NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - บทที่ 665 อัศวินของฉินหยีหรัน
“ตงฟางหวั่นเอ๋อ?”
โหจื่อบ่นพึมพำสองสามคำ หันไปมองมู่หรงฉางเฟิง แล้วถามออกมาว่า: “ตระกูลตงฟาง นายรู้จักใคร?หรืออีกอย่าง คนของตระกูลตงฟางที่ไม่เปิดเผยตัว นายรู้จักกี่คน?”
“ไม่รู้จักสักคน” มู่หรงฉางเฟิงส่ายหัว
โหจื่นหยิบปืนออกมาทันที แล้วเล็งปืนไปที่ศีรษะของมู่หรงฉางเฟิง: “พวกนายล้วนเป็นคนของสี่ตระกูลใหญ่ นายกลับบอกฉัน ว่านายไม่รู้จักคนของตระกูลตงฟางเหรอ?”
“นายอย่ามาโกหกฉัน?” โหจื่อไม่เชื่อคำพูดของมู่หรงฉางเฟิง
มู่หรงฉางเฟิงเกือบจะร้องไห้ออกมา: “ฉันไม่รู้จักจริงๆ ตั้งแต่เล็กจนโต ยี่สิบกว่าปีนี้ เคยเห็นคนของตระกูลตงฟางแค่ไม่กี่คนเอง พวกเขาลึกลับกว่าตระกูลอื่น อีกอย่างฐานะพวกเขา เมื่อเทียบกับอีกสามตระกูลแล้ว พวกเขาสูงส่งกว่าเยอะมาก”
“อีกอย่างเวลาที่พวกเขาออกมา ทุกคนต่างสวมใส่หน้ากากไว้ หรือบางที ก็หาหุ่นเชิดมาเจอพวกเรา มีอยู่ครั้งหนึ่ง ฉันเคยหาคนติดตามหุ่นเชิดคนนั้น ผ่านไปไม่กี่วันหุ่นเชิดคนนั้น กลับตายไปแล้ว
“สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือ คนที่ฉันส่งไปติดตามนั้น หลังจากนั้นไม่กี่วัน เสียชีวิตไปอย่างกะทันหัน”
“ฉันเคยได้รับคำเตือนจากคุณปู่ของฉัน”
“คนของตระกูลตงฟาง ค่อนข้างลึกลับ” มู่หรงฉางเฟิงพูดออกมา
โหจื่อมองไปที่มู่หรงฉางเฟิง ถามต่อไปอีกว่า: “ในเมื่อตระกูลตงฟางลึกลับขนาดนี้ ฉันขอถามหน่อย แล้วนายรู้ได้ยังไงว่าฟีนิกซ์ก็คือตงฟางหวั่นเอ๋อ
“ฟีนิกซ์ คือคนเดียวที่เปิดเผยตัวตน ถึงตอนนี้”
“แม้แต่ปู่ของฉัน ก็ยังต้องเคารพเธอ การปฏิบัติการครั้งนี้ สาเหตุที่เชิญเธอมาได้ หนึ่งคือคุณปู่เป็นคนแนะนำ สองคือเธอมาด้วยความสมัครใจ เธอบอกว่า ครั้งนี้เธอสามารถเจอศิษย์น้องของเธอ น่าจะเป็นนายสิ?” มองไปที่โหจื่อ มู่หรงฉางเฟิงถามออกมาด้วยความกังวลเล็กน้อย
“เธอช่างฉลาดเหลือเกิน” โหจื่อยิ้มออกมาอย่างมีความหมาย
ตอนนี้คนที่อยู่ข้างกายของหลี่ฝาง มีคนเก่งไม่กี่คน ความจริงแล้ว การที่ตงฟางหวั่นเอ๋อเดาว่าครั้งนี้คนที่มาจะเป็นโหจื่อ ก็ไม่น่าแปลกใจ
“ฉันได้บอกความลับสุดยอดนี้ให้กับนายแล้ว ตอนนี้ ปล่อยฉันไปได้หรือยัง?” มองไปที่โหจื่อ มู่หรงฉางเฟิงถามออกมาอย่างระวัง
