NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - บทที่ 633 คนชั่วก็มักจะเจอคนที่ชั่วกว่าจัดการ
ฉินซ่างเสียนใจเย็นลง เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าตนเองทำอะไรไม่ได้เลย
ฉินซ่างเสียนเมื่อก่อน รู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้สืบทอดของตระกูลฉิน เป็นตัวแทนประธานกรรมการ สง่างาม และน่าเกรงขาม อยู่ที่ตระกูลฉินและบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปมาตลอด
แต่มาวันนี้ กลับถูกเด็กน้อยอย่างฉินเสี่ยวหู่บีบจนหมดหนทาง
“คุณอา ยังต้องคิดทบทวนมั้ย?” ฉินเสี่ยวหู่พูด: “ผมจำได้ว่า อาเอ็นดูพี่รองที่สุดนี่”
“ขอแค่อาผงกหัว สนับสนุนผมหน่อย ผมรับประกันว่าฝั่งของคุณชายมู่หรง จะไม่ทำร้ายพี่รองแล้ว โอเคมั้ย?” ฉินเสี่ยวหู่พูดกับฉินซ่างเสียน
ฉินซ่างเสียนลังเล
ฝั่งนึงก็เป็นเลือดเนื้อ ลูกสาวที่ตนรักและเอ็นดู
ส่วนอีกฝั่ง ก็เป็นอนาคตของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป ถ้าหากตนสนับสนุนฉินเสี่ยวหู่ นั่นก็เท่ากับตนช่วยฉินเสี่ยวหู่ ทำลายสิ่งที่พ่อของตนสร้างขึ้นมาทั้งหมด
ฉินซ่างเสียนตกอยู่ในทางเลือกที่ยากลำบาก
“จะบอกให้นะ ถ้าอาไม่สนับสนุนผม งั้นฝั่งพี่รอง ก็จะยิ่งอนาถขึ้นนะ ชีวิตพี่รองในตระกูลมู่หรง อยู่อย่างแย่กว่าหมาตัวนึงอีกนะ”
“แล้วก็นะ เมื่อกี้ผมก็ไม่ได้ขู่น้องวี่เฟยเล่นๆ นะ ถ้าอาไม่ยอมสนับสนุนผม ผมทำจริงนะ สาวสวยอันดับหนึ่งในเมืองเอกเสียโฉม ต้องเป็นข่าวดังในเมืองเอกแน่ๆ เลย”
“ยังมีพี่ใหญ่ผมฉินจื่อยี่ สมองเขาในตอนนี้ไม่สามารถได้รับความกระทบกระเทือนนะ ถ้าหากผมบอกเขา ว่าคุณปู่ตายไปแล้ว อาลองเดาดูสิว่าเขาจะเป็นยังไง?”
“แล้วก็……”
ฉินซ่างเสียนขัดฉินเสี่ยวหู่ ขมวดคิ้วแล้วพูดเสียงเย็นชา: “ไม่ต้องพูดแล้ว ฉันสนับสนุนนายได้ แต่ฉันมีข้อแม้ นายจะต้องตอบรับฉัน ถ้าไม่อย่างนั้น ถึงแม้นายจะฆ่าฉัน ฉันก็ไม่มีทางยอมสนับสนุนนาย”
“คุณอา พูดเถอะ” ฉินเสี่ยวหู่หัวเราะฮี่ๆ
“แต่ว่าข้อแม้ของอาอย่าให้มันมากไปนะ จะบอกให้ อาเอาผมไม่อยู่หรอก” ฉินเสี่ยวหู่พูดพลางหัวเราะฮี่ๆ
ฉินซ่างเสียนพูด: “ข้อแรก ให้มู่หรงฉางเฟิงหย่ากับหยีหรัน ต้องแยกกัน ฉันจะให้ลูกสาวของฉันแยกตัวกับปีศาจมู่หรงฉางเฟิงนั่น”
