NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - บทที่ 635 เรียนเป็นเพื่อนหลี่ฝาง
“เมื่อไม่มีวันก่อน มีคนลักลอบข้ามพรมแดนมา คนกลุ่มนั้น แต่ละคนล้วนแต่เป็นผู้ร้ายที่ประเทศต้องการตัว พวกเขาเพิ่งจะลักลอบเข้ามา ก็ถูกคนบางกลุ่มเพ็งเล็งไว้ ต่อมา มีบางคนจัดฉาก ทำให้คนพวกนั้นถูกจับ”
“นายน่าจะจำป๋ายหม่าได้ใช่มั้ย?”
“คนร้ายพวกนั้น มาเพื่อล้างแค้นให้ป๋ายหม่า” โหจื่อพูด
หลี่ฝางขมวดคิ้ว แล้วพูด: “มุ่งหน้ามาทางพวกเราเหรอ?”
“ใช่ เพื่อที่จะรวบผู้ร้ายพวกนั้น มีคนบางคนเอาชีวิตเข้าแลก ดังนั้น คนบางคนมาหาพวกเรา จะให้พวกเราร่วมมือกับพวกเขา จากนั้นก็ไปจัดการองค์กรที่อยู่เบื้องหลังป๋ายหม่า”
“องค์กรนั้นเป็นภัยต่อทั้งโลก ไม่ช้าก็เร็วก็ควรจะถูกทำลาย แต่แค่ ที่กบดานของพวกมัน ลึกลับมากๆ บวกกับที่มีอาวุธปืนเป็นของตัวเอง ดังนั้นจะขุดรากถอนโคน ก็ทำได้ยากเอามากๆ ส่วนลูกพี่ใหญ่กับอาจารย์พวกเขา ก็พอดีได้เข้าไปอยู่ในนั้นได้ประมาณสามปี จึงได้คุ้นเคยกับในนั้นมากๆ ดังนั้น ลูกพี่ใหญ่กับอาจารย์ จึงไปนำทางพวกเขา”
“นำทาง?” หลี่ฝางไม่อยากจะเชื่อ: “แค่นำทางจริงๆ เหรอ?”
“ถึงยังไงปากเขาก็พูดมาแบบนี้ แต่ลูกพี่ใหญ่กับอาจารย์สามารถรอดชีวิตมาจากในนั้นได้ ความสามารถต้องมีแน่นอน คนพวกนั้นรู้ดีอยู่แก่ใจ ถ้าหากจะหาแค่คนนำทาง ก็ไปคว้าคนถิ่นนั้นมา ไม่จำเป็นต้องลำบากมาหาพวกเราจริงมั้ย? นายว่าใช่มั้ย? คนพวกนั้นถึงแม้จะไม่พูดตรงๆ แต่ก็เห็นได้ชัด พวกเขาแค่อยากจะหาผู้ช่วย คนที่สามารถฆ่าศัตรูได้”
“พวกเขา ถือได้ว่าเก็บเพชรได้ มาหาคนถูกแล้ว จากฝีมือของลูกพี่ใหญ่กับอาจารย์ คิดดูแล้วองค์กรนี้ ถึงแม้จะไม่ดับสูญสิ้น แต่ก็ไม่น่าจะเหลืออยู่แล้ว”
“เจ้านาย นายไม่จำเป็นจะต้องกังวลลูกพี่ใหญ่กับอาจารย์เลย นายน่าจะเคยเห็นฝีมือของลูกพี่ใหญ่แล้ว ตอนที่ฉันอยู่ที่ต่างประเทศช่วงนั้น ฉันเจอปรมาจารย์มาทุกประเภท ทหาร ฝีมือของพวกเขาไม่ใช่ย่อยๆ เป็นถึงคนมีชื่อเสียงระดับประเทศ แต่เมื่อมาอยู่ต่อหน้าลูกพี่ใหญ่ ก็ไม่มีค่าพอให้เอ่ยถึง”
“ส่วนอาจารย์ของฉัน เป็นลูกบุญธรรมที่สั่งสอนมาด้วยตัวเองที่ลูกพี่ใหญ่พอใจที่สุด”
หลังจากโหจื่อพูดจบ ก็มองหลี่ฝาง และยิ้มอย่างพอใจ: “เจ้านาย ประโยคเมื่อกี้ ล้อกันเล่นใช่มั้ย หรือว่าจริงจัง?”
