NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - บทที่ 658 เข้าใจผิด?
“หมายความว่าไง?”สีหน้าของหลี่ฝาง เย็นชาขึ้นมาทันที
“แกขู่ฉันงั้นเหรอ?” หลี่ฝางพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาใส่ท่านลู่ พร้อมกับถามไปหนึ่งประโยค
น้ำเสียงของท่านลู่ไม่มีการหวั่นไหว “ฮ่าๆ เสี่ยวฝาง อย่าเพิ่งวู่วาม ถ้าเกิดแกวู่วาม ก็จะเป็นการบอกว่าแกใส่ใจพวกเขา”
“ตอนนี้ หลอซ่าไม่อยู่ สถานตากอากาศแห่งนี้ แกก็คงจะเป็นคนที่มีอำนาจสั่งการถูกไหม?”
ท่านลู่มองหน้าหลี่ฝาง แล้วถามไปหนึ่งประโยค
หลี่ฝางหัวเราะ แล้วพูดว่า “ท่านลู่ แกคิดว่าฉันที่เป็นแค่เด็กน้อย จะสามารถเป็นคนสั่งการได้งั้นเหรอ? พ่อของฉันไม่อยู่ สถานตากอากาศแห่งนี้ แน่นอนคนที่สั่งการต้องเป็นลุงเฉียนอยู่แล้ว”
“แกหมายถึงเจ้ารองเฉียนเหรอ? เขา……สุดท้ายก็เป็นแค่คนนอก เขาก็แค่ค่อยช่วยจัดการปัญหาของหลอซ่าก็เท่านั้นเอง”
ท่านลู่พูดจบด้วยเสียงหัวเราะ ทันใดนั้นก็เปลี่ยนหัวข้อ “ฉันขอพูดอะไรที่มันไม่น่าฟังหน่อย แกอย่าโกรธล่ะ ถ้าเกิดครั้งนี้พ่อแกไม่สามารถกลับมาได้ งั้นสถานตากอากาศแห่งนี้ แกก็คงจะต้องเป็นคนดูแลต่อ”
“ลูกต้องรับธุรกิจต่อจากพ่อ แกว่างั้นไหม?”
“แกคงจะปล่อยให้คนนอกมารับช่วงสถานตากอากาศไม่ได้ใช่ไหมล่ะ?” ท่านลู่ถามหลี่ฝาง พร้อมกับยักคิ้ว
ใบหน้าของหลี่ฝาง เปลี่ยนเป็นใบหน้าที่ดูแย่ขึ้นมาทันที “พ่อของฉันจะต้องกลับมาอย่างแน่นอน”
“มันก็ไม่แน่หรอกนะ ทางด้านเขตสามเหลี่ยม ไม่ใช่สถานที่ดีเท่าไหร่ ถ้าเกิดสามารถจัดการได้ง่ายขนาดนั้น ก็คงอยู่ไม่ได้จนถึงทุกวันนี้ ความจริง ความหวังที่พ่อแกจะกลับมาได้ มีไม่มาก”
ท่านลู่มองไปยังหลี่ฝาง แล้วพูดขึ้นมาว่า “อีกอย่างน่ะ ลองคิดตอนที่พ่อแกทิ้งแกไปอย่างไร้เยื่อใย ไม่ว่าแกจะเป็นตายร้ายดียังไงเขาก็ไม่สนไม่ถาม แล้วแกจะสนใจทำไมว่าเขาจะอยู่หรือตาย?”
“เขาเป็นพ่อของฉัน” หลี่ฝางจ้องมองไปที่ท่านลู่ ท่าทางดูโมโหเป็นอย่างมาก
“ฉันรู้ว่าเขาเป็นพ่อของแก แต่พ่อของแก เป็นคนที่โหดเหี้ยมมาก หรือว่า แกคิดว่าเขาจะรักและเอ็นดูแกจริงงั้นเหรอ? ความจริง เขารักเงินมากกว่า แกลองคิดดูดีๆ สามปีมานี้ ทำไมเขาถึงไม่กลับมาพาแกกลับไปล่ะ? ทำไมถึงต้องให้แกต้องทนทุกข์ยากอยู่คนเดียวตั้งสามปีล่ะ?”
