NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - บทที่ 674 ประนีประนอม
“ยังไม่ยอมแพ้อีกหรือ?”
เห็นอยู่ว่าเหอสงต่อสู้จนล้มลงไปกับพื้นแล้ว แต่ว่าเขาก็รีบลุกขึ้นมายืนใหม่ ตั้งท่าจะต่อสู้อีก ลุงเฉียนเห็นแล้วก็ส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ยอมแพ้เถอะ เหอสง ถ้าขืนสู้ต่อไปอีก ชีวิตแกก็คงต้องทิ้งไว้ที่นี่แล้วล่ะ”
“แกรู้มั้ยว่า ทำไมแกถึงได้พ่ายแพ้?”
มองหน้าเหอสง ลุงเฉียนพูดว่า “เพราะว่าแกแก่แล้ว”
“อีกอย่างเด็กพวกนี้ อายุน้อยกว่าแกทั้งนั้น” ลุงเฉียนพูดอย่างเรียบง่าย
“เด็กเหรอ?”
มองไปยังพวกคนชุดดำ สีหน้าของเหอสงเปลี่ยนเป็นตึงเครียดมาก เขาถามลุงเฉียนอย่างสงสัยว่า
“เหล่าเฉียน แกบอกว่าพวกเขายังเป็นเด็กทั้งนั้นเลยเหรอ?”
“ใช่สิ ที่ยืนอยู่ตรงหน้าแก พวกเขาไม่ใช่เด็กแล้วจะเป็นอะไร? อายุพวกเขามากสุดก็ไม่เกิน 25 ปีเท่านั้น ส่วนอายุน้อยสุดนั้นก็ยังไม่ครบ 20 เลย”
ลุงเฉียนพูดจบ สีหน้าเหอสงก็ตกตะลึงทันที
เหอสงกวาดสายตาไปยังพวกคนชุดดำ มองแล้วมองอีก จากนั้นก็หัวเราะ “20 กว่าปีเหรอ? นี่มันเป็นไปได้อย่างไร ฉันเหอสงถึงกับพ่ายแพ้ให้กับพวกเด็กๆทั้งนั้น!”
“พวกเขาไม่ใช่เด็กธรรมดาทั่วไป” ลุงเฉียนส่ายหน้า “พวกเขาเป็นยอดฝีมือที่ผ่านการคัดเลือกจากลูกพี่แล้วฝึกฝนอย่างหนักทั้งวันทั้งคืน”
“หลอซ่าเหรอ?” เหอสงถาม
ลุงเฉียนพยักหน้าแล้วพูดว่า “ใช่แล้ว หลอซ่า หลอซ่าเป็นคนที่ฝึกฝนเด็กพวกนี้”
เหอสงส่ายหน้าแล้วยิ้ม มองหน้าลุงเฉียนแล้วถามว่า“ตอนนี้ ฉันก็ได้เข้าใจถึงชัยชนะของพวกแกเสียที พวกเด็กพวกนี้คงไม่ใช่มีแค่สี่คนมั้ง?”
“ทั้งหมดมี 18 คน พวกเขาเลยมีฉายาว่า ซือปาจี้” ลุงเฉียนพูดอย่างเรียบๆ
“เด็กทั้ง 18 คนนี้ ได้คัดเลือกจากทั้งหมด 1300 คน โดยการต่อสู้แบบแพ้คัดออก อีกอย่างเด็กทั้ง 1300 กว่าคนนี้ล้วนแต่ได้เสพยากระตุ้นประเภทสเต็มเซลล์ ในร่างกายของพวกเขาจะมีความรู้สึกเจ็บปวดน้อยมาก อีกทั้งยังมีรูปร่างที่แข็งแกร่งกว่าคนทั่วไปถึงกว่าสามเท่าขึ้นไป ที่จริงแล้วด้านวรยุทธ์แกไม่ได้แพ้ให้กับพวกเขาเลย เพียงแต่ว่าพละกำลังในร่างกายของพวกเขามีมากกว่าแกเท่านั้นเอง”
“แพ้ก็คือแพ้ เหล่าเฉียน แกไม่ต้องหาเหตุผลข้อแก้ตัวให้กับฉันเลย พละกำลังมันไม่ใช่ส่วนหนึ่งของวรยุทธ์หรือไงล่ะ?” เหอสงยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดกับลุงเฉียนว่า “ฉันอยากพาลู่เฟยไปด้วย ได้มั้ย?”
