NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - บทที่ 662ครั้งต่อไปเจอกันอีก ฉันฆ่าเธอแน่
“ฟีนิกซ์?”
ผู้หญิงที่ชื่อฟีนิกซ์ยิ้มยั่วยวนออกมา หัวเราะแล้วพูดขึ้นว่า: “ฉันคิดว่านายจะเหมือนเมื่อก่อน เรียกฉันว่าศิษย์พี่เสียอีก”
“อาจารย์ไม่ได้นับเธอเป็นลูกศิษย์แล้ว”
สายตาของโหจื่อ มีความแค้นเคืองแล่นเข้ามา: “ถ้าจะพูด เธอมันช่างไม่มีจิตใต้สำนึกเลย วิชาที่เธอมีติดตัว ล้วนเป็นวิชาที่อาจารย์สอนออกมาทั้งนั้น แต่สุดท้ายแล้ว กลับเอาวิชานี้มาทำร้ายอาจารย์”
“ทำเรื่องที่น่าอับอายแบบนี้ออกมา ยังใจให้ฉันเรียกเธอว่าศิษย์พี่อีกเหรอ?”
โหจื่อส่ายหัว แล้วพูดขึ้นว่า: “เธอไม่รู้สึกว่าความคิดของเธอมันช่างตลกสิ้นดีเลยเหรอ?”
ฟีนิกซ์ไม่พูดอะไร แต่เดินไปข้างหน้าอีกสองสามก้าว
“เช็คเงินสด”
ฟีนิกซ์มาถึงตรงหน้าของมู่หรงฉางเฟิง ยื่นเช็คเงินสดออกไป: “ฉันยิงไปหนึ่งนัดก็จริง แต่กระสูนนัดนั้น ยิงไม่ถูกใครเลย”
“ดังนั้น เงินนี้ ฉันควรคืนให้คุณ”
มู่หรงฉางเฟิงหันไปมองฟีนิกซ์ หัวเราะเคอๆ ออกมาแล้วพูดขึ้นว่า: “ช่างมันเหอะ ฉันไม่ขาดเงินหนึ่งล้านเหรียญนั่นหรอก เพราะยังไงนัดนั้นของเธอ ก็มีประสิทธิผลที่ดีมากเหมือนกัน ถึงแม้จะไม่ยิงถูกคน แต่ก็มีคนตกใจไม่ใช่เหรอ?ทำให้พวกเขาสองคนตกใจจนไม่กล้าโผล่หัวออกมา”
“ถ้าไม่ใช่เพราะเธอ ฉันก็ไม่สามารถช่วยคนออกมาได้ ดังนั้น เงินนี้ เธอเก็บไว้เถอะ”
ฟีนิกซ์ส่ายหัว: “ยิงไม่ถูกก็คือยิงไม่ถูก คุณมาขาดเงินหนึ่งล้านเหรียญนี้ ฉันก็ไม่ขาด เช่นเดียวกัน”
“ฉันยิงไม่ถูกคน ยังจะให้เงินฉันอีก ทำทานให้ฉันเหรอ?”
น้ำเสียงของฟีนิกซ์ ไม่พอใจขึ้นมาทันที
มู่หรงฉางเฟิงจึงรีบรับเช็คมา หัวเราะเคอๆ แล้วพูดขึ้นว่า: “ใครจะไปกล้า ใครจะกล้าดูถูกคุณฟีนิกซ์?เท่ากับรนหาที่ตายไม่ใช่เหรอ?”
“ไม่ว่ายังไง คืนนี้ เป็นเพราะคุณช่วยแท้ๆ” มู่หรงฉางเฟิงพูดขอบคุณออกมา
นอกจากคำขอบคุณแล้ว หลี่ฝางฟังจากน้ำเสียงที่มู่หรงฉางเฟิงพูดออกมานั้น มีความเคารพอยู่ไม่น้อย
ฟีนิกซ์ถึงแม้จะเป็นมือปืนรับจ้าง แต่ฐานะของเธอ เหมือนจากสูงกว่าของมู่หรงฉางเฟิงหนึ่งขั้น
ในวินาทีนั้น หลี่ฝางเริ่มสงสัยขึ้นมา
ฟีนิกซ์เข้าไปพึ่งพาสี่ตระกูลใหญ่ กลายเป็นคนของพวกเขาแล้ว
ดูจากสถานการณ์แล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างฟีนิกซ์กับสี่ตระกูลใหญ่ ต้องไม่ง่ายดายอย่างนั้นแน่นอน
ฟีนิกซ์มองไปที่โหจื่อ ยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า: “ได้ยินมาว่าฝีมือการยิงปืนของนาย ได้ถึงจุดสุดยอด”
“ใช่”
โหจื่อยิ้ม แล้วพูดขึ้นว่า: “เอาไหมล่ะ พวกเราหาโอกาสมาประลองฝีมือกัน?”
