่อ
ใบหน้าของหลี่ฝางมีสีหน้าท่าทางตะลึง หลินหลงขมวดคิ้วอธิบาย: “อย่าคิดลึก ฉันไม่ได้ชอบเพศเดียวกัน”
“แล้วทำไมพี่ถึงไม่ชอบผู้ชายล่ะ?” หลี่ฝางถามกลับ
บนใบหน้าของหลิงหลงมีแววโมโหขึ้นมาแวบหนึ่ง: “เพราะฉันเคยเห็นด้านที่สกปรกที่สุดของผู้ชายไงล่ะ”
“จริง ๆ แล้ว ฉันเกลียดผู้ชายทุกคน แม้กระทั่งคุณ” หลังหลงกล่าวขึ้นอย่างกะทันหัน
หลี่ฝางตกใจจนหัวในลงไปอยู่ตาตุ่ม
“ขอโทษนะ” หลังจากที่เห็นหลี่ฝางตกใจกลัว หลิงหลงก็รีบกล่าวขอโทษขอโพย
“เป็นผมต่างหากที่ควรต้องขอโทษ ผมรู้ ว่าพี่เคยถูกทรมานอย่างไร้มนุษยธรรมมาก่อน และการทรมานเหล่านี้ เดิมที่ไม่ได้เป็นของพี่ เป็นพ่อของผมที่ทำให้พี่ต้องพลอยลำบากไปด้วย ความเจ็บปวดที่หัวใจและร่างกายของพี่ได้รับ พ่อของผมมีหน้าที่รับผิดชอบ ในทำนองเดียวกัน ผมเองก็รู้สึกผิด” หลี่ฝางกล่าว
“ฉินวี่เฟยเด็กสาวคนนั้น ดูเหมือนว่าจะพูดให้คุณฟังหมดแล้ว”
หลิงหลงเบ้ปากยิ้ม: “ช่างมันเถอะ ไม่โทษลูกพี่หรอก มันเป็นสิ่งที่ฉันเลือกเอง”
กล่าวไป หลิงหลงก็ดับเครื่องยนต์ แล้วเดินเข้าไปในโรงพยาบาล
ในเวลานี้ ฝนได้บางเบาลงมากแล้ว หลี่ฝางเดินตามอยู่ด้านหลังของหลิงหลง
“อ้อใช่ คุณรู้ไหมว่าฉินจื่อยี่พักอยู่ที่ห้องไหน?” หลิงหลงเดินมาได้ครึ่งทาง จู่ ๆ ก็หยุดลง แล้วหันมาถามหลี่ฝาง
หลี่ฝางพยักหน้า แล้วเริ่มนำทางให้กับหลิงหลง ผ่านไปประมาณหลายนาที หลี่ฝางและหลิงหลงทั้งคู่ก็ได้ปรากฏตัวขึ้นที่หน้าห้องผู้ป่วยของฉินจื่อยี่
อยู่ที่ด้านหน้าประตูของห้องผู้ป่วย หลี่ฝางก็มองเห็นว่าฉินวี่เฟยก็อยู่ข้างใน”