NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - บทที่ 671 หลิงหลงถูกจับแล้ว
“ตระกูลชินเหรอ?”
ชายผมแสกกลางยิ้มอย่างเหยียดหยาม “ตระกูลฉินอยู่เมืองหลวงมีอำนาจบารมีที่มั่นคงก็จริง แต่ถ้ามองทั้งมณฑลแล้ว ก็ถือว่ายังไม่เท่าไหร่หรอก”
“คุณชายน้อยตระกูลฉิน แกรู้ไหมว่าพวกฉันเป็นใคร?” ชายผมแสกกลางหรี่ตามองพลางถามฉินจื่อยี่
ฉินจื่อยี่สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย
ฝ่ายตรงข้ามรู้ฐานะตัวเองแล้ว ยังไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาอีกด้วย แสดงว่าต้องไม่ใช่ธรรมดาแน่นอน
หมดกัน!
ในใจของฉินจื่อยี่ก็รู้สึกกระวนกระวายขึ้นมาทันที
คราวนี้ ต้องแกล้งทำเป็นพ่ายแพ้แล้ว
ภาพลักษณ์ที่อยู่ตรงหน้าหญิงคนรักของตัวเอง มันจะต้องลดลงไปแล้วหรืออย่างไร?
“ฉันไม่รู้ ฉันไม่สนหรอกว่าแกจะเป็นใคร ไสหัวออกไปให้หมด ไม่เช่นนั้นละก็…..” ฉินจื่อยี่ถือว่าตัวเองก็ยังพอรู้จักพวกนักเลงอีกจำนวนไม่น้อย
อย่างเช่นซินปา หวางเสี่ยวหยวนเป็นต้น เพียงแค่ให้ฉินจื่อยี่เอ่ยปาก ก็สามารถเรียกพวกเขามาได้หมด ดังนั้นเขาจึงรู้สึกมีความมั่นใจมาก
“ไม่เช่นนั้นแล้วแกจะทำอะไรเหรอ?”
ชายผมแสกกลางมองดูฉินจื่อยี่ แล้วกระซิบถามด้วยเสียงเบาว่า “หรือว่าแกอยากจะเป็นศัตรูกับพวกเราตระกูลลู่เหรอ?”
“ตระกูลลู่? ตระกูลลู่อะไรกัน?” ฉินจื่อยี่นึกตอบโต้ไม่ทัน อย่างน้อยในเมืองหลวงนี้ก็ไม่เคยมีตระกูลลู่อะไรมาก่อนเลย
“ฉันจำแกได้ คราวก่อนตอนแข่งรถซิ่งที่ภูเขาหมาป่า แกเกือบไล่ทันคุณชายตระกูลลู่ของพวกเรา ลู่เฟย” ชายผมแสกกลางมองดูฉินจื่อยี่แล้วหัวเราะขึ้นมา “คุณชายพวกเรา ยังเคยชมแกเลย ว่าฝีมือขับรถของแกไม่เลวเลยนะ”
เมื่อได้ฟังชายผมแสกกลางแล้ว สีหน้าฉินจื่อยี่เปลี่ยนเป็นขาวซีดขึ้นมาทันที
ฉินจื่อยี่เป็นคุณชายตระกูลฉินแห่งเมืองหลวง แต่ว่าลู่เฟยเขาเป็นถึงคุณชายใหญ่ที่ชื่อเสียงโด่งดังทั้งมณฑลเลยทีเดียว
ตอนนั้นเมื่อลู่เฟยมาถึงภูเขาหมาป่าแล้ว มู่เหวินตงก็รีบเสนอตัวเข้าไปเอาใจดูแลต้อนรับอย่างใกล้ชิด แต่ว่าลู่เฟยกลับไม่สนใจอะไรเขาเลย
ในเวลานั้น ฉินจื่อยี่ก็เข้าใจถึงความแตกต่างระหว่างตัวเองกับลู่เฟยแล้ว
แต่ว่าคนที่อยู่ตรงหน้าพวกนี้ ยังเป็นคนของลู่เฟยอีกด้วย
ทันใดนั้น ฉินจื่อยี่เข้าใจแล้วว่า คราวนี้ที่ตัวเองคิดอยากทำตัวเป็นวีรบุรุษช่วยสาวงามนั้น คงเป็นไปไม่ได้เสียแล้ว
ชายผมแสกกลางมองดูฉินจื่อยี่สือแล้วพูดว่า “ฉันว่านะคุณชายฉิน นึกออกแล้วยังล่ะ? ถ้านึกออกแล้ว ก็รบกวนช่วยหลีกทางให้ด้วย”
