NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - บทที่ 751 เป้าหมายที่แท้จริงของท่านจวน
หลี่ฝางเรียกได้ว่าพูดเปิดอกอย่างหมกเปลือกแล้ว ไม่รอให้ท่านจวนซักถามก่อน ก็สารภาพออกมาสักแล้ว
คราวนี้ ท่านจวนก็อึ้งไปสักพัก ไอ้เด็กที่อยู่ตรงหน้า ไม่ได้เดินตามแผนที่ตัวเองวางเอาไว้แม้แต่น้อย?
ท่านจวนขมวดคิ้วขึ้นมาด้วยความมึนงง นี่มันหมายความว่าไง?
โง่รึเปล่า?
ยอมรับผิดมาตรงๆ บอกว่าเป็นคนฆ่าหมากของตัวเอง?
เดิมที ท่านจวนก็ค่อนข้างมั่นใจ ว่าต้องเป็นฝีมือของตระกูลหลี่ ที่ฆ่ากลุ่มคนเมื่อคืน แต่พอหลี่ฝางเป็นคนเอ่ยปากยอมรับผิดขึ้นมาก่อน ท่านจวนที่เต็มไปด้วยความสงสัย กลับเริ่มสับสนขึ้นมา รึว่า คนร้ายจะเป็นคนอื่น? ท่านจวนจ้องมองหลี่ฝางด้วยความสงสัย ยิ้มออกมา แล้วพูดว่า “เสี่ยวฝาง ลุงจวนก็อายุปูนนี้แล้ว แกอย่ามาพูดล้อเล่นกับลุงจวนแบบนี้สิ ถ้าเกิดลุงจวนเชื่อขึ้นมาจะทำยังไงล่ะ?”
“ลุงจวน คุณดูสีหน้าของผม เหมือนกำลังพูดเล่นกับคุณอยู่รึเปล่า?”
หลี่ฝางหัวเราะออกมา แล้วพูดว่า “พวกเราล้วนรู้ดีอยู่แก่ใจ เพียงแค่ว่าผมเป็นคนเริ่มพูดออกมาก่อนก็เท่านั้นเอง”
ตรงหว่างคิ้วของท่านจวน ก็เผยรังสีอาฆาตออกมาเล็กน้อย
พวกที่ตายไป ท่านจวนไม่ได้รู้สึกเสียดาย
ยังไงซะคนก็มีอีกตั้งเยอะ พอหัวหน้ากลุ่มเล็กๆพวกนั้นตายไป ลูกน้องของพวกเขา ก็ยังสามารถขึ้นมารับตำแหน่งแทนได้
แต่ว่า กระทำของตระกูลหลี่ กลับเป็นการตบหน้าของท่านจวนอย่างแรง
และหลี่ฝางที่ยอมรับเรื่องนี้ ต่อหน้าท่านจวนตรงๆ ยิ่งเท่ากับว่าตบหน้าของ ท่านจวนจนมีเลือดไหลออกมา
ยั่วยุ เป็นการยั่วยุอย่างแน่นอน……
นี่มันเป็นการบอกว่าไม่เห็นท่านจวนอยู่ในสายตา
ท่านจวนพูดด้วยใบหน้าที่สบายๆ “ไม่ว่าจะยังไง ฉันและตระกูลหลี่ของพวกแกล้วนมีความสัมพันธ์ที่ดีกันมาด้วยตลอด ต่อให้หลายวันมานี้จะมีเรื่องผิดใจกันเล็กน้อย แต่ต่างฝ่ายก็ไม่ได้เสียหายอะไรมาก……แต่พวกแก กลับลงมือฆ่าคนของฉันไปสิบคน แถมแต่ละคนยังเป็นลูกน้องที่ค่อนข้างมีฝีมือของฉันอีก……”
“ตระกูลหลี่เอาความสัมพันธ์เก่าๆของพวกเรา โยนลงถังขยะหมดแล้วรึไง?”
ใบหน้าของท่านจวน ได้เผยความน่าเกรงขามของผู้สูงอายุออกมา
ถึงแม้ท่านจวนจะแก่แล้ว ใบหน้าก็เต็มไปด้วยริ้วรอย แต่ว่าในริ้วรอยของเขา กลับแฝงไปด้วยจิตวิญญาณที่ต่อให้เป็นวัยรุ่นก็ใช่ว่าจะมี
“ความสัมพันธ์เก่าๆ? ถ้าพูดถึงเรื่องเมื่อหลายปีก่อน แกยังจำได้ไหมว่าแกเคยให้คำสัญญาอะไรเอาไว้กับพ่อของฉัน?”