“ประโยคไหน?” หลี่ฝางถาม
“ลูกชายของหลอซ่าไง ฮ่าๆ ” โหจื่อยิ้ม: “นายรู้มั้ยว่าประโยคนี้หมายความว่ายังไง? หมายความว่านายอยากสืบทอดงานของลูกพี่ใหญ่ เข้าใจมั้ย?”
สีหน้าของหลี่ฝางเลิ่กลั่กเล็กน้อย: “ถึงแม้ฉันจะอยาก แต่ฉันก็ไม่มีความสามารถนั้น”
“ไม่ว่าเรื่องอะไร ก็เรียนกันได้ แล้วก็ที่นายถือปืนเมื่อกี้ ฉันก็เห็นเงาของลูกพี่ใหญ่ ออกมาจากตัวนายจริงๆ ฉันเชื่อว่า ขอแค่นายกล้า หลังจากวันนี้ ก็สามารถกลายเป็นบุคคลอย่างลูกพี่ใหญ่ได้”
โหจื่อมองหลี่ฝางพลางพูด
“ใช่แล้ว ฉันพานายไปRecalling the pastดีกว่า” โหจื่อก็ลากหลี่ฝาง ไปตงไห่
กิจการของRecalling the past ยังคงมาแรง ไม่เจอกันหลายวัน หน้าของถังหยู่ซวน ก็เกรี้ยวกราดขึ้นนิดนึง
เมื่อเห็นรอยแผลเป็นบนคอ หลี่ฝางก็เข้าไปถาม: “นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
“ถูกหมาป่าข่วน” ถังหยู่ซวนยิ้ม แล้วพูดอย่างเรื่อยเปื่อย
“หมาป่า?” หลี่ฝางเบิกตากว้าง พลางมองถังหยู่ซวน
“สองวันก่อนอาจารย์ผลักผมลงไปในหุบเขา ให้ผมใช้ชีวิตในป่า ผมก็คิดไม่ถึง ในหุบเขานั้นจะมีหมาป่า ยังดีที่บนตัวยังมีมีดเล่มนึง ถ้าไม่อย่างนั้น ผมคงกลายเป็นอาหารค่ำของหมาป่าไปแล้ว” ถังหยู่ซวนนึกถึง ใบหน้าก็ซับซ้อนพลางพูด
“หมาป่าภูเขานั่น เป็นฉันเองที่จับไปปล่อย” โหจื่อหัวเราะเหอะๆ พลางพูด
ถังหยู่ซวนได้ยินแบบนี้ สายตาที่มองโหจื่อ ก็เต็มไปด้วยความแค้น แต่แล้วก็จางหายไป
“หมาป่าตัวนั้นเกือบจะเอาชีวิตผมไปแล้ว” ถังหยู่ซวนบ่นใส่โหจื่อ
โหจื่อหัวเราะเหอะๆ : “เหรอ? ฉันรู้แค่ว่า ตอนที่นายกลับมาบอกฉันว่า เนื้อหมาป่าอร่อยมาก ยังเอามาให้ฉันชิ้นนึงด้วย” ถังหยู่ซวนเกือบจะตีโหจื่อแล้ว
“เอาล่ะ ไม่ต้องบ่นแล้ว อาจารย์มีของจะให้” โหจื่อพูด แล้วยื่นปืนหนึ่งกระบอกให้ถังหยู่ซวน
ปืนกระบอกนี้ เป็นปืนพกทอง
ปืนทั้งกระบอกทำมาจากทองคำ แม้แต่กระสุน ก็ยังเป็นทองคำ
ทั้งโลกนี้เป็นรุ่นลิมิเต็ด มีแค่สองกระบอก หลี่ฝางมองโหจื่อตาปริบๆ คนหงกๆ อย่างโหจื่อ ทำไมจู่ๆ ก็ใจกว้างขนาดนี้?
กำลังแสดงความรู้สึกผิดเหรอ?
“ขอบคุณครับอาจารย์” นัยน์ตาของถังหยู่ซวน แสดงให้เห็นถึงความตื่นเต้น
หลี่ฝางมองถังหยู่ซวน แล้วพูด: “นายรู้ประวัติของปืนกระบอกนี้หรือเปล่า?”