ณ เวลานี้ ใบหน้าของมู่หรงฉางเฟิง เต็มไปด้วยความกลัว
บางที มู่หรงฉางเฟิงไม่ได้กลัวโหจื่อ แต่ความกลัวนั้นมาจากก้นบึ้งในใจของเขาเสียมากกว่า
เขาทรยศตงฟางหวั่นเอ๋อ เขากลัวฉากที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ตงฟางเอ๋อจะรู้ ถ้าเป็นแบบนั้น เขาต้องตายแน่ๆ
โห่จื่อหันไปมองมู่หรงฉางเฟิง พยักหน้า แล้วพูดขึ้นว่า: “พาฉินวี่เฟยส่งไปที่รีสอร์ตของพวกเรา จากนั้น นายก็กลับไปได้”
“อะไรนะ?เมื่อกี้นายไม่ใช่พูดว่า ฉินวี่เฟยถูกคนของพวกนายช่วยเหลือออกไปแล้ว?” มู่หรงฉางเฟิงถลึงตาโตออกมา มองไปที่โหจื่ออย่างพูดไม่ออก
“แน่นอนฉันหลอกนาย นายคิดดูนายโตขนาดนี้แล้ว ทำไมยังไร้เดียงสาขนาดนี้อีก พวกเราออกมาอย่างเร่งรีบ จะไปเตรียมคนมากมายขนาดนั้นได้ยังไง นายไม่รู้จักใช้โทรศัพท์เช็กดูก่อนเหรอ จากนั้นค่อยเชื่อคำพูดของฉัน?” โหจื่อหันไปมองมู่หรงฉางเฟิงทำท่ามองบนใส่เขา แล้วพูดขึ้นว่า: “เห้อ ช่างน่าสงสาร คุณชายของสี่ตระกูลใหญ่ โง่จริงๆ เลย”
“ก็ยุติธรรมอยู่แล้วหนิ่ เมื่อกี้นายก็โกหกพวกฉัน ไม่ใช่เหรอ?อะไรตีสี่ไม่ปล่อยตัวกลับไป คนของนายก็จะฆ่าฉินวี่เฟย เคอๆ”
โหจื่อพูดเยอะเย้ยออกมา
“ฉันกับลูกน้องของฉัน มีคำมั่นสัญญานี้อยู่จริง ถ้าฉันไม่กลับไป ให้พวกเขาฆ่าฉินวี่เฟยได้เลย แต่ว่าเวลาไม่ใช่ตีสี่ แต่เป็นก่อนสว่าง” มู่หรงฉางเฟิงพูดออกมาอย่างซึมเศร้า จากนั้นหยิบโทรศัพท์ออกมา
ตอนที่จะโทรศัพท์นั้น มู่หรงฉางเฟิงมองไปที่โหจื่อถามออกมายังเป็นกังวลว่า: “ครั้งนี้ นายคงไม่ได้หลอกฉันอีกหรอกนะ?”
“ถ้าหากฉันส่งฉินวี่เฟยไปถึงรีสอร์ต แล้วนายไม่ปล่อยฉันจะทำยังไง?” มู่หรงฉางเฟิงถามออกมาอย่างกังวลใจ
“เคอๆ นายคิดว่า ตอนนี้นายสำหรับฉันแล้ว ยังมีคุณค่าอะไรอีกเหรอ?” โหจื่อส่ายหัว มองไปที่มู่หรงฉางเฟิงแล้วพูดขึ้นว่า: “ความจริงแล้ว นายอยู่ในใจฉัน ก็แค่ตัวตลกคนหนึ่งเท่านั้นเอง ถ้าฉันจะฆ่านาย มันง่ายนิดเดียว”
“แต่ฉันแค่ไม่อยากทำเท่านั้นเอง”
“ฉันเป็นศิษย์น้องของฟีนิกซ์ ฝีมือการยิงปืนฉันกับของฟีนิกซ์ เสมอเท่าเทียมกัน นายกลัวกระสุนของฟีนิกซ์ แล้วนายไม่กลัวของฉันหรือไง?” โหจื่อถามออกมา
มู่หรงฉางเฟิงกลืนน้ำลายลงคอ ไม่รู้ควรพูดอะไรดี
จะตอบโต้ก็ตอบโต้ไม่ไหว ตัวเองจะพูดอะไรได้อีก?
