NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - บทที่ 637 คลานมาหาฉัน
ถังหยู่ซวนแม้แต่ถามก็ไม่ได้ถาม ก็ชักมีดออกมา แล้วพุ่งเข้าไปลอบทำร้ายชายสวมสูทสองคนนั้น
ตอนนั้น หลี่ฝางยังไม่รู้สึกตัว แม้แต่ชายสวมสูทสองคนนั้น ก็ยังตกใจ
ถังหยู่ซวนใช้มีดฟันเข้าไป ที่คอของชายสวมสูทคนนึง ต่อมา เลือดคาวๆ ก็พุ่งออกมาจากคอของเขา
หลี่ฝางช็อก ส่วนตาของถังหยู่ซวน ก็จ้องไปที่ชายสวมสูทอีกคนนึง
“สถานการณ์ไหนเหนี่ย?” หลี่ฝางเดินออกมาจากลิฟต์ แล้วถามถังหยู่ซวน
“สัญชาตญาณ มันบอกฉันว่า สองคนนี้ เป็นศัตรูของพวกเราในวันนี้”
ถังหยู่ซวนรู้ ชายสวมสูทสองคนนี้ รับมือได้ยากกว่า รปภ.ที่เฝ้าประตูมาก ถ้าหากไม่เริ่มลอบทำร้ายก่อน อีกครู่นึงสู้กันขึ้นมา ตนอาจจะรับมือไม่ไหว
“พวกนายเป็นใครกัน?” ชายสวมสูทที่ไม่ได้บาดเจ็บ เอ่ยปากถาม
ถังหยู่ซวนฉีกยิ้ม: “แขกที่ไม่ได้รับเชิญ”
“แขกที่ไม่ได้รับเชิญ? ทำไมต้องทำร้ายเพื่อนฉัน” ชายสวมสูทถามต่อ แต่ว่าน้ำเสียงก็เย็นชาลงไปไม่น้อย
“ช่วยไม่ได้ พวกนายสองคน ฉันสามารถจัดการได้แค่หนึ่งต่อหนึ่ง ดังนั้น ฉันแค่จัดการคนใดคนนึงก่อน บอกให้เพื่อนนายรีบไปโรงพยาบาลเถอะ ถ้าหากไปตอนนี้ เขาอาจจะไม่มีอันตรายถึงชีวิต ถ้าหากช้ากว่านี้อีกสามถึงห้านาทีล่ะก็ ฉันอาจจะโดนข้อหาฆ่าคนตายเลยนะ” ถังหยู่ซวนยิ้มอย่างเย็นชา
เมื่อถังหยู่ซวนพูดจบ ชายสวมสูทที่ได้รับบาดเจ็บ ก็รีบวิ่งขึ้นลิฟต์ไป ไม่พูดอะไรสักคำ
ถึงยังไง คนก็กลัวตายกันทั้งนั้น
แล้วก็หลอดเลือดที่คอ ถูกปาด นั่นไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เลย
หลังจากเหลือชายสวมสูทแค่คนเดียว สีหน้าของเขา ก็ดูสงสัยไม่น้อย ถึงแม้ถังหยู่ซวนดูไปแล้วอายุเพิ่งจะยี่สิบต้นๆ แต่ฝีมือเมื่อกี้ สามารถบอกได้เลยว่าเขาไม่ใช่ย่อยๆ เลย
“หลี่ฝาง นายไปเถอะ” ถังหยู่ซวนพูดเสียงเบา
หลี่ฝางพูดอืม แล้วพูดว่า: “ระวังตัวด้วยนะ”
ในตอนนี้หลี่ฝางเพิ่งจะเข้าใจ ว่าตนกับถังหยู่ซวน ค่อยอยู่กันคนละโลกแล้ว ตนอยู่ต่อ ไม่ใช่แค่ช่วยถังหยู่ซวนไม่ได้ แถมยังจะเป็นตัวถ่วงเขาอีก
ดังนั้น หลี่ฝางจึงไม่ได้ลังเลอะไร แค่หันหลังแล้วเดินไป
และในตอนนั้น ถังหยู่ซวนกับชายสวมสูทคนนั้น ก็สู้กัน
หลี่ฝางไม่ได้ดูเขาสู้กัน แต่วิ่งตรงไป ยังห้องประชุม
เมื่อวิ่งมาถึงหน้าประตูห้องประชุม หลี่ฝางก็เห็นฉินเสี่ยวหู่กำลังว่ากล่าวฉินซ่างเสียน
“คุณอา อาหมายความว่าไง? เมื่อคืน อายังตอบตกลงผมชัดเจนเลยนี่ ทำไมวันนี้ถึงได้กลับกลอกแบบนี้?” ฉินเสี่ยวหู่ชี้หน้าฉินซ่างเสียน แล้วพูดเสียงเย็นชา
ฉินซ่างเสียนก้มหน้า ไม่กล้าพูดสักคำ
คนอื่นที่เห็นภาพนี้ ใครจะคิดว่าฉินซ่างเสียนเป็นอาของฉินเสี่ยวหู่กัน?
