NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - บทที่ 653 อย่าปล่อยให้หนีไปได้แม้แต่คนเดียว
คนพวกนี้ ไม่ค่อยถนัดใช้มีดสักเท่าไหร่
ยังไงซะ เหตุผลที่พวกเขาฝึกการต่อสู้ ก็เพื่อที่จะให้สุขภาพแข็งแรง
แต่การใช้งานมีด มันก็ไม่จำเป็นต้องเรียนรู้มากอะไร
ใบหน้าของซุนจิ้น ได้เผยจิตสังหารออกมา เขาชี้มีดขึ้นมา แล้วมุ่งเข้าไปยังกลางวง
“ท่านเจ้าบ้าน!”
พอเห็นซุนจิ้นถือมีดแล้วพุ่งเข้าไปกลางวง คนของบ้านตระกูลจูเก่อ ก็รู้สึกกังวลขึ้นมาทันที
เจ้าบ้านของบ้านตระกูลจูเก่อคนนี้ คืออนาคตของตระกูลจูเก่อ
ถ้าเกิดซุนจิ้นเป็นอะไรขึ้นมา งั้นพวกเขา จะทำอะไรต่อไปดีล่ะ?
ยังไงซะ สมบัติที่อยู่ข้างในถ้ำ มีเพียงแค่ซุนจิ้นคนเดียวที่สามารถเอาออกมาได้
เพียงแป๊บเดียว ทุกๆคนก็รู้สึกกังวลขึ้นมาทันที
“อย่าให้เจ้าบ้านคนใหม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย” คนสูงอายุคนนึงของตระกูลจูเก่อพูดขึ้นมา “ปกป้องเขาให้ดี”
ซุนจิ้นรู้สึกมีชีวิตชีวา อาละวาดอยู่กลางวง ดูทรงพลังเป็นอย่างมาก
คิดจะปกป้องเขา?
จะปกป้องยังไงล่ะ?
วิธีเดียว ก็คือเชื่อฟังคำพูดของซุนจิ้น จัดกัดพวกชุดขาว ไปให้หมด
แค่แป๊บเดีย คนร้อยกว่าคนของบ้านตระกูลจูเก่อ ก็พุ่งเข้าไปทั้งหมด
เดิมที คนฝั่งไอ้หน้าหนวด เริ่มที่จะทนไม่ไหวแล้ว
แต่พอมีคนของตระกูลจูเก่อเข้าร่วม คนของไอ้หน้าหนวด จู่ๆก็มีกำลังใจขึ้นมาอีกครั้ง
หลี่ฝางมองไปยังลุงเฉียน แล้วหัวเราะออกมา “ในเมื่อซุนจิ้นมาตั้งแต่แรกแล้ว ทำไมคุณถึงไม่ให้ออกมาช่วยตั้งแต่แรก?”
“เคยได้ยินเรื่องสงครามจวี้ลู่ไหม? (สงครามจวี้ลู่เป็นการต่อสู้ในราชวงศ์ฉินโดยเซี่ยนหยู่เป็นผู้นำ เพื่อโค่นล้มราชวงศ์ฉิน นับว่าเป็นก่อกบฏสำคัญครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์จีน) ไอ้หน้าหนวดมีคนแค่นั้น พวกเขาต้องเผชิญกับคนกว่าสองร้อยคน ถ้าคิดจะชนะ ก็ต้องเอาชีวิตเข้าแลก แต่ด้วยความที่จำนวนมันห่างกันเกินไป ศัตรูที่มา ก็ล้วนเป็นยอดฝีมือ โอกาสชนะอย่างมากก็แค่สามสิบ เพราะงั้น การที่ฉันให้ไอ้หน้าหนวดต่อสู้กับพวกมันก่อน พอสู้กันได้สักพัก ตอนที่ไอ้หน้าหนวดกำลังจะแพ้ ส่วนอีกฝ่ายก็กำลังเหนื่อยล้า จากนั้นฉันคอยให้ซุนจิ้นพาคนเข้ามา ก่อนหน้านี้อีกฝ่าย สู้กับคนแค่สี่สิบคนก็เกือบจะแพ้แล้ว ตอนนี้ พอถูกล้อมไปด้วยคนกว่าร้อยคน ฮ่าๆ คุณลองคิดดู จิตใจของพวกเขา จะสิ้นหวังขนาดไหน?”
