NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - บทที่ 666 ฟีนิกซ์แข็งแกร่งขึ้น
ในเวลานี้ ลุงเฉียนนั่งอยู่บนเก้าอี้โซฟา ดูสงบและผ่อนคลาย แต่จริงๆ แล้วเขาแป็นกังวลมาก
ระยะเวลาทั้งคืน ลูกชายของท่านลู่ ลู่เฟย น่าจะถึงเมืองหลวงแล้ว?
ไอ้คนที่ชื่อลู่เฟยคนนี้ ไม่ใช่บุคคลธรรมดา
ตระกูลลู่เป็นเพราะมีลู่เฟยอยู่ ตระกูลลู่ถึงสง่าขนาดนี้ได้ ตลอดทั้งวันใช้ชีวิตอิทธิพลมืดที่สโมสรเจียงหนาน เพลิดเพลินกับชีวิตที่แสนสุขและผ่อนคลาย
สำหรับตระกูลลู่ที่ใหญ่ขนาดนี้ ลู่เฟยไม่เพียงควบคุมดูแลได้อย่างเป็นระเบียบ และยังทำให้ตระกูลลู่พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ได้อย่างมั่งคง
“มีข่าวดี?”
ได้ยินว่ามีข่าวดี สายตาที่เหนื่อยล้าของลุงเฉียน สว่างขึ้นทันที
“ลูกพี่ใหญ่กับส้าวส้วยจะกลับมาแล้ว?”
เวลานี้สำหรับลุงเฉียน ข่าวดีเรื่องเดียว น่าจะเป็นการกลับมาของหลอซ่ากับส้าวส้วย
โหจื่อส่ายหัว แล้วพูดขึ้นว่า: “ไม่ใช่เรื่องนี้”
ได้ยินแบบนั้น สายตาที่สว่างของลุงเฉียนหายไปทันที สิ่งที่เข้ามาแทน คืออาการเดิมก่อนหน้านั้น
“แล้วยังมีข่าวดีอะไรอีกเหรอ?”
ลุงเฉียนพูดออกมาอย่างหมดแรง
“หรือนายจะมาบอกฉัน นายหารักแท้เจอแล้ว?” ลุงเฉียนเหลือบไปมองโหจื่อ แล้วพูดออกมา
ใบหน้าของโหจื่อ พูดอะไรไม่ออก: “เหล่าเฉียน ลุงทำแบบนี้ก็ไม่มีความหมายสิ แอบฟังเรื่องส่วนตัวของคนอื่นได้ไง!”
“ยังจะเรื่องส่วนตัวอีก?นายลืมไปแล้วเหรอ ทั้งรีสอร์ต นอกจากห้องน้ำแล้ว ทุกที่เต็มไปด้วยกล้องวงจร ดังนั้นทุกอย่างที่เกิดขึ้นในรีสอร์ต ไม่รอดพ้นสายตาของคนแก่อย่างฉันคนนี้หรอก” ลุงเฉียนพูดออกมา: “ฉันก็ไม่อยากดู,ก็แค่……”
“พอแล้ว ฉันกับคุณหนู่ใหญ่ตระกูลฉิน ก็แค่เล่นๆ เท่านั้นเอง เมื่อคืนฉันช่วยเหลือเธอ เธอตอบแทนฉัน ก็แค่นั้นเอง”
“ลุงเฉียน อย่าคิดมาก”
โหจื่อมองไปที่ลุงเฉียน แล้วอธิบายออกมา
“เคอๆ คิดมากอะไรกัน ถึงแม้พวกนายจะอยู่ด้วยกัน ก็ไม่เห็นมีอะไรไม่ดี” ลุงเฉียนพูดแล้วยิ้มออกมา
“ทำแบบนั้นไม่ได้ อย่าว่าแต่ฉินหยีหรันเป็นภรรยาของมู่หรงฉางเฟิงเลย ถึงแม้เธอจะเป็นสาวโสด ฉันก็คบกับเธอไม่ได้ อย่าลืมสิ องค์หญิงYavin ยังรอฉันอยู่”
โหจื่อพูดออกมา
ลุงเฉียนเหลือบไปมองโหจื่อแล้วพูดขึ้นว่า: “นายอย่าฝันเลย องค์หญิงYavinจะแต่งงานกับนายได้ยังไง นายอย่าเพ้อฝันไปเองฝ่ายเดียวเลย”
“ช่างมันเหอะ เรามาคุยเรื่องจริงจังกันเถอะ รีบพูดให้ฉันฟังสิ ขาวดีของนาย มันคืออะไรกันแน่?” มองไปที่โหจื่อ ลุงเฉียนถามออกมา
โหจื่อหัวเราะเหะๆ แล้วเดินสองสามก้าวเพื่อไปหาลุงเฉียน: “พูดออกมา ลุงต้องไม่เชื่อแน่นอน”
“เมื่อคืน ลุงทายดูสิว่าฉันเจอใคร?” โหจื่อมองไปที่ลุงเฉียนเพื่อให้เขาทาย
ลุงเฉียนมองไปที่โหจื่ออย่างสนใจ แล้วถามออกมาว่า: “เจอใครเหรอ?”