ถูกคนสั่งสอนอย่างกับหมาตัวนึง ฉินเสี่ยวหู่หัวเราะอย่างเย็นชา: “ทำไม ต้องให้ผมโทรหาคุณชายมู่หรงมั้ย? ให้บนตัวของพี่รอง มีรอยแผลเพิ่มอีกสักที่สองที่”
“ไม่ต้อง ไม่ต้อง” ฉินซ่างเสียนส่ายหัวทันที: “เธอเป็นพี่รองของนายนะ”
“ใช้สายสัมพันธ์ครอบครัวให้มันน้อยๆ หน่อย ผมคนนี้ ดูแค่เงิน ไม่ดูคน ถ้าอาไม่เซ็น ผู้ถือหุ้นเก่าแก่ในนี้ ก็จะไม่เซ็นตามอา งั้นแผนของผม ก็พังหมดน่ะสิ”
ฉินเสี่ยวหู่มองฉินซ่างเสียน แล้วถามเสียงเย็นชา: “ทำไม จะหลอกผมเล่นเหรอ?”
ในตอนนั้นหลี่ฝาง ก็กระแอมขึ้น ฉินเสี่ยวหู่เห็นหลี่ฝาง สายตาของฉินเสี่ยวหู่ก็ไม่ปกติ ส่วนสายตาที่ฉินซ่างเสียนมองตน ราวกับเจอผู้ช่วยชีวิตอย่างนั้นแหละ
หลี่ฝางยิ้ม แล้วพูด: “ฉินเสี่ยวหู่ เก่งแล้วนี่ แม้แต่อาของตัวเองยังสั่งสอนได้”
สีหน้าของฉินเสี่ยวหู่เลิ่กลั่กเล็กน้อย แต่หลังจากบังคับใจตัวเองได้ เขาก็พูดด้วยสีหน้าเย็นชา: “คุณชายหลี่ ทำไมจู่ๆ ก็มาถึงบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปของพวกเราได้ล่ะ?”
“ไปคุยด้านใน”
หลี่ฝางขี้เกียจอธิบายกับฉินเสี่ยวหู่แบบส่วนตัว
หลี่ฝางเปิดประตูห้องประชุม แล้วก็เดินตรงไป นั่งลงตรงที่นั่ง
“ไอ้เด็กนี่เป็นใคร?”
“ทำไมเขาถึงได้มาประชุมบอร์ดบริหารล่ะ? หรือว่า เขาจะเป็นกรรมการของบอร์ดบริหารคนนึง?”
หลังจากหลี่ฝางนั่งลง คนด้านในห้องประชุม ก็เริ่มพูดซุบซิบขึ้น
ส่วนฉินเสี่ยวหู่กับฉินซ่างเสียนก็เดินเข้ามาในตอนนี้ หลี่ฝางหัวเราะเหอะๆ แล้วถามฉินซ่างเสียน: “คุณลุงฉิน รบกวนคุณลงแนะนำผม ให้ทุกคนได้รู้จักหน่อยครับ”
“ซ่างเสียน ไอ้หนุ่มนี่เป็นใครกัน?” ทุกคนถามอย่างอยากรู้
ฉินซ่างเสียนกลืนน้ำลาย แล้วพูด: “เขาคือหลี่ฝาง คุณชายหลี่ ตระกูลหลี่แห่งบ้านพักตากอากาศ ฉันคิดว่าทุกคนคงรู้จักแล้ว”
“ที่แท้เป็นคุณชายหลี่นี่เอง ดูสง่างามแบบนี้เลย ดูเป็นคนมีความสามารถจริงๆ ”
หลังจากได้รู้ฐานะของหลี่ฝางแล้ว สายตาที่มองหลี่ฝางก็ดูเป็นมิตรขึ้นกันทุกคน
ฉินเสี่ยวหู่มองหลี่ฝาง แล้วถามอย่างเย็นชา: “คุณชายหลี่ สรุปแล้วคุณมาทำอะไรกันแน่? ที่นี่เป็นการประชุมใหญ่ของกรรมการผู้ถือหุ้นของฉินซื่อกรุ๊ปนะ คุณมีสิทธิ์อะไรเข้ามา?”