“เพราะงั้น คนสองร้อยกว่าคนที่เหนื่อยล้า ไม่มีทางเป็นคู่มือของซุนจิ้นไปได้”
“ถ้าเกิดฉันให้ซุนจิ้นเข้ามาตั้งแต่แรก ด้วยจำนวนคน พวกเราก็ไม่ได้เปรียบอะไร ด้านพลังกำลัง ก็คงไม่ต่างอะไรกันมาก เพราะงั้น โอกาสชนะอย่างมากก็แค่ห้าสิบห้าสิบ”
“และตอนนี้ ฉันก็มั่นใจว่าชนะได้แน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์” ลุงเฉียนพูดพร้อมเสียงหัวเราะ
หลังจากที่พูดจบ หลี่ฝางก็เริ่มรู้สึกกังวลโหจื่อขึ้นมาเล็กน้อย
“งั้นโหจื่อล่ะ? ทำไมผ่านมานานขนาดนี้ เขายังไม่กลับมาอีก?” หลี่ฝางถามด้วยความเป็นห่วงเล็กน้อย
ลุงเฉียนส่ายหัว “ทางด้านโหจื่อ เขาคงมีแต่ต้องพึ่งตัวเอง”
“หมายความว่าไง? หลี่ฝางทำหน้าเครียด ใบหน้าจู่ๆก็หนักอึ้งขึ้นมา
“คนที่บุกเข้ามาบนเขาวันนี้ มีคนนึงที่ชื่อว่าราชาหมาป่า และราชาหมาป่าคนนี้ เป็นทหารรับจ้างที่มีฝีมือมากคนนึง แต่เพราะชอบทำอะไรเกินกว่าเหตุ และไม่สนกฎระเบียบ เพราะงั้นหลายปีมานี้ จึงมีเรื่องการโลกของทหารรับจ้าง และก็อีกหลายประเทศ”
“ถึงกระทั่ง มีคนมากมายที่ตั้งเงินรางวัลหัวหน้าของพวกเขา แถมยังจ่ายหนักอีกด้วย พวกเขาไม่มีทางเลือก จึงต้องหนีออกมา”
“นึกไม่ถึงว่า พวกเขากลับมาอยู่ที่เมืองเอก แถมยังกลายเป็นหมาเฝ้าบ้าน ของตาแก่พวกนั้น”
ลุงเฉียนหัวเราะ รอยยิ้มนั้นดูเหมือนจะแฝงไปด้วยความดูหมิ่น
“คิดว่าการที่นานขนาดนี้โหจื่อยังไม่กลับมา จะต้องเจอกับราชาหมาป่าเข้าแน่ๆ” ลุงเฉียนอธิบาย
“ลุงเฉียน งั้นพวกเขาสองคนใครเก่งกว่ากัน?” หลี่ฝางถามด้วยความกังวล
“ฮ่าๆ ใครเก่งกว่าใครฉันก็ไม่แน่ใจ แต่โหจื่อไม่เป็นอะไรแน่นอน ตรงจุดนี้ คุณวางใจได้ ต่อให้เขาจะไม่สามารถเอาชนะได้ แต่ก็ยังหนีได้ แต่เจ้าราชาหมาป่า ในเมื่อเขาเข้ามาเหยียบถึงถิ่นของพวกเรา ก็ไม่มีทางที่จะออกไปได้แบบมีชีวิต”
“บุกเข้ามา แล้วคอยหนีออกไป ฮ่าๆ”
ลุงเฉียนหัวเราะด้วยความดูถูก “คิดว่าเป็นฐานลับของสโมสรเจียงหนานเหรอ”
หลี่ฝางพอได้ยินความหมายที่ลุงเฉียนพูดออกมา ดูเหมือนว่าการป้องกันของฐานลับสโมสรเจียงหนาน จะดูด้อยกว่าสถานตากอากาศแห่งนี้สักอีก