หลี่ฝางมองท่านจวน แล้วพูดด้วยเสียงที่เย็นชา “แกเคยให้คำมั่นสัญญากับพ่อของฉัน ชาตินี้ทั้งชาติ จะไม่มีว่าเข้าไปแตะต้องกับผงขาว จะไม่หาเงินกับสิ่งที่เอาไว้ทำร้ายผู้คน เพราะงั้นพ่อของฉันจึงได้ตกลงกับแก”
“และตอนนี้ แกได้ทำเรื่องอะไรไว้บ้างล่ะ?”
น้ำเสียงของหลี่ฝางเต็มไปด้วยความโกรธ “ท่านจวน แกก็อายุปูนนี้แล้ว ถ้าจะพูดให้ดูแย่หน่อย เท้าของแกก็เหยียบหลุมศพไปแล้วก้าวนึง จะหาเงินเยอะขนาดนั้นไว้ทำไม? สะสมความดีให้กับตัวเองเอาไว้ไม่ดีกว่ารึไง?”
สีหน้าของท่านจวนยังคงมืดมนเหมือนเดิน ราวกับว่าไม่ได้ใส่ใจกับคำพูดของหลี่ฝางแม้แต่น้อย
ท่านจวนส่งเสียงเฮิงออกมา แล้วมองไปยังหลี่ฝาง “แกอายุเท่าไหร่เอง กลับคิดจะสั่งสอนฉันซะแล้ว”
“แกคิดจริงๆเหรอว่าที่ฉันเรียกแกมา ก็เพื่อที่จะเลี้ยงข้าวแกอย่างเดียวน่ะ?” จู่ๆท่านจวนก็ยิ้มออกมา
“แน่นอนว่าไม่คิดอยู่แล้ว เมื่อคืนตระกูลหลี่ฆ่าคนของแกไปเยอะขนาดนั้น แกจะต้องวางแผนที่จะทำอะไรฉันเอาไว้อย่างแน่นอน” พอหลี่ฝางพูดจบ จู่ๆก็อึ้งไปเล็กน้อย
เดิมทีก็คิดว่าครั้งนี้ที่ท่านจวนเชิญตัวเองมา ก็เพื่อที่จะบีบให้ยอมรับผิด
แต่พอดูจากผลลัพธ์ในตอนนี้ รู้สึกจะไม่ใช่อย่างงั้น
ท่านจวนไม่ได้มีท่าทีที่จะซักถามเหตุการณ์ฆ่าคนเมื่อคืนแม้แต่น้อย ยิ่งไม่คิดที่จะเอาผิดด้วยซ้ำ
หลี่ฝางทำหน้าเครียด มองไปยังท่านจวน แล้วถามว่า “ที่แกเรียกฉันมา ตกลงว่ามีเรื่องอะไรกันแน่ หรือว่าต้องการจะกักขังฉันเอาไว้จริงๆ?”
ท่านจวนยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ไม่ได้ให้คำตอบ แต่กลับจ้องมองไปยังการต่อสู้ของโหจื่อและฟีนิกซ์ แล้วพูดอย่างชิวๆว่า “ดูสิ น่าตื่นเต้นดีน่ะ”
ตอนนี้ การต่อสู้ระหว่างโหจื่อและฟีนิกซ์ อยู่ในช่วงเวลาแห่งความเป็นความตาย
ทุกท่าที่โหจื่อใช้ล้วนเป็นท่าสังหาร ไม่คิดที่จะออมมือให้กับฟีนิกซ์แม้แต่น้อย ส่วนทางด้านฟีนิกซ์เองก็เหมือนกัน เตรียมใจที่จะเอาชีวิตของโหจื่ออยู่ตลอดเวลา
ฝีมือของทั้งสอง ไม่ได้แตกต่างกันมาก
สู้มานานขนาดนี้ ก็ยังดูไม่ออกว่าใครจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้
แต่ว่ายิ่งสู้ต่อไป ใบหน้าของฟีนิกซ์ กลับยิ่งประหลาดใจ
ฟีนิกซ์เดินถอยไปหนึ่งก้าว เช็ดเลือดที่อยู่ในมุมปาก มองโหจื่อด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยอยากจะเชื่อ แล้วถามว่า “ไม่เจอกันแค่ไม่กี่วัน ทำไมแกถึงได้แข็งแกร่งขึ้นมาขนาดนี้กัน?”