“ฉันเจอฟีนิกซ์”
โหจื่อหรี่ตาลงแล้วพูดขึ้นว่า: “ฉันไม่คิดไม่ฝันเลย ว่าเมื่อคืนจะเจอเธอ”
“เมื่อคืนฉันตามคุณชายเล็กไปช่วยสองพี่น้องตระกูลฉิน ฟีนิกซ์ออกมาขัดขวางกลางทาง และบีบฉันไปถึงทางตัน ทำให้แผนการช่วยเหลือของฉันชะงัดและล้มเหลวไปชั่วคราว ยังดีที่มู่หรงฉางเฟิงประมาท เลยตกอยู่ในมือของฉัน สุดท้าย ฉันใช้มู่หรงฉางเฟิงเป็นตัวประกัน แลกคุณหนูทั้งสองคนของตระกูลฉินกลับมาได้
หลังจากที่โหจื่อพูดจบ ลุงเฉียงขมวดคิ้วเข้าหากัน พูดออกมาอย่างไม่พอใจว่า: “นี่คือข่าวดีที่นายจะมาบอกฉันอย่างนั้นเหรอ?”
“ไม่ใช่แน่นอน” โหจื่อส่ายหัวแล้วพูดขึ้นว่า: “ข่าวดีที่ฉันจะพูดกับลุงก็คือ เมื่อคืนฉันรู้มาจากปากของมู่หรงฉางเฟิง เกี่ยวกับตัวตนที่แท้จริงของฟีนิกซ์”
เมื่อได้ยินแบบนี้ สายตาของลุงเฉียง สว่างขึ้นมาทันที
“ตัวตนที่แท้จริงของฟินิกซ์เหรอ?เธอไม่ใช่เด็กกำพร้าหรอกเหรอ?ทำไม หรือเธอปิดบังตัวตนของตัวเอง?” ลุงเฉียนมองโหจื่อด้วยสายตาหนักใจ แล้วถามออกมา
“ฟีนิกซ์ไม่เพียงไม่ใช่เด็กกำพร้า และฐานะของเธอนั้น ก็ไม่ใช่คนธรรมดาเลย ลุงเฉียน ถึงแม้ฉันจะให้โอกาสลุงหนึ่งร้อยครั้ง ลุงก็ทายไม่ถูกหรอกว่าฟีนิกซ์คือใคร!”