“จริงสิ แกกับโก่เอ๋อเป็นยังไงกันบ้าง?” จู่ๆลุงเฉียนก็ถามขึ้นมา
“ก็ดี ทำไมเหรอ?” หลี่ฝางถาม
ลุงเฉียนลังเลไปพักนึง สิ่งที่อยากจะพูด ก็กลืนน้ำลายกลับไป
“ลุงเฉียน คุณมีอะไรที่อยากจะพูดรึเปล่า?” หลี่ฝางถาม
“ช่างเถอะ ไว้พูดทีหลัง เรื่องยังไม่ถึงขั้นนั้น” ลุงเฉียนพูดจาสองแง่สองง่าม และประตูของร้านกาแฟ ก็ถูกเปิดขึ้นมา
โหจื่อที่เปียกไปทั้งตัวมาถึงร้านกาแฟแล้ว หาน้ำมาหนึ่งขวด เปิดฝา แล้วก็ดื่มน้ำดังอึกๆ
“แม่งเอ๊ย นึกไม่ถึงว่าสถานที่อย่างเมืองเอก ยังมีคนที่มีฝีมือขนาดนี้เหลืออยู่อีก”
โหจื่อทำหน้าเครียด พูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจเล็กน้อย “เกือบจะกลับมาไม่ได้แล้ว”
“ดูเหมือนแกจะไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร” หลี่ฝางพูดด้วยน้ำเสียงที่โล่งอก
“มันแน่อยู่แล้ว คิดว่าฉันเป็นใครกันล่ะ?”
“แต่ว่า ไอ้เจ้านี่ค่อนข้างจะเคี้ยวยาก ฉันใช้กระสุนไปตั้งเจ็ดนัด ถึงล้มมันลงได้” โหจื่อพูดด้วยสีน้ำที่ตึงเครียด “แถม กระสุนนัดสุดท้าย ถ้าเกิดไม่สามารถเอาชีวิตมันได้ เขาก็คงเอาชีวิตฉันไปแล้ว”
“ เกือบจะเอาชีวิตไม่รอดซะแล้ว”
โหจื่อส่ายหัว แล้วพูดออกมา
ลุงเฉียนมองไปที่โหจื่อแวบนึง “แกหนีไม่เป็นรึไง?”
“หนี? ฉันดูเหมือนคนที่ชอบวิ่งหนีรึไง?” โหจื่อหัวเราะเย้า
“แกเคยหนีมาแล้วสามสิบเจ็ดครั้ง ถ้านับเรื่องวิ่งหนี ก็มีแค่แม่มดที่เหนือกว่าแกหน่อยนึง” ลุงเฉียนพูดออกมาอย่างหมดเปลือกด้วยไม่รักษาน้ำใจ
โหจื่อมองลุงเฉียนด้วยหางตา แล้วถามว่า “ทางด้านไอ้หน้าหนวดเป็นยังไงบ้าง? แม่งเอ๊ย ยังไม่เรียบร้อยอีกเหรอ?”
“แกไปช่วยพวกเขาสู้เถอะ”
ลุงเฉียนพูด “สองร้อยกว่าคน จัดการค่อนข้างยาก”
“ได้”
โหจื่อหัวเราะ แล้วยืนขึ้นมาอีกครั้ง หลี่ฝางมองไปยังลุงเฉียนแวบนึง ถามด้วยความสนใจว่า “ลุงเฉียน จะให้ช่วยสู้ยังไง? ให้โหจื่อเข้าไปช่วยหรือว่า?”
“โหจื่อไม่ต้องลงมือ” ลุงเฉียนพูด
“ไม่ต้องลงมือ แล้วจะไปช่วยสู้ยังไง?” หลี่ฝางมึนงงเข้าไปใหญ่
“ในเมื่อแกอยากจะรู้ขนาดนั้น ลองตามเข้าไปดูก็จะเข้าใจเอง?” ลุงเฉียนพูด พร้อมเสียงหัวเราะ
“ฉันออกไปได้แล้วเหรอ?”