“เรื่องนี้ไม่มีปัญหา คุณชายมู่หรงเล่นกับพี่รองจนเบื่อแล้ว ดังนั้นเขาต้องปล่อยพี่รองแน่ ก็เพื่อเอามาต่อรองกับจิ้งจกเฒ่าแบบอาเท่านั้น” ฉินเสี่ยวหู่พูด
ฉินซ่างเสียนได้ยินแบบนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะจ้องฉินเสี่ยวหู่ตาเขม็ง
ฉินเสี่ยวหู่ยักคิ้ว: “อย่าโทษผมสิ คุณอา อาก็รู้ ผมเป็นคนพูดตรงๆ ปากไว พูดอะไรไม่ได้ผ่านสมองหรอก ความจริงเป็นยังไง ผมก็พูดไปแบบนั้น”
ฉินเสี่ยวหู่มองฉินซ่างเสียน แล้วถาม: “ยังมีข้อแม้อะไรอีกมั้ย? พูดมาทีเดียว”
“หนึ่งร้อยล้าน ฉันต้องการเงินสดหนึ่งร้อยล้าน” ฉินซ่างเสียนพูด
ฉินเสี่ยวหู่พูดเหอะๆ : “คุณอาขอมากไปมั้ย ผมจะไปมีเงินหนึ่งร้อยล้านได้ยังไงกัน”
“นายไม่มี ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นไม่มีนี่ บริษัทฉินซื่อกรุ๊ปมีมูลค่ากว่าสี่พันล้าน หากเอาเงินมาจนหมด นายกับมู่หรงฉางเฟิง อย่างน้อยก็ต้องได้สองสามพันล้านแล้ว ฉันเอาแค่หนึ่งร้อยล้าน ถือว่าน้อยแล้วนะ”
ฉินซ่างเสียนพูด: “ฉันจะไปจากที่นี่ พาคนในครอบครัวของฉันออกไปด้วย”
“เหอะๆ จะหนีงั้นเหรอ!” ฉินเสี่ยวหู่พูด
“จะพูดยังไงก็แล้วแต่นาย ถึงยังไงบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปก็ต้องสูญสิ้นแล้ว งั้นฉันก็ไม่จำเป็นจะต้องอยู่ที่นี่ต่อไปแล้ว ให้ฉันหนึ่งพันล้าน ฉันจะได้ไปตั้งหลักที่อื่น” ฉินซ่างเสียนพูด
ฉินเสี่ยวหู่พูด: “เรื่องนี้ ผมต้องถามความเห็นคุณชายมู่หรง เงินหนึ่งพันล้าน ผมตัดสินใจเองไม่ได้”
“เอาล่ะ พรุ่งนี้ผมค่อยมาให้คำตอบ”
ฉินเสี่ยวหู่มองฉินซ่างเสียน แล้วพูด: “กลับไปดูลูกชายกับลูกสาวอาเถอะ สงบสติอารมณ์พวกเขาหน่อย”
ฉินซ่างเสียนมองฉินเสี่ยวหู่ แล้วพูด: “หลังจากฉันไป ก็ดีกับคนในตระกูลฉินให้มากๆ หน่อย รวมถึงอาซานด้วย”
“วางใจเถอะ ขอแค่เขาไม่มาคุกคามตำแหน่งของผม มามีผลกระทบต่อทางเดินของผม ผมจะไม่ทำอะไรเขา ตระกูลฉินของพวกเรา เลี้ยงพวกว่างงานไหวอยู่” ฉินเสี่ยวหู่พูด
“ถือว่านายยังพอมีสามัญสำนึกอยู่บ้าง” ฉินซ่างเสียนหึใส่ แล้วก็เดินเข้าห้องพักของฉินวี่เฟยไป
ฉินซ่างเสียนในตอนนี้ ก็เหมือนกับลูกบอล ที่ไม่มีลม
ส่วนฉินเสี่ยวหู่ก็เดินออกมาจากโรงพยาบาลอย่างแฮปปี้ ขณะที่กำลังจะเตรียมตัวขึ้นรถ ก็มีเสียงฝีเท้า ดังขึ้นจากทางด้านหลัง
“ใครนะ?”
