NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - บทที่ 678 เซอร์ไพรส์เล็กๆของหลี่ฝาง
“พวกแกดื่มกันไปก่อนนะ ฉันออกไปรับโทรศัพท์หน่อย”
หลี่ฝางลุกขึ้นยืน แล้วบอกกับทุกคน จากนั้นก็เดินไปหน้าประตู ระหว่างนี้เหมิงเหมิงถึงแม้แสดงความไม่พอใจออกมา แต่ว่าหลี่ฝางก็รับปากว่าหลังจากโทรศัพท์กลับมาแล้วจะดื่มเหล้าสามแก้วเพื่อลงโทษตัวเอง ทุกคนก็เลยตกลงตามนั้น
“เดี๋ยวจะรีบกลับมานะ”
ตอนปิดประตู หลี่ฝางก็ยังไม่ลืมที่จะพูดย้ำขึ้นมาอีก
“ฝูเซิง เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอ?” หลี่ฝางรับโทรศัพท์แล้วพูดกับอีกฝ่าย
“เจ้านาย ทางโน้นนายจัดการธุระเสร็จหรือยัง? ไอ้หมอนี่ถึงแม้ว่ามันจะซื่อบื้อ แต่ก็รู้สึกว่าไม่ธรรมดาเลยนะ เมื่อกี้พ่อฉันโทรศัพท์มาหา เขาบอกให้ฉันรีบปล่อยตัวหวางซีกาง……”
เฉินฝูเซิงพูดว่า “พ่อฉันบอกว่า หวางซีกางเป็นคนของเพื่อนเขา…..”
“แมงป่องเหรอ?”
หลี่ฝางขมวดคิ้ว นึกไม่ถึงเลยว่าแมงป่องอยู่ในอำเภอหลินนี้ เครือข่ายถึงกับขยายไปถึงทางตะวันออกเฉียงเหนือทางนั้นเลย
“ฟังที่พ่อฉันพูดนะว่า ไอ้หมอนี่น่าจะจัดการยากลำบากหน่อย คาดเดาว่าคงจะมาไม้อ่อนก่อนแล้วตามหลังด้วยไม้แข็ง ถ้าคืนนี้ฉันยังไม่ปล่อยเขาออกไป ฉันคิดว่าฝ่ายนั้นมันจะต้องเตรียมการที่จะมาแย่งชิงคนกลับไปแน่”
เฉินฝูเซิงพูดว่า “เจ้านาย ถ้านายมีเวลาพอ ก็รีบมาทางนี้หน่อยเถอะ มาช่วยจัดการหวางซีกางคนนี้หน่อย ฉันหมายความว่า คนนี้พวกเราปล่อยเขาไปได้ แต่ว่าก่อนที่จะปล่อยไป ต้องจัดการทำอะไรสักอย่าง”
“ขอเพียงแต่อย่าให้แข้งขาขาดก็พอ ฝ่ายนั้นก็คงทำอะไรพวกเราไม่ได้” เฉินฝูเซิงพูด
หลี่ฝางพยักหน้า พูดว่า “ฉันจะรีบไปก็แล้วกัน”
“ได้เลย ลูกพี่ นายก็รีบมาเร็วหน่อยนะ ฉันกลัวว่าถ้าช้าไป จะเกิดเรื่องอะไรที่ไม่คาดคิดขึ้นมา พวกเราไม่ได้กลัวอะไรนะ แต่ว่าตอนนี้พวกเราเพิ่งจะไปยึดเขตคุ้มครองมาใหม่หลายที่ ถ้าเกิดเรื่องมากขึ้น บังเอิญไปสร้างศัตรูใหม่ที่ไม่รู้จักเพิ่มมากขึ้น แล้วจะลำบาก” เฉินฝูเซิงพูด
หลี่ฝางหัวเราะแล้วพูดว่า “ได้ยินคำพูดของแกแล้ว ฉันรู้สึกดีใจมากเลย”
จุดอ่อนที่สุดของเฉินฝูเซิง ก็คือฮึกเหิมลำพองเกินไป ไม่รู้จักความกลัวบ้างเลย
“แฮๆ ที่จริงไม่ใช่ความคิดของฉันหรอก เป็นความคิดของจูเปิ่นต่างหาก” เฉินฝูเซิงพูดพลางหัวเราะด้วยความเคอะเขิน
“ได้ ไม่ว่าจะเป็นความคิดของใครก็ตาม แกสามารถฟังเข้าไปได้ ก็เป็นเรื่องที่ดีแล้ว จูเปิ่นเป็นผู้อาวุโส อีกอย่างหนึ่ง พ่อแกก็ให้จูเปิ่นมาช่วยเหลือแกที่นี่ นั้นหมายถึงจูเปิ่นไม่เพียงแต่เป็นคนที่น่าเชื่อถือแล้ว ยังเป็นคนที่ฉลาดหลักแหลมอีกด้วย ได้ฝึกเรียนรู้กับคนฉลาด ก็ตั้งใจใฝ่หาความรู้หน่อยนะ เข้าใจหรือเปล่า?”