ถังหยู่ซวนพยักหน้าอย่างตื่นเต้น: “อาจารย์พูดให้ผมฟังสามสิบกว่ารอบได้”
“เวลาครึ่งเดือน” ครู่นึง ถังหยู่ซวนก็พูดเสริม
“เหมือนว่าทุกครั้งที่ดื่มเหล้า เขาก็พูดถึงยาวเลย” ถังหยู่ซวนดีใจจนอดไม่ไหว
“เอาล่ะ ไปซะ ที่นี่ไม่ต้องการนายแล้ว นี่เป็นหนังสือแจ้งของนาย” โหจื่อยื่นสมุดเล่มสีแดงๆ ให้กับถังหยู่ซวน
ด้านบนสมุดเล่มแดง เขียนว่ามหาวิทยาลัยสุ่ยมู่ตัวใหญ่ๆ
ถังหยู่ซวนมองโหจื่อ และก็นิ่งไปล็อก “อาจารย์ นี่หมายความว่าอะไร?”
“ไปเรียนเป็นเพื่อนเจ้านาย ข้างกายเขา ต้องการคนเรียนเป็นเพื่อน” โหจื่อหัวเราะเหอะๆ แล้วเดินเข้าไปในบาร์
ถังหยู่ซวนมองหลี่ฝาง: “หลี่ฝาง สาวๆ มหาลัย สวยมั้ย? จีบง่ายมั้ย?”
“ไปดูเองแล้วกัน”
หลี่ฝางหัวเราะเหอะๆ แล้วเดินเข้าไปในรถของถังหยู่ซวน
เป็นรถฟอร์ดสีแดงหนึ่งคัน เป็นรถมือสอง หลี่ฝางมองถังหยู่ซวน แล้วพูด: “ใช่แล้ว ปิงปิงล่ะ?”
“ไปแล้ว หนีตามลุงหัวล้านไปแล้ว”
ถังหยู่ซวนหัวเราะเหอะๆ สีหน้าดูเหงาๆ เล็กน้อย: “เด็กไม่ใช่ของฉัน ตอนที่คบกับฉัน หล่อนแอบไปนอนกับผู้ชายอีกสามคน”
“นายมีโอกาสหนึ่งในสี่ที่จะเป็นพ่อเด็ก?” หลี่ฝางพูดเยาะเย้ย
“หนึ่งในสี่บ้านแม่หล่อนสิ” ถังหยู่ซวนด่าขึ้น แล้วก็ออกรถ มุ่งหน้าไปทางเมืองเอก
ในตอนนั้น ก็มีเบอร์แปลกโทรเข้ามา
“คุณชายหลี่ ผมคือฉินเสี่ยวหู่ ผมขอถามอะไรหน่อย หลังจากนี้ ผมยังต้องไปเป็นตัวแทนประธานกรรมการบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปมั้ย?” ฉินเสี่ยวหู่ถามขึ้นอย่างระมัดระวัง
“ควรจะทำอะไร ก็ทำไป ตอนเจอฉันด้วย อย่าเห็นฉันเป็นเจ้านาย ให้เห็นฉันเป็นศัตรู ถ้าไม่อย่างนั้น นายยังไม่ทันได้ทำหน้าที่สายลับ ก็คงถูกมู่หรงฉางเฟิงสอยหัวไปแล้ว เข้าใจมั้ย?” หลี่ฝางพูดอย่างเย็นชา
“เข้าใจแล้ว นอกจากเรื่องที่เกี่ยวกับชีวิตคน การกระทำของผม ก็จะไม่รบกวน ไม่ทำให้คุณชายหลี่ไม่พอใจใช่มั้ย?” ฉินเสี่ยวหู่ถามขึ้นอีกครั้ง
“ใช่” หลี่ฝางพูด: “มู่หรงฉางเฟิงให้นายทำอะไร นายก็ทำไป”
ฉินเสี่ยวหู่วางสาย แสดงว่าเข้าใจแล้ว
หลี่ฝางหันไป พูดกลับถังหยู่ซวน: “ไปโรงพยาบาลประชาชนก่อน นายรู้จักทางมั้ย?”
“ฉันมาเมืองเอกหลายรอบแล้ว” ถังหยู่ซวนหัวเราะ อะไรก็ไม่ถาม แล้วก็กลับรถ
หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง หลี่ฝางก็มาโผล่ในห้องพักผู้ป่วยของฉินวี่เฟย
ในตอนนั้นฉินจื่อยี่ ก็กลับห้องพักผู้ป่วยของตัวเองไปแล้ว
ด้านในห้อง ฉินซ่างเสียนนั่งอยู่ตรงเก้าอี้
“คุณชายหลี่ คุณมาแล้ว” ฉินซ่างเสียนลุกขึ้น แล้วมองหลี่ฝางอย่างเคารพ
“ลุงฉิน เรื่องของฉินเสี่ยวหู่ ผมรู้แล้ว ลุงไปต้องกังวล พรุ่งนี้ยังมีผม บริษัทฉินซื่อกรุ๊ป จะไม่มีปัญหาอะไรทั้งนั้น”
หลี่ฝางพูดกับ ฉินซ่างเสียน
หน้าของฉินซ่างเสียน ก็ตกใจ: “คุณชายหลี่คุณรู้ได้ยังไง?”