ฉินเสี่ยวหู่หันหลังมองอย่างระแวง แต่กลับไม่เห็นแม้แต่เงาคน
“แม่งเอ๊ย ช่วงนี้เป็นอะไรเหนี่ย ทำไมถึงได้กลัวผีสางนะ” ฉินเสี่ยวหู่คิดว่าตัวเองหูแว่วไป แต่ว่าพอควักกุญแจออกมา ก็มีสิ่งหนึ่ง ทุบไปที่ท้ายทอยของเขา
“เชี่ยมึง……”
ฉินเสี่ยวหู่ก่นด่าหนึ่งคำ ก่อนจะฟุบลงแขนของโหจื่อ แล้วถูกโหจื่อแบกขึ้นรถไป
“คุณชาย จับมันได้แล้ว”
โหจื่อพูด หลี่ฝางจึงออกมาจากโรงพยาบาล แล้วเข้าไปในรถของโหจื่อ
“ไม่ถูกCCTVถ่ายติดว่านายทำใช่มั้ย?” หลี่ฝางพูดอย่างกังวล
“CCTV? มีที่ไหน?” โหจื่อถามกลับ
หลี่ฝางเงยหน้า มองกล้องรอบด้าน ทั้งหมดถูกคนทำลายพังไปหมดแล้ว
หลี่ฝางส่ายหน้า ยิ้มอย่าละเหี่ยใจ แล้วพูด: “ไปเถอะ หาที่ที่ไม่มีคน สอบสวนไอ้หมอนี่หน่อย”
โหจื่อขับรถ หลังจากนั้นสิบนาที ทั้งสองก็มาที่สุสานรกร้าง
ลมเย็นๆ พัดมา หลี่ฝางยังสั่นโดยไม่รู้ตัว
“ปลุกมันให้ตื่นที” หลี่ฝางพูดกับโหจื่อ
โหจื่อพยักหน้า แล้วก็เปิดช่องกางเกงของตัวเองออก จากนั้นก็ฉี่รด ลงไปที่หัวของฉินเสี่ยวหู่
“โหแม่ง ช่วงนี้ร้อนใน เยี่ยวเหลืองเชียว”
โหจื่อก็สบถไป ส่วนฉินเสี่ยวหู่ก็ค่อยๆ ได้สติ
เมื่อเขาเห็นโหจื่อ ก็ก่นด่าเสียงดัง: “เชี่ยแม่งมึงเป็นใครเหนี่ย กล้าลักพาตัวฉันเหรอ?”
“เชี่ยเอ้ย กลิ่นอะไรเหนี่ย ทำไมคาวฉิบหาย” ฉินเสี่ยวหู่ลุกขึ้น ตาสองข้างจ้องไปที่โหจื่อ ต่อมา เขาก็เห็นหลี่ฝาง
“ที่แท้เป็นนาย”
ฉินเสี่ยวหู่เห็นหลี่ฝาง ก็จะเริ่มลงไม้ลงมือ แต่โหจื่อก็อุดจมูก และควักปืนออกมา เล็งไปที่หัวของฉินเสี่ยวหู่: “แม่งเอ๊ย ไสหัวไปไกลๆ กูหน่อย ถ้ากล้าเข้ามาแม้แต่ก้าวเดียว พ่อยิงทิ้งแม่งเลย”
ฉินเสี่ยวหู่ขมวดคิ้ว พลางมองโหจื่อ: “นายเยี่ยว……”
ฉินเสี่ยวหู่เห็นซิปกางเกงของโหจื่อ ก็อยากจะตายตรงนั้น
“ใช่ ฉันเยี่ยวรดเพื่อปลุกนายเอง ทำไม ไม่พอใจเหรอ จะบอกนายให้นะ ได้รับความเมตตาจากฉัน ถือว่าเป็นเกียรติในชีวิตของนายเลยนะ รู้มั้ย? ยังจะมารังเกียจว่าฉี่ฉันคาวอีก เ**ดแม่ง รีบตบหน้าตัวเองสองครั้งเดี๋ยวนี้ ถ้าไม่อย่างนั้น ฉันจะยิงนายทิ้งซะไอ้ลูกหมา”
“เยี่ยวฉันเป็นยานะเว้ย คนไม่น้อยต้องการยังไม่ได้เลย นายมันไอ้โง่ยังจะมารังเกียจ”
“ได้ของดีแล้วยังไม่รู้จักค่าอีก” โหจื่อพูด
ฉินเสี่ยวหู่จ้องโหจื่อตาเขม็ง นัยน์ตาแทบลุกเป็นไฟ: “ฉันจะฆ่าแก”
ฉินเสี่ยวหู่ปริ๊ดแตก แต่ว่าขณะที่เขาจะโมโห ก็ถูกโหจื่อหยุดไว้ก่อน
โหจื่อไม่พูดมากความ เขาเหนี่ยวไกปืน ยิงไปที่นิ้วของฉินเสี่ยวหู่
“ฉันบอกแล้วว่าอย่าเข้ามา ทำไมถึงไม่ฟัง? จะบอกให้นะ ไม่ฟังคำปู่ จะต้องเสียใจนะ” โหจื่อมองฉินเสี่ยวหู่ แล้วพูดสั่งสอน
“นี่ก็ นิ้วด้วนไปแล้วนิ้วนึงใช่มั้ย? นี่ก็คือผลลัพธ์ของการไม่เชื่อฟัง เด็กน้อย ต้องเชื่อฟัง เข้าใจมั้ย?”