ถ้าเป็นไปตามข้อตกลงระหว่างลุงเฉียนกับเหอสงเมื่อครู่นี้ถ้าหากเหอสงชนะแล้ว ลุงเฉียนก็ตกลงให้ปล่อยลู่เฟยไป
แต่ตอนนี้ เหอสงแพ้แล้ว
ลุยเฉียนส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ถ้าให้ลู่เฟยไปจากที่นี่ แกจะรับรองความปลอดภัยของเขาหรือเปล่าล่ะ?”
เหอสงพูดอย่างไม่มั่นใจว่า “ตระกูลลู่ต้องการคนดูแล เมื่อท่านลู่ไม่อยู่ ลู่เฟยก็อยู่ที่นี่ บ้านตระกูลลู่ก็ขาดผู้นำ แล้วจะเกิดความวุ่นวายขึ้น ตระกูลลู่มีประวัติที่ยาวนานกว่า 100 ปีแล้ว ตระกูลของพวกเขายิ่งใหญ่มาก ตระกูลลู่จึงจะขาดผู้นำไม่ได้แม้แต่วันเดียว ฉันหวังว่าแกคงเข้าใจความหมายที่ฉันพูดนะ”
“ลู่เฟย ไปกันเถอะ”
ยังไม่ทันรอให้ลุงเฉียนพูดอะไรอีก เหอสงก็โบกมือให้ลู่เฟย
ส่วนลู่เฟยมองดูเหอสงแล้ว ฉงนอยู่ครู่หนึ่ง พูดด้วยสีหน้างงงวยว่า “ลุงเหอครับ แล้วพ่อผมล่ะ…”
พวกเขามาคราวนี้ ก็เพื่อมารับท่านลู่กลับไปด้วย
แต่ว่าตอนนี้แม้แต่เงาของท่านลู่ พวกเขาก็ยังไม่ได้เห็นเลย ก็ต้องจากไปแล้วเหรอ?
ลู่เฟยรู้สึกไม่ค่อยพอใจ
เหอสงขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “แกคิดว่าพวกเรา สามารถพาพ่อแกออกไปได้เหรอ?”
ชายผมแสกกลางตายแล้ว ลู่เฟยก็พ่ายแพ้แล้ว แม้แต่เหอสงก็พ่ายแพ้ไปด้วย……
ลู่เฟยขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “พวกเราตระกูลลู่ ไม่ได้มีเพียงแค่ไพ่ตายพวกนี้เท่านั้น”
“ผมไม่อยากจะปล่อยไปอย่างนี้” ลู่เฟยพูดด้วยสีหน้าที่หนักแน่น
ตระกูลลู่อยู่มาได้นานขนาดนี้ ก็ย่อมไม่มีแค่ยอดฝีมือเพียงไม่กี่คนอย่างแน่นอน เครือข่ายทางสังคมของพวกเขา ความสัมพันธ์ระหว่างเครือข่ายต่างๆ ล้วนแต่กว้างขวางใหญ่โตทั้งสิ้น
อีกอย่างถ้าหากตระกูลลู่ยอมทุ่มเงินเพื่อว่าจ้างยอดฝีมือจำนวนมาก แน่นอนก็ต้องเสียเงินเสียทองไปสามารถจ้างคนภายนอก
อย่างเช่นพวกทหารรับจ้างชาวต่างชาติ ขอเพียงแต่ยอมทุ่มเงินก้อนสักจำนวนหนึ่ง หลายร้อยล้าน แม้กระทั่งพันล้าน จะไม่สามารถจ้างยอดฝีมือมาได้เชียวเหรอ?”
แต่ว่า เหอสงกลับส่ายหน้า หยุดความคิดของลู่เฟยไว้ “เอาเถอะ พวกเขาไม่ใช่ศัตรูของพวกเรา ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทุ่มเทแผนการทุกอย่างเช่นนั้น ถ้าเป็นอย่างนั้นละก็ เท่ากับว่าต้องบาดเจ็บสาหัสทั้งสองฝ่ายเลย”
“พ่อคุณอยู่ที่นี่ ไม่ได้มีอะไรน่าเป็นห่วงหรอก” เหอสงพูด
ลู่เฟยขมวดคิ้ว ลังเลอยู่สักพักใหญ่ แล้วจึงพูดว่า “ฉันยอมไปจากที่นี่ แล้วก็ยอมไม่พาตัวพ่อฉันไปด้วยก็ได้ แต่ว่า ฉันอยากจะเห็นหน้าพ่อของฉัน อยากเห็นด้วยตาตัวเองว่า เขายังมีชีวิตอยู่หรือไม่ อยู่สบายดีหรือเปล่า?”