“ไม่ได้” ฉินจื่อยี่ส่ายหน้าปฏิเสธเหมือนเดิม
“ผู้หญิงคนนี้ พวกแกจะพาไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น” ฉินจื่อยี่พูดด้วยสีหน้าที่แน่วแน่
ชายผมแสกกลางสีหน้าเยือกเย็นขึ้นมาทันที “ช่างไม่รู้จักกาลเทศะเสียจริง”
ชายผมแสกกลางพูดพลางก็ยื่นมือไปบีบคอของฉินจื่อยี่ไว้แล้วพูดว่า “เวลาที่พวกเราตระกูลลู่ทำงาน อย่าว่าแต่พวกแกตระกูลฉินเลย แม้แต่สี่ตระกูลใหญ่ ยังต้องยืนดูเฉยๆเลย”
“อยากจะยุ่งเรื่องของพวกเราเหรอ ตระกูลฉินเล็กๆอย่างแก ยังไม่มีสิทธิ์หรอก”
พูดจบ ชายผมแสกกลางก็พลักฉินจื่อยี่ลงไปกับพื้นอย่างแรง
หลังจากนั้น ชายผมแสกกลางก็ชี้หน้าหลิงหลงแล้วพูดว่า “ลงมือเลย อย่าให้เธอหนีไปได้”
หลิงหลงก็ส่ายหน้าพูดว่า “ฉันไม่หนีไปไหนหรอก”
“ฮ่าๆ รู้สึกว่าแกจะรู้จักกาลเทศะดีกว่าคุณชายน้อยตระกูลฉินมากเลย รู้ว่าตัวเองหนีไม่รอด ก็เลยยอมให้จับใช่ไหมล่ะ?” มองไปยังหลิงหลงแล้วชายผมแสกกลางก็หัวเราะด้วยความสะใจ
“ฉันก็ยากลองดูว่า พวกแกมีความสามารถขนาดไหน” หลิงหลงพูดด้วยรอยยิ้มว่า “กลางวันแสกๆอย่างนี้ ถ้าคิดจะลงมือ ก็ช่วยกรุณาดึงม่านประตูลงหน่อย อย่างน้อยคนข้างนอก ก็ยังมีคนมองเห็นอยู่ไม่น้อย ฉันไม่อยากให้เรื่องมันเอิกเกริก”
“ฉันไม่ค่อยเห็นผู้หญิงที่กล้าหาญอย่างแกเลยนะ” ชายผมแสกกลางส่งสายตาให้ลูกน้องตัวเอง จากนั้นม่านประตูจึงถูกปิดลง
ทันทีที่หลิงหลงเปิดไฟ ก็ปรากฏมีชาย10 กว่าคนมายืนอยู่ข้างหน้าเธอแล้ว
อีกอย่างก็ไม่รู้ว่าคนพวกนี้เข้ามาตอนไหน
“ฮาๆ ที่แท้ก็มีพรรคพวกช่วยนี่เอง มิน่าแกถึงไม่รู้สึกกลัวอะไรเลย” มองดูหลิงหลง ชายผมแสกกลางหัวเราะเบาๆ “แต่ว่าก็ไม่เป็นไร ไม่ว่าแกจะมีคนมากมายขนาดไหน ผลลัพธ์ที่ได้ก็เหมือนกันทั้งนั้น”
“อีกอย่างก็สามารถยืนยันได้ว่า ฉันมาไม่ผิดที่แน่นอน แกก็น่าจะเป็นคนที่ฉันกำลังตามหาอยู่นะ” ชายผมแสกกลางพูดด้วยรอยยิ้ม
หลิงหลงมองดูคนที่อยู่ข้างหน้า แล้วพูดว่า “ลุยเลย อย่าประมาทล่ะ ให้ฉันได้เห็นว่าช่วงเวลาที่ผ่านมาฝีมือพวกแกฝึกก้าวหน้าไปถึงไหนแล้ว”
ในจำนวนคนพวกนี้ มีหลายคนที่คุ้นหน้าคุ้นตาอยู่ หนึ่งในนั้นก็คือชุนเซิง
เพียงแต่ว่าชุนเซิงในตอนนี้ กับชุนเซิงเมื่อก่อนนั้น เปลี่ยนไปเป็นคนละคนไปแล้ว
อีกทั้งคนในจำนวนนั้น ก็เป็นลูกน้องของหลอซ่า นั่นก็คือเป็นคนที่อยู่หน่วยมืดพวกนั้น
พวกคนที่อยู่หน่วยมืดส่วนใหญ่ก็ได้กลับมาหมดแล้ว
“นานแล้วที่ไม่ได้ยึดเส้นยึดสาย” หนึ่งในนั้นหัวเราะแล้วพูดว่า “พี่หลิงหลง คนพวกนี้ ฆ่าได้ไหม?”
