NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - บทที่ 659 ฉินวี่เฟยตกอยู่ในอันตราย
หลี่ฝางมองไปยังท่านลู่ และกำลังรอคำตอบอยู่
“ความจริงคนที่อายุราวๆพวกเรา ล้วนกลัวความตายกันทั้งนั้น”
ท่านลู่พูดต่อ “เมื่อห้าปีก่อน ไม่ว่าจะเป็นทางโซเชียมหรือว่าความเป็นจริง ก็มีแต่คนพูดถึงคำทำนายของคนมายาอะไรสักอย่างนี้แหละ แม้ว่านั้นจะดูปัญญาอ่อน แต่เรื่องบางอย่าง โดยเฉพาะเรื่องที่มีผลต่อชีวิตของพวกเขา พวกเราก็เลือกที่จะเชื่อ มากกว่าไม่เชื่อ”
“เพราะงั้น คนแก่ที่ร่ำรวยอย่างพวกเราก็มารวมตัวกันในปีนั้น ระหว่างที่ดื่มชากันอยู่ จู่ๆก็นึกเรื่องอะไรขึ้นมาได้ ก็คือทุกคนเอาเงินออกมาคนละพันล้าน แล้วสร้างสวนสวรรค์ใต้ดินขึ้นมา เพื่อหลบซ่อนตัวจากความวุ่นวายในโลกแห่งความเป็นจริง”
“หรือก็คือชั้นใต้ดินของสโมสรเจียงหนาน”
“และพวกเราก็เอาเงินเหล่านี้ มอบให้กับสี่ตระกูลใหญ่ที่เป็นเจ้าถิ่น ทั้งสี่ตระกูลใหญ่ ใช้เวลานานหลายปี ค่อยๆสร้างสวนสวรรค์ชั้นใต้ดินขึ้นมา ความจริงแล้ว สวนสวรรค์ใต้ดินนี้ จนถึงตอนนี้ก็ยังก่อสร้างอยู่”
“จะบอกแกแบบนี้ก็แล้วกัน ไม่ว่าจะเกิดแผ่นดินไหวกว่าสิบลิตเตอร์ หรือน้ำแข็งเกิดละลายขึ้นมา จะเกิดน้ำท่วงยังไง หรือไฟไหม้อะไรพวกนั้น ก็จะไม่ส่งผลต่อชีวิตของพวกเรา ข้างในมีออกซิเจนที่เพียงพอ ทั้งน้ำ และอาหาร และคนรับใช้ที่คอยบริบาลพวกเรา ให้พวกเราใช้ชีวิตได้อย่างหมดห่วง”
“เข้าใจรึยัง? นั่นตั้งหากที่เป็นจุดประสงค์เริ่มแรกที่ก่อสร้างสถานที่แห่งนั้น และเป็นเหตุผลที่ทำให้เกิดสถานที่แห่งนั้น”
ท่านลู่พูดต่อ “แน่นอน ฉันเองก็จะไม่ขอบอกว่าในหมู่คนสูงอายุอย่างพวกเรา จะไม่มีสัตว์เดรัจฉานอยู่สักตัวสักสองตัวอยู่เลย พอตื่นเต้นขึ้นมา ก็ทำเรื่องที่มันต่ำช้ายิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉานได้ แต่ว่า นั่นมันเกี่ยวข้องอะไรกับฉันล่ะ อีกอย่าง นี่มันก็ไม่ใช่เรื่องปกติ”
“พวกเราก็อายุปูนนี้แล้ว แค่จะเดินอย่างลำบากเลย จะไปเอาแรงที่ไหนไปยุ่งกับร่างกายของหญิงสาวพวกนั้นกันล่ะ? ท่านลู่พูด
“สถานที่แห่งนั้น ลูกหลานตระกูลของพวกเรา ก็รู้เรื่องนั้นดี และสาวบริการส่วนใหญ่ พวกเขาก็เป็นคนเลือกมาเอง ถ้าเกิดพวกเราทำเรื่องสัตว์เดรัจฉานแบบนั้นขึ้นมา งั้นพวกเราจะไปมีหน้าไปมองลูกหลานของพวกเราได้ยังไง พวกเรายังต้องการรักษาหน้าแก่ๆนี้อยู่นะ?”