“ได้สิ”
ฟีนิกซ์พยักหน้า: “แต่ว่าถ้าถึงเวลานั้น นายอย่าเหมือนเต่าหดหัวในกระดองก็แล้วกัน”
โหจื่อเหมือนถูกบีบบังคับให้ยอมรับความพ่ายแพ้ พูดอะไรไม่ออก
นี่เป็นครั้งแรกที่หลี่ฝางเห็นโหจื่อถูกบีบบังคับให้ยอมรับกับความพ่ายแพ้
ฝีมือการยิงปืนของฟีนิกซ์ ถือว่าแม่นยำมาก
หลี่ฝางถึงกับสงสัย ความจริงแล้วเธอไม่ได้ต้องการจะฆ่าเขาหรือโหจื่อ
ถ้าไม่เช่นนั้น เธอคงไม่ยิงแค่นัดเดียวหรอก
“นายเป็นลูกชายของอาจารย์เหรอ?” มองไปที่หลี่ฝาง ฟีนิกซ์มองด้วยสายตาเยอะเย้ยเล็กน้อย
หลี่ฝางรู้ ว่าอาจารย์ในปากของฟีนิกซ์ หมายถึงแม่ของเขานั่นเอง
หลี่ฝางพยักหน้า แล้วพูดขึ้นว่า: “ถูกต้อง”
“แต่ว่า เธอไม่มีสิทธิ์เรียกแม่ฉันว่าอาจารย์อีกต่อไป” หยุดชะงักไปสักครู่ หลี่ฝางพูดเสริมออกมา
“เคอๆ ใช่แล้ว แม่ของนายได้ไล่ฉันออกไปแล้ว เห้อ น่าเสียดาย พ่อแม่ของนายล้วนเป็นคนที่มีความสามารถ แต่นาย กลับดูธรรมดาไม่มีความสามารถอะไรเลย”
“ฉันยังเคยคิดมาก่อน เกิดเป็นลูกชายที่พ่อแม่เป็นคนเก่ง นายอาจจะเป็นลูกศิษย์ที่พวกเขาภาคภูมิใจที่สุด”
ฟีนิกซ์พูดจบ ส่ายหัวเล็กน้อย: “คิดไม่ถึง นายเป็นเหมือนของเสียที่ไม่มีคุณประโยชน์อะไรเลย”
คำพูดของฟีนิกซ์ โหด้ร้ายมาก โหจื่อพูดกับฟีนิกซ์ว่า: “นางบ้า เธออย่าทำตัวให้มันหน้าด้านหน่อยเลย เธอลืมไปแล้วเหรอ ชีวิตของเธอ พ่อแม่ของเสี่ยวฝางเป็นคนให้มา”
“ฉันรู้ ดังนั้น เมื่อกี้ฉันจึงไว้ชีวิตเขา”
“โหจื่อ นายคงจะไม่มีความคิดว่า ถ้าคนที่ฉันจะฆ่า เเล้วนายแค่ลงมือทำอะไร ก็สามารถช่วยชีวิตเขาได้หรอกนะ?”
ฟีนิกซ์หรี่ตาเล็กลงยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า: “เมื่อกี้ฉันได้ตอบแทนบุญคุณของอาจารย์กับอาจารย์หญิงแล้ว”
โหจื่อหัวเราะเคอๆ : “ฉันขอแนะนำทางที่ดูที่สุดอย่าคิดทำอะไรเสี่ยวฝาง ถึงแม้ตอนนี้เธอจะปีกกล้าขาแข็งแล้ว แต่เธอก็น่าจะรู้ดี ระหว่างเธอกับพี่ใหญ่และอาจารย์ มีความแตกต่างกันค่อนข้างเยอะอยู่”
“ฉันรู้”
ฟีนิกซ์พยักหน้า และไม่ได้ปฏิเสธ: “ครั้งก่อน ฉันกับพี่ใหญ่…… ไม่ใช่ หลอซ่า ฉันน่าจะเรียกเขาว่าหลอซ่าถึงจะถูก ฉันเคยลองฝีมือกับเขาแล้ว ถ้าเกิดเขาอยากจะฆ่าฉัน ตรงป่าเล็กนั้น น่าจะกลายเป็นหลุมฝังศพของฉันไปแล้ว”
“เคอๆ ดูแล้ว หลอซ่าน่าจะไม่ใช่คนเลือดเย็น”
ฟีนิกซ์ยิ้ม แล้วพูดขึ้นว่า: “ฉันกระทำความผิดใหญ่ขนาดนั้น เขายังไม่อยากฆ่าฉันเลย”
“นายคิดว่า หลอซ่าจะตกหลุมรักฉันแล้วหรือเปล่า?”