“ตามสบายเลย” หลิงหลงพูดอย่างไม่มีเงื่อนไข
ชายผมแสกกลางส่งเสียงพูดว่า “ลงมือลุย”
เมื่อเสียงคำสั่งดังขึ้น คนของชายผมแสกกลาง ก็บุกเข้าไปพร้อมกัน พวกเขาถอดเสื้อสูทออก เห็นกล้ามเนื้อเป็นมัดๆที่แข็งแรง คนพวกนี้ ปกติแล้วได้ฝึกซ้อมมาโดยตลอด
พวกเขาล้วนได้ฝึกกล้ามเนื้อร่างกายที่แข็งแกร่ง แล้วยังมีทักษะการต่อสู้เฉพาะที่เด็ดเดี่ยว
เมื่อคนพวกนี้ลงมือต่อสู้กันแล้ว ร้านกาแฟทั้งหลังก็โกลาหลขึ้นมา
ลูกน้องพวกเขาฝีมือร้ายกาจมาก ส่วนคนของหลิงหลงทางนี้ ก็ยิ่งดุร้ายกว่า
หลิงหลงมองดูชุนเซิง จ้องมองเด็กหนุ่มคนนี้อย่างไม่ละสายตา
นัยน์ตาของชุนเซิงนั้น ไม่มีอารมณ์ความรู้สึกใดใดอยู่ภายในเลย มีดในมือของเขา ทุกครั้งจะมุ่งเป้าแทงไปยังจุดตายของฝ่ายตรงข้ามทั้งนั้น หลิงหลงส่ายหน้า แล้วมองดูชุนเซิง ด้วยความรู้สึกอย่างหนึ่งที่บอกไม่ถูก
นึกถึงน้องชายของตัวเอง อายุก็ราวๆนี้แล้วล่ะมั้ง?
ถ้าหากยังมีชีวิตอยู่?
ตอนที่หลิงหลงเห็นชุนเซิงครั้งแรก ก็คิดอยากจะรับเขามาเป็นน้องชาย แต่นึกไม่ถึงว่า ส้าวส้วยกลับเอาชุนเซิงไปเลี้ยงดูฝึกให้กลายเป็นเครื่องมือในการสังหารคนไปแล้ว
ทำให้แผนการของหลิงหลงล้มเหลวไปหมด
ชุนเซิงถูกมีดบาดจากใครสักคน หลิงหลงก็คิดจะเข้าไปช่วยเขาในทันที แต่ว่าชุนเซิงดูเหมือนไม่มีความรู้สึกอะไรเลย ก็ยังลุยต่อสู้ต่อไปเหมือนเดิม
5 นาทีผ่านไปแล้ว ทั้งสองฝ่ายก็ไม่มีใครแพ้ชนะ
หลิงหลงขมวดคิ้ว มองดูคนที่ตรงหน้าพวกนี้ “ฮ่าๆๆ ไม่นึกเลยว่า ศัตรูที่มาคราวนี้ จะแข็งแกร่งได้ขนาดนี้เชียว”
หลิงหลงยังคิดว่าอย่างมากใช้เวลาแค่ 3 นาที ก็สามารถจัดการคนของพวกชายผมแสกกลางได้ราบคาบแล้ว
แต่นึกไม่ถึงเลยว่า ผ่านไป5 นาทีแล้ว คนของชายผมแสกกลางพวกนี้ ยังไม่มีวี่แววจะพ่ายแพ้เลยแม้แต่นิดเดียว
หลิงหลงค่อยๆลุกขึ้นเริ่มก้าวเท้าเดินออกจากหน้าเคาน์เตอร์ ไปยังจุดกึ่งกลางของร้านกาแฟ ในเวลานี้เอง ชายผมแสกกลางก็สังเกตเห็นหลิงหลงแล้ว
“เถ้าแก่เนี้ย สุดท้ายแกก็ยอมออกมาแล้ว” นาทีนี้เอง ชายผมแสกกลางก็รู้แล้วว่า หลิงหลงก็คือเจ้าของร้านแห่งนี้ ต่อให้เธอจะไม่ยอมรับก็ตาม