ท่านลู่พูดด้วยใบหน้าที่อึดอัด
“ไม่ใช่แบบนั้น?”
หลี่ฝางมองท่านลู่ด้วยความสงสัย “สิ่งที่แกพูดออกมา เป็นความจริงงั้นเหรอ?”
“เป็นเรื่องจริงแน่นอน อีกอย่าง ฉันเองก็เคยปล่อยหญิงสาวพวกนั้นอยู่จำนวนนึง เพียงแต่ว่า เกี่ยวกับเรื่องรายละเอียด ฉันก็จะให้พวกเธอเซ็นสัญญาว่าจะเก็บเป็นความลับก็เท่านั้นเอง”
ท่านลู่พูดต่อ “อีกอย่าง คนแก่อย่างพวกเรา มักจะชอบเล่าความลับเล็กน้อยของตัวเอง เพราะงั้น พวกเราจึงตั้งกฏกับพวกเธอเอาไว้ นั่นก็คือห้ามพวกเธอพูดคุยกัน”
“ความหมายก็คือ พวกเธอไม่สามารถคุยเรื่องของพวกเราได้ ยิ่งไม่สามารถเอาความลับของพวกเรา ให้คนอื่นได้รับรู้”
ท่านลู่พูดต่อ “การที่ไม่สามารถพูดคุยได้ ในสถานที่ลับที่ปิดตาย ไม่มีอิสระ ไม่สามารถคบหาเพื่อนได้ ไม่มีสิ่งบันเทิงอะไรให้พวกเธอเสพสุข ชีวิตแบบนี้ ใช้เวลาไม่นาน พวกเธอก็จะรับไม่ไหวกันเอง”
“ฉันไม่ได้เลวร้ายอย่างที่แกคิด แต่ว่า ระหว่างเราและพ่อของแก จริงอยู่ที่มีความแค้น พ่อของแกเคยบุกเข้ามาที่บ้านที่ปลอดภัยของพวกเรา และพาผู้หญิงกลับไปหนึ่งคน คิดว่า ก็น่าจะเป็นแม่ของแก”
“นับเวลานั้น สี่ตระกูลใหญ่และพ่อของแกต่างก็ต่อสู้กันอย่างลับๆ ต่อสู้กันอยู่นาน มีอยู่ครั้งนึงสี่ตระกูลใหญ่ได้จับแม่ของแกไป แล้วเอาเธอไปไว้ในข้างในเซฟเฮ้าส์ของพวกเรา จากนั้น พ่อของแกจึงบุกเข้ามา และยังฆ่าคนของพวกเรา ทำให้พวกเราโกรธขึ้นมา”
“ว่ากันตามตรง การที่พวกเรามีความแค้นกับตระกูลหลี่ของพวกแก ก็เป็นเพราะสี่ตระกูลใหญ่”
“แต่ว่า ตอนนี้ความแค้นนี้ น่าจะไม่สามารถปล่อยวางได้แล้ว นอกซะจะ พ่อของแกหลอซ่าจะตายในภารกิจครั้งนี้
ท่านลู่หัวเราะพร้อมพูดต่อว่า “ฉันไม่ได้จะแช่งให้พ่อแกตาย แต่ว่าในใจก็หวังให้เขาตายจริงๆ”
“ฉันเป็นคนพูดตรงแบบนี้แหละ แกอย่าถือสาฉันเลย”
“ฮ่าๆ ฉันเองก็หวังว่าแกจะตาย รีบตายยิ่งดี แกเองก็อภัยให้ฉันด้วย ฉันเองก็เป็นคนพูดตรง” หลี่ฝางพูด
“เฮิง พ่อของแกทำกับแกแบบนี้ แกก็ยังปกป้องเขาอีก ช่างไม่เข้าใจซะจริงๆ” ท่านลู่ส่ายหัว พร้อมกับลุกขึ้นและเดินจากไป
เขาเพิ่งเดินออกไป หลี่ฝางก็หันไปมองเขาแวบนึง ตอนที่หันกลับมา กลับเห็นลุงเฉียนนั่งอยู่บนโซฟา พอหลี่ฝางเห็นลุงเฉียน ก็ตกใจขึ้นมา
เวลาดึกป่านนี้ คนๆนึง ปรากฏตัวออกมาด้วยที่ตัวเองไม่รู้ตัว มันทำให้ขนลุกไปทั้งตัวจริงๆนะ
หลี่ฝางตบอกตัวเอง แล้วพูดว่า “ลุงเฉียน คุณมาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย ผมตกใจแทบแย่?”