ฟีนิกซ์หรี่ตาเล็กลง พูดเยาะเย้ยออกมา
สีหน้าของโหจื่อ เย็นชาขึ้นเล็กน้อย: “คำพูดของเธอตอนนี้ ยิ่งอยู่ยิ่งกำเริบเสิบสานขึ้นทุกวัน”
“เคอๆ แล้วแต่เลย ฉันก็แค่พูดล้อเล่นเท่านั้นเอง”
“ฉันไปก่อนละ คราวหลังพวกเราค่อยเจอกันอีก”
ฟีนิกซ์หันกลับมา พูดกับโหจื่อแล้วโบกมือ
ตอนที่ฟีนิกซ์เดินไปถึงหน้าร้านคาราโอเกะ ทันดังนั้นโหจื่อร้องขึ้นมา: “รอสักครู่!”
“ฟีนิกซ์ ฉันมีคำพูดหนึ่งอยากพูดกับเธอ”
โหจื่อเผชิญหน้ากับฟีนิกซ์ แล้วพูดขึ้นว่า: “หลังจากกลับไปแล้ว รีบไปฝากฝังเรื่องของเธอให้เรียบร้อย ครั้งต่อไปเจอกันอีก ฉันฆ่าเธอแน่”
“เคอๆ”
ฟีนิกซ์ยิ้มอย่างไม่แยแสออกมา แล้วก้าวเดินออกไป
หลังจากที่ฟีนิกซ์เดินออกไปแล้ว มู่หรงฉางเฟิงดึงฉินหยีหรันขึ้นมา หันไปพูดกับเถ้าแก่ร้านคาราโอเกะว่า: “ฉันว่าลุง ผู้หญิงคนนี้ลุงแน่ใจเหรอว่าจะไม่เอา?”
“ถึงแม้เธอจะแพศยาไปหน่อย แต่อย่างน้อยก็หน้าตาสะสวย”
“ลุงดูรูปร่างนี้ และใบหน้านี้”
มู่หรงฉางเฟิงผลักตัวฉินหยีหรัน ผลักตัวเธอให้เข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของเถ้าแก่ร้านคาราโอเกะแล้วพูดขึ้นว่า: “หรือว่า ลุงรู้สึกว่าค่าตัวผู้หญิงคนนี้ ไม่พอจ่ายค่าอาหารมื้อนี้เหรอ”
เถ้าแก่ร้านคาราโอเกะตกใจ ส่ายหัวอย่างเร่งรีบ
“เห็นหรือยัง ฉินหยีหรัน รู้ว่าตัวเองแพศยาแค่ไหนหรือยัง ราคาตัวเธอสู้อาหารมื้อนี้ไม่ได้ด้วยซ้ำ” มู่หรงฉางเฟิงพูดเย็นชาออกมา
เจ้าของร้านส่ายหัวรีบอธิบายว่า: “เถ้าแก่ ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ผมเป็นคนซื่อ
ถ้าพวกคุณไม่มีเงินจริงๆ ค้างไว้ก่อนก็ได้ หรืออาหารมื้อนี้ผมเลี้ยงเอง อย่าทำให้ผมต้อง
ลำบากใจเลย”
“ผู้หญิงคนนี้แค่ดูก็รู้ว่าเป็นคุณหนูคนมีเงิน ท่านยกเธอให้กับผม ผมรับมันไว้ไม่ได้หรอก?” เจ้าของร้านพูดออกมาอย่างลำบากใจ
เวลานี้ มู่หรงฉางเฟิงเริ่มไม่พอใจขึ้นเล็กน้อย
มู่หรงฉางเฟิงมองไปที่ฉินหยีหรันด่าเสียงดังออกมา: “อะไรคุณหนูมีเงิน เธอมันก็แค่นางแพศยาคนหนึ่งเท่านั้น”
“ในเมื่อลุงไม่เอา ฉันก็จะยกเธอให้คนลี้ภัย”
มู่หรงฉางเฟิงพูดเย็นชาออกมา
