NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - บทที่ 738 เธอจะไปจริงๆ เหรอ?
ในห้องใต้ดิน นอกจากทองคำแล้ว ยังมีเหล้าดีอีกลายขวด มีบางขวดที่ไม่สามารถนำออกที่โล่งได้
“ของพวกนี้ ทำลายทิ้งเถอะ” หลังจากหลี่ฝางเห็น ก็พูดขึ้น: “ถ้าหากมันตกไปอยู่ในมือผู้ไม่หวังดี ต้องทำให้ครอบครัวแตกแยกแน่”
โหจื่อพยักหน้า ต่อหน้าหลี่ฝาง ก็ฉี่รดไปที่สิ่งของพวกนั้น
“ฮี่ฮี่”
บนหน้าของโหจื่อยังคงซ่อนความตื่นเต้นไว้ไม่มิด: “ทองคำพวกนี้ น่าจะขายได้ประมาณสี่ห้าพันล้าน”
หลี่ฝางช็อก: “มากขนาดนั้นเลย?”
ถึงแม้ภายใต้ชื่อของหลี่ฝาง จะมีทรัพย์สินอยู่สี่ห้าพันล้าน แต่นั่นก็มีแต่อุตสาหกรรม
ส่วนทองคำนี้ก็ไม่เหมือนกันแล้ว นี่มันเท่ากับเงินสดชัดๆ เลย
หลังจากทองคำถูกขนออกไป โหจื่อก็เปิดไวน์แดงสองขวด ยื่นให้หลี่ฝางคนละขวด แล้วฉลองกัน
ไฟไหม้ลุกโชนอยู่หลายชั่วโมง ในที่สุดก็ดับลง
หลี่ฝางหัวเราะเหอะๆ แล้วพูด: “ที่จริงแล้ว เงินที่ลูกพี่หลินหามาได้ ทั้งชีวิตนี้ก็ใช้ไม่หมดแล้ว ทำไมเขายังไม่ยอมปล่อยมือนะ?”
“คุณชาย เรื่องนี้นายไม่เข้าใจแล้วสินะ? ทรัพย์สินของนาย มันมีมาตั้งแต่เกิด ดังนั้นจึงไม่ค่อยเห็นค่ามัน แต่ลูกพี่หลินไม่ใช่แบบนั้น ทั้งหมดของเขา หามาทีละก้าวๆ ช่วงนี้ ไม่รู้ว่าเขาเจอประสบการณ์เฉียดตายมากี่ครั้ง ที่จริงแล้วเขาก็ไม่ง่ายเลย เพื่อที่จะทำให้เป้าหมายของตัวเองสำเร็จ จึงทำให้ตนกลายเป็นคนพิการไป”
“เขาเป็นคนใจเด็ด เขาตั้งเป้าหมายของตนเองไว้ใหญ่มาก เขาไม่รู้จักพอหรอก ความฝันของเขา คงจะเหมือนกับองค์กรที่อยู่เบื้องหลังป๋ายหม่า จัดตั้งองค์กรข้ามชาติ คนแบบนี้ เก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์มีชะตากรรมเดียวเท่านั้นที่รอพวกเขาอยู่ นั่นก็คือการถูกยิงเป้าประหาร”
โหจื่อพูด: “พูดอย่างง่ายๆ ความโลภมักจะเป็นภัยต่อตัวเอง”
หลี่ฝางมองโหจื่อ แล้วถาม: “งั้นพ่อของฉันเป็นคนแบบนี้มั้ย?”
“ลูกพี่ใหญ่แน่นอนว่าไม่ใช่แบบนั้น ลูกพี่ใหญ่ไม่สนใจเงิน มากกว่าเงินตรา ลูกพี่ใหญ่สนใจความสัมพันธ์มากกว่า”
“พวกแมงป่อง มู่เสี่ยวไป๋ ท่านจวน ลูกพี่หลินคนพวกนี้ คนใต้บัญชาของพวกเขา ในบัตรมีเงินอยู่เท่าไหร่? ส่วนคนพวกนั้นในบัตร มีเงินอยู่เท่าไหร่? พวกเข้าล้วนใจดำ ในบัตรพวกเขามีเงินอยู่เป็นร้อยล้าน ลูกน้องข้างกายของเขา อาจจะมีอยู่แค่ไม่กี่ล้าน แต่ว่าพวกเราไม่เหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นฉัน แล้วก็ลุงเฉียน ล้วนมีเงินกันหมด ทุกครั้งที่หาเงินได้ ลูกพี่ใหญ่ก็จะแบ่งให้ตามงานที่ทำ ไม่เคยหุบไว้เองมากกว่าเลย”
“ส่วนเงินที่กลับประเทศมาลงทุน ก็เป็นเงินที่ตาเฒ่าที่ต่างประเทศมอบให้ลูกพี่ใหญ่ แบบนี้ลูกพี่ใหญ่ยังไม่เอาเลย แต่ตาเฒ่าพูดแล้ว ถือว่าเขาลงทุนแล้วกัน” โหจื่อยิ้มนิ่งๆ : “ลูกพี่ใหญ่ ก็เซ่ออยู่นะ”
“เซ่อ? เพราะว่าไม่เห็นเงินสำคัญเหรอ?” หลี่ฝางถามกลับอย่างไม่แฮปปี้
ในตอนนั้น หลี่ฝางได้ยินโหจื่อบอกว่าพ่อของตนเซ่อ ก็รู้สึกไม่แฮปปี้มาก
โหจื่อส่ายหน้า แล้วพูด: “ไม่ใช่แค่เรื่องนั้น ยังมีเรื่องท่านจวนคนนั้น ที่จริง นายคิดดูดีๆ ท่านจวนคนนั้น มีค่าพอที่จะต้องไปสานสัมพันธ์ด้วยจริงๆ เหรอ?”
“ตอนแรก ท่านจวนเป็นคนนำ ลูกพี่ใหญ่เป็นแค่คนลงมือ ถึงแม้ชื่อเสียงจะค่อยๆ นำหน้าท่านจวนขึ้นไป แต่ว่า ลูกพี่ใหญ่ก็ยังเรียกท่านจวนว่าลูกพี่มาตลอด ไม่เคยคิดที่จะข้ามหัวเลย ลูกพี่ใหญ่เป็นคนซื่อสัตย์คนนึง แต่ว่า เมื่อเกิดเรื่อง ท่านจวนก็ปัดเรื่องไปที่ลูกพี่ใหญ่ ไม่ถามไถ่ ตัวเองก็ขึ้นไปหลบพักผ่อนเข้ากลีบเมฆไป ราวกับเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเขาทั้งสิ้น”
“ถ้าหากไม่ใช่เพราะว่าเขาถอยหนี พวกเราจะแพ้หมดรูปแบบนั้นได้ยังไง”
โหจื่อพูดอย่างโมโหเล็กน้อย: “การจากไปของท่านจวน ทำเราอย่างกับเป็นเด็กไร้บ้าน เปรียบแบบนี้ ไม่ได้มากไปเลยจริงๆ”
“ในวันนี้ หลังจากที่เห็นลูกพี่ใหญ่กลับประเทศมาลงทุนหลายหมื่นล้าน ท่านจวนนั่นก็รีบเสนอหน้ามาทันที มาคุยเรื่องความร่วมมือกับพวกเรา นายว่า ไอ้สารเลวนี่ คู่ควรมั้ย? แต่ลูกพี่ใหญ่ก็ยังเห็นแก่ความสัมพันธ์ในอดีต ยอมตกลงไป”
“ครั้งที่แล้วศึกด่านนอกบ้านพักตากอากาศ ท่านจวนก็ลงแรงน้อยนิดแต่ได้ไปมาก เอาที่ของเมืองเอกครึ่งนึง แย่งไปทั้งหมดเลย เหอะๆ เอาเปรียบพวกเราก็ช่างเถอะ แต่ว่า ยังหาเรื่องในที่ของเรา ไม่ใช่แค่ดูอยู่นิ่งๆ แถมยังซ้ำกันอีก”
โหจื่อพูดอย่างโมโหเล็กน้อย
พูดจบ ก็ดื่มเหล้าเข้าไปอึกใหญ่
“พ่อฉันอาจจะเห็นถึงความสัมพันธ์ในอดีตมั้ง เปรียบเทียบ ท่านจวนเป็นคนที่ดันพ่อฉัน บุญคุณครั้งนั้น ก็ควรจะตอบแทน?” หลี่ฝางพูดอย่างอ่อนๆ
หลี่ฝางอยากจะพูดแทนพ่อของตนสักประโยค แต่ในใจ ก็ยังรู้สึกหงุดหงิดพ่อของตนอยู่หน่อยๆ
เมื่อก่อน หลี่ฝางก็คิดเหมือนกันว่าท่านจวนคือผู้หลักผู้ใหญ่ของตน และเป็นคนช่วยพ่อของตน แต่วันนี้เห็นที เรื่องทั้งหมดไม่ใช่แบบนั้นแล้ว
เขาก็คือดอกหญ้า ลมพัดไปทางไหน เขาก็ปลิวไปทางนั้น
ค้างอยู่ที่หมู่บ้านบนภูเขา อยู่คืนนึง วันถัดมาตอนรุ่งสาง หลินชิงชิงก็ออกมา
ส่วนหลี่ฝางก็รีบปัดก้นตัวเองแล้วลุกขึ้น: “พี่ชิงชิง เธอจะไปไหน ฉันไปส่งนะ”
หลินชิงชิงเห็นหลี่ฝางก็ประหลาดใจ แล้วถาม: “นายเฝ้าอยู่ด้านนอกทั้งคืนเลยเหรอ?”
หลี่ฝางพยักหน้า ในสายตาของหลินชิงชิง มีความซึ้งใจขึ้นมา: “ทำไมไม่ไปนอน? ไม่กลัวเป็นหวัดหรือไง?”
หลี่ฝางหัวเราะแห้ง และไม่ได้พูดอะไร
“ฉันอยากกลับคฤหาสน์ จากนั้นนายช่วยฉันถามหน่อย ว่าพ่อฉันถูกขังไว้ที่ไหน ฉันอยากจะไปหาเขา หลี่ฝาง เรื่องนี้ นายช่วยฉันได้มั้ย?” หลินชิงชิงพูด
หลี่ฝางพยักหน้า แล้วพูด: “นั้นต้องไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว”
หลินชิงชิงอืม จากนั้นก็ขยับฝีก้าว เดินไปทางลงเขา หลี่ฝางมองแผ่นหลังของหลินชิงชิง จู่ๆ ในใจก็รู้สึกหดหู่เล็กน้อย
ในตอนนี้โหจื่อก็เดินมาข้างหน้าหลี่ฝาง แล้วพูด: “ยืนนิ่งทำอะไร รีบเดินสิ”
“เธอยังไม่มีทางยกโทษให้ฉัน” หลี่ฝางพูดด้วยน้ำเสียงไม่ดัง
“นายรู้ได้ยังไง?” โหจื่อมองหลี่ฝาง: “หล่อนไม่ได้บอกว่าโทษนายนี่”
“แล้วก็ ฉันเห็นหล่อนพูดกับนาย ก็ดูเป็นมิตรดีนี่ ไม่เหมือนคนเคียดแค้น”
หลี่ฝางก็พูดไม่ถูก มันเป็นความรู้สึกบางอย่างมั้ง
เดินลงเขามาด้วยกัน มาถึงบนรถ หลี่ฝางกับหลินชิงชิงยังคงนั่งคู่กันที่เบาะหลัง โหจื่อขับรถ แต่ว่า ระหว่างทาง หลินชิงชิงกลับไม่คุยกับหลี่ฝางเลยสักคำ ก็แค่ตอนที่ลงรถ หลี่ฝางพูดกับหลินชิงชิง: “จัดการเรียบร้อย หลังจากนี้ครึ่งชั่วโมง เธอก็เจอหน้าพ่อเธอได้แล้ว”
หลินชิงชิงพยักหน้า: “ขอบคุณนะ”
น้ำเสียงฟังไม่ออกถึงความรู้สึก หลี่ฝางมองหลินชิงชิง แล้วถาม: “เธอกลับมาคฤหาสน์ทำไม?”
หลินชิงชิงไม่ได้ตอบ เมื่อหลี่ฝางตามขึ้นไปตอนนั้น ที่หน้าประตูห้องของเธอ หลี่ฝางมองลอดช่องประตูเข้าไป เห็นหลินชิงชิงกำลังเก็บข้าวของของตน
ตู้ม หัวของหลี่ฝาง จู่ๆ ก็เกิดรู้สึกชาขึ้นมาทันที
จะจากไป!
หลินชิงชิงจะไป นี่เป็นภาพที่หลี่ฝางไม่อยากเห็นที่สุด แต่ว่า กลับเกิดขึ้นแล้ว
แม้ว่าหลี่ฝางจะเตรียมรับมือกับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด แต่ก็ไม่คิดว่าผลจะเป็นแบบนี้ ในใจของหลี่ฝาง ก็ยังคงทรมานขนาดนี้
เมื่อหลินชิงชิงเก็บกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว ในที่สุดหลี่ฝางก็ทนไม่ไหว ผลักประตูเข้าไป สูดหายใจเฮือกใหญ่พลางมองหลินชิงชิง แล้วถาม: “พี่ชิงชิง จะไปจริงๆ เหรอ?”