พอเห็นหลี่ฝาง ลุงเฉียนก็พูดออกไปอย่างนิ่งๆว่า “ฉันมาตั้งนานแล้ว ตอนที่ไอ้แก่นี้เข้ามา ความจริง ฉันก็แอบเดินเข้ามาในห้องนี้อย่างเงียบๆแล้ว”
“งั้นบทสนทนาของพวกเรา……” ใบหน้าของหลี่ แดงขึ้นมาเล็กน้อย
เมื่อกี้ด้วยคำพูดของท่านลู่ ทำให้ข้างในใจของหลี่ เกิดความรู้สึกโกรธแค้น พ่อของตัวเองขึ้นมาแล้วจริงๆ
แต่ความรู้สึกแค้นนี้ ยังไม่ถึงกลับหวังให้พ่อของตัวเองตาย
แค่ความรู้สึกที่ทอดทิ้งนั้น ทำให้คนเรารู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อย
“ฉันได้ยินหมดแล้ว อย่าไปฟังคำพูดไร้สาระของตาแก่นั้นเลย ความจริงสามปีที่ผ่านมา ก็มีคนซ่อนตัว แอบปกป้องคุณอยู่ลับๆ แต่ว่า ไม่เคยเผยตัวออกมาก็เท่านั้นเอง”
“สามปีนี้ ข้างกายของคุณ มีคนค่อยจับตาปกป้องอยู่ตลอด แต่ไม่มีใครที่ต้องการจะฆ่าคุณหรอก”
“ขอแค่คนพวกนี้ยังไม่เห็นศพของพ่อคุณ ไม่มีใครโง่ถึงขั้นฆ่าคุณหรอก” ลุงเฉียนพูดอธิบาย
“งั้นทำไม หลังจากที่พวกคุณปลอดภัยแล้ว หลังจากที่มีอำนาจ ถึงไม่มาพาฉันออกจากตงไห่ล่ะ?”
หลี่ฝางมองไปยังลุงเฉียน ถามด้วยความสงสัย “พวกคุณสามารถพาผมออกไปได้ พาผมไปดูไบ แล้วใช้ชีวิตอยู่กับพวกคุณ”
“ฉันไม่ได้สนใจพวกเงินทอง ฉันแค่อยากจะถามพวกคุณว่า ทำไมถึงไม่กลับมาพาฉันไปด้วย?”
หลี่ฝางพูดต่อ “อย่าบอกว่าพวกคุณไม่มีอำนาจพอที่จะทำแบบนั้น หรือ พวกคุณไม่สามารถปกป้องฉันได้ ฉันไม่เชื่อหรอก”
ลุงเฉียนส่ายหัว แล้วพูดว่า “เป็นความต้องการของพ่อคุณ”
“แม่ของคุณเคยเสนอไปตั้งหลายครั้งแล้ว แต่ว่า ลูกพี่ก็ห้ามเอาไว้ จริง อย่างที่คุณว่า สองปีมานี้ ดูแลเด็กแค่คนเดียว สำหรับพวกเราแล้วก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร แต่ว่า ถ้าเกิดมาพาคุณไปด้วย ให้คุณไปใช้ชีวิตที่สุขสบายแบบนั้น สำหรับอนาคตของคุณแล้ว มันส่งผลดีอะไรล่ะ?”