ตั้งแต่ที่โหจื่อกลับมา ฟีนิกซ์ก็คอยสังเกตโหจื่อมาโดยตลอด
ทุกการกระทำของโหจื่อ ล้วนไปถึงหูของฟีนิกซ์มาด้วยตลอด
แต่จากข้อมูลที่ฟีนิกซ์ได้รับมา โหจื่อไม่น่าจะเป็นคู่มือของเธอถึงจะถูก
แต่ตอนนี้ โหจื่อกลับสามารถต่อสู้ได้สูสีกับตัวเอง……
ทันใดนั้น ฟีนิกซ์ก็รู้สึกสับสนขึ้นมาเล็กน้อย “รึว่า ตั้งแต่ที่แกกลับมาในประเทศ แกก็จงใจปิดบังฝีมือของตัวเองมาโดยตลอด?”
นอกจากเหตุผลนี้ ฟีนิกซ์ก็นึกเหตุผลอื่นไม่ออกแล้ว
โหจื่อหัวเราะฮิๆ แล้วพูดว่า “ไม่ต้องพูดมาก วันนี้ฉันจะฆ่าคนทรยศแทนอาจารย์เอง”
“พูดจบอวดดีสักจริง คิดจะฆ่าคนทรยศ แกมีความสามารถนั้นไหมล่ะ?” ฟีนิกซ์ขมวดคิ้วขึ้นมาด้วยความเย็นชา จากนั้นก็ปล่อยฝ่ามือ ออกไปตรงๆ
ฝ่ามือนี้ อัดไปยังอากาศ ทำให้เกิดเสียงที่แหลกคมจนแสบหูออกมา
โหจื่อไม่ได้หวาดกลัวแม้แต่น้อย สวมกลับมันไปโดยตรง ทั้งสองต่างก็ถอยไปคนละก้าว มุมปากก็กระอักเลือดออกมา
ทั้งสองคนนี้แค่ดูก็รู้แล้วว่ากำลังเล่นกับชีวิตอยู่
ท่านจวนไม่รีบและไม่ร้อนรน แต่หลี่ฝางกลับมีเหงื่อแตกซีดออกมาแทนโหจื่อ ยังไงซะ ที่นี่ก็เป็นถิ่นของท่านจวน ท่านจวนและตัวเอง เมื่อกี้ก็เพิ่งจะเผยธาตุแท้ของตัวเองออกมา
ถ้าเกิดโหจื่อบาดเจ็บ สุดท้ายต่อให้ชนะมาได้ ก็คงจะหนีออกจากวิลล่าจูเซียนของท่านจวนไม่ได้ง่ายๆ
เพราะงั้น ไม่ว่าโหจื่อจะแพ้หรือชนะ ชะตากรรมของเขา ก็คง……
หลี่ฝางทำหน้าเครียด แล้วมองไปยังโหจื่อ ด้วยความร้อนรนเล็กน้อย
สิ่งที่โหจื่อถนัดที่สุด ไม่ใช่กังฟู แต่เป็นปืนของเขา
แต่ว่า ทำไมเขาถึงไม่ยอมใช้ปืนล่ะ
เวลานี้ พอหลี่ฝางลองดมดูดีๆ ก็ได้กลิ่นของแก๊สเล็กน้อย หลี่ฝางมองหน้าท่านจวน แล้วถามด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า “ภายในบ้านหลังนี้ ทำไมถึงได้มีกลิ่นของแก๊ส?”
ท่านจวนพูดอย่างสบายๆว่า “ฉันเคยได้ยินความเก่งกาจของถานเหิน ฝีมือการยิงปืนของเขานั้นไร้ที่ติ ต่อให้ป้องกันยังไงก็กันไม่อยู่ ต่อให้เป็นทหารรับจ้างที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลกนี้ ก็ไม่กล้าดูถูกเขา”
“ถีงแม้ฝีมือการยิงปืนอขงฟีนิกซ์จะเก่งกาจ แต่ว่ากลับถนัดการยิงจากระยะไกล แต่โหจื่อนั้นไม่เหมือนกัน ต่อให้สู้กันซึ่งๆหน้า เขายังสามารถหยิบปืนออกมา แล้วสังหารคนที่อยู่ตรงหน้าได้ เพราะงั้น ในสถานการณ์แบบนี้ ฉันจะต้องขัดขวางการใช้ปืนของโหจื่อให้ได้ การแข่งวรยุทธ์ในครั้งนี้ ถึงจะยุติธรรม”
ท่านจวนมองไปยังหลี่ฝาง แล้วหัวเราะออกมา “อีกอย่าง มีแกอยู่ที่นี่ ไม่ว่าจะยังไงโหจื่อก็ไม่มีทางเหนี่ยวไกปืน แล้วตายไปพร้อมกับพวกเรา”
หลี่ฝางมองไปยังท่านจวน แล้วพูดด้วยเสียงที่เย็นชา “แกวางแผนที่จะจัดการพวกเราเอาไว้แต่แรกแล้ว”
“ใช่แล้ว ฉันรู้ดีว่าโหจื่อจะต้องมาพร้อมกับแกอย่างแน่นอน เพื่อที่จะปกป้องแกจากสิ่งรอบตัว เพราะงั้นฉันจึงเรียกฟีนิกซ์มาตั้งแต่แรก เพื่อใช้ต่อกรกับโหจื่อ”
ท่านาจวนยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์แล้วพูดว่า “เมื่อคืนน่าจะเป็นโหจื่อ ที่เป็นคนฆ่าคนของฉันถูกไหม? เพราะงั้น วันนี้ฉันจะให้โหจื่อชดใช้ด้วยชีวิต ดูเหมือนมันก็ยังเข้ากับกฏของยุทธภพ”
“ต่อให้พ่อแกกลับมา ก็ไม่สามารถว่าอะไรฉันได้” ท่านจวนยิ้มออกมาด้วยใบหน้าที่ดุร้าย
ส่วนหลี่ฝางก็มองไปยังท่านจวน แล้วพูดว่า “ถ้าเกิดพ่อฉันกลับมา เขาจะต้องฆ่าแกอย่างแน่นอน”
“ฮ่าๆ เสี่ยวฝาง แกคิดว่าหลอซ่ายังสามารถกลับมาได้อีกเหรอ?”