โหจื่อหึออกมา หัวเราะเคอๆ แล้วพูดขึ้นว่า: “ชื่อจริงของเธอคือตงฟางหวั่นเอ๋อ ความจริงแล้ว เธอคือคนของตระกูลตงฟาง
สีหน้าของลุงเฉียง ซีดเซียวลงทันที
จากนั้น ลุงเฉียงเงียบไปนานมาก หลังจากผ่านไปสักพัก สีหน้าของลุงเฉียน ค่อยๆ สงบนิ่งเหมือนเดิม
ลุงเฉียนหัวเราะเคอๆ แล้วพูดขึ้นว่า: “ตอนแรกเห็นเธอน่าสงสาร เจออุบัติเหตุร้ายแรง พวกเราจึงช่วยเหลือเธอ ดูแล้ว อุบัติเหตุครั้งนั้น น่าจะเป็นกลยุทธ์ที่ทำร้ายตัวเองเสียมากกว่า”
“พวกเราเห็นเธอน่าสงสาร จึงไม่ได้ตรวจสอบประวัติของเธอ” ลุงเฉียนถอนหายใจออกมา ดูเหมือนจะเสียใจไม่น้อย
“ช่างมันเหอะ ถึงแม้ว่าพวกเราจะตรวจสอบยังไง ก็คงตรวจสอบตัวตนที่แท้จริงของเธอไม่ได้ ตระกูลตงฟางลงทุนใหญ่ขนาดนั้นเพื่อส่งเธอมาอยู่กับพวกเรา แสดงว่าพวกเขาได้ทำการบ้านมาอย่างดีแล้ว ตอนแรกพวกเราก็เคยไปสอบถาม เจ้าของสถานที่รับเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งนั้น และเด็กกำพร้าที่อายุเท่าเธอ ล้วนรู้จักฟีนิกซ์กันทั้งนั้น ไม่แน่ ฟีนิกซ์อาจเป็นคนของตระกูลตงฟางที่เติบโตในสถานที่รับเลี้ยงเด็กกำพร้าก็เป็นได้ นิสัยของเธอนั้น เป็นคนเก็บตัว และชอบเอาชนะ ทั้งหมดนี้ เป็นนิสัยของเด็กที่โตมาจากสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากันทั้งนั้น”
โหจื่อพูดออกมาว่า: “ก็แค่ คิดไม่ถึง ว่าตระกูลตงฟางสังเกตพวกเรามานานขนาดนี้แล้ว”
ลุงเฉียนพยักหน้า แล้วพูดขึ้นว่า: “ใช่ไง คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าคนของตระกูลตงฟาง ที่แท้ เมื่อไม่นานไม่นี้ ก็ได้จัดคนแทรกซึมเข้ามาภายในของพวกเรา และเวลานานขนาดนี้ พวกเรากลับไม่มีรู้ตัวเลย”
“เคอๆ แม้ว่าจะไม่มีการทรยศจากไอ้เฒ่าตระกูลฉิน ตัวตนของพี่ใหญ่ ก็ต้องถูดเปิดเผยออกมา” ลุงเฉียนส่ายหัว แล้วพูดขึ้นว่า: “หลายปีมานี้ ไม่ว่าจะเป็นพี่ใหญ่ หรือซ้อใหญ่ ก็คิดไม่ออก ว่าทำไม จู่ๆ ฟีนิกซ์ก็ทรยศพวกเรา”
“พวกเราก็เคยทบทวนดูแล้วเหมือนกัน หลายปีมานี้ พวกเราไม่เคยทำเรื่องอะไรผิดต่อฟีนิกซ์ ไม่มีเหตุผล ที่เธอจะทรยศเรา”
“หลังจากที่เธอทรยศแล้ว กระสุนหนึ่งนัดห้าแสนหยวน ชื่อของฟีนิกซ์ ก็โด่งดังในโลกแห่งอิทธิพลมืด เวลานั้น ทุกคนต่างรู้สึกว่า การทรยศของฟีนิกซ์เป็นเพราะเงิน แต่ลองตรึกตรองอย่างละเอียดแล้ว ฟีนิกซ์เป็นผู้หญิงที่หยิ่งมาก จะเห็นแกเห็นได้ยังไงกัน?”