“พ่อของคุณไม่อยากให้คุณกลายเป็นคุณชายเจ้าสำราญ เพราะงั้น จึงให้บททดสอบกับคุณ ถ้าเกิดคุณสามารถเอาชีวิตรอดได้เป็นเวลาสามปีด้วยตัวคนเดียว งั้น สามปีนี้ ก็จะเป็นบทเรียนที่สำคัญมากสำหรับชีวิตของคุณ คุณที่อายุแค่นี้แต่กลับไม่มีอำนาจอะไร ต่อให้หลังจากนี้จะเจอกับสถานการณ์ที่ยากลำบากขนาดไหน ก็คงจะผ่านมันไปได้อย่างราบรื่น”
“คุณในตอนนี้ ที่ได้เป็นถึงคุณชายใหญ่ แต่ก็เคยใช้ชีวิตอย่างกับขอทาน”
ลุงเฉียนพูดต่อ “ในฐานะพ่อคนนึง เขาอาจจะดูไร้หัวใจไปหน่อย แต่ว่า คุณไม่สามารถพูดได้ว่าสิ่งที่เขาทำนั้นผิด”
“ตอนนั้น พ่อของคุณวางแผนไว้สองอย่าง อย่างแรกก็คือไปรับตัวคุณมา จากนั้นก็ให้คุณใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายทั้งชาติ ถ้าเกิดไปรับตัวคุณมา งั้นตอนนี้ คุณก็น่าจะอยู่ที่ดูไบ คงจะไม่ตามพวกเรากลับมา เพราะว่าคนที่ใช้ชีวิตอย่างกับเจ้าชายจนชินแล้วอย่างคุณ คงไม่สามารถตามพวกเรามา เพื่อเผชิญหน้ากับพวกศัตรูได้”
“แผนที่สอง ก็คือไม่สนไม่ถามเกี่ยวกับคุณ ให้คุณไปเผชิญหน้ากับปัญหาด้วยตัวเอง รอให้พวกเราถึงเวลาที่เหมาะสมแล้ว ค่อยกลับไปรับคุณ”
“สุดท้าย พ่อของคุณก็เลือกอย่างหลัง” ลุงเฉียนอธิบาย
“คุณไม่ควรโกรธแค้นเขา พวกเราก็ไม่ควร บนบ่าของพ่อคุณ มีสิ่งที่ต้องแบกรับไว้มากจนเกินไป”
“แต่เขา ก็ไม่กล้าล้มลง ถ้าเกิดเขาล้มลง งั้นพวกเราที่เหลือทั้งหมด ก็จะล้มตามไปด้วย คุณคิดว่ากับที่พวกเราอยู่ต่างประเทศ จะใช้ชีวิตอย่างสงบสุขเหรอ? พวกนักฆ่าพวกนั้น มันชัดเจนมากว่าได้รับผลประโยชน์จากตาแก่พวกนั้น เพราะงั้นจึงเป็นศัตรูกับพวกเรามาด้วยตลอด”
“ถ้าเกิดคุณไปที่นั่น ก็คงจะตกเป็นเป้าหมายที่ต้องสังหารด้วย”
ลุงเฉียนพูด
หลี่ฝางไม่ได้พูดอะไร แค่ถอดหายใจเบาๆ แล้วนั่งลงไปบนโซฟาและพูดว่า “ความจริง ผมหวังให้พ่อของผม เป็นแค่คนขับรถธรรมดา ถึงแม้จะไม่ค่อยอยู่บ้าน แต่ว่า อย่างน้อยมันก็ยังเรียกได้ว่าอบอุ่น”
“ไม่ต้องใช้ชีวิตแบบที่ต้องต่อสู้อยู่ตลอดเวลา ใช้ชีวิตอยู่แต่กับการฆ่าฟัน” หลี่ฝางพูดไปพร้อมกับเบะปาก
ลุงเฉียนหัวเราะออกมา “มีเรื่องมากมาย ที่มันไม่มีทางเลือก”
“ชีวิตคนเราถ้าเกิดเดินผิดไปสักก้าว ก็ต้องเดินเส้นทางนั้นต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเกิดจะโทษล่ะก็ ก็ต้องโทษที่พ่อของคุณมีความสามารถมากจนเกินไป ความสามารถที่เขามี ให้เขาไปเป็นแค่คนขับรถ เขาจะยอมรับได้เหรอ?”