ใบหน้าของฉินหยีหรัน เขียวช้ำเป็นจ้ำๆ ไปหมด
มู่หรงฉางเฟิงลงมือหนักมาก ส่วนฉินหยีหรัน เหมือนจะคุ้นชินกับเรื่องแบบนี้ ถึงแม้จะถูกทำร้ายหนักขนาดนี้ ก็ไม่ร้องอะไรเลย และไม่ร้องไห้ด้วย มีเพียงสายตาที่มองมู่หรงฉางเฟิง เคียดแค้นทวีเพิ่มขึ้นเท่านั้น
“มู่หรงฉางเฟิง ถึงฉันจะแพศยาแค่ไหน ก็ยังเป็นภรรยาของคุณ ฉันแพศยา ก็แสดงว่าคุณแต่งงานกับหญิงแพศยา”
“เคอๆ คุณชายของตระกูลมู่หรง แต่งงานกับนางแพศยา น่าตลกไหม?”
ฉินหยีหรันพูดเย็นชาออกมา: “ฉันคิดว่าคุณคงจะรู้แล้วสิ?ว่าก่อนแต่งงาน ฉันเคยสวมเขาให้คุณ”
ถึงแม้ว่าเรื่องนี้ มู่หรงฉางเฟิงรู้มาตั้งนานแล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรก ที่พูดออกมาจากปากของฉินหยีหรัน
“เธอยอมรับแล้วหล่ะสิ?”
สีหน้าของมู่หรงฉางเฟิงเปลี่ยนเป็นโหดเหี้ยม
“ฉันมีอะไรที่ไม่กล้ายอมรับ ใช่ ฉันไม่เคยชอบคุณ คนที่ฉันชอบ เป็นแค่คนจนคนหนึ่งเป็นคนพิการ และรวมถึงร่างกายของฉัน ก็ได้ให้เขาไปแล้ว เรื่องนี้ถ้าให้คนอื่นรู้ คนอื่น คงจะหัวเราะเยาะคุณไปตลอดชีวิต?มู่หรงฉางเฟิง ห่าๆ”
ฉินหยีหรันหัวเราะห่าๆ แล้วพูดขึ้นว่า: “มู่หรงฉางเฟิง คนที่คุณนอนด้วยทุกวัน ในใจคิดถึงแต่คนอื่น ผู้หญิงที่คุณยกขันหมากไปแต่งงานมาด้วย แต่กลับขึ้นเตียงของคนอื่นมาก่อนแล้ว ห่าๆ มู่หรงฉางเฟิงอ่ามู่หรงฉางเฟิง คุณช่างน่าสงสารเหลือเกิน”
“เธอหุบปากเดี๋ยวนี้!” มู่หรงฉางเฟิงด่าทอออกมา
“หุบปาก ทำไมฉันต้องหุบปากด้วย?ทำไม คุณกลัวคนอื่นรู้เรื่องนี้ขนาดนั้นเชียวเหรอ?” ฉินหยีหรันหัวเราะเย็นชาออกมา
มู่หรงฉางเฟิงเดินไปข้างหน้า ตบแรงๆ ลงไปบนใบหน้าของฉินหยีหรัน ตบล้มไปกองอยู่กับพื้น และเจ้าของร้านเวลานี้รีบไปดึงตัวของมู่หรงฉางเฟิงไว้: “เถ้าแก่ ท่านอย่าตบอีกเลย ถ้าตบต่อไปอีก อาจถึงแก่ชีวิตก็เป็นได้”
“แม้แต่ขยะอย่างแกก็กล้าขวางฉันเหรอ?” มู่หรงฉางเฟิงสะบัดมือ ตบเจ้าของร้านกระเด็นออกไป
หลังจากที่มู่หรงฉางเฟิงตีเจ้าของร้านเสร็จแล้ว เดินไปหาฉินหยีหรัน: “คืนนี้ ฉันจะตบเธอให้ตาย”
เวลานี้หลี่ฝางพูดกับโหจื่อว่า: “สั่งสอนเขาหน่อย”