น้ำเสียงของหลี่ฝางมีความตื่นเต้นเล็กน้อย
ยังไงซะ พอเป็นแบบนี้ ก็เป็นการบอกว่าพวกศัตรูที่บุกมาที่สถานตากอากศ คงใกล้จะถูกกำจัดจนหมดแล้ว
ไม่อย่างงั้น ลุงเฉียนก็คงไม่กล้าให้ตัวเองออกไปข้างนอก
ส่วนทางด้านหลี่ฝาง ก็เดินตามโหจื่อไป ผ่านไปราวๆสองนาที โหจื่อเดินมาถึงหน้าผาแห่งนึง แล้วเจอศพๆนึง
“โชคดีที่ไม่ถูกน้ำฝนซัดลงไป ไม่อย่างนั้น ก็คงมาเสียเที่ยว” โหจื่อยกศพนั้นขึ้นมา
หลี่ฝางมองไปยังโหจื่อ แล้วถามว่า “ลุงเฉียนส่งให้แกไปช่วยเหลือ แล้วแกจะมาหาศพทำไม?”
“คุณจะไปรู้อะไร”
โหจื่อยกศพนั้นขึ้นมา จากนั้นก็รีบวิ่งไปทาง ประตูทางเข้าของสถานตากอากาศ ส่วนหลี่ฝางก็วิ่ง ตามไปติดๆ
พอมาถึงประตูทางเข้าสถานตากอากาศ โหจื่อยกศพนั้นขึ้นมา แล้วหันไปมองพวกชุดขาวแล้วพูดว่า “พวกแกยังจะสู้หาพ่องมึงเหรอ เห็นนี้ไหม นี่คือลูกพี่ของพวกแก ตอนนี้ถูกฉันยิงทิ้งไปแล้ว”
“รีบยอมแพ้ดีกว่า ลูกพี่ของพวกแกตายแล้ว ยังจะสู้โดยไร้ความหมายอีก? ขอแค่พวกแกยอมแพ้ ฉันขอรับประกัน เดี๋ยวจะให้ร่มคนละหนึ่งอัน ให้พวกแกลงเขาโดยที่ไม่ต้องตากฝน”
โหจื่อพูดเสียงดัง
“อะไรน่ะ ลูกพี่ตายแล้ว?”
“เป็นลูกพี่จริงๆด้วย”
“นี่มันเป็นไปไม่ได้? ไม่มีทางที่ลูกพี่จะตายด้วยน้ำมือของชายผอมแห้งแค่คนเดียวหรอก”
ถึงแม้ทุกคนจะไม่อยากจะเชื่อ แต่ว่า ศพของราชาหมาป่า ตอนนี้ก็ถูกโหจื่อยกอยู่กลางอากาศจริงๆ
“ดูไม่ชัดหรือยังไง? งั้นฉันจะให้พวกแกดูให้เต็มตา”
พอโหจื่อพูดจบ ก็โยนศพของราชาหมาป่า ไปยังกลางวง
พริบตาเดียว ลูกน้องของราชาหมาป่า กำลังใจของพวกเขา ก็หายไปจนหมด
พวกเขาติดตามราชาหมาป่าจนมาถึงเมืองเอก พอราชาหมาป่าตาย ต่อจากนี้พวกเขาควรเดินไปทางไหนต่อ เพียงแป๊บเดียวก็มืดแปดด้าน
“ราชาหมาป่าตายแล้วจริงๆ”
หลังจากที่เห็นศพของราชาหมาป่าอย่างชัดเจน ก็มีคนๆนึงโยนอาวุธที่อยู่บนมือทิ้ง แล้วพูดว่า “ในเมื่อราชาหมาป่าตายแล้ว ฉันก็ควรที่จะถอยแล้ว”
“ฉันเองก็จะไปด้วย”
เหล่าทหารรับจ้างพวกนี้ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองสู้เพื่อใครอยู่