โหจื่อพูด: “มา เร็วๆ จำได้มั้ยว่าเมื่อกี้ฉันพูดว่าอะไร?”
ฉินเสี่ยวหู่กุมนิ้วของตัวเองไว้ มองโหจื่อ สายตาเคียดแค้น ซับซ้อนและหวาดกลัว
“เห็นทีฉันจะต้องกระตุกความทรงจำนายหน่อยแล้ว”
โหจื่อมองแล้วยิงไปมั่วๆ ต่อมาก็ยิงโดนนิ้วของฉินเสี่ยวหู่อีกครั้ง
สีหน้าของฉินเสี่ยวหู่ เข้มลงทันที
“จำที่ฉันพูดไปเมื่อกี้ได้ยัง?” โหจื่อถามอย่างนิ่งๆ : “ถ้าหากยังนึกไม่ออก งั้นปู่คงจะต้องเปลืองกระสุนอีกนัดแล้วสิ”
“นายว่านายก็ยังหนุ่มอยู่ ไม่ใช่แค่หูไม่ดี ยังความจำแย่อีกเหรอ”
“ตามหลักแล้ว อายุของนายก็ต้องเป็นนักศึกษานะ ไม่น่าล่ะสอบไม่ติด ที่ฉันพูดเมื่อกี้ นายยังลืม” โหจื่อพูด ไม่ได้ให้เวลาฉินเสี่ยวหู่นึกเลย ก็เหนี่ยวไกปืนอีกครั้ง
โหจื่อยิงกระสุนออกไปอย่างนิ่งๆ ทำให้ฉินเสี่ยวหู่เจ็บจนหายใจไม่ออก จนเขาคุกเข่าลงไปกับพื้น กุมมือไว้ ลุกไม่ขึ้นอยู่นาน
“ทำไมคุกเข่าให้ฉันซะแล้วล่ะ? นายนี่มันโง่จริง ฟังไม่ชัด ก็เอ่ยปากถามไม่เป็นเหรอ? อวัยวะด้านล่างจมูกมีไว้ประดับเหรอ? พระเจ้าให้ปากนายมา ก็เอามาให้นายเอ่ยปากถามไง”
“เอาละ ลุกขึ้นมา ไม่ต้องคุกเข่าให้ฉันแล้ว ฉันจะพูดอีกครั้ง ตบหน้าตัวเองสองครั้ง เพราะว่านายดูถูกฉี่ของปู่ เมื่อกี้ฉันบอกแล้ว เยี่ยวของปู่ เป็นสิ่งที่มีค่าเทียบไม่ได้นะ ไม่ใช่ของให้คนโง่อย่างนายมาดูถูก” โหจื่อพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
ครั้งนี้ ฉินเสี่ยวหู่ไม่ได้ลังเลเลย เขาจะโดนโหจื่อพูดให้เชื่องเลย เขาตบไปที่หน้าของตนหนึ่งที่ จนเกิดเสียงดังขึ้น
“เรื่องดีๆ ต้องมีสองครั้ง ตบอีกที” โหจื่อพูดเร่ง
ฉินเสี่ยวหู่ตบไปที่หน้าตัวเองอีกครั้ง และมองโหจื่อด้วยสายตาอ้อนวอน: “พี่ชาย ปล่อยผมไปได้มั้ย?”
“พี่ชาย? หน้านายมีทองแปะอยู่เหรอ”
โหจื่อขมวดคิ้ว และพูดอย่างไม่ค่อยพอใจ: “รีบตบหน้าตัวเองอีกที ใครให้หน้าอย่างนาย มีความกล้าเรียกปู่อย่างฉันว่าพี่กัน?”