“คุณก็เหมือนกับจูเก่อเหลียงนั่น เขาเป็นอัจฉริยะในสามโลก ต่อให้เล่าปี่จะไม่มาหาเขาถึงสามครั้ง เขาก็คงไม่หลบซ่อนไปตลอด และเป็นแค่คนที่มีความรู้ธรรมดาหรอก”
ลุงเฉียนพูดต่อ “คนๆนึง ชีวิตๆนึง นี่เป็นชีวิตของคุณ คุณต้องยอมรับมัน”
“เวลาป่านนี้แล้ว ฉันไปล่ะ คุณไปนอนพักผ่อนเถอะ”
ลุงเฉียนลุกขึ้นมาแล้วพูดออกมา
หลี่ฝางพูดขึ้นมา “สิ่งที่ไอ้ตาเฒ่าแซ่ลู่ พูดเมื่อกี้ เป็นความจริงรึเปล่า? เซฟเฮ้าส์แห่งนั้น เป็นที่ๆปลอดภัยจริงเหรอ?”
“น่าจะเป็นอย่างนั้น” ลุงเฉียนก็ตอบกลับไปด้วยที่ไม่มั่นใจ
ตอนที่ลุงเฉียนเดินมาจนถึงประตู หลี่ฝางทนไม่ไหวจนถามออกไปว่า “เมื่อกี้ ท่านลู่พูดข่มขู่ผม ถามว่าผมยอมที่จะเห็นเพื่อนของผม ผู้หญิงที่ผมรัก ต้องตกอยู่ในอันตรายเหรอ?”
“วางใจได้ เพื่อนของคุณ และก็แฟนของคุณ จะไม่เป็นไร”
ลุงเฉียนพูดเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น “เขาแค่ขู่คุณ ขอแค่ตาแก่นี้ยังอยู่ที่สถานตากอากาศของพวกเรา คำขู่ที่เขาพูดกับคุณ ก็เป็นแค่ลมปาก”
หลี่ฝางพยักหน้า หลังจากที่ลุงเฉียนเดินจากไป หลี่ฝางก็ไปขึ้นไปฟูกอยู่บนเตียง
แต่ว่า หลี่ฝางกลับนอนไม่หลับ และในคืนนั้นก็ฝันแปลกๆ ข้างในฝัน เพื่อนของตัวเอง และผู้หญิงของตัวเอง ล้วนตายกันหมด
แถมยัง ตายต่อหน้าตัวเอง
โดยเฉพาะตอนที่เห็นหลินชิงชิง ลู่หลุ่ย ฉินวี่เฟยผู้หญิงพวกนี้ หลี่ฝางก็ตื่นขึ้นมาจากฝันร้าย หน้าของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อ
หลี่ฝางที่ตื่นขึ้นมา รีบโทรไปหาลู่หลุ่ย หลังจากที่ลู่หลุ่ยไม่รับสาย ก็โทรไปหาหลินชิงชิง ชิงชิงเองก็ไม่รับสาย
ตอนที่โทรไปหาฉินวี่เฟยเป็นคนสุดท้าย หลี่ฝางก็ไม่ได้หวังอะไร แต่ปรากฏว่าฉินวี่เฟยกลับรับสายทันที
“เธอยังไม่นอนเหรอ?” หลี่ฝางถาม
“อืม ฉันอยู่กับพี่สาว พวกเราหนีออกมาแล้ว ไอ้มู่หรงฉางเฟิงนั่น ส่งคนมาตามหาพี่สาวฉันมาด้วยตลอด คิดจะจับตัวพี่สาวฉันกลับไป” ฉินวี่เฟยพูดต่อ “พวกเราหลบซ่อนตัวอยู่ในหมู่บ้านแห่งนึง”
หลี่ฝางทำหน้าเครียด แล้วพูดว่า “ไอ้สารยำมู่หรงฉางเฟิง ยังไม่ยอมปล่อยพี่สาวเธอไปอีกเหรอ?”