พวกเขาแค่เชื่อฟังคำพูดของราชาหมาป่า ราชาหมาป่าให้พวกเขาทำอะไร พวกเขาก็ทำแบบนั้น
ส่วนนายจ้าง ก็โทรคุยกับราชาหมาป่าแค่คนเดียว
ตัวตนของทหารรับจ้าง นายจ้างเองก็ไม่รู้จัก รู้แค่ว่าคนที่เป็นผู้นำของพวกเขา คือราชาหมาป่า
ชื่อรหัสของกลุ่มทหารรับจ้างกลุ่มนี้ จึงถูกเรียกว่ากลุ่มราชาหมาป่า
พอราชาหมาป่าตาย งั้น กลุ่มๆนี้ ก็คงต้องสลายตัวแล้ว
เป็นทหารรับจ้างมาหลายปี ในที่สุดก็ต้องจบลง
อนาคตของพวกเขา มีอยู่สองทาง หนึ่งคือสร้างกลุ่มขึ้นมาเอง แล้วทำงานเป็นทหารรับจ้าง และรับจ้างฆ่าคนต่อ อีกทางเลือกก็คือเก็บข้าวของของตัวเอง แล้วใช้ชีวิตตามปกติด้วยเวลาที่เหลืออยู่
เรื่องพวกนี้ เอาไว้หลังจากนี้
มีหลายคน ที่ต้องการจะล้างแค้นให้กับราชาหมาป่า แต่หลังจากที่โหจื่อรู้เจตนาของพวกเขา ก็หยิบปืนทองคำขึ้นมา แล้วเล็งไปที่พวกเขา
“ถานเหิน?”
“ว่ากันว่าเมื่อสองปีก่อนจักรพรรดินี ได้มอบปืนทองคำให้กับมือปืนคนนึง ชื่อของคนๆนั้น ก็คือถานเหิน”
ถานเหิน มีชื่อเสียงอย่างมากในโลกของทหารรับจ้าง
นี่เป็นบุคคลที่มีความอันตรายเป็นอย่างมาก เทคนิคการยิงปืน ไม่มีใครเทียบได้
พอคิดไปคิดมา แม้แต่ลูกพี่ราชาหมาป่ายังตายด้วยน้ำมือของถานเหิน งั้นตัวเองยัง…….คิดจะแก้แค้นอีก?
งั้นมันก็เป็นการฆ่าตัวตายน่ะสิ?
ต่อมา พวกที่ต้องการจะแก้แค้น หลังจากที่เห็นปืนทองคำของโหจื่อ ก็เปลี่ยนความคิดทันที
ความคิดที่จะแก้แค้น ก็สลายหายกลายเป็นควัน ในเวลาเดียวกัน
“ไปเถอะ คนที่อยู่ตรงหน้า เป็นตัวอันตรายระดับSSSในโลกของทหารรับจ้าง สูงยิ่งกว่าลูกพี่ของพวกเราอีกระดับ”
เพียงแป๊บเดียว คนกว่าสิบคน ก็เดินจากไป
และคนที่ยังเหลืออยู่ ก็เป็นแก๊งใหญ่ๆที่อยู่ในเมืองเอก เป็นการรวมตัวของพวกที่มีฝีมือ
หรือที่เรียกกันว่าคนแข็งแกร่ง
แม้ว่าพวกเขาจะมีฝีมือไม่เบา แต่ยังไงซะพวกเขาแค่มาช่วยเหลือ หรือจะพูดอีกอย่างก็คือ พวกเขาแค่มาเป็นกองหนุน
แต่ตอนนี้?
คนที่พวกเขามาช่วย ล้วนหนีไปหมด งั้นพวกเขาที่เป็นกองหนุน ก็อึ้งไปเหมือนกัน
ฉันมาช่วยแกสู้ แต่แกกลับหนีกลับไป นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันแน่?