“อย่างน้อย ให้ฉันจากไปด้วยความสบายใจ”
หลังจากลู่เฟยเสนอความต้องการของเขาแล้ว ลุงเฉียนก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “แกรู้สึกว่า แกมีสิทธิ์ที่จะต่อรองกับฉันด้วยเหรอ? ตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นแกหรือเหอสง ถ้าฉันพูดคำเดียวพวกแกก็ต้องถูกกักขังไว้ที่นี่”
“ถ้าฉันไม่ได้กลับไปละก็ คนของบ้านตระกูลลู่ ไม่ใช่จะแค่คนหนึ่ง หรือว่าสิบคน ที่จะต้องตามมาถึงที่นี่ แต่จะเป็นพวกคนของตระกูลลู่ทั้งหมด พวกแกคิดว่าสถานตากอากาศของพวกแก จะสามารถรับแรงกดดันจากคนมากมายอย่างนี้ได้หรือ?”
ลู่เฟยพูดว่า “พวกเราตระกูลลู่สามารถยืนหยัดอย่างยิ่งใหญ่ไปทั่วทั้งมณฑล ไม่ใช่ว่าจะไม่มีความสามารถอยู่เลย”
“เจ้ารองเฉียน ฉันขอให้แกไตร่ตรองให้รอบคอบหน่อย…” ลู่เฟยพูดว่า “นี่ไม่ใช่การข่มขู่…”
ลุงเฉียนมองไปยังโหจื่อ โหจื่อพูดว่า “ให้พวกเขาได้เจอหน้ากันเถอะ เด็กคนนี้ดูแล้วก็ช่างกตัญญูเสียด้วย”
เมื่อเห็นโหจื่อพยักหน้า ลุงเฉียนก็ยอมตกลง
เหอสงและลู่เฟยเดินตามหลังพวกลุงเฉียน เมื่อมาถึงบ่อน้ำพุร้อนทางนี้ ส่วนบ่อน้ำพุร้อนทางนี้มีประตูทางเข้า เมื่อเปิดประตูก็เห็นมีถ้ำอยู่ภายใน
หลี่ฝางเคยเข้าไปครั้งหนึ่งแล้ว มู่เสี่ยวไป๋เคยถูกกักขังที่นี่ มันเป็นคุกใต้ดิน
หลี่ฝางขมวดคิ้ว ในใจคิดเป็นห่วง ท่านลู่นี่ คงไม่ใช่ถูกกักขังอยู่ห้องใต้ดินนี้นะ?
หากเป็นเช่นนั้นละก็ ถ้าลู่เฟยกับเหอสงมาเห็นเข้า จะไม่คลุ้มคลั่งหรือ?
แต่ว่าในไม่ช้า ลุงเฉียนก็พาทุกคน มาถึงสถานที่โล่งกว้างแห่งนี้ เป็นสถานที่ที่อยู่บนริมหน้าผาแห่งหนึ่ง แต่ว่าบนหน้าผาแห่งนี้ แทบจะเพียบพร้อมไปทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็น อาหารเครื่องดื่ม ของใช้ทุกอย่าง
ยังมีเพื่อนสาวคนสนิทของลู่หลุ่ย ยืนอยู่ข้างหน้าท่านลู่ คอยพยุงตัวท่านลู่ไว้
เมื่อท่านลู่เห็นลู่เฟยและเหอสงมาถึงที่นี่ จึงมองไปยังลุงเฉียนและโหจื่อ หัวเราะเสียงดังแล้วพูดว่า “ ดูท่าทางพวกแกก็คงล้มเหลวกันหมดสินะ”
“มันก็ใช่ ในเมื่อตาแก่เฉียนนี่กล้าจับฉันมาขังไว้ที่นี่ ก็ต้องมีแผนการที่แยบยลแน่นอน” สายตาของท่านลู่ไม่รู้สึกแปลกใจอะไรเลย
ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ ดูเหมือนว่าเขาคาดเดาไว้แต่แรกแล้ว
ท่านลู่มองหน้าลุงเฉียนแล้วพูดว่า “ขอบคุณมากนะ”
“ที่ยอมให้ลูกชายฉัน มาพบหน้าฉันคราวนี้”
ลุงเฉียนหัวเราะเสียงดัง “พวกคุณพ่อลูกสองคน ต่างก็เรียกร้องในเรื่องเดียวกัน คุณว่าฉันจะปฏิเสธได้ลงเหรอ? ถ้าฉันไม่ตกลงก็จะกลายเป็นคนแล้งน้ำใจไปหรือเปล่า?”