มู่หรงฉางเฟิงมองไปที่โหจื่อ แล้วพูดออกมาว่า: “หวังว่านายจะรักษาคำพูด”
มูหรงฉางเฟิงหยิบโทรศัพท์ออกมา โทรหาลูกน้องของตัวเองแล้วพูดขึ้นว่า: “ส่งฉินวี่เฟยไปที่หน้าประตูรีสอร์ต
พูดจบ มู่หรงฉางเฟิงวางสายลง
“ได้ละ นายกลับไปเถอะ” โหจื่อพูดกับมู่หรงฉางเฟิง
มู่หรงฉางเฟิงตาสว่างขึ้นทันที มองไปที่โหจื่อ ไม่อยากเชื่อกับสิ่งที่ได้ยิน
“เช็คเงินสดในมือของนาย ทิ้งไว้” โหจื่อพูดเทริมออกมา
เมื่อมู่หรงฉางเฟิงไดยินคำนี้ รีบวางเช็คเงินสดไว้บนพื้นทันที จากนั้นรีบออกไปอย่างรวดเร็ว หลี่ฝางหันไปมองโหจื่อ แล้วพูดขึ้นว่า: “ฉินวี่เฟยยังไม่ถูกส่งไปถึงรีสอร์ตเลย นายปล่อยเขาไปอย่างนี้ ถ้าเกิดเขาเปลี่ยนใจทำไง?”
“วางใจได้ เขาไม่กล้าหรอก”
โหจื่อหัวเราะเคอๆ แล้วพูดขึ้นว่า: “เขาทรยศตงฟางหวั่นเอ๋อ และแน่นอนเขาต้องกลัวฉันจะทรยศเขาเช่นกัน”
“อีกอย่าง นายคิดว่าเขากล้าล้อฉันเล่นเหรอ?” โหจื่อส่ายหัวแล้วยิ้มออกมา เดินไปหาเจ้าของร้าน ยื่นเช็คเงินสดที่อยู่ในมือ ให้กับเจ้าของร้าน
“นี่เป็นค่าอาหารของคืนนี้ อีกอย่าง ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในคืนนี้ ถือว่านายดูละครทีวีก็แล้วกัน และห้ามไปพูดเรื่องนี้กับคนอื่น เข้าใจไหม?”