“ใช่แล้ว ฉันก็จะมาฆ่าแกไง แล้วแกเตรียมพร้อมหรือยัง?” หลิงหลงยิ้มอย่างประหลาด มือทั้งสองข้างถือมีดที่แปลกประหลาดอยู่ หลิงหลงลงมือด้วยความว่องไวแม่นยำและดุดัน แต่ว่า ชายผมแสกกลางที่อยู่ตรงหน้าก็ไม่ใช่กระจอกเหมือนกัน
แต่ว่า ชายผมแสกกลางก็นึกไม่ถึงเหมือนกันว่าหลิงหลงจะลงมือได้รวดเร็วเช่นนั้น
เขาตกตะลึงจนตาโต
ลิงหลงรู้สึกประหลาดใจมาก ชายผมแสกกลางก็ยิ่งคาดคิดไม่ถึง เขานึกไม่ถึงเลยว่า ร้านกาแฟเล็กๆแห่งนี้ ถึงกับซ่อนคนที่มีฝีมือยอดขนาดนี้เอาไว้
ในไม่ช้า ชายผมแสกกลางก็ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ เขารู้สึกว่าตัวเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลิงหลงถึงแม้เขาไม่อยากจะยอมรับก็ตาม
ชายผมแสกกลางถูกบีบไล่ให้ถอยหลังไปเรื่อย สุดท้ายถอยไปถึงข้างหน้าของใครสักคนหนึ่ง
เมื่อชนกับฉินจื่อยี่แล้ว ชายผมแสกกลางขมวดคิ้ว จากนั้นก็จับฉินจื่อยี่มาไว้ด้านหน้าตัวเอง
ฉินจื่อยี่ในขณะนั้น กำลังขดตัวหลบอยู่ด้านข้าง
แล้วนาทีนี่เอง เขาก็ถูกชายผมแสกกลางจับไว้ กลายเป็นตัวประกันไปแล้ว
ฉินจื่อยี่ไม่เคยเห็นสถานการณ์เช่นนี้มาก่อนเลย ทำให้ตกใจจนเทียบเสียสติ
อีกทั้งในเวลานี้ ชายผมแสกกลางเอามีดจี้ไปที่คอหอยของฉินจื่อยี่ แล้วพูดว่า “ถ้าก้าวเข้ามาอีกเพียงก้าวเดียว ฉันก็จะฆ่าเขา”
หลิงหลงกำลังจะพูดอะไรอยู่นั้น ชายผมแสกกลางกลับพูดว่า “ไม่ต้องมาทำเป็นแกล้งเสแสร้ง ฉันดูออกว่า แกมีใจให้กับผู้ชายคนนี้”
“ตอนที่ฉันจับเขาไว้ได้ สายตาแกสับสนวุ่นวาย สายตาของคนเรา หลอกใครไม่ได้หรอก แกกลัวแล้วล่ะสิ”
ชายผมแสกกลางพูดพลางเอามีด จิ้มเข้าไปในเนื้อของฉินจื่อยี่ “เอามีดวางลง”
“ฉันมีเวลาให้แก่ไม่มากนะ เร่งมือหน่อย”
ฉินจื่อยี่พูดกับหลิงหลงว่า “อย่า ไม่ต้องเป็นห่วงผม”
ในขณะนั้นถึงแม้ฉินจื่อยี่จะกลัวตายขนาดไหน แต่เขาก็รู้ว่า ถ้าหลิงหลงวางอาวุธในมือลง นั่นก็หมายถึงว่าจะต้องถูกจับไปอย่างแน่นอน
“ช่างมันเถอะ ถือว่าฉันเป็นหนี้คุณ”
หลิงหลงพูดจบ ก็เอาอาวุธในมือ โยนออกไปด้านข้าง
ชายผมแสกกลางเอามือไปดึงม่านประตูออก แล้วพูดกับหลิงหลงว่า “รบกวนแกไปกับฉันหน่อย”
หลิงหลงถามว่า “ไปไหนเหรอ?”