ลุงเฉียนพูดจบ แล้วก็มองไปยังท่านลู่ “เอาล่ะ มีอะไรที่จะสั่งเสีย ก็รีบๆพูดคุยกันได้แล้ว”
“พวกแกช่วยหลบไปก่อนได้ไหมล่ะ?”
ท่านลู่ขมวดคิ้ว สีหน้าไม่ค่อยพอใจ “ฉันจะคุยกับลูกชายฉัน มันเป็นเรื่องส่วนตัวทั้งนั้น คนนอกไม่ควรจะมาฟังด้วยเป็นดีที่สุด”
ลุงเฉียนพูดว่า “งั้นไม่ได้หรอก ฉันจำเป็นต้องอยู่ด้วย ทุกคำพูดที่คุณพูดคุยนั้น ฉันก็ต้องอยู่ฟังด้วย เผื่อว่าเมื่อคุณสั่งเสียทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ไม่มีอะไรที่ต้องเป็นห่วงแล้ว จากนั้นก็กระโดดหน้าผาลงไป งั้นความพยายามของฉันที่ผ่านมา ก็สูญเสียเปล่าไปหมดเลยเหรอ? อีกอย่าง ทางตระกูลลู่ ก็จะต้องทุ่มเททุกอย่างมาจัดการพวกเราอย่างแน่นอน ฉันไม่อยากเห็นเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น”
“ถ้าเช่นนั้นก็ให้พวกคนอื่นออกไปให้หมด คงได้มั้ง?”
ท่านลู่พูดจบแล้ว ก็โบกมือให้กับโหจื่อ โหจื่อจึงพาพวกเหอสงมายังห้องลับอีกแห่งหนึ่ง
มองดูห้องลับแต่ละห้องแล้ว เหอสงขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “ดูเหมือนว่า พวกแกกลับมานานแล้วสิ”
“ห้องลับพวกนี้ ต้องใช้เวลาในการก่อสร้างอย่างน้อยสองปีจึงจะสร้างเสร็จ” เหอสงพูดพลางเอามือไปแตะกำแพง
“ไม่ถึงสองปีหรอก แค่ปีครึ่งเท่านั้นเอง”
โหจื่อยิ้มแล้วพูดว่า “พวกเรากลับมา ก็ต้องหารังเก่าไว้ซุกหัวนอนบ้างไม่ใช่เหรอ?”
“แกมาถึงที่นี่แล้ว ฉันก็ถือว่าแกเป็นคนกันเอง ฉันเคยได้ยินมาว่า ตอนที่แกยังหนุ่ม เคยมีอาจารย์คนเดียวกับลูกพี่ฉัน”
โหจื่อหัวเราะ“เพียงแต่ว่า สุดท้ายแกไปเป็นขี้ข้าคนอื่น”
“หรือแกจะให้ฉันไปเป็นทหารเหรอ? หรือว่า จะให้เป็นอย่างหลอซ่า…ฮ่าๆ บอกตามตรงนะ ฉันก็ชื่นชมหลอซ่ามาก ถึงขั้นที่เลื่อมใสเขามาก แต่ว่า สำหรับการใช้ชีวิตของเขาแล้ว ฉันไม่อาจจะไปเลียนแบบเขา อย่างน้อยชีวิตฉันตอนนี้ สบายกว่าเขามากเลย”
เหอสงพูดว่า “ในบ้านตระกูลลู่ นอกจากท่านลู่แล้ว ฐานะตำแหน่งของฉันไม่มีใครเทียบได้