ลุงเฉียนพูดขึ้นว่า: “สงสัยมาหลายปี คิดไม่ถึง ว่าวันนี้จะได้คำตอบ”
“ที่แท้ เธอคือคนของตระกูลตงฟางนั่นเอง”
“ใช่แล้ว ตงฟางหวั่นเอ๋อ ตระกูลใหญ่ทั้งสี่ที่ลึกลับที่สุด และเป็นคนเดียวของตระกูลตงฟาง ที่เปิดเผยตัวในตอนนี้” โหจื่อมองไปที่ลุงเฉียน แล้วพูดขึ้นว่า: “ดูแล้ว สี่ตระกูลใหญ่ที่จัดการยากที่สุด น่าจะเป็นตระกูลตงฟาง”
“ใช่แล้ว ศัตรูที่หลบอยู่ข้างหลัง น่ากลัวที่สุด ถ้าขุดพวกเขาออกมาได้ ก็จะไม่มีอะไร ฉันได้ข่าวจากท่านลู่ ก็พอทราบข่าวคราวอะไรมาบ้าง คนของตระกูลตงฟางคนนี้ พวกเราเคยเห็นมาก่อน”
มองไปที่โหจื่อ ลุงเฉียนพูดขึ้นว่า: “ดังนั้น คนของตระกูลตงฟาง ไม่ได้ซ่อนตัวอยู่เบื้องหลัง แต่แค่เปลี่ยนฐานะ แอบซ่อนตัวอยู่ตรงหน้าของพวกเรานั่นเอง”
“คนของตระกูลตงฟาง ฉันคิดว่าสิ่งที่พวกเธอชำนาญที่สุด ก็คือซ่อนเร้นตัวตนของตัวเอง
ลุงเฉียนหัวเราะเคอๆ ออกมา จากนั้นเย็นถึงกระดูกสันหลังแล้วพูดขึ้นว่า: “อีกอย่าง เวลาผ่านนานขนาดนี้ ถือว่าไม่เคยมีจุดบกพร่องอะไรหลุดมาให้เห็นเลย”
“โชคดีที่ฉันไม่เคยให้เธอสัมผัสหน่วยมืดเลย ไม่เช่นนั้น ผลที่ตามมาต้องหายนะแน่ๆ” ลุงเฉียนส่ายหัวแล้วพูดออกมา
“แล้วตอนนี้ฟีนิกซ์อยู่ไหน?”
ลุงเฉียนมองไปที่โหจื่อ ถามออกมาว่า: “ฉันได้ยินพี่ใหญ่พูด ครั้งก่อนพี่ใหญ่เคยเจอเธอ แต่ว่า เธอหลบหนีไปได้”
“ลูกพี่ใหญ่ต้องจงใจปล่อยเธอไปแน่ แต่ฝีมือของฟีนิกซ์ก็พัฒนาขึ้นมามาก แต่ฉันเชื่อว่า ถ้าลูกพี่ใหญ่ต้องการจะจับเธอจริงๆ เธอไม่สามารถหลบหนีไปได้หรอก
โหจื่อหัวเราะเคอๆ พูดอย่างเหยียดหยามว่า: “เธอก็เป็นแค่ยิงปืนเท่านั้นเอง”
ลุงเฉียนส่ายหัว แล้วพูดขึ้นว่า: “อย่าดูถูกเธอ หลังจากที่กลับมาจากต่างประเทศ ฉันเคยสืบหาตัวของฟีนิกซ์ แต่ก็สืบข่าวได้ไม่เยอะ เบาะแสเดียวที่มี คือเคยปรากฏตัวที่สนามมวยมืด ได้ยินมาว่าสองปีก่อน ที่สนามมวยมืดมีหญิงสาวรูปร่างดีคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้น เธอสวมหน้ากากฟีนิกซ์ และแชมป์มวยในสนามมวยมืดนั้น ถูกเธอตีจนตาย”
“หลังจากนั้น ก็ไม่เคยปรากฏตัวอีกเลบย ฉันสงสัย คนที่ตีแชมป์มวยจนตายคนนั้น ก็คือฟีนิกซ์นั่นเอง” ลุงเฉียนพูดออกมา
โหจื่อหรี่ตาลง ยิ้มแล้วพูดออกมาว่า: “เธอแข็งแกร่งขึ้นขนาดนั้นเลยเหรอ?ฉันยังจำได้ ตอนที่เธอเพิ่งมาใหม่ๆ นั้น เป็นแค่เด็กสาวที่ไม่เป็นพิษเป็นภัยคนหนึ่ง ตอนนั้นฉันกับส้าวส้วยชอบแกล้งเธอประจำ”
“คิดไม่ถึง ว่าเธอจะแข็งแกร่งขึ้นขึ้นขนาดนี้แล้ว”