“ใครบอกนาย ว่าฉันไม่ใช่ผู้ถือหุ้นของฉินซื่อกรุ๊ปล่ะ?” หลี่ฝางหัวเราะเหอะๆ แล้วพูด: “ฉันไม่ได้เป็นแค่ผู้ถือหุ้นของฉินซื่อกรุ๊ป แถมฉันยังเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดด้วย”
“ถ้าหากนายไม่เชื่อ ก็ถามคุณอานายดู”
หลี่ฝางเหลือบมองฉินซ่างเสียน แล้วพูด
สายตาของทุกคน จับจ้องไปที่ฉินซ่างเสียน รอให้เขาตอบ
“ถูกแล้ว เมื่อคืน ลูกสาวของฉันฉินวี่เฟย หรือก็คือประธานกรรมการบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป ได้ลงชื่อยินยอมเอาหุ้นทั้งหมดที่มี โอนให้กับหลี่ฝาง หรือคุณชายหลี่ทั้งหมดแล้ว”
ฉินซ่างเสียนพูดอย่างนิ่งๆ
เมื่อพูดออกไป ใบหน้าของทุกคน ก็โมโห
ทั้งห้องประชุมวุ่นวายไปหมด
หน้าของฉินเสี่ยวหู่ โกรธจนหน้าเขียว เขากัดฟันกรอด แล้วพูดอย่างเย็นชา: “หมายความว่าไง? เช้าวันนี้ น้องวี่เฟยเพิ่งเซ็นมอบอำนาจ ให้ฉันเป็นตัวแทนประธาน หรือว่า……”
“ไม่ต้องมาหรือว่าแล้ว เมื่อคืน ฉินวี่เฟยก็ไม่ใช่ประธานกรรมการบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปแล้ว ดังนั้นสิทธิ์ของเธอในเช้าของวันนี้ ก็ถือว่าเป็นโมฆะ”
หลี่ฝางพูด แล้วหยิบสัญญาฉบับนึงออกมา ยื่นให้ทุกคน วนกันดูรอบนึง
“นี่เป็นสำเนา สำเนาเอกสารถ่ายโอนหุ้น ทุกคนสามารถตรวจสอบได้ นอกจากนั้น คุณลุงฉินสนับสนุนผม ให้มาเป็นประธานกรรมการบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปเต็มที่ ไม่รู้ว่าทุกคน มีความเห็นอะไรมั้ย?”
หลี่ฝางยิ้มพลางถาม
“ผมคิดว่า ทุกท่านที่นั่งอยู่ที่นี่ ต่างก็รู้ชัดถึงความสามารถของตระกูลหลี่ของพวกเรา ตระกูลหลี่กับตระกูลฉินร่วมมือกัน จะต้องเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่งแน่ๆ ผมเชื่อว่า สองตระกูลร่วมมือกัน จะยิ่งทำให้ตระกูลฉินยิ่งพัฒนาขึ้นไปอีก”
หลี่ฝางพูดอย่างนิ่งๆ
ฉินซ่างเสียนพูดต่อ: “คุณชายหลี่ไม่ได้มามือเปล่า เขายังนำทรัพย์สิน มาให้บริษัทฉินซื่อกรุ๊ปอีกพันล้าน”
“ถ้าหากทุกคนตอบรับ เงินก้อนนี้ จะโอนเข้ามาทันที”
ฉินซ่างเสียนพูดจบ ทั้งห้องประชุม ก็วุ่นวายขึ้นอีกครั้ง
“ทรัพย์สินพันล้านเหรอ? นั่นก็ดีมากเลย มีเงินก้อนนี้ งั้นเครื่องสำอางล็อตใหม่ของฉินซื่อกรุ๊ป ก็จะได้วางขายอย่างราบรื่น”
“ไม่ใช่แค่นั้น ที่ดินที่อ่าวชิงหลงผืนนั้น หลังจากที่ฉินซื่อประมูลมาได้สำเร็จ ก็ขาดเงินทุนมาตลอด ขยับไม่ได้เลย มีเงินก้อนนี้ ฉันเชื่อว่า ก็จะสามารถค่อยขยับได้แล้ว ถึงแม้จะไม่สามารถเริ่มขยับได้ทั้งหมด อย่างน้อยก็ต้องดำเนินการได้สักครึ่งนึงแหละ”
หลังจากนายท่านฉินเสียไป ฝั่งธนาคาร ก็หยุดให้เงินกู้กับตระกูลฉิน