โหจื่อมองไปที่เจ้าของร้านแล้วพูดขึ้นว่า: “หนึ่งล้านหยวนเป็นค่าปิดปาก ถือว่าเป็นกำไรของนาย”
ตอนที่เจ้าของร้านรับเช็คเงินสดไปนั้น มือเริ่มสั่นขึ้นมา เพราะเขารู้สึกตื่นเต้น มองไปที่โหจื่อ เกือบจะคุกเข่าลงไปเลย
หนึ่งล้านหยวน
เขาเปิดร้านคาราโอเกะนี้ ทั้งชีวิต ก็คงจะหาเงินหนึ่งล้านหยวนไม่ได้ แต่โหจื่อแค่นี้ก็ให้เขาหนึ่งล้านหยวน
“เมื่อมีหนึ่งล้านหยวนนี้แล้ว ฉันก็สามารถแต่งงานได้แล้ว”
เจ้าของร้านตื่นเต้นจนน้ำตาเอ่อล้นออกมา ส่วนหลี่ฝางกับโหจื่อ เดินออกไปจากร้านคาราโอเกะ และขึ้นรถตัวเอง
ตลอดทาง สายตาของฉินหยีหรันที่มองโหจื่อนั้น เต็มไปด้วยความแปลกประหลาด
โหจื่อสัมผัสได้ถึงความผิดปรกติ จึงเอ่ยปากพูดขึ้นก่อนว่า: “พอละ คุณหนูใหญ่ตระกูลฉิน ถ้าคุณจะพูดขอบคุณผม ก็ไม่ต้องพูด ผมไม่ชอบความเสแสร้ง ถ้าคุณจะขอบคุณผม ก็ให้เงินผมสักสองสามล้าน หรือกี่สิบล้านเป็นค่าตอบแทนแล้วกัน”
“ขอบคุณ”
ฉินหยีหรันพูดออกมาด้วยความเขินอายเล็กน้อย โหจื่อขมวดคิ้วเล็กน้อย: “เมื่อกี้บอกคุณแล้วใช่ไหม คนอย่างผม ไม่ชอบความเสแสร้ง”
“เมื่อไรถึงจะเล่นจริงจังกับผม?” โหจื่อมองบนใส่ฉินหยีหรัน
เมื่อมาถึงหน้าประตูทางเข้ารีสอร์ต เห็นรถคันหนึ่ง จอดอยู่หน้าประตูทางเข้าพอดี
ฉินวี่เฟยถูกผลักลงไปล้มอยู่ที่พื้น จากนั้นรถคันนั้นขับออกไปอย่างรวดเร็ว หลี่ฝางลงจากรถ วิ่งเข้าไปหา แล้วอุ้มฉินวี่เฟยขึ้นมา: “คุณไม่เป็นไรใช่ไหม?”
มือและเท้าของฉินวี่เฟยถูกมัดไว้ และปากถูกเทปปิดปากไว้ หลังจากที่หลี่ฝางคลายมัดและดึงเทปออก ฉินวี่เฟยโผเข้าไปกอดหลี่ฝางไว้ แล้วร้องไห้ออกมา
“ฉันคิดว่าจะไม่ได้เจอคุณอีกแล้ว เมื่อกี้พวกเขาเอามีดออกมา บอกว่าถ้าฉันไม่เชื่อฟัง ก็จะฆ่าฉันทิ้ง”
ฉินวี่เฟยตกใจกลัวมาก พูดออกมาปากสั่น: “ยังพูดอีกว่าจะขายฉันทิ้ง”
“พวกเขาแค่ข่มขู่คุณเท่านั้นเอง นักเลงพวกนั้น รู้จักแต่ข่มขู่คน ไม่ต้องไปกลัวพวกเขาหรอก คุณอย่าลืมสิ คุณเป็นคุณหนูของตระกูลฉินนะ ประธานบริษัทของบริษัทฉินซื่อ ใครกล้าทำคุณ?” หลี่ฝางตบเบาๆ ไปที่ไหล่ของฉินวี่เฟย พูดปลอบใจออกมา
“แต่พวกเขา……อาจทำจริง มีอยู่คนหนึ่ง เกือบจะทำฉัน……” ฉินวี่เฟยหน้าแดงพูดออกมา: “โชคดีที่มีคนห้ามเขาไว้ และไล่เขาลงจากรถ”
สีหน้าของหลี่ฝางเปลี่ยนไปทันที ดูเหมือนผู้หญิงที่หน้าตาสะสวย ก็ไม่ใช่เรื่องดีเสมอไป
อย่างน้อย หน้าตาสะสวยนี้ ก็ทำให้เธอไม่ปลอดภัย
หลี่ฝางพาฉินวี่เฟยมาถึงวิลล่าของเขา หลังจากปลอบเธอให้หลับแล้ว เขาก็นอนลงข้างๆ
และในวันรุ่งขึ้น หลี่ฝางตื่นมาแต่เช้า สั่งให้คนเตรียมอาหารเช้าให้ฉินวี่เฟย และในเวลาเดียวกัน หลี่ฝางเห็นฉินหยีหรันเดินออกมาจากห้องของโหจื่อ
ฉินหยีหรันตื่นตระหนกเล็กน้อย และตอนที่ออกมานั้น ก็ได้เดินไปด้วยจัดความเรียบร้อยเสื้อผ้าตัวเองไปด้วย
เมื่อหลี่ฝางเห็นฉากนี้ ยิ้มแหยะๆ ออกมา ฉินหยีหรันคนนี้ ใช้วิธีนี้ตอบแทนโหจื่ออย่างนั้นเหรอ?