ฉินวี่เฟยไม่ได้พูดอะไร หลี่ฝางได้ยินเสียงผู้หญิงร้องไห้จากสายโทรศัพท์ หลี่ฝางพูด “เอางี้ไหม เธอส่งที่อยู่มาให้ฉัน ฉันจะพาคนไปรับพวกเธอมาอยู่ข้างในสถานตากอากาศ”
“ได้ ฉันอยากจะโทรไปหาคุณตั้งนานแล้ว อยากให้คุณช่วย แต่ก็รู้สึกเกรงใจ” ฉินวี่เฟยพูดด้วยน้ำเสียงที่ดีใจ
หลังจากที่วางสาย หลี่ฝางก็วิ่งไปหาโหจื่อ
และโหจื่อในเวลานี้ นอนหลับสบายเหมือนหมู่ตัวนึง ใช้เวลาเรียกอยู่นาน กว่าจะยอมตื่นขึ้นมา
“เจ้านาย คุณชายใหญ่เรียกผมตื่นขึ้นมา มีเรื่องอะไรเกินขึ้นเหรอ?”
โหจื่อขยี้ตาตัวเอง หลังจากที่ลืมตาตื่น จู่ๆก็พูดเสียงดังขึ้นมาว่า “แม่งเอ๊ย คงไม่ใช่ว่ามีคนบุกเข้ามาใช่ไหม?”
“ไม่มีใครบุกเข้ามา ฉันอยากให้แกตามฉันไปรับผู้หญิงสองคน”
พอหลี่ฝางพูดจบ โหจื่อก็ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “ฮ่าๆ ทนไม่ไหวแล้วสิน่ะ? ฮ่าๆ ยังถือว่าคุณมีน้ำใจ ยังรู้ว่าต้องไปรับมาสองคน แต่ว่า สถานตากอากาศของพวกเราไม่มีผู้หญิงไม่ใช่เหรอ ครั้งก่อนคุณก็ส่งมาหนึ่งคนไม่ใช่เหรอ? ฉันว่าเธอเองก็ไม่เลวน่ะ หน้าตาก็ดี รูปร่างก็โอเค……”
หลี่ฝางมองโหจื่อด้วยหางตา “เธอเป็นเพื่อนร่วมห้องของแฟนฉัน แกว่าฉันจะลงมือกับเธอได้เหรอ?”
“ถุ้ยๆๆ พูดแต่อะไรก็ไม่รู้ คนที่พวกเราไปรับ คือฉินวี่เฟยกับฉินหยีหรันของตระกูลฉินตั้งหาก ใครคิดถึงผู้หญิงกัน? เป็นมู่หรงฉางเฟิงที่ค่อยหาเรื่องฉินหยีหรันอยู่ตลอด ฉันอยากจะรับเธอเข้ามา ให้เธอเข้ามาหลบอยู่ในสถานตากอากาศสักสองสามวัน” หลี่ฝางพูด พร้อมมองโหจื่อด้วยหางตา
โหจื่อเพิ่งพูดจบ สายของฉินวี่เฟยก็ดังขึ้นมา “หลี่ฝาง ดูเหมือนว่าพวกเขาจะเจอพวกเราแล้ว”