แน่นอน เรื่องที่ธนาคารไม่อนุมัติเงินกู้ มู่หรงฉางเฟิง ก็มีบทบาทอยู่ในนั้นไม่น้อย
มู่หรงฉางเฟิงบีบตระกูลฉินจนไม่มีเงินออกสินค้าใหม่ จากนั้น ก็ใช้ที่ดินตรงนั้นบีบบังคับ ให้ตระกูลขายให้ถูกๆ ใช้ที่ดินผืนนั้น มาตัดสินอนาคตของตระกูลฉิน
ดังนั้น หลี่ฝางนำทรัพย์สินมาให้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันจะเป็นการมาช่วยตระกูลฉิน
“ดีมากเลย ตั้งแต่วันนี้ ทั้งเมืองเอก ใครก็ไม่มีใครอยากพูดถึงที่ดินอ่าวชิงหลงนั่นกับตระกูลฉินแล้ว ทรัพย์สินที่คุณชายหลี่นำมาวันนี้ หลังจากนี้ พวกเราก็จะเติบโตด้วยตัวเองได้แล้ว”
เพียงชั่วครู่ทุกคนก็เปลี่ยนเป็นรื่นเริง นอกจากหน้าของฉินเสี่ยวหู่ ที่ยิ่งหม่นหมองลงไปอีก
หลี่ฝางยิ้ม แล้วลุกขึ้นพูด: “พูดแบบนี้ ทุกคนคงจะยินดีให้ผมเป็นประธานกรรมการบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปแล้วใช่มั้ย?”
“คุณชายหลี่สามารถมานำพวกเราฉินซื่อกรุ๊ปได้ นั่นก็เป็นโชคดีของพวกเราแล้ว”
“ใช่แล้ว นี่ถือเป็นเกียรติของพวกเรา ทำไมพวกเราต้องปฏิเสธล่ะ?”
“พวกเรายกมือโหวตให้สองข้างเลย”
“ทุกคนปรบมือ”
ในห้องประชุม ก็มีเสียงปรบมือดังลั่นขึ้น ส่วนฉินเสี่ยวหู่ก็เดินเข้ามาในจังหวะนั้น เขามองฉินซ่างเสียน และพูดอย่างเย็นชา: “คุณอา แน่ดีนี่”
“เสี่ยวหู่……” สีหน้าของฉินซ่างเสียน ลำบากใจสุดๆ
ถึงยังไงกับฉินเสี่ยวหู่คนนี้ ฉินซ่างเสียนก็ยังไม่กล้าขัดใจ
หลี่ฝางตบไปที่ไหล่ของฉินซ่างเสียน แล้วพูด: “ลุงฉิน ยังมีผมอยู่”
“แต่หยีหรัน……” ฉินซ่างเสียนยังคงเป็นห่วงลูกสาวคนรองของตน
ฉินวี่เฟยกับฉินจื่อยี่ ยังอยู่ที่โรงพยาบาล ฉินซ่างเสียนไม่กังวล
แต่ฉินหยีหรัน วันนี้อยู่ที่ตระกูลมู่หรง ไอ้มู่หรงฉางเฟิงนั่น มันคือปีศาจชัดๆ
หลี่ฝางพยักหน้า: “ผมจะช่วยเธอออกมา”
หลี่ฝางพูดรับรอง: “ได้แน่ๆ ”
หลี่ฝางมองไปรอบๆ และบอกลา จากนั้นก็เดินออกจากประตูมา
“ฉินเสี่ยวหู่ โทรหามู่หรงฉางเฟิงเถอะ เกิดเรื่องแบบนี้แล้ว นายไม่คิดจะบอกเขาสักหน่อยเหรอ?” หลี่ฝางมองฉินเสี่ยวหู่ แล้วหัวเราะเหอะๆ
ฉินเสี่ยวหู่มองหลี่ฝาง และทำได้แค่ทำตาม ควักโทรศัพท์ออกมา แล้วโทรหามู่หรงฉางเฟิง
หลังจากสายติด มู่หรงฉางเฟิงมือนึงถือแก้วเหล้า อีกมือก็โอบสาวสวยไว้อยู่ แล้วพูดอย่างพอใจสุดๆ : “สำเร็จแล้วใช่มั้ย? ฉันอยู่ที่สโมสรเจียงหนาน รอให้นายมาดื่มเหล้าฉลองเหนี่ย”
“ผิดพลาดแล้ว คุณชายมู่หรง”
ฉินเสี่ยวหู่พูดอย่างหวาดกลัว เขารู้ว่าถ้าผิดพลาดจะต้องเจอกับอะไร
เขาทำงานให้มู่หรงฉางเฟิง ผิดพลาดไม่สองสามครั้งแล้ว เกรงว่าถ้าผิดพลาดอีกครั้ง มู่หรงฉางเฟิงจะลงมือกับเขาด้วยตัวเอง
“ฉินเสี่ยวหู่ นายกำลังล้อฉันเล่นเหรอ?”