“หรือว่า เขาไม่มีอำนาจที่จะพาแกกลับไปรึไง? ฮ่าๆ ลูกน้องของเขา มีแต่ยอดฝีมือ แถมความสามารถของเขา แกเองก็น่าจะรู้ดี ถ้าเกิดเขาอยากจะกลับมาพาแกไปด้วย มันเป็นเรื่องที่ง่ายราวกับพริบฝ่ามือ แถมสถานที่อย่างดูไบ ก็เป็นสถานที่ที่สะดวกสบาย มีราชาแห่งน้ำมันค่อยหนุนหลัง เขาจะต้องมีชีวิตความเป็นอยู่อย่างสุขสบาย และชีวิตความเป็นอยู่ของแกล่ะ ใช้ชีวิตกันยังไง กินไม่อิ่ม เสื้อที่ใส่ก็ไม่อุ่น ไม่เพียงแค่ถูกเพื่อนในโรงเรียนหัวเราะเยาะ ถูกรังแก แถม แกยังต้องเผชิญกับอันตรายขนาดนั้น แต่ว่า เรื่องพวกนี้ พ่อของแกหลอซ่ากลับทำเหมือนกับว่ามองไม่เห็น”
“แกคิดจริงๆเหรอว่า เขาปฏิบัติการแกเหมือนเป็นลูกแท้ๆน่ะ?” ท่านลู่หันไปพูดกับหลี่ฝาง
สีหน้าของหลี่ฝางอึ้งไปพักนึง
แม้ว่าท่านลู่ต้องการจะให้แตกคอกันอย่างชัดเจน แต่สิ่งที่ท่านลู่พูดออกมา ก็ใช้ว่าจะไม่มีเหตุผล
ถ้าเกิดในตอนแรก พ่อแม่ของตัวเอง ใช้ชีวิตด้วยการหลบหนี พาตัวเองหนีไปด้วย ก็เป็นแค่ตัวถ่วง
แต่หลังจากที่พวกเขามั่นคงแล้วล่ะ?
พวกเขามีทรัพย์สมบัติมากมาย แต่ละคนต่างก็กลายเป็นคนที่มีชื่อเสียง แต่มีเพียงแค่ตัวเอง ที่ต้องอยู่ในสถานที่ไม่มีอะไรเลยอย่างตงไห่ ต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก
เด็กคนนึงที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ พอห่างจากพ่อแม่ จะไปเผชิญกับคนแปลกหน้ายังไง?
ถ้าเกิดไม่ใช่เพราะหลี่ฝางยอมทิ้งศักดิ์ศรี กลายเป็นเบ้ให้กับเพื่อนร่วมชั้นของตัวเอง ค่อยล้างถุงเท้า ทำการบ้าน ทำงานกลางคืนเพื่อเก็บเงินส่งค่าเทอม ตัวเองคอยหาค่าเทอมของตัวเองแล้วล่ะก็
งั้นตัวเองก็คงจะเดินไปในอีกสายทางนึง นั้นก็คือกลายเป็นแรงงานเด็ก แล้วก้าวเท้าเข้าไปอยู่ในสังคม
ตัวเองบางทีอาจจะเดินไปยังเส้นทางที่ไม่ดี บางทีอาจจะไปเป็นนักเลง บางที อาจจะเป็นขโมยก็ได้ และอาจจะขายผงขาวก็ได้
เอาเป็นว่า ไม่ว่าแบบไหนก็เป็นไปได้ทั้งนั้น
อีกอย่าง ในสังคม มีอันตรายอยู่รอบตัว ที่สามารถเจอได้ทุกเมื่อ
โชคดีที่หลี่ฝางเลือกที่จะเรียนต่อ แม้ว่าจะใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก แต่ก็ไม่เคยเจอกับความอันตรายที่อยู่ในสังคม
“แกพูดถูกแล้ว สามปีมานี้ จริงอยู่ที่ว่าเขาไม่ได้เป็นพ่อที่ดีอะไร” หลี่ฝางเงยหน้ามองท่านลู่แวบนึง แล้วพูดว่า “แต่ว่า เขาเป็นพ่อของฉัน นี่เป็นความจริง ที่แกมาเล่าเรื่องพวกนี้ให้ฉันฟัง ก็เพื่อที่จะให้หัวใจของฉันเกิดความแค้นต่อพ่อของตัวเองถูกไหม?”
ท่านลู่หัวเราะ ไม่ได้ปิดบังแต่อย่างใด “เมื่อก่อน องค์รัชทายาทล้วนคาดหวังให้พ่อของตัวเองสิ้นพชนไว้ๆ จากนั้นตัวเองก็สามารถขึ้นครองราชย์ได้ เสี่ยงฝาง แกไม่คิดมาก่อนรึไง?”