ในใจของฉินเสี่ยวหู่ไม่พอใจสุดๆ แต่ก็ทำได้แค่ทำตาม
ใครใช้ให้ในมือของโหจื่อมีปืนล่ะ
ฉินเสี่ยวหู่ตบไปที่หน้าของตัวเองอีกที โหจื่อจึงพยักหน้า แล้วพูดอย่างพอใจ: “ไม่เลว เอาล่ะ บัญชีของพวกเรา ถือว่าสิ้นสุดลงตรงนี้”
“แต่ว่า ฉันคิดว่านายก็ต้องรู้สำนึกบุญคุณ มาขอบคุณฉี่ของปู่ นายคิดว่าไง?” โหจื่อมองฉินเสี่ยวหู่ แล้วพูด
ฉินเสี่ยวหู่แทบหมดคำจะพูด แต่ก็ยังแกล้งทำเป็นขอบคุณแล้วพูด: “ขอบคุณฉี่ของคุณปู่ ขอบคุณฉี่ของคุณปู่”
โหจื่อหัวเราะฮี่ฮี่: “ไม่เลว ทำได้ดี เป็นเกียรติของนายสุดๆ บนโลกนี้ คนที่คู่ควรกับฉี่ของปู่ มีแค่ไม่กี่คน”
“ไอ้หนู นายสามารถเอาเรื่องคืนนี้ ไปเป็นเกียรติของนายได้ทั้งชีวิตเลย ได้แม้แต่เป็นเกียรติของวงศ์ตระกูลได้เลยนะ รอให้นายตายไป บนหลุมศพนายก็จะจารึกไว้”
โหจื่อพูดจบ ก็มองฉินเสี่ยวหู่ แล้วพูด: “นายคิดว่าไง?”
“ใช่ใช่ใช่” ฉินเสี่ยวหู่ไม่กล้าขัดใจโหจื่อแล้ว เกรงว่าถ้าโหจื่อไม่พอใจ จะยิงนิ้วเขาอีกนิ้ว
โหจื่อหัวเราะเหอะๆ พลางมองฉินเสี่ยวหู่ แล้วพูด: “ยังคิดว่านายว่านายโหดตรงไหนกัน ที่จะคู่ควรให้ฉันวิ่งมาจากตงไห่ คิดไม่ถึงว่าจะมาเจอลูกกระจ๊อกคนนึง”
น้ำเสียงของโหจื่อ เต็มไปด้วยความดูถูก เขามองหลี่ฝาง แล้วพูด: “เจ้านาย รับช่วงต่อเลย ผมไปดูดบุหรี่หน่อย” โหจื่อพูด พลางเดินออกไป
หลี่ฝางมองฉินเสี่ยวหู่ที่คุกเข่าอยู่ที่พื้น ในใจก็นึกถึงทำที่คนโบราณเขาพูดกัน ที่บอกว่าคนชั่วจะต้องเจอคนที่ชั่วกว่าจัดการ ฉินเสี่ยวหู่เป็นคนชั่ว ส่วนโหจื่อก็คือคนที่ชั่วกว่าเขาเป็นหมื่นเท่า
ฉินเสี่ยวหู่ตกอยู่ในมือของโหจื่อ ถือได้ว่าเป็นโชคร้ายสุดๆ ของเขาในคืนนี้
ฉินเสี่ยวหู่มองหลี่ฝาง นัยน์ตาแสดงให้เห็นความหวาดกลัว เขารู้ คืนนี้เขาโชคร้ายแล้วแน่ๆ
“คุณชายหลี่ ได้โปรดปล่อยผมไปเถอะ ที่ผมทำไปทั้งหมด เป็นคุณชายมู่หรงบังคับทั้งนั้น ผมก็อยากจะห้ามให้จัดงานศพของปู่ ยิ่งไม่อยากลงมือทำร้ายน้องวี่เฟย และยิ่งไม่อยากเป็นศัตรูกับคุณ แต่ผมไม่มีทางเลือก” ฉินเสี่ยวหู่พูดด้วยสีหน้าหมดหนทาง
หลี่ฝางพยักหน้า แล้วพูด: “ฉันรู้ว่านายโดนบังคับมา ดังนั้น ตอนนี้ฉันให้โอกาสนาย ต้องการมั้ย?”
“โอกาสอะไร?” ฉินเสี่ยวหู่ถามต่อ
“ไปเป็นไส้ศึกให้ฉัน” หลี่ฝางพูด