NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - บทที่ 749 ไปงานเลี้ยงกับโหจื่อ
วลาเดินไปเรื่อยๆจนถึงกลางคืน
ท้องฟ้าค่อยๆเปลี่ยนเป็นความมืด มีรถออฟโรดสีดำหนึ่งคัน ปรากฏออกมาที่ทางเข้าสถานตากอากาศ
ข้างในรถออกโรด มีคนลงมาสองคน คนแรกเป็นผู้ชายที่สวมเสื้อลายพราง บนปากของเขาเคี้ยวหมากฝรั่งอยู่ ตาไม่อยู่กับร่องกับรอย และก็ไม่รู้ว่ากำลังมองที่ไหนอยู่
ส่วนอีกคนนึง ก็คือลูกบุญธรรมของท่านจวน คนที่ถูกเรียกว่าไอ้เด็กซนอย่างแคระ
หลี่ฝางเดินออกไป ตอนแรกกะจะตามไปทีหลัง
พอเห็นพวกเขา หลี่ฝางก็ทำหน้าเครียด พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยจะพอใจ “ฉันเคยบอกแล้วไม่ใช่เหรอ ฉันไปเองได้ ไม่ต้องให้พวกแกไม่รับก็ได้”
“ก็กลัวว่าคุณจะไม่รู้ทางไปไง คุณชายหลี่”
ไอ้เด็กซนมองผู้ชายที่สวมเสื้อลายพรางแวบนึง แล้วพูดว่า “พอแล้ว ขึ้นรถเถอะ นำทางให้กับคุณชายหลี่”
“คุณชายหลี่ ฉันได้ข่าวมาว่าช่วงนี้คุณมีเรื่องกับคนจำนวนมาก ฉันจึงเชิญกลุ่มๆนึงมาช่วยนำทางให้กับคุณ ระหว่างทาง คุณจะได้ไม่ต้องเจอกับอันตรายอะไร”
“พวกเราเชิญคุณมา ถ้าเกิดระหว่างทางเกิดอะไรขึ้นมา พ่อบุญธรรมของผมคงเสียหน้าเป็นอย่างมาก”
ไอ้เด็กซนยิ้มแล้วถามกลับไปว่า “คุณว่างั้นไหม คุณชายหลี่?”
ประโยคนี้ของไอ้เด็กซน เป็นการบอกใบ้หลี่ฝางเรื่องเมื่อเช้าที่เกือบจะโดนจับตัวไปอย่างชัดเจน
หลี่ฝางเดินไปข้างหน้าไม่กี่ก้าว และเห็นว่าข้างหลังรถออฟโรด มีรถสิบกว่าคันตามมาด้วย พวกเขาล้วนรออยู่ที่ทางขึ้นเขา
หลี่ฝางทำหน้าเครียด แล้วมองไปยังไอ้เด็กซน “แกพาคนมาเยอะขนาดนี้ มาเพื่อที่จะปกป้องฉัน รึว่ามาเพื่อที่จะแสดงอำนาจขู่ฉันกันแน่?”
“แน่นอนว่าต้องมาเพื่อปกป้องคุณชายหลี่อยู่แล้ว ขู่งั้นเหรอ? คนแค่นี้ จะสามารถทำให้ตระกูลหลี่กลัวได้รึไง?” ไอ้เด็กซนส่งเสียงเฮิงพร้อมหัวเราะ
หลี่ฝางพยักหน้า แล้วพูดต่อจากประโยคของไอ้เด็กซนว่า “มันก็จริง แค่คนพวกนี้ ไม่สามารถทำให้ตระกูลหลี่กลัวได้หรอก แต่ว่า ฉันเองก็ไม่ต้องการให้คนพวกนี้ปกป้องฉัน”
“โหจื่อแค่คนเดียว ก็มีความสามารถมากพอที่จะปกป้องฉันแล้ว” หลี่ฝางมองไปยังโหจื่อแวบนึง แล้วพูดออกมา
“คุณชายหลี่ พวกเรารีบไปกันเถอะ พ่อบุญธรรมของผมรอต้อนรับคุณที่วิลล่าจูเซียนแล้ว” ไอ้เด็กซนพูดไป พร้อมกับกระโดนเข้าไปนั่งข้างในรถออฟโรด
รถพวกนี้สตาร์ทออกนำทางไปก่อน ส่วนหลี่ฝางก็ตามข้างหลังไปติดๆ
พอมาถึงเขตเมือง จู่ๆก็มีรถคันนึง ปรากฏออกมาอยู่ข้างหลังรถของหลี่ฝาง
หลี่ฝางทำหน้าเครียด รีบถามโหจื่อไปว่า “คนพวกนี้เป็นใครกัน?”