หลี่ฝางส่ายหัว
“ฮ่าๆ อุบัติเหตุมันเกิดขึ้นได้เสมอ ถ้าเกิดมีอะไรเกิดขึ้นหลอซ่าจริงๆ งั้นแก ก็ต้องใช้โอกาสนี้ให้ดีๆ เอาสถานตากอากาศ แล้วก็ยังมีสถานบันเทิง สิ่งที่พ่อของแกเหลือเอาไว้ เอามาไว้บนมือของแกให้หมด อย่าให้เจ้ารองเฉียนแย่งไปได้ล่ะ”
ท่านลู่พูดต่อ “ถึงเวลานั้น แกก็จะเป็นเจ้าบ้านของตระกูลหลี่ และพวกเรา เมื่อถึงเวลานั้นก็จะสามารถร่วมมือกันได้ แกว่าถูกหรือเปล่า?”
“พ่อฉันไม่ตายหรอก” หลี่ฝางยังคงยืนยันคำเดิม
“สมองของเด็กอย่างแก ทำไมถึงไม่รู้จักคิดเผื่อเอาไว้ ฉันหมายถึงว่าถ้าเกิด ถ้าเกิดน่ะแกเข้าใจไหม? พ่อของแกไม่ใช่เทพสักหน่อย เขาเป็นคน ขอแค่เป็นคน ก็ตายได้ทั้งนั้น อีกอย่าง พวกแกจับฉันมา ทำให้ไปกระตุ้นหนวดหลายคน แม้จะไม่ตั้งใจ แต่ก็เพิ่มอันตราย ให้กับพ่อของแกไม่น้อย”
ท่านลู่หัวเราะอย่างเย็นชา “เอาเป็นว่า ฉันแค่ต้องการมาทำความรู้จักกับแกก่อน อยากจะเป็นมิตรกับแกก่อน”
“ต้องขอโทษด้วย ฉันไม่สนใจสัตว์เดรัจฉาน โดยเฉพาะสัตว์เดรัจฉานเฒ่าแบบแก” หลี่ฝางพูด
ท่านลู่ปิดตาลงเล็กน้อย “สัตว์เดรัจฉานเฒ่า? ฉันคนนี้ทำความดีมามากขนาดนั้น แค่เงินที่บริจาคให้กับโรงเรียน ก็มีมากกว่าสิบแห่งแล้ว อีกอย่าง และยังมีบ้านพักคนชราอะไรพวกนั้นอีก แกบอกว่าฉันเป็นสัตว์เดรัจฉานเฒ่า? มีสัตว์เดรัจฉานที่ใจดีขนาดนี้ด้วยเหรอ?”
“แกล้งโง่งั้นเหรอ? แกคิดว่าฉันไม่รู้รึไง ว่าชั้นใต้ดินของสโมสรเจียงหนาน เป็นสถานที่แบบไหน? พวกแกเพื่อที่จะสนองตัณหาของตัวเอง ทำให้หญิงสาววัยรุ่นตายไปแล้วตั้งกี่คน”
“ท่านลู่ แกว่าแกอายุปูนนี้แล้ว ไม่กลัวรึไงว่าหลังจากที่ตายไป จะต้องรับกรรมอะไรบ้าง?” หลี่ฝางถาม
ท่านลู่ส่ายหัว แล้วก็หัวเราะ
“แกทำลายชีวิตคนไปมากขนาดนั้น ยังหัวเราะออกมาได้อีกเหรอ?” หลี่ฝางมองท่านลู่ด้วยหางตา ข้างในดวงตาเต็มไปดูความดูถูก
“ทั้งชีวิตของฉัน จริงอยู่ที่ทำลายชีวิตคนไปไม่น้อย แต่ชีวิตของคนๆนึง การที่มายืนอยู่ในจุดที่ฉันอยู่ได้ ใครกล้าพูดว่า มือของตัวเอง ไม่เคยเปื้อนเลือดมาก่อนล่ะ? ตอนที่ฉันยังหนุ่มยังแน่น เคยใช้ธุรกิจที่สกปรก บีบบังคับให้อีกฝ่ายโดดตึกฆ่าตัวตาย และเคยทำลายชีวิตของพวกเขาจนเสียการเสียงาน เรื่องพวกนี้ ฉันยอมรับ”
“ธุรกิจ เป็นสถานที่ที่เมื่อเอาอาหารเข้าปากแล้วต้องกินให้หมดอย่าให้เหลือแม้แต่กระดูก”
“ฉันก็เป็นนักธุรกิจก็เท่านั้นเอง คนที่ฉันทำลาย ล้วนเป็นเพราะการแย่งชิงทางด้านธุรกิจ นอกเหนือจากนั้น ฉันก็ไม่เคยทำอะไรที่มันไม่ดี ส่วนเรื่องที่แกบอกว่าฉันเป็นสัตว์เดรัจฉานเฒ่า คงจะเป็นเพราะความเข้าใจผิดในตัวฉัน”
“เข้าใจผิด?” หลี่ฝางหัวเราะ “งั้นหญิงสาววัยรุ่นพวกนั้น ตายได้ยังไง?”