“เมื่อกี้ตอนที่พกลุงคุยกัน ผมอยู่ที่ห้องด้านข้าง” หลี่ฝางหัวเราะเหอะๆ : “แอบฟังพวกลุงคุยกัน ลุงฉินคงไม่โกรธผมใช่มั้ย?”
บนหน้าของฉินซ่างเสียน แสดงให้เห็นถึงความรู้สึกผิดและกระอักกระอ่วน
“คุณชายหลี่ได้ยินหมดแล้วเหรอ?” ฉินซ่างเสียนถามอย่างกระอักกระอ่วน
“ไม่ตกหล่นไปแม้แต่ประโยคเดียว”
หลี่ฝางยิ้ม: “แต่ว่า สำหรับทางเลือกของลุงเฉียน ผมพูดได้แค่ว่า คนปกติก็จะเลือกทางนั้น”
“ไม่ว่ายังไง ก็ไม่มีใครโทษลุง แม้แต่นายท่านฉินในปรโลก ก็จะไม่ว่าลุง” หลี่ฝางพูด
“พ่อ พ่อไปตกลงอะไรกับฉินเสี่ยวหู่?” ฉินวี่เฟยที่นอนอยู่บนเตียง ก็ขมวดคิ้วพลางถาม
“เหมือนกับลูก ยอมให้ฉินเสี่ยวหู่ ขายฉินซื่อกรุ๊ป” ฉินซ่างเสียนพูดด้วยสีหน้าเย็นชา
ถึงยังไง ฉินวี่เฟยก็ยอมแพ้เรื่องฉินซื่อกรุ๊ปก่อน ตกลงให้ฉินเสี่ยวหู่มาเป็นตัวแทนประธานกรรมการบริษัท ถ้าไม่อย่างนั้น ฉินซ่างเสียนก็คงไม่ตอบตกลง
ฉินวี่เฟยมองพ่อของตนด้วยนัยน์ตาโทษเขาเล็กน้อย: “พ่อทำไมพ่อถึง……”
ยังไม่ทันได้พูดจบ ฉินซ่างเสียนก็พูดแทรกฉินวี่เฟย: “เรื่องที่ลูกทำได้ ทำไมพ่อถึงทำไม่ได้? หรือว่าเพราะพ่อแข็งแกร่งกว่าลูก?”
ฉินซ่างเสียนมองบนใส่ฉินวี่เฟย แล้วพูด: “วิธีของฉินเสี่ยวหู่ ไม่ใช่เรื่องที่พวกเราพ่อลูกจะต่อกรได้ นอกจากยอมแพ้ พวกเราก็ไม่มีวิธีไหนแล้ว”
“ยิ่งไปกว่านั้น เบื้องหลังของฉินเสี่ยวหู่ ยังมีตระกูลมู่หรงสนับสนุนอยู่”
ฉินซ่างเสียนถอนหายใจ ที่ตระกูลฉินตั้งหลักขึ้นได้ ตอนแรกก็เป็นเพราะตระกูลมู่หรงสนับสนุน
หลี่ฝางยิ้ม แล้วพูด: “ไม่เป็นไร พวกเธอแค่ตอบรับปากเปล่า ดังนั้น ยังพอมีโอกาสพลิกกลับ”
“ใช่แล้ว วี่เฟย ฉันต้องการให้เธอเซนต์สัญญาฉบับนึง”
เมื่อหลี่ฝางพูดจบ โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น หลี่ฝางกดรับสาย แล้วพูด: “ทนายหวาง ผมมาถึงแล้ว ห้องพักเลขที่……”
ไม่นาน ชายสวมแว่นตาก็ปรากฏตัวต่อหน้าหลี่ฝาง
“นี่คือสัญญาโอนบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป วี่เฟย ถ้าหากเธอเชื่อใจฉัน ก็เอาหุ้นที่เธอมีอยู่ โอนมาเป็นชื่อฉันทั้งหมด”
หลี่ฝางพูด: “วางใจ รอจัดการฉินเสี่ยวหู่ได้ ฉันจะคืนให้เธอไม่กักเลยทั้งหมด”
ฉินวี่เฟยรับสัญญามา แล้วเซนต์เลย