ท่านจวนมองไปยังหลี่ฝาง จู่ๆภายในดวงตาก็เผยความเจ้าเล่ห์ออกมา “เมื่อกี้แกถามฉันว่า ทำไมฉันถึงเชิญแกมาที่นี่ ใช่ไหม?”
“เมื่อกี้ฉันไม่ได้บอกแก ตอนนี้ ฉันจะบอกแกก็แล้วกัน”
“ความจริง คนที่นัดแกมาที่นี่ ความจริงแล้วไม่ใช่ฉัน แต่เป็นคนของตระกูลตงฟาง” ท่านจวนพูด
หลี่ฝางทำหน้าเครียดกว่าเดิม มองท่านจวนแล้วถามว่า “แกจะบอกว่าครั้งนี้คนที่เชิญฉันมา ความจริงไม่ใช่แก แต่เป็นคนของตระกูลตงฟางงั้นเหรอ?”
“ถูกแล้ว” ท่านจวนพยักหน้า แล้วพูดว่า “ถ้าจะพูดให้ถูกจริงๆ เป็นสี่ตระกูลใหญ่ต่างหากที่เชิญแกมา”
“นี่เป็นกับดักอย่างนึง พวกเขาจงใจลอบแกมา ความจริงก็เพื่อที่จะจับตัวแก พ่อแกติดอยู่ในป่า ป่าแห่งนั้นอันตรายเป็นพิเศษ คนที่สี่ตระกูลใหญ่ส่งไป ไม่มีใครกล้าเหยียบเข้าไปข้างใน เพราะงั้น พวกเขาจึงไม่สามารถทำอะไรพ่อแกได้”
“สถานที่แห่งนั้น ถึงเรียกว่าเป็นสถานที่ต้องห้ามที่มนุษย์ไม่ควรเข้าใกล้ และยังถูกเรียกว่าเป็นดินแดนของปีศาจ ว่ากันว่า แค่มีคนเข้าไปยังดินแดนของปีศาจ ไม่เคยมีใครมีชีวิตรอดเกินหนึ่งอาทิตย์ แต่ว่า นี่มันก็เป็นแค่ข่าวลือกันก็เท่านั้นเอง”
“หลอซ่าเป็นคนพิเศษ พวกเราล้วนกลัวว่าเขาจะสามารถมีชีวิตอยู่ข้างในได้ และยังสามารถหาวิธีหนีออกมาได้”
“หรือไม่ก็ สามารถหนีรอดจากสายตาของสี่ตระกูลใหญ่ได้”
ท่านจวนหัวเราะออกมา มองไปยังหลี่ฝาง แล้วพูดว่า “เพราะงั้นพวกเขาจึงไม่มีทางเลือก จนคิดวิธีสุดท้ายขึ้นมาได้ นั่นก็คือใช้ประโยชน์จากแก”
“แกเป็นสิ่งล้ำค่าของหลอซ่า ถ้าเกิดสี่ตระกูลใหญ่จับแกไปอยู่ข้างนอกดินแดนปีศาจ และหลังจากที่พ่อแกรู้เรื่องนี้ จะต้องมาช่วยแกอย่างแน่นอน”
ใบหน้าของท่านจวนเต็มไปด้วยความดุร้าย หางของเขา ในที่สุดเวลานี้ก็ยอมเปิดเผยออกมาแล้ว