“รึว่าไม่ใช่เพราะบริบาลแก แล้วถูกแกฆ่าตายเหรอ?” หลี่ฝางซักถาม
ท่านลู่ส่ายหัว แล้วพูดว่า “แน่นอนว่าต้องไม่ใช่ เป็นเพราะพวกเขาทนการทรมานไม่ไหว แล้วฆ่าตัวตายเอง”
“แล้วไม่ใช่เพราะแกเหรอ” หลี่ฝางพูด
“แต่ว่า ตอนที่พวกเขาเลือกที่จะมาบริบาลฉัน ก็มาเพราะความตั้งใจของตัวเอง อีกอย่าง ฉันเองก็ใช้เงินเป็นจำนวนมาก เพื่อซื้อพวกเขามา เป็นพวกเขาเองที่ทนรับไม่ไหวกับชีวิตที่ไม่มีอิสระ จะโทษใครได้ล่ะ? ก่อนที่จะรับเงินจากฉัน ฉันก็อธิบายอย่างชัดเจนแล้ว”
“ฉันไม่ได้เป็นอย่างที่พวกแกเข้าใจรหรอกนะ เล่นสนุกกับพวกเธอ แกก็ไม่ลองดูหน่อยล่ะ ว่าฉันอายุปูนนี้แล้ว จะไปลงไม้ลงมือกับหญิงสาววัยรุ่นพวกนั้นได้ยังไง?”
“ตรงชั้นใต้ดินของสโมสรเจียงหนาน หญิงสาวพวกนั้น ไม่มีอิสระแม้แต่น้อย แม้แต่อิสระในการพูดคุย ก็ไม่มี มีหญิงสาวมากมาย รับชีวิตแบบนี้ไม่ไหว เพราะงั้นจึงกลายเป็นคนบ้า มีบางคน มาขอร้องฉัน ขอให้ฉันปล่อยพวกเธอไป คืนอิสรภาพให้กับพวกเธอ ฮ่าๆ การทำธุรกิจ ต้องรู้จักรักษาคำพูด ในเมื่อเซ็นสัญญาแล้ว งั้นก็ไม่ควรผิดสัญญา เพราะงั้น ฉันจึงไม่ตกลง สิ่งที่พวกเธอมี ก็คือเอาความตายมาขู่ฉัน”
“ยังจะบอกว่าต่อให้ตายเป็นผีก็ไม่ยอมปล่อยฉัน น่าขำซะจริง พูดกันตามตรง การตายของพวกเธอ ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับฉันสักหน่อย?” ท่านลู่พูด
หลังจากที่หลี่ฝางได้ยินเรื่องพวกนี้ ก็ตกใจจนอึ้งไปพักนึง
สิ่งที่ท่านพูดมา กับสิ่งที่คนอื่นพูด ไม่เหมือนกันสักนิด หลี่ฝางเองก็พูดไม่ถูกว่าจริงหรือปลอมกันแน่
แต่ว่า หลี่ฝางก็ถามไปด้วยความสงสัย “ในเมื่อเรื่องที่พวกแกทำ เป็นเรื่องที่ดี ทำไมถึงต้องไปหลบซ่อนตัวอยู่ในสถานที่ที่ไม่เห็นแสงเดือนแสงตะวันด้วยล่ะ?”
“ฮ่าๆ เกี่ยวกับจุดเรื่องต้นในก่อสร้างสถานที่นั่น คงต้องย้อนกลับไปเมื่อห้าปีก่อน”
ท่านลู่ยิ้ม แล้วพูดว่า “ฉันสามารถเล่าให้แกฟังได้”