ผ่านไปสักพัก โหจื่อถึงได้เดินออกมาจากห้องของตัวเอง
หลี่ฝางทักทายกับโหจื่อ โหจื่อเดินไปหา มองไปที่หลี่ฝางแล้วถามออกมาว่า: “เถ้าแก่ ทำไมตื่นเช้าจังเลย”
“ตื่นเช้ามาออกกำลังกาย เคอๆ เมื่อคืน พี่โหจื่อคงเหนื่อยมากสินะ?” มองไปที่โหจื่อ หลี่ฝางพูดหยอกล้อออกมา
“ก็ต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว เมื่อคืนช่วยนายจัดการไอ้เหี้ยมู่หรงฉางเฟิง ทำฉันเหนื่อยมาก”
โหจื่อพูดอย่างเป็นธรรมชาติออกมา
โหจื่อสมแล้วที่เป็นยอดอัจฉริยะในการพูดโกหก เขารู้ทั้งรู้ว่าหลี่ฝางหมายถึงอะไร แต่ก็ไม่รู้สึกอายเลยสักนิด
หลี่ฝางหัวเราะเคอๆ ออกมา เปิดโปงต่ออีกว่า: “ฉันว่าพี่โหจื่อ ที่นายเหนื่อยเป็นเพราะจัดการมู่หรงฉางเฟิง?หรือเป็นเพราะจัดการภรรยาของมู่หรงฉางเฟิงกันแน่?”
โหจื่อเหลือบมองหลี่ฝาง แล้วพูดขึ้นว่า: “เถ้าแก่ นายต้องปากร้ายขนาดนี้เลยเหรอ?”
“เรื่องแบบนี้ถ้ารู้ก็ไม่จำเป็นต้องพูด เหตุผลง่ายๆ แบบนี้นายไม่รู้เหรอ?ถ้านายยังทำตัวแบบนี้อีก จะไม่มีเพื่อนได้นะ” โหจื่อพูดออกมา
หลี่ฝางหัวเราะเคอๆ แล้วพูดขึ้นว่า: “ได้ละ ฉันไม่พูดก็ได้”
“เห้อ เมื่อคืน ถือว่าเหนื่อยจริง” โหจื่อบิดเอวขี้เกียจแล้วพูดขึ้นว่า: “ยังดีที่ฉันเป็นคนมีวิชา ถ้าเป็นคนธรรมดาทั่วไป อย่างนายแบบนี้ วันนี้ทั้งวันคงลุกจากเตียงไม่ไหว”
“เธอเก่งขนาดนั้นเลยเหรอ?” หลี่ฝางถามออกมาอย่างสงสัย
“ทำไมจะไม่เก่ง……” โหจื่อส่ายหัว จากนั้นถามหลี่ฝางออกมาว่า: “ใช่ละ นายมีเบอร์โทรของมู่หรงฉางเฟิงไหม เมื่อกี้ฉินหยีรันไปอย่างเร่งด่วน ลืมถามเธอไปเลย”
หลี่ฝางพยักหน้า แล้วพูดขึ้นว่า: “มู่หรงฉางเฟิงเคยโทรหาฉัน ฉันสามารถช่วยนายหาดูได้”
“ใช่ละ นายหามู่หรงฉางเฟิงทำไมเหรอ?” หลี่ฝางถามออกมาด้วยความสงสัย
“ยังจะมีเรื่องอะไรอีก?ตราบใดที่ฉินหยีหรันไม่ได้หย่าร้างกับมู่หรงฉางเฟิง จิตใจของฉินหยีหรัน ก็จะกังวลตลอดเวลา ดังนั้นฉันจะเป็นคนจบทุกอย่างให้พวกเขาเอง” โหจื่อพูดจริงจังออกมา
หลี่ฝางมองไปที่โหจื่อแล้วถามออกมาว่า: “ฉันว่าโหจื่อ นายคงไม่ได้ตกหลุมรักฉินหยีหรันเข้าให้แล้วนะ?”