หลี่ฝางหัวเราะแล้วพูดว่า “มาอยู่ทางฝ่ายฉันนี้ แกก็เป็นแค่มาฝึกหัดเท่านั้นเอง รอให้แกถึงเวลาที่เป็นผู้ใหญ่เต็มตัวแล้ว สามารถที่จะยืนหยัดด้วยลำแข้งของตัวเอง แกก็จะกลับไปที่บ้านเกิดแก รอสืบทอดตำแหน่งของพ่อแกต่อไป……..”
“เขตคุ้มครองพ่อแก กว้างใหญ่กว่าของฉันหลายเท่าเลยนะ”
เฉินฝูเซิงได้แต่ยิ้มแห้งๆแล้วพูดว่า “ฉันว่าพอเถอะ เขามีลูกชายตั้งมากมาย แต่ละคนก็เก่งกว่าฉันทั้งนั้น ต่อให้เขาจะยกให้ใคร ก็คงเป็นไปไม่ได้ที่จะยกให้ฉันหรอก”
“ไม่เช่นนั้นแล้ว เขาก็คงไม่ส่งฉันมาเมืองหลวงนี้หรอก มันก็เหมือนสมัยโบราณที่ถูกเนรเทศไปอยู่ตามชายแดนแบบนั้นแหละ ไม่มีอะไรแตกต่างกันเลย?” เฉินฝูเซิงพูดอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ
“ฮาๆ แกอย่าลืมนะว่า แกก็ยังมีฉันอยู่ข้างๆนะ รอให้แกมีความต้องการวันไหน ฉันก็จะยืนขึ้นมาสนับสนุนแกอย่างแน่นอน” หลี่ฝางพูด
“งั้นฉันก็ขอขอบคุณล่วงหน้านะ เจ้านาย” เฉินฝูเซิงพูด
พอพูดจบ เฉินฝูเซิงก็เปลี่ยนเรื่องพูดต่อทันทีว่า “ใช่แล้ว เจ้านาย ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง นายก็ควรจะใส่ใจหน่อยนะ เรื่องของชางสู่ พี่น้องพวกเราทุกคน รู้สึกว่าจะรอไม่ค่อยไหวแล้ว”
“ฉันจำได้ เรียกพวกเขาอย่าเพิ่งวู่วาม ชางสู่คนนี้ไม่ใช่ธรรมดาเลยนะ ถ้าทำพลาดเสียทีไป ก็จะทำให้พวกแกทุกคนถูกลากเข้าไปด้วย”
หลี่ฝางพูดเตือน แล้วก็วางหูโทรศัพท์ไป
จากนั้นก็กลับไปยังห้องจองพิเศษอีกครั้ง ทุกคนก็ยังพูดคุยสนุกสนานกันอยู่ หลี่ฝางหัวเราะแล้วพูดว่า “กินเลย ทำไมไม่กินกันล่ะ? เป็นไง รอฉันอยู่เหรอ พวกเราก็ไม่ใช่ว่าเจอหน้ากันครั้งแรก ทำไมเกรงใจกันอย่างนั้นล่ะ?”