มู่หรงฉางเฟิงบีบสาวในอ้อมแขนแน่นจนหล่อนร้องโอย ในปากเขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่น่ากลัว: “ฉันไม่มีอารมณ์เล่นนะ”
“คุณชายมู่หรง เป็นแบบนี้ จู่ๆ หลี่ฝางก็โผล่มา แถมยังเอาหุ้น ในมือของฉินวี่เฟยไปจนหมด แม้แต่ฉินซ่างเสียนยังสนับสนุนเขา แล้วก็ เขายังนำทรัพย์สินมาลงหุ้นอีกพันล้าน ให้กับฉินซื่อกรุ๊ป เอามาพัฒนาที่ดินที่อ่าวชิงหลงแบบนี้ คนทั้งฉินซื่อกรุ๊ปก็สนับสนุนเขา”
ฉินเสี่ยวหู่เล่าให้ฟังจนหมด และพยายามให้มู่หรงฉางเฟิงให้อภัยเขา
มู่หรงฉางเฟิงกัดฟันกรอดแล้วพูด: “แก……มันเข้าไปได้ยังไง? ฉันได้ยินมาว่าเมื่อวานตอนกลางคืน ส้าวส้วยก็จากไปแล้ว ทำไม ไอ้คนที่ชื่อโหจื่อ ตอนนี้อยู่กับมันเหรอ?”
“ผมไม่ทราบ” ฉินเสี่ยวหู่พูดตามตรง
และในตอนนั้น ถังหยู่ซวนก็เดินเข้ามา ที่แขนเสื้อของเขา ยังมีรอยคราบเลือดอยู่ไม่น้อย
ต่อมา ฉินเสี่ยวหู่มองถังหยู่ซวน นัยน์ตาก็แสดงให้เห็นถึงความหม่นหมอง: “เจ้านาย เรื่องนี้ ทำยังไงดี? บอดี้การ์ดที่ผมพามาด้วยสองคน ถูกเก็บเรียบแล้ว”
“เอาละ นายรีบไสหัวกลับมาก่อน”
มู่หรงฉางเฟิงพูด: “จำไว้ หลังจากเข้ามาในสโมสรแล้ว ต้องคลานเข้ามาหาฉัน ทีละก้าวๆ ถ้าไม่อย่างนั้น ฉันจะหักขาแกทิ้ง”
หลังจากบอกเบอร์ห้อง มู่หรงฉางเฟิงก็วางสายไป
“เขาอยู่ที่สโมสรเจียงหนาน?”
หลี่ฝางมองฉินเสี่ยวหู่ แล้วถาม
ฉินเสี่ยวหู่พยักหน้า พลางมองหลี่ฝาง แล้วพูด: “คุณชายหลี่ ผมทำงานพลาดมาหลายรอบแล้ว เกรงว่าคราวนี้คุณชายมู่หรงคงจะไม่เชื่อใจผมแล้ว ถ้างั้น……”
“ไม่ต้องฝันว่าจะมาอยู่กับฉันเลย อยู่กับมู่หรงฉางเฟิงต่อไป ถึงแม้จะเป็นสุนัขตัวนึง ก็ต้องเลียแข้งเลียขาให้ถึงที่สุด จำได้ใช่มั้ย?”
หลี่ฝางพูดอย่างเย็นชา
หน้าของฉินเสี่ยวหู่ แสดงให้เห็นถึงความสิ้นหวัง อารมณ์ของมู่หรงฉางเฟิง ฉินเสี่ยวหู่รู้ดีกว่าใคร
คลานไปหาเขา?
ลูกผู้ชายอย่างฉินเสี่ยวหู่ ที่จะถูกย่ำยีแบบนี้ ก็มีแค่โหจื่อคนเดียวเท่านั้น
“ไป พวกเราไปด้วยกัน” หลี่ฝางพูด