“อย่าพูดเรื่องไร้สาระ หัวใจของฉันเป็นขององค์หญิงYavinคนเดียว และฉันก็ภักดีต่อองค์หญิงYavinรักเดียวใจเดียวไม่มีวันเปลี่ยน……”
หลี่ฝางทนฟังไม่ได้อีกต่อไป: “พอละ ในเมื่อนายรักองค์หญิงYavinขนาดนั้น ฉันถามนายหน่อย เรื่องเมื่อคืนคืออะไร?นายดื่มเยอะเกินเหรอ?”
“นั่นก็ไม่ใช่ ผู้ชายอ่ะ ของที่เข้าหามาเราเอง ห้ามปฏิเสธเด็ดขาด มิฉะนั้น จะถูกฟ้าผ่าได้”
โหจื่อหัวเราะเหะๆ ออกมา: “ฉันเชื่อว่าองค์หญิงYavinต้องเข้าใจฉัน”
หลี่ฝางหาเบอร์โทรของมู่หรงฉางเฟิงเจอ หลังจากที่ให้เบอร์โทรโหจื่อแล้ว ก็กลับไปที่วิลล่าของตัวเอง ฉินวี่เฟยในเวลานี้ ได้ตื่นนอนแล้ว
ฉินวี่เฟยมองหลี่ฝางแล้วถามออกมาว่า: “พี่สาวของฉันหล่ะ?”
“เธออยู่อีกห้องหนึ่ง” หลี่ฝางพูดออกมา
“เมื่อกี้ฉันฝันว่าพี่สาวของฉันเกิดอุบัติเหตุรถชน เป็นฝีมือของไอ้เหี้ยมู่หรงฉางเฟิง ตกใจหมดเลย” ฉินวี่เฟยถอนหายใจออกมา แล้วพูดขึ้นว่า: “เห้อ ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ พี่สาวของฉันถึงจะหลุดออกมาจากน้ำมือของไอ้เหี้ยมู่หรงฉางเฟิงได้สักที”
“วางใจได้ พี่สาวของคุณจะหลุดพ้นได้ในเร็วๆ นี้แล้ว”
หลี่ฝางมองไปที่ฉินวี่เฟย ยิ้มแล้วพูดออกมา: “เพราะข้างกายพี่สาวของคุณ มีอัศวินผู้ยิ่งใหญ่ปรากฏตัวออกมาแล้ว”
“จริงเหรอ?”
“แน่นอนอยู่แล้ว อัศวินคนนั้นเก่งมาก สามารถหั่นสุนัขอย่างมู่หรงฉางเฟิงออกเป็นชิ้นๆ ได้ มู่หรงฉางเฟิงคนนี้เมื่อเห็นอัศวินคนนี้ ตกใจจนวิญญาณออกจากร่างไปเลย”
โหจื่อที่กำลังเดินไปออฟฟิศของลุงเฉียนนั้น จามออกมาติดต่อกันหลายครั้ง
เมื่อมาถึงหน้าออฟฟิศของลุงเฉียน เห็นลุงเฉียนกำลังนั่งอยู่ โหจื่อหัวเราะเคอๆ แล้วพูดขึ้นว่า: “ลุงเฉียน ผมมีข่าวจะมาเล่าให้ลุงฟัง”