“สถานตากอากาศหลงฉวน” ชายผมแสกกลางตอบ
“เอาล่ะ พี่น้องทั้งหลาย หยุดสู้กันได้แล้ว พวกเราได้บรรลุเป้าหมายแล้ว” มองดูหลิงหลงเดินออกไป ชายผมแสกกลางก็รีบพูดขึ้นมาทันที
หลิงหลงมองไปยังพวกชุนเซิงแล้วพูดว่า “รอฉันอยู่ที่นี่แหละ ฉันไม่เป็นไรหรอก”
มองดูหลิงหลงขึ้นรถไปแล้ว ชุนเซิงจึงเห็นว่าแขนตัวเอง มีเลือดไหลออกมา แต่ว่าเขาไม่มีความรู้สึกเจ็บปวดอะไรเลย
ชุนเซิงแสยะยิ้มแล้วส่ายหน้า
ชุนเซิงกลายเป็นหนูทดลองยา เขาได้เสพยากระตุ้นสเต็มเซลล์ชนิดหนึ่ง ถึงแม้ว่าสามารถทำให้แข็งแกร่งมากขึ้น แต่ก็ต้องเสี่ยงต่ออันตรายที่จะเกิดขึ้นเช่นกัน
อย่างเช่นอาจเกิดเหตุที่คาดไม่ถึงมากมาย ตอนนี้ตัวเขาเอง ก็ได้สูญเสียความรู้สึกเจ็บปวดไปแล้ว เขาไม่รู้ว่าควรจะดีใจหรือว่าจะเสียใจดี
หลังจากที่หลิงหลงขึ้นรถของชายผมแสกกลางแล้ว ก็ถูกมัดมือมัดเท้าไว้
“ขอโทษนะ คนสวย ก็ต้องทำให้แกลำบากหน่อยแล้วนะ” ชายผมแสกกลางพูดด้วยรอยยิ้มว่า “แกนี่เป็นคนที่อันตรายมาก ต่อให้ไม่มีอาวุธในมือ ก็ยังอันตรายเหมือนกัน”
“เป็นเพราะแกมันอ่อนแอมากกว่า” หลิงหลงพูดด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ
เป็นเพราะว่าแกอ่อนแอมากกว่า!
สีหน้าของชายผมแสกกลางเปลี่ยนเป็นเขียวจนดำมืด เขาถูกยกย่องให้เป็นผู้แข็งแกร่งในรุ่นราวคราวเดียวกันมาโดยตลอด อย่าว่าแต่ชกในสังเวียนมวยใต้ดินเลย ต่อให้ประมือกับพวกผู้เฒ่าที่มีวรยุทธ์แล้วสู้ด้วยอาวุธมีดดาบ เขาก็ยังไม่เคยแพ้เลย
แต่ว่าผู้หญิงคนนี้ กลับมาบอกว่าเขาอ่อนแอเกินไป
ทันใดนั้น ในใจของชายผมแสกกลางรู้สึกจุกอย่างบอกไม่ถูก แต่อย่างน้อย ฝีมือของหลิงหลงก็เก่งกาจมากกว่าเขาจริงๆ
ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะเขาจับฉินจื่อยี่เป็นประกันได้ เกรงว่าจุดจบของเขา ต้องเลวร้ายมากอย่างแน่นอน
“ออกรถได้”
ชายผมแสกกลางพูดจบ ก็เริ่มทำบาดแผลให้กับตัวเอง เมื่อครู่ที่ผ่านมา ถูกมีดของหลิงหลง ทำร้ายเขาจนบาดเจ็บไปหลายแผล
เพิ่งทำแผลเสร็จ หลิงหลงก็พูดขึ้นว่า “บนมีดของฉัน อาบด้วยพิษงูทั้งนั้น”
ทันใดนั้น ชายผมแสกกลางก็รีบหันหน้ากลับมา จ้องหน้าหลิงหลงด้วยสายตาที่เยือกเย็น คล้ายกับกำลังถามว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่
หลิงหลงมองดูชายผมแสกกลาง แล้วหัวเราะขึ้นมา “ดังนั้น พวกเราควรจะไปโรงพยาบาลก่อน หรือว่าจะไปสถานตากอากาศดีล่ะ?”