“จะไม่สนทำไมว่าเป็นใครกันแน่? ยังไงซะ ก็ไม่ใช่คนของพวกเรา” โหจื่อพูดอย่างชิวๆแล้วหัวเราะออกมา แล้วหันไปคุยกับหลี่ฝางว่า “คุณชาย นั่งดีๆล่ะ”
จากนั้น โหจื่อก็เหยียบคันเร่ง แล้วขับแซงรถไปหลายคัน จนมาถึงแถวของรถออฟโรด
หันไปคุยกับผู้ชายที่สวมเสื้อลายพราง โหจื่อหัวเราะแล้วพูดว่า “ฉันว่าเพื่อน แกต้องการที่จะปกป้องคุณชายของพวกเราไม่ใช่รึไง ฉันเห็นว่าพวกคนข้างหลังเหมือนจะวางแผนทำอะไรสักอย่าง พวกแกยังไม่รีบลงมืออีกเหรอ?
ไอ้เด็กซนทำหน้าเครียด หยิบมือถือขึ้นมา แล้วหันไปพูดกับคนข้างหลังว่า “หยุดรถข้างหลังเอาไว้ ลองดูสิว่าเป็นคนของใครกันแน่”
โหจื่อแค่ยิ้มด้วยใบหน้าที่เจ้าเล่ห์ จากนั้นก็เร่งสปีด ส่วนผู้ชายที่สวมเสื้อลายพรางเองก็เร่งความเร็วตามไป
เพียงไม่นาน รถข้างหลัง ก็ถูกทิ้งห่างสักแล้ว และในเวลานี้ หลี่ฝางดูเหมือนจะรู้สึกได้ถึงอะไรที่มันผิดปกติ
หลี่ฝางมองไปยังโหจื่อ แล้วถามว่า “คนที่อยู่ข้างหลัง แกไม่รู้จริงๆเหรอว่าเป็นใคร?”
“ฉันจะไปรู้ได้ยังไง?” โหจื่อหัวเราะอย่างชิวๆ
“เมื่อกี้ฉันเห็นน่ะ พวกเขาหยิบอาวุธออกมาแล้ว แถมดูเหมือนยังใช้ปืนอีก” หลี่ฝางทำหน้าเครียด “คนพวกนี้ เป็นคนของท่านจวนน่ะ ภายในเมืองเอกแห่ง่นี้ มีสักกี่คน ที่กล้าแตะต้องคนของท่านจวนกันน่ะ?”
“ทำไมจะไม่มีล่ะ ซือถูเฟย มู่หรงฉางเฟิง…….และคนของสี่ตระกูลใหญ่ ล้วนมีแต่คนใจกล้า”
โหจื่อพูดต่อ “ก่อนหน้านี้ที่สี่ตระกูลใหญ่ยอมปล่อยท่านจวนเอาไว้ เป็นเพราะว่าท่านจวนไปใช้ชีวิตอยู่บนเขา ไม่สนไม่ถามเรื่องภายนอก แต่การแย่งชิงในครั้งนี้ เขากลับกุมเมืองเอกไปครึ่งนึง ตอนนี้ ยังเชิญคุณไปกินข้าวอีก เรื่องนี้พอไปถึงหูของสี่ตระกูลใหญ่ จะต้องคิดว่าท่านจวนต้องการจะที่จะทำความสนิทสนมกับพวกเราเป็นแน่ เพราะงั้น พวกเขาจึงลงมือขั้นเด็ดขาดกับลูกน้องของท่านจวน มันก็ดูสมเหตุสมผล”
หลี่ฝางมองโหจื่อด้วยความสงสัย แล้วถามว่า “เป็นแบบนั้นเหรอ? ทำไมฉันถึงรู้สึกว่ามันไม่ใช่ยังไงไม่รู้?”
ตอนนี้ท่านจวน พยายามยืนอยู่ตรงกลาง จนกระทั่ง เขาหันไปร่วมมือกับลูกพี่หลิน ทำให้เป็นศัตรูทางด้านธุรกิจกับตระกูลหลี่
เรื่องนี้พอจะเรียกได้ว่า ท่านจวนและตระกูลหลี่ ได้วาดเส้นแบ่งไว้ชัดเจนแล้ว
เพราะงั้น ก่อนที่สี่ตระกูลใหญ่จะตรวจสอบเรื่องนี้อย่างชัดเจน ทำไมถึงต้องรีบลงมือ แล้วเหมือนกับเป็นศัตรูกับท่านจวนด้วยล่ะ?
