NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - บทที่ 702 พ่อของนายกลับมาไม่ได้แล้ว
ต่อให้สวีเจ๋จะโง่แค่ไหน ต่อก็พอเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
จริง ๆ แล้วเมื่อกี้สวีเจ๋ก็กำลังคิดอยู่ว่า ทำไมคุณชายผู้ดีที่อยู่ตรงหน้าถึงได้ปฏิเสธที่จะพบกับลูกพี่แมงป่องถึงขนาดนี้ หรือว่าจะมีเรื่องลำบากใจอะไร?
ถ้าไม่อย่างนั้นล่ะก็ มันก็ไม่มีเหตุผลอะไรเลย
หรือต่อให้ไม่สบาย งั้นไปพูดสักประโยค คุยสักสองสามประโยคก็น่าจะได้อยู่หรอก?
ไม่ไว้หน้าเขาแบบนี้ และยิ่งไม่ไว้หน้าแมงป่อง หรือว่าจะไม่กลัวโดนเอาคืนจริง ๆ?
ดังนั้น ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว นั่นก็คือคุณชายผู้ดีท่านนี้ มีข้อบาดหมางบางอย่างกับลูกพี่ของตัวเอง
หลังจากที่คิดเข้าใจแล้วว่าเรื่องราวเป็นมายังไง สายตาที่สวีเจ๋มองหลี่ฝาง อำมหิตมากขึ้นกว่าเดิม
สวีเจ๋หันหน้าไปคุยกับแมงป่องอย่างขยันขันแข็ง: “ลูกพี่ครับ ได้หมอนี่เคยหาเรื่องพี่ใช่ไหม? ถ้าหากใช่ล่ะก็ ผมจะจัดการมันแทนพี่เอง”
แมงป่องทำสายตามองบนให้กับสวีเจ๋: “พอเหอะแกน่ะ แม้แต่เด็กคนหนึ่งแกยังจัดการไม่ได้ ยังจะมาคุยโวโอ้อวดอะไรกับฉันอีก?”
สีหน้าของสวีเจ๋ ค่อนข้างประหม่าขึ้นมาทันที
ใช่
นานขนาดนี้แล้ว แม้แต่ถังหยู่ซวนเขาก็ยังจัดการไม่ได้ แล้วจะมีปัญญาอะไรไปจัดการหลี่ฝาง?
ยิ่งไปกว่านั้น ดูท่าทางแล้ว สวีเจ๋คนนี้ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของถังหยู่ซวนด้วยซ้ำ
ถังหยู่ซวนมีความชำนาญในการใช้มีดมาก สวีเจ๋ที่มีเพียงแค่มือเปล่า ทำอะไรไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
“แต่ว่า แกสามารถเอาไอ้หนุ่มนี่ส่งมาถึงตรงหน้าฉันได้ ก็ถือว่ามีความดีความชอบ” มองดูสวีเจ๋ แมงป่องก็ยิ้มอย่างพอใจ ราวกับว่ากำลังยกย่องชมเชย
สีหน้าของสวีเจ๋เปลี่ยนจากมืดครึ้มเป็นสว่างไสวขึ้นมาทันที ภายในใจก็ไม่หดหู่อีกแล้ว
“ฉ่างจือ นานแล้วใช่ไหมที่แกไม่ได้ต่อยตีกับใคร?” แมงป่องมองไปที่ลูกชายบุญธรรมของตัวเอง แล้วเอ่ยถาม
ฉ่างจือพยักหน้า กล่าว: “ใช่ครับ นานแล้วที่ไม่มีใครกล้าเป็นปรปักษ์กับพ่อบุญธรรม”
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แมงป่องได้ครอบครองสถานที่แห่งนี้ในอำเภอหลินอย่างต่อเนื่อง
พื้นที่สีเทาส่วนใหญ่รวมถึงธุรกิจตกอยู่ในมือของแมงป่องเพียงลำพัง
ไม่มีใครกล้าเป็นปรปักษ์กับแมงป่อง ลูกชายบุญธรรมของเขาคนนี้ ก็เป็นเหมือนกับผู้เก่งกาจขาดแหล่งสำแดงกำลังแล้ว
แมงป่องยิ้ม กล่าว: “งั้นวันนี้ก็ออกกำลังหน่อยนะ”
“เขาเหรอ?”