“ไม่คิดหน่อยเหรอ? นี่มันสัญญามูลค่าสองพันล้านเลยนะ” หลี่ฝางหัวเราะ
“ไม่มีอะไรต้องคิด ตอนแรกหุ้นพวกนี้ นายก็เป็นคนให้ฉัน” ฉินวี่เฟยเซนต์ชื่ออย่างไม่คิด และยื่นสัญญากลับไปให้หลี่ฝางอีกครั้ง
เมื่อเห็นแบบนี้ ฉินซ่างเสียนก็ถึงกับเอ๋อ
ถึงแม้ฉินวี่เฟยจะไม่กลัว แต่ฉินซ่างเสียนกลัวนะ ฉินวี่เฟยเซนต์แล้ว ก็หมายความว่าตั้งแต่วันนี้บริษัทฉินซื่อกรุ๊ป ก็เป็นของคนนอกอย่างหลี่ฝางแล้ว
แต่เมื่อกี้ ฉินซ่างเสียนก็ไม่ได้ห้ามเลยสักนิด
“ลุงฉิน พรุ่งนี้ผมต้องการการสนับสนุนจากลุง” หลี่ฝางหันไปมองฉินซ่างเสียน
ฉินซ่างเสียนสงสัยอยู่ครู่ แล้วพูดขึ้น: “คุณชายหลี่เตรียมรับมือกับฉินเสี่ยวหู่ยังไง?”
“พรุ่งนี้ลุงฉินก็รู้แล้ว”
หลี่ฝางมองออกว่าฉินซ่างเสียนยังคิดอยู่: “ลุงฉินกลัวว่าผมจะจัดการกับฉินเสี่ยวหู่แบบหลอกๆ ที่จริงจะหุบบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปไป?”
ฉินซ่างเสียนไม่ได้พูด เห็นได้ชัดว่ายอมรับคำตอบนั้น
หลี่ฝางหัวเราะเหอะๆ และรับสัญญามาจาก มือของทนายหวัง
“นี่คือสัญญาโอนกิจการRecalling the past เป็นบาร์อยู่ที่ตงไห่ มูลค่าสามพันล้าน ผมเขียนชื่อของฉินวี่เฟยไปแล้ว หรือพูดได้ว่า พวกเราเท่ากับทำการแลกเปลี่ยน รอให้เรื่องคลี่คลาย พวกเราค่อยมาแลกคืน แบบนี้ ผมคิดว่าลุงฉินคงไม่ต้องกลัวแล้วมั้ง?” หลี่ฝางพูดพลางยิ้ม
ฉินซ่างเสียนมองสัญญาฉบับนั้น ก็ยิ้มขึ้นมาทันล็อก: “คุณชายหลี่เข้าใจผิดแล้ว ตระกูลของพวกคุณมีเป็นหมื่นๆ ล้านไม่ใช่แค่นั้นสิเป็นแสนๆ ล้าน ทำไมผมต้องกังวลว่าคุณจะหลอกผมด้วยล่ะ? วางใจเถอะ พรุ่งนี้ไม่ว่าคุณจะทำอะไร ผมจะชักนำผู้ถือหุ้น ให้สนับสนุนคุณอย่างเต็มที่”
หลี่ฝางส่ายหน้าพลางยิ้ม แล้วพูด: “งั้นลุงฉิน พรุ่งนี้เจอกันครับ”
“พรุ่งนี้เจอกัน”
หลังจากออกมาจากห้องพักผู้ป่วย ถังหยู่ซวนก็อดไม่ได้ที่จะด่าขึ้นมา: “ตาจิ้งจอกเฒ่านั่น เห็นได้ชัดๆ เลยว่าไม่เชื่อใจนาย”
หลี่ฝางพยักหน้า แล้วพูด: “ธรรมดา”
“ถึงยังไงนั่นก็เป็นบริษัทของตระกูลฉินกลัวว่าถ้าตกไปอยู่ในมือฉินเสี่ยวหู่ ฉินซื่อกรุ๊ปก็ยังคงเป็นฉินซื่อกรุ๊ป แต่ถ้าให้ฉัน อาจจะเปลี่ยนชื่อเป็นหลี่ซื่อกรุ๊ปแล้ว ดังนั้นเขาถึงต้องกังวลแบบนั้น”
หลี่ฝางหัวเราะเหอะๆ แล้วเอาแขนคล้องคอโหจื่อพลางพูด