นั่งรถเพียงแป๊บเดียวก็มาถึงวิลล่าจูเซียน นี่เป็นวิลล่าจูเซียนส่วนบุคคล เป็นถิ่นของท่านจวน
หลังจากที่ถึงวิลล่าจูเซียน รถที่อยู่ข้างหลัง ก็ยังกลับมาไม่ถึงสักที
ไอ้เด็กซนรับรู้ได้ถึงความผิดปกติ จึงทำหน้าเครียด แล้วพูดกับตัวเองว่า “เกิดอะไรขึ้น รถของพวกเราขับช้าขนาดนี้ ทำไมพวกเขาถึงยังไม่ตามมาอีกล่ะ?”
ต่อมา ไอ้เด็กซนก็หยิบมือถือขึ้นมา แล้วกดโทรออกไป แต่ไม่ว่าจะลองกี่ครั้งก็โทรไม่ติด
เวลานี้ผู้ชายที่สวมเสื้อลายพรางก็พูดขึ้นมาว่า “ช่างเถอะ อย่าไปสนพวกเขาเลย เรื่องนี้ต้องมาก่อน คุณชายหลี่มาแล้ว รีบเชิญคุณชายหลี่เข้าไปข้างในเถอะ”
ไอ้เด็กซนพยักหน้า แล้วหันไปพูดกับหลี่ฝางว่า “คุณชายหบี่ เชิญข้างใน”
หลี่ฝางตามไอ้เด็กซน และผู้ชายที่สวมเสื้อลายพราง เข้าไปข้างในวิลล่าจูเซียน วิลล่าจูเซียนแห่งนี้กว้างใหญ่มาก แต่ว่าคนเฝ้ากลับมีไม่เยอะ แต่หลี่ฝางก็สามารถรับรู้ได้ว่า คนพวกนี้ ล้วนเป็นยอดฝีมือ
ตอนที่มาถึงตรงหน้าของท่านจวน ข้างกายท่านจวน ยังมีคนนั่งอยู่หนึ่งคน เป็นผู้หญิงคนนึง เธอสวมหน้ากากเอาไว้ และสวมชุดฮั่นฝู
โหจื่อส่งเสียงเฮิงออกมา มองผู้หญิงคนนั้นแวบนึง แล้วพูดว่า “จะแกล้งทำเป็นคนจนทำไม นี่มันยุคสมัยไหนแล้ว ยังใส่หน้ากากอยู่อีก ทำไมเหรอ ไม่มีหน้าไปเจอคนอื่นรึไง ตอนนี้ฝีมือการทําศัลยกรรมดีขนาดนี้ ถ้าเกิดหน้าเกิดขี้เหร่ ก็สามารถไปศัลยกรรมได้ ทำไมต้องใส่หน้ากากด้วย”
ผู้หญิงสวมหน้ากากคนนั้นแกล้งทำเหมือนไม่ได้ยิน และก็ไม่ได้โมโห ทำแค่นั่งอยู่โต๊ะข้างๆ ไม่ขยับเขยื้อนไปไหน ส่วนท่านจวนก็หัวเราะออกมา เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ “โหจื่อเอ๋ยโหจื่อ ปากของแก ยังไม่ไว้หน้าใครเหมือนเดิมเลยนะ”
โหจื่อเดินเข้าไปนั่ง มองท่านจวนแล้วยิ้มออกมา “ท่านจวน นี่ไม่ใช่การพูดไม่ไว้หน้าใคร ฉันแค่พูดตรงไปหน่อยก็เท่านั้นเอง”
ท่านจวนพยักหน้า เพื่อบอกว่าเข้าใจแล้ว จากนั้นท่านจวนก็มองหลี่ฝางแวบนึง โบกมือเรียกแล้วพูดว่า “รีบนั่งเถอะ เสี่ยวฝาง นี่เป็นวิลล่าจูเซียนของลุงจวน ไม่ต้องเกรงใจ ทำตัวเหมือนเป็นบ้านของตัวเองได้เลย”
“ทำเหมือนเป็นบ้านตัวเอง? ท่านจวนใจกว้างขนาดนี้เลยเหรอ? นี่ต้องการที่จะเอาวิลล่าจูเซียนมอบให้กับคุณชายของพวกเราเลยงั้นเหรอ?” โหจื่อจงใจที่จะเปลี่ยนความหมายที่ท่านจวนพูดออกมา
ท่านจวนเปลี่ยนสีหน้า มองไปยังหลี่ฝางแล้วหัวเราะออกมา พูดอย่างใจกว้างว่า “ถ้าเกิดเสี่ยวฝางชอบล่ะก็ สามารถเอาไปได้เลย”