“คุณชายหลี่เลี้ยงทั้งที คุณไม่กิน พวกฉันใครจะกล้าเริ่มก่อน ดูซิมีแต่พวกกุ้งมังกรตัวใหญ่ๆ แล้วยังมีหอยเป๋าฮื้อตัวใหญ่ๆ…..” เหมิงเหมิงมองหน้าหลี่ฝาง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงแปลกประหลาด
“เป็นอะไรไปล่ะ เหมิงเหมิง ทำให้คุณโกรธหรือเปล่า? กดดันฉันใช่มั๊ย” หลี่ฝางยกแก้วเหล้าขึ้นมา แล้วพูดกับเหมิงเหมิงว่า “ได้เลย ฉันลงโทษตัวเองดื่ม3แก้วก่อน ฉันรู้ตัวว่าผิดแล้วยังไม่ได้อีกรึ”
“รู้ตัวว่าผิดก็ต้องแก้ไข รู้เปล่าล่ะ ลงโทษดื่มเหล้าไม่ใช่เป้าหมายที่แท้จริง รู้ว่าผิดแล้วต่อไปไม่ทำอีกนั่นต่างหากคือเป้าหมายที่แท้จริง ฉันจะบอกคุณนะหลี่ฝาง อย่าคิดว่าตัวเองมีเงินเยอะก็ทำตัวเป็นคาสโนว่าได้ ถ้าแกเป็นคนอย่างนั้นจริงละก็ รีบแสดงตัวตนที่แท้จริงออกมาดีๆ อย่าทำให้ลู่หลุ่ยของพวกเราต้องมาเสียเวลา รู้ไหมว่าทุกวันที่ผ่านมานี้ลู่หลุ่ยของพวกเราอยู่มาได้อย่างไร แตะนิดแตะหน่อยก็น้ำตานองหน้า พวกเราปลอบยังไงก็ไม่หยุด” เหมิงเหมิงอบรมสั่งสอนหลี่ฝางชุดใหญ่
ลู่หลุ่ยใช้แขนกระแทกเหมิงเหมิง แล้วพูดด้วยอาการเขินอายว่า “มันไม่ได้เว่อร์วังอย่างที่แกพูดซักหน่อย ฉันเคยน้ำตานองหน้าตอนไหนกัน……”
“ฉันก็แค่เพิ่มความละอายใจให้กับตาเบื๊อกนั่นเท่านั้นเอง” เหมิงเหมิงหัวเราะ
“ถึงแม้ไม่ถึงขั้นน้ำตานองหน้า แต่แกก็คิดถึงเขาทุกวันไม่ใช่เหรอ? อยู่ดีๆก็พูดเองเออเองเป็นห่วงเขาอย่างนั้นอย่างนี้ กลัวเขาจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น……แต่เขากลับสบายดี ไม่มีจิตสำนึกในใจเลย นี่ยังไม่ผ่านพ้นช่วงเวลาเริ่มคบหากันใหม่ๆเลยนะ เขายังทำตัวแบบนี้กับแก ฉันบอกแล้วไงว่าพวกคุณชายเศรษฐีผู้มั่งคั่ง มันก็เชื่อใจไม่ได้ทั้งนั้นแหละ”
เหมิงเหมิงพูดต่อหน้าหลี่ฝาง อย่างไม่มีการหลีกเลี่ยงแม้แต่นิดเดียว
หลี่ฝางเข้าใจดีว่าเหมิงเหมิงช่วยปกป้องเพื่อนสนิทของตัวเอง แล้วมาประชดใส่ตัวเอง นี่เป็นผู้หญิงที่ปากกับใจตรงกัน จะพูดอะไรก็ไม่ปิดบัง เมื่อเทียบกับพวกที่ชอบทำต่อหน้าอย่างลับหลังอย่าง หลี่ฝางกลับชอบผู้หญิงแบบนี้มากกว่า
“เอาเถอะ เสี่ยวฝางเขาก็รับผิดแล้ว ฉันว่านะเหมิงเหมิง คุณก็อย่าจิกไม่ปล่อยเลยได้ไหม?” หวางเสี่ยวโก๋พูด
“ฉันก็ยกโทษให้เขาแล้ว เหมิงเหมิง อย่าไปว่าเขาเลยนะ” ลู่หลุ่ยพูดกับเหมิงเหมิง ช่วยขอร้องแทนหลี่ฝาง
เหมิงเหมิงส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ไม่รู้จริงเลยว่าไอ้หมอนี่มีอะไรดีกันแน่ นอกจากมีเงินแล้ว ก็ดูไม่ออกจริงๆว่ามีจุดเด่นอะไรบ้าง รูปร่างหน้าตาก็ไม่เท่ อีกทั้งยังเป็นพวกคนหลายใจ ไม่เห็นมีความรับผิดชอบอะไรด้วย”
“ฉันว่านะหลี่ฝาง ฉันจะบอกคุณให้ ลู่หลุ่ยพวกเรามีคนอยากจีบมากมาย เฉพาะสาขาพวกเรานะ ก็มีผู้ชายเยอะแยะ มีคนร่ำรวย ยังมีคนเรียนเก่ง ยังมีพ่อรูปหล่ออีก ยังไงก็แล้วแต่ ชายหนุ่มที่ดีกว่าคุณ แล้วชอบลู่หลุ่ย มีมากถมไป”
เหมิงเหมิงพูดว่า “ถึงแม้ฉันจะไม่รู้ว่าลู่หลุ่ยทำไมถึงชอบแกได้ แต่ในเมื่อเลือกคุณแล้ว งั้นคุณก็ต้องรู้จักทะนุถนอมให้ดีด้วยนะ”
“นั่นมันก็แน่นอนอยู่แล้ว เห็นลู่หลุ่ยมีเพื่อนสาวสนิทอย่างคุณที่คอยปกป้องเธอตลอดเวลา ฉันก็สบายใจขึ้นมากเลย อย่างน้อยที่สุด เวลาที่ฉันไม่อยู่ ก็ไม่ต้องกลัวว่าลู่หลุ่ยจะถูกคนอื่นรังแก”
หลี่ฝางพูดจบก็รู้สึกได้ว่าตัวเองพูดผิดไปแล้ว สีหน้าของเหมิงเหมิงนั่น อัดอั้นตันใจแล้วรีบพูดออกมาว่า “ฉันว่านะหลี่ฝาง คุณเป็นแฟนของลู่หลุ่ยหรือว่าฉันเป็นแฟนเธอกันแน่ คุณไม่ปกป้องเขา ยังคิดจะผลักมาให้ฉันอีกเหรอ?”
“ฉันปากเสีย ฉันพูดผิดไป พูดผิดไปแล้ว ปรับฉันดื่มเหล้าสำเร็จโทษ สำเร็จโทษ” หลี่ฝางพูด
“เออใช่แล้ว เหมิงเหมิง ฉันได้ยินว่าช่วงเวลาที่ฉันไม่อยู่ คุณกับเพื่อนร่วมหอพักหลี่ซ่วยซ่วยไปกันได้ดีเหรอ” หลี่ฝางมองหน้าหลี่ซ่วยซ่วย จากนั้นก็มองไปยังเหมิงเหมิงอย่างมีเลศนัย
หลี่ซ่วยซ่วยรีบพูดว่า “หลี่ฝาง แกอย่าพูดเหลวไหล ฉันกับเหมิงเหมิงก็เป็นแค่เพื่อนธรรมดาเท่านั้นเอง”
“ฮาๆ งั้นเหรอ?”
หลี่ฝางยิ้มแล้วตบไหล่ของหลี่ซ่วยซ่วย “ในห้องนี้ก็ไม่มีคนนอกอยู่เลย ถ้าแกรู้สึกชอบเหมิงเหมิง ก็บอกตามตรงเลยสิ”
“รักก็ตะโกนเสียงดังๆออกมาเลย ก็เหมือนอย่างฉันไง”
หลี่ฝางพูดพลางก็เดินไปข้างหน้า มาถึงตรงหน้าลู่หลุ่ย ในมือก็เหมือนเล่นมายากล ปรากฏมีดอกไม้ดอกหนึ่งขึ้นมาทันที จากนั้นก็ยื่นให้ลู่หลุ่ยแล้วพูดว่า “ลู่หลุ่ย ผมรักคุณครับ”
ลู่หลุ่ยก็ตกตะลึงไปสักพัก จากนั้นก็อายหน้าแดง “ต่อหน้าผู้คนมากมายอย่างนี้ คุณมาเล่นอะไรแบบนี้ล่ะ นี่ก็ไม่ใช่วันวาเลนไทน์เสียหน่อย ฉันก็ไม่ได้จัดวันเกิดด้วย ทำไมถึงยังส่งดอกไม้มาอีกล่ะ”
ถึงแม้ลู่หลุ่ยพูดตำหนิไม่หยุด แต่ว่าก็รับดอกไม้จากหลี่ฝางเข้ามาไว้ ใบหน้าเต็มไปด้วยกันรอยยิ้มที่เปี่ยมสุข
จากนั้น หลี่ฝางก็เดินกลับมาตรงหน้าหลี่ซ่วยซ่วย แล้วก็ก้มหน้าลงพูดว่า “หัดทำมั้งนะ ซ่วยซ่วย เมื่อกี้ฉันสาธิตให้แกดูแล้ว”
ในเวลานั้นเอง หลี่ฝางก็แอบเอาสร้อยข้อมือเส้นหนึ่ง ยัดใส่มือของหลี่ซ่วยซ่วย จากนั้นก็หลิ่วตาส่งสัญญาณให้หลี่ซ่วยซ่วย
ถึงแม้หลี่ซ่วยซ่วยจะซื่อบื้อไปหน่อย แต่ก็เข้าใจความหมายของหลี่ฝาง
หลี่ซ่วยซ่วยสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วค่อยๆลุกขึ้นยืน ส่วนเหมิงเหมิงพูดด้วยท่าทีรังเกียจว่า “ฉันว่านะหลี่ซ่วยซ่วย คุณอย่าไปเรียนแบบผู้ชายหลายใจคนนี้เลย อีกอย่างคุณจะเสกดอกไม้ขึ้นมาได้เหมือนเขาเหรอ?”
“ถ้าทำได้ล่ะ?” หลี่ฝางถาม