ฉ่างจือส่ายหน้า เขามองถังหยู่ซวนในสายตาเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม: “เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของผม”
ถึงแม้ฉ่างจือจะไม่เห็นถังหยู่ซวนอยู่ในสายตา แต่ทำยังไงได้ในเมื่อแมงป่องได้ออกคำสั่งมาแล้ว เขาก็ไม่กล้าที่จะแสดงท่าทีไม่ถือสาต่อไป
ฉ่างจือหลี่ตาลง มองถังหยู่ซวนพลางหัวเราเหอะขึ้นมา
เสียงกระทืบเท้าดังขึ้น ฉางจื่อกระทืบเท้าลงบนพื้นอย่างแรง แล้วเขาก็พุ่งเข้ามาราวกับลูกกระสุนปืนใหญ่ เคลื่อนที่รวดเร็ว พลังโจมตีรุนแรง หลังจากที่หลี่ฝางได้เห็น ก็รู้สึกเหงื่อตกแทนเขาเสียเนี่ยกระไร
ในขณะที่หมัดของฉ่างจือพุ่งเข้ามา ถังหยู่ซวนกลับใช้สองมือของเขารับเอาไว้ได้
ฉากนี้ ไม่เพียงทำให้ฉ่างจือตกตะลึง ยิ่งทำให้แมงป่องตกใจเป็นอย่างมาก
“เป็นคุณรุ่นหลังที่ไม่เลวเลยจริง ๆ”
แมงป่องรู้ว่าหมัดนี้ของฉ่างจือหนักแค่ไหน หมัดนี้ ต่อให้เป็นตัวเอง ก็ไม่อาจรับเอาไว้ได้ง่าย ๆ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงถังหยู่ซวน ที่พึ่งต่อยกับสวีเจ๋ไปครึ่งค่อนวัน
ฉ่างจือรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย และก็ค่อนข้างที่จะดีใจ ณ เวลานี้ ในที่สุดฉ่างจือก็เริ่มมองถังหยู่ซวนอยู่ในสายตาแล้ว
“ในตอนที่ฉันอายุเท่า ๆ กับแก ไม่ร้ายกาจเท่าแก” ฉ่างจื่อกล่าวอย่างเรียบ ๆ จนจบ จากนั้นเขาก็ออกแรงอีกครั้ง ถังหยู่ซวนถูกบีบจนถอยหลังไปหนึ่งก้าว
“แต่น่าเสียดาย ที่ฉันอาบน้ำร้อนมาก่อนแกหลายปี”
ฉ่างจือพูดจบ ก็พุ่งเข้าหาถังอยู่ซวนอีกครั้ง
เมื่อเผชิญหน้ากับฉ่างจือที่กดดันเข้ามา แรก ๆ ถังหยู่ซวนยังพอที่จะรับมือได้ แต่ไม่นาน เขาก็ไม่ไหวแล้ว
ไม่เพียงถูกบีบจนถอยหลัง ในเวลานั้น ถังหยู่ซวนก็ได้ถูกอัดเข้าไปติดต่อกัน
“คุณชายหลี่ บอดี้การ์ดของนายดูเหมือนจะไม่ค่อยแกร่งเท่าไหร่นะ ไม่เกินหนึ่งนาที ฉันรับรองได้ว่ามันจะต้องลงไปกองอยู่ต่อหน้าลูกบุญธรรมของฉัน” แมงป่องกล่าวด้วยถ้อยคำดูถูกเหยียดหยาม
หลี่ฝางมองดูแมงป่อง แล้วกล่าว: “คุณก็แค่ต้องการเงินไม่ใช่เหรอ?”
“หยิ่นเหล่ยจ่ายคุณเท่าไหร่ ผมให้สองเท่า ปล่อยผม และเพื่อนของผมไป” หลี่ฝางขมวดคิ้วกล่าว
ขอเพียงแค่เป็นเรื่องที่ใช้เงินแก้ไขปัญหาได้ ล้วนเป็นเรื่องเล็ก
อย่าว่าแต่ตระกูลหลี่เลย ต่อให้เป็นหลี่ฝางในตอนนี้ สมบัติที่เขามีนั้น ทรัพย์สินที่ให้ได้นั้น เยอะกว่าตระกูลหยิ่นอีกหลายเท่า
“สองเท่า? เหอะ ๆ ฉันชอบเงินจริง ๆ แหละ แต่ว่านอกจากเงินแล้ว ฉันยังชอบรักษาคุณธรรมอีกด้วย” แมงป่องกล่าวอย่างแน่วแน่: “ขอโทษด้วยนะ คุณชายหลี่ ฉันได้รับปากตระกูลหยิ่น และได้รับเงินมัดจำมาแล้ว”
ตามที่หลี่ฝางทราบมา แมงป่องเป็นคนที่เห็นเงินสำคัญและไม่เห็นหัวใคร
โดยเฉพาะตอนที่ทำธุรกิจกับพวกคนมีเงิน ใครให้ราคาสูง เขาก็ร่วมมือกับคนนั้นมาโดยตลอด
แต่มาวันนี้ ตัวเองให้สองเท่า แมงป่องยังไม่ยอมปล่อยตัวเองไป
ที่ข้างใน จะต้องมีอะไรอยู่แน่เลย
เมื่อเทียบกับตระกูลหลี่แล้ว ตระกูลหยินนับไม่ได้ด้วยซ้ำ ไม่มีเหตุผลที่แมงป่องจะไม่เอาเงินสองเท่านี้ ทั้งยังต้องผิดใจกับหลี่ฝาง นี่ถือเป็นการกระทำที่โง่มาก ๆ
นอกจากแมงป่องจะได้รับผลดีจากตระกูลหลี่แล้ว ยังมีเหตุผลอื่นอีก
เป็นอย่างที่แมงป่องว่าไว้จริง ๆ เวลาไม่ถึงหนึ่งนาที ถังหยู่ซวนก็ถูกโยนลงไปกองอยู่บนพื้น
แมงป่องหัวเราะเสียงดังขึ้นมาอย่างชอบใจ: “คุณชายหลี่ นายคงไม่ได้มาที่อาณาเขตของฉันโดยที่พาพวกมาแค่คนเดียวหรอกนะ?”
“ฉันว่านะคุณชายหลี่ ใจนายนี่ มันจะใหญ่เกินไปไหม?”
จากนั้น สีหน้าของแมงป่องก็เคร่งขรึมลง: “หรือว่า นายมั่นใจ คิดว่าฉันไม่กล้าแตะต้องนาย?”
ที่หลี่ฝางมาที่อำเภอหลินนั้น ที่จริงแล้วมีเพียงจุดประสงค์เดียว นั่นก็คือสืบหาคนที่ร่วมมือกับแมงป่องในเมืองเอก
แต่ในวันนี้ คิดไม่ถึงว่ายังสืบไม่ได้ด้วยซ้ำ ก็ตกอยู่ในกำมือของแมงป่องแล้ว
หลี่ฝางจ้องมองแมงป่องอย่างสงบ แล้วเอ่ยถาม: “หรือว่าคุณจะไม่กลัวหลอซ่าพ่อของผม?”
พวกที่แสวงหาผลประโยชน์จากธุรกิจสีเทา น้อยมากที่จะไม่รู้จักหลอซ่า
และยิ่งมีไม่กี่คนที่ไม่กลัว
ต่อให้เป็นสี่ตระกูลใหญ่ ต่างรู้สึกประหวั่นพรั่นพรึง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงแมงป่อง
อำเภอหลินเป็นเพียงเมืองระดับสาม ต่อให้แมงป่องมีอิทธิพลแค่ไหน ลูกน้องมากมายเพียงใด มีเงินมากแค่ไหน ก็เทียบกับตระกูลมู่ ตระกูลฉินแห่งอำเภอหลินไม่ได้
แต่ตระกูลฉินและตระกูลมู่ ต่อให้จ่ายเงินใช้พวกเขามากแค่ไหน พวกเขาก็ไม่กล้าแตะต้องหลี่ฝางแม้แต่ปลายเล็บ
แมงป่องเดินมาจนถึงตำแหน่งในทุกวันนี้ ไม่น่าที่จะไม่เข้าใจหลักเกณฑ์นี้ และยิ่งขึ้นเป็นลูกพี่ ทุกก้าวที่เดิน ยิ่งจะต้องระมัดระวังถึงจะถูก
ไม่อย่างนั้นล่ะก็ สิ่งที่พยายามทำมาทั้งหมด จะสูญสลายไปได้ง่าย ๆ
ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นหลี่ฝาง หรือว่าลุงเฉียน ต่างก็ไม่เข้าใจ แมงป่องไปเอาความกล้ามาจากไหนถึงได้กล้าทำแบบนี้
“เกรงว่าต้องทำให้นายผิดหวังแล้ว คุณชายหลี่ ฉันแมงป่องคนนี้ ขอแค่จ่ายมากพอ ต่อให้นายเป็นลูกของพญายม ฉันก็กล้าฆ่า ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ตอนนี้หลอซ่าพ่อของนายไม่ได้อยู่ที่เมืองเอกแล้ว”
“นอกจากนี้ นายคิดว่าพ่อของนายจะมีชีวิตรอดกลับมาได้จริง ๆ เหรอ?”
แมงป่องหัวเราะเอิ๊กอ๊ากขึ้นมา หลี่ฝางฟังออก เป็นที่ประจักษ์ว่าแมงป่องรู้อะไรบางอย่าง เขาเลยรีบถามขึ้นมา: “หมายความว่ายังไง?”
“นี่ฉันยังแสดงออกไม่ชัดเจนอีกเหรอ? ครั้งนี้พ่อของนาย คงกลับมาไม่ได้แล้ว”
แมงป่องเป็นคนเฉลียวฉลาด เขาจ้องมองหลี่ฝาง แล้วหัวเราะเหอะ ๆ ขึ้นมา: “คิดจะหลอกถามฉันใช่ไหม?”
เหอะ ๆ ฉันจะบอกนายให้ก็ได้ พ่อของนายออกไปปฏิบัติภารกิจที่อันตรายมาก แน่นอนว่า นอกจากภารกิจจะอันตรายแล้ว ยังมีบางอย่างที่ร้ายแรงกว่า นั่นก็คือร่องรอยของเขา ถูกเปิดเผยแล้ว”
“สี่ตระกูลใหญ่ของเมืองเอก ต่างก็มีความแค้นกับหลอซ่า และนอกจากสี่ตระกูลใหญ่แล้ว ยังมีพวกที่คอยหนุนหลังอยู่เบื้องหลังของสี่ตระกูลใหญ่ ก็ได้ลงมือแล้วเหมือนกัน พวกเขาล้วนไม่ต้องการให้พ่อของนายมีชีวิตกลับมา”
“ต่อให้พ่อของนายทำภารกิจสำเร็จอย่างราบรื่น แล้วยังไงล่ะ? หลบหนีได้ก็หลบหนีไป แต่ก็ใช่ว่าจะหลบหนีได้ตลอด โอกาสที่พ่อของนายจะมีชีวิตรอดกลับมานั้น เท่ากับศูนย์”
แมงป่องมองหลี่ฝาง แล้วยิ้มกล่าว: “ดังนั้น ทำไมฉันจะต้องกลัวคนที่ใกล้จะตายด้วยล่ะ?”
“กลับมาไม่ได้แล้ว……”
เมื่อได้ยินคำพูดพวกนี้ หัวใจของหลี่ฝาง ก็พลันว้าวุ่นขึ้นมา หลายวันมานี้ จริง ๆ แล้วหลี่ฝางเป็นห่วงพ่อของตัวเองมาโดยตลอด ถึงขั้นฝันร้ายอยู่หลายครั้ง
เดิมทีหลี่ฝางก็เป็นกังวลอยู่แล้ว เมื่อได้ยินแมงป่องพูดแบบนี้ ทันใดนั้นหลี่ฝาง ก็เป็นกังวลเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม
ณ เวลานี้ ฉ่างจือก็ได้จับยกคอเสื้อของถังหยู่ซวนขึ้นมา แล้วลากเขาไปที่ด้านหน้าของแมงป่อง
ถังหยู่ซวนในเวลานี้ ใบหน้าเต็มไปด้วยเลือด ถูกฉ่างจืออัดจนสูญเสียพลังในการต่อสู้ไป ดูแล้วราวกับกำลังจะสิ้นลมหายใจ
ฉ่างจือนำถังหยู่ซวนมาที่ตรงหน้าของแมงป่อง แล้วเอ่ยถาม: “พ่อบุญธรรม จะให้จัดการกับได้หมอนี่ยังไง?”
มองถังหยู่ซวนแบบหนึ่ง แมงป่องก็เอ่ยถามขึ้นมาอย่างเรียบ ๆ : “ฉันเห็นว่าแกฝีมือไม่เลว แต่เสียดายที่ติดตามผิดคน อีกไม่นานตระกูลหลี่ก็จะล่มสลาย พอถึงตอนนั้น แกจะต้องกลายเป็นหมาไม่มีบ้านแน่ ก่อนที่จะถึงตอนนั้น ละทิ้งโลกที่มืดมิดและก้าวสู่โลกที่เต็มไปด้วยแสงสว่าง มาติดตามฉันดีไหม?”
“ฉันเป็นคนใจกว้างมาแต่ไหนแต่ไร เรื่องบาดหมางที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ พวกเราไม่ต้องไปพูดถึงมันอีก”
แมงป่องแซะขาเก้าอี้ ต่อหน้าต่อตาของหลี่ฝาง ช่างไม่เห็นหลี่ฝางอยู่ในสายตาจริง ๆ
และถังหยู่ซวนก็ราวกับไม่ได้ยิน เขาไม่สนใจแมงป่องเลยแม้แต่น้อย แมงป่องขมวดคิ้ว ราวกับว่าไม่พอใจเล็กน้อย และฉ่างจือในเวลานี้ก็กำหมดแน่น คิดจะโจมตีถังหยู่ซวนเป็นครั้งสุดท้าย ทำให้เขากลายเป็นคนพิการไปโดยสิ้นเชิง
ในตอนที่ฉ่างจือกำลังจะลงมือ แมงป่องก็พลันยกมือขึ้นห้าม: “ฉ่างจือ อย่าใจร้อนอย่างนั้นสิ”
แมงป่องพูดจบ เขาก็เดินเข้ามาทางถังหยู่ซวน: “เป็นบอดี้การ์ดให้กับคุณชายคนหนึ่ง จะมีอนาคตเท่าไหร่กันเชียว ขอแค่แกยอมมา ฉันจะยกไนต์คลับในมือของฉันให้แกเลย ให้แกมีอำนาจเต็มในการจัดการดูแล พอถึงเวลานั้นนะ แกต้องการผู้หญิงก็มีผู้หญิง ต้องการเงินก็มีเงิน มันดีกว่าที่แกเป็นสุนัขรับใช้ตระกูลหลี่ตั้งเยอะ”