“มีพิษงูจริงเหรอ? ทางที่ดีแกอย่ามาหลอกฉัน ไม่เช่นนั้นแล้วก็ ฉันจะฆ่าไอ้หนูน้อยตระกูลฉินนั่นแน่นอน” ชายผมแสกกลางพูดอย่างเย็นชา “เขาก็อยู่ในรถอีกคันหนึ่ง”
“ร่างกายแกไม่รู้สึกหนาวเย็นบ้างเหรอ?” หลิงหลงถามต่อไป
ทันใดนั้น ชายผมแสกกลางก็รู้สึกว่าร่างกายตัวเองเริ่มหนาวเย็นขึ้นมา หัวใจของเขาก็เริ่มเต้นแรงขึ้น ถ้าหากพิษงูแล่นเข้าสู่หัวใจเมื่อไร งั้นเขาก็จะต้องตายอย่างแน่นอน
“กลับรถ ไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด”
มองหน้าหลิงหลง ชายผมแสกกลางก็พูดว่า “ทางที่ดีแกก็ช่วยภาวนาให้เจอโรงพยาบาลใกล้ที่สุด ที่มีเซรุ่มพิษงู ไม่เช่นนั้นแล้วละก็ แกกับไอ้หนูน้อยตระกูลฉินนั่น ต้องตายทั้งคู่”
หลิงหลงยิ้มอย่างเรียบๆแล้วพูดว่า
“ที่แกรู้สึกหนาว ก็เพราะเปิดแอร์แรงเกินไปหน่อย”
รออยู่สักครู่ใหญ่ หลิงหลงจึงปริปากพูดว่า “อีกอย่างในมีดของฉัน แท้จริงแล้วก็ไม่มีพิษงูอะไรเลย”
“อีนังตัวดี แกกล้าหลอกฉันเหรอ!”
ชายผมแสกกลางขมวดคิ้ว เขาเกิดความโมโหขึ้นมาทันควัน ตบหน้าของหลิงหลงไปหนึ่งที
“ถ้าไม่ใช่เพราะคุณชายลู่สั่งให้ไว้ชีวิตแกละก็ ฉันจะฆ่าแกเดี๋ยวนี้แหละ” ชายผมแสกกลางคนนี้ เมื่อครู่คงถูกหลิงหลงหลอกจนตกใจกลัวถึงขั้นเสียสติไปแล้ว
หลิงหลงถูกตบหน้า จนมีรอยเลือดซึมออกมาตรงมุมปาก
“ตบแค่นี้ก็ระบายความโกรธได้แล้วเหรอ? ถ้าหากยังไม่หายโกรธ ก็มาตบอีกหลายทีก็ได้นะ” หลิงหลงพูดว่า “ฉันถูกแกจับมาแล้ว ไม่บาดเจ็บเสียบ้าง คงไม่มีหน้ากลับไปพบพวกเขาจริงนะ”
“หรือไม่ แกใช้มีดแทงฉันสักสองแผลก็ได้นะ” หลิงหลงพูดอย่างอ้อนวอน
ชายผมแสกกลางมองหน้าหลิงหลงไม่รู้จะพูดว่าอย่างไรดี เขาไม่เคยได้ยินคนอ้อนวอนขอให้ทำเช่นนี้มาก่อนเลย
รถวิ่งไปด้วยความเร็วมาก ในระหว่างทางนั้น ชายผมแสกกลางก็หยิบมือถือขึ้นมาโทรศัพท์หาลู่เฟย เมื่อลู่เฟยรับโทรศัพท์แล้ว ก็หัวเราะขึ้นมาทันที
“ดี รีบพาเธอเข้ามาเลย”
เมื่อวางสายโทรศัพท์แล้ว ลู่เฟยก็มองไปยังโหจื่อแล้วพูดว่า “เพื่อนแกคนนั้นที่ชื่อหลิงหลง กำลังเดินทาง