เวลาเดียวกัน คนพวกนี้ ต่างคนต่าง จ้องมองกัน ล้วนไม่รู้จะทำยังไงต่อดี แต่ว่า พอผ่านไปราวๆสิบวิ พวกเขาก็ตัดสินใจได้แล้ว นั้นก็คือถอย
“พี่เหยสง ผมว่าเราพอแค่นี้กันก่อนดีกว่า ถ้ายังสู้ต่อไป ก็มีแต่เสียหายทั้งคู่”
“พี่เหยสง เรื่องในวันนี้ เป็นแค่การเข้าใจผิด”
“เข้าใจผิด?”
เหยสงเผยแววตาที่เย็นชา มองไปยังคนพวกนี้ แล้วชี้ไปที่อกของตัวเองแล้วพูดว่า “มึงฟันกูไปหนึ่งที แล้วมาบอกกับกูว่าเข้าใจผิดงั้นเหรอ?”
“พี่เหยสง ช่างเถอะนะ พวกเราล้วนอยู่ในวงการเดียวกัน และคนกลุ่มนั้น ล้วนมาจากต่างประเทศ พวกเราก็แค่ทำตามที่ได้รับจ้างมา ตอนนี้ พวกคนจากต่างประเทศก็หนีหายกันไปหมด งั้นก็หมายความว่า ทิ้งงานนี้ได้แล้ว งั้นพวกเราก็ไม่มีเหตุผลที่จะให้สู้กันต่อไป”
“ถ้าเกิดพี่เหยสงไม่ยอมปล่อย งั้น……”
สีหน้าของเหยสงดำมืดลงไปแป๊บนึง พูดอย่างอึดอัดว่า “พอแล้ว ไม่ต้องพูดให้มากความ ดูไม่ออกรึไง กูไม่ใช่ลูกพี่อีกแล้ว”
เหยสงส่งสายตาไปหาไอ้หน้าหนวด ราวกับว่ากำลังถามความคิดเห็นของไอ้หน้าหนวด
ไอ้หน้าหนวดถอดหายใจด้วยความเหนื่อยล้า ตัวเขาไม่อยากจะสู้ต่อแล้ว แต่พอคิดไปคิดดมา คนพวกนี้ สามปีก่อน ส่วนใหญ่ล้วนเป็นคนที่เคยรวมหัวกันเพื่อเป็นศัตรูกับตัวเอง
ไอ้หน้าหนวดไม่อยากปล่อยคนพวกนี้ไป แต่ถ้าเกิดสู้กันต่อไป ต่อให้ผลสุดท้ายคือชนะ มันก็คงเป็นชัยชนะที่แลกมาด้วยความเสียหายทั้งสองฝ่าย
คิดไปคิดมา ไอ้หน้าหนวดหันกลับไปมอง โหจื่อกับหลี่ฝางแวบนึง
ยังไงซะ เมื่อเทียบฐานะและจุดยืน ไอ้หน้าหนวดเทียบไม่ได้กับโหจื่อหรือหลี่ฝางแม้แต่น้อย
เพราะงั้น คนที่จะตัดสินใจ ควรจะเป็นโหจื่อหรือไม่ก็หลี่ฝางถึงจะถูก
โหจื่อหัวเราะ แล้วพูดว่า “ดูเหมือนว่า อีกฝ่ายคงต้องการยอมจำนน”
“เจ้านาย คุณว่าจะยอมรับการยอมแพ้ของพวกเขาดีหรือเปล่า?” โหจื่อหันไปถาม พร้อมมองหน้าหลี่ฝาง
หลี่ฝางนึกไม่ถึงว่าโหจื่อ จะให้ตัวเองเป็นคนตัดสินใจในครั้งนี้ ตอนนี้ สายตาของทุกๆคน ล้วนมองมายังหลี่ฝาง
สีหน้าของหลี่ฝาง หมองลงเล็กน้อย หันไปพูดกับไอ้หน้าหนวดและซุนจิ้นว่า “อย่าปล่อยให้หนีไปได้แม้แต่คนเดียว ทุกคนที่อยู่ที่นี่ห้ามไปไหนทั้งนั้น”