“คุณชาย ที่นี่อากาศบริสุทธิ์ขนาดนี้ แถมยังเงียบสงบ ฉันคิดว่าคุณจะต้องชอบแน่ๆถูกไหม?” โหจื่อยักคิ้วขึ้นมา แล้วมองไปยังหลี่ฝางแวบนึง
แน่นอนหลี่ฝางเข้าใจความหมายที่โหจื่อต้องการจะสื่บ ไอ้โหจื่อมันต้องการให้ตัวเองรีบตอบตกลงทันที
และวิลล่าจูเซียนแห่งนี้ มันกว้างใหญ่จริงๆ แถมมีทั้งภูเขาและน้ำ แค่เห็นก็รู้แล้วว่าเป็นสวรรค์แห่งการพักผ่อน คิดว่า กว่าจะสร้างแบบนี้ออกมาได้คงเสียเงินไปไม่น้อย
หลี่ฝางพยักหน้า แล้วหันไปขอบคุณท่านจวนด้วยสีหน้าที่ซาบซึ้งแล้วพูดว่า “ต้องขอแสดงความขอบคุณกับท่านจวนก่อน วิลล่าจูเซียนแห่งนี้ ผมขอแล้วกัน”
สีหน้าของท่านจวนไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ แต่สีหน้าของไอ้เด็กซนและผู้ชายที่สวมเสื้อลายพราง กลับเปลี่ยนไปแล้ว
“คุณชายหลี่ พ่อบุญธรรมของผมแค่พูดล้อเล่นกับคุณเท่านั้นเอง ทำไมคุณถึงเอามาคิดจริงจังล่ะ? นี่เป็นสถานที่พักพิงของพ่อบุญธรรม ไม่มีทางที่จะมอบให้กับคนอื่นง่ายๆ” ไอ้เด็กซนส่งเสียงเฮิงด้วยความเย็นชา
ผู้ชายที่สวมเสื้อลายพรางคนนั้นก็พูดขึ้นมาว่า “วิลล่าจูเซียนแห่งนี้ท่านจวนของพวกเราซื้อมาเมื่อเจ็ดปีก่อน ตอนนั้นที่ซื้อ ราคาก็ขึ้นหลักสิบล้าน ตอนนี้ สถานที่แห่งนี้ได้ทำการปรับปรุงไปหลายครั้ง น้ำบนภูเขาท่านจวนเองก็ใช้เวลาและความพยายามเป็นอย่างมากในการปรับเปลี่ยน เงินที่ใช้ปรับปรุงไปก็ไม่ต่ำกว่าร้อยล้าน มูลค่าของที่นี่ก็ไม่ต่ำกว่าห้าร้อยล้าน คุณชายหลี่ คุณค่อนข้างจะหน้าด้านไปหน่อยน่ะ”
“ทุบทำลายร้านเหล้าของพวกเรา ฆ่าคนของพวกเรา พอเปิดปากพูด ยังต้องการคฤหาสน์ของพวกเราที่มีมูลค่ากว่าห้าร้อยล้านอีก” สีหน้าของผู้ชายสวมเสื้อลายพราง จู่ๆก็เปลี่ยนเป็นความเย็นชา
ชัดเจนว่า เขาไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่
ไม่รอให้หลี่ฝางพูดจบ โหจื่อก็พูดด้วยเสียงที่เย็นชาว่า “พูดบ้าอะไรกันน่ะ นอนไม่อิ่มใช่ไหม? ถ้าเกิดนอนไม่อิ่มก็กลับไปนอนที่คอกหมูของแกสัก ใครฆ่าคนของพวกแกกันล่ะ? ปากของแก สิ่งที่พูดออกมามีแต่ขี้ อีกอย่าง คฤหาสน์แห่งนี้ท่านจวนต้องการมอบให้กับคุณชายของพวกเรา คนที่ขอก่อนไม่ใช่คุณชายของพวกเราสักหน่อย ถ้าเกิดให้ไม่ได้ ก็อย่าพูดแต่แรกสิ”
“อีกอย่างน่ะ ท่านจวนที่เป็นคนใหญ่คนโต จะสนเงินแค่ห้าร้อยล้านรึไง?”
“พูดแล้วคืนคำ ท่านจวนจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?”
โหจื่อหัวเราะฮิๆ มองไปยังท่านจวนแล้วพูดว่า “ท่านจวน คุณสองคนที่อยู่ข้างกายของคุณ กลับทำให้